ระยะนี้ต้าอู๋ค่อนข้างสงบสุขไม่น้อย แม้ว่ากองทัพของเหลียงไท่จะบุกประชิดชายแดน แต่ทว่ากองกำลังของต้าอู๋ก็ยังคงแข็งแกร่งรับมือกับศัตรูได้อย่างไม่เกรงกลัว
วันนี้ฟางเมี่ยวตื่นนอนสายยิ่งนัก หลังจากล้างหน้าและรับสำรับยามเช้าเสร็จแล้ว นางจึงเดินออกมารับลมที่นอกเรือน ก่อนจะสังเกตเห็นว่าวันนี้ในจวนค่อนข้างวุ่นวายไม่น้อย
"ลู่ชิง เหตุใดจวนจึงดูคึกคักยิ่งนักเล่า?"
"คุณหนู ยามนี้คุณชายใหญ่กลับมาถึงจวนแล้วเ้าค่ะ"
ฟางเมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นก็พลันนึกเื่ราวบางอย่างขึ้นมาได้
ในชาติก่อน ระยะเวลานี้ฟางเจี๋ยพี่ชายของนางกำลังกลับมาจากสำนักศึกษาบนเขา เขากับนางเป็พี่น้องร่วมมารดาเดียวกัน ฟางเจี๋ยอายุเท่าๆ กับหลี่เยี่ยนเฉิน เรียกได้ว่าเป็สหายสนิทกันก็ไม่ผิดนัก
พี่ชายผู้นี้รักการเรียน อีกทั้งยังมีนิสัยเข้มงวด นางจำได้เขาสอนนางคัดอักษร หากนางเขียนผิดเขาก็จะตีมือนางหนึ่งครั้ง นางเองต่อต้านและเกลียดพี่ชายผู้นี้เป็อย่างมาก เขาคอยขัดขวางทางรักของนางสารพัด เอาแต่พูดกรอกหูนางว่าสักวันนางจะต้องพบจุดจบที่น่าอนาถหากยังดื้อรั้นที่จะแต่งเข้าจวนอ๋อง
นางยิ้มออกมาเล็กน้อย พี่ชายนางพูดไม่ผิด ทุกคำเตือนล้วนมาจากความรักความหวังดีทั้งสิ้น แต่เพราะนางตามืดบอดเกินไป จึงมองไม่เห็นความหวังดีนี้
เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงรีบมุ่งหน้าไปที่เรือนใหญ่ทันที เมื่อมาถึงก็พบกับฟางเจี๋ยที่กำลังนั่งสนทนากับเสนาบดีฟางเหลียนบิดาของนางอยู่ ฟางเจี๋ยหันมามองฟางเมี่ยว ก่อนจะเอ่ย
"สายป่านนี้ เ้าเอาแต่นอนติดเตียงใช้ได้ที่ใดกัน"
ฟางเมี่ยวลอบขบขันในใจ กลับมาก็ต่อว่านางนี่สินะถึงจะสมเป็พี่ใหญ่ของนาง
"ท่านพ่อ ท่านไม่บอกท่านพี่ไปเล่าเ้าคะ ว่าระยะนี้ข้ามัวแต่วุ่นวายกับการปรับปรุงกิจการของท่านแม่ นอนดึกทุกวัน"
เสนาบดีฟางเหลียนที่ได้ยินเช่นนั้น จึงหันไปเอ่ยกับฟางเจี๋ยบุตรชายตนทันที
"ใช่ๆ เ้าไม่รู้อันใด เมี่ยวเอ๋อร์น่ะทำให้กิจการมีกำไรงอกเงยร่วมหลายหมื่นตำลึงเชียวนะ"
ฟางเจี๋ยหันไปมองฟางเมี่ยวที่ยักคิ้วให้เขาคราหนึ่งก่อนจะครุ่นคิด
ก่อนเขาจะออกจากจวนไปที่สำนักศึกษาบนเขา เขาจำได้ว่าน้องสาวผู้นี้ดื้อรั้น ชอบเถียงท่านแม่ วันๆ เอาแต่ไปหาอนุซาง ก่อนท่านแม่จะจากไปเคยเขียนจดหมายส่งให้เขาฉบับหนึ่งว่า ฟางเมี่ยวริอ่านดื่มสุราเล่นการพนัน แต่ผ่านไปร่วมปีที่เขาจากไป นางกลับดีขึ้นมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ
อีกทั้งท่านพ่อยังบอกอีกว่า ่ที่เขาไม่อยู่ ฟางเมี่ยวจัดการขับอนุซางออกจากจวนเนื่องจากตรวจสอบพบว่าอนุซางคิดไม่ซื่อ อีกทั้งเหล่าอนุต่างก็เกรงกลัวนางไม่กล้าเหิมเกริมเช่นยามที่ท่านแม่อยู่อีกด้วย
เขารู้ดีว่าท่านพ่อรักและถนอมน้องสาวผู้นี้ราวกับหยกในฝ่ามือ แต่เขาไม่คิดว่าฟางเมี่ยวจะกลายเป็สาวน้อยที่จัดการเื่ราวทุกอย่างได้อย่างเด็ดขาดถึงเพียงนี้
แววตาที่มองน้องสาวแสนดื้อรั้นจึงอ่อนลงหลายส่วน
"ได้ยินว่าพี่ใหญ่กลับจวนมาแล้ว ยินดีต้อนรับกลับจวนนะเ้าคะ ลู่ชิง เ้าไปบอกลุงเจินที่ภัตตาคารว่าให้ทำอาหารส่งมาที่จวนให้มากหน่อย"
ฟางเจี๋ยที่ได้ยินเช่นนั้นจึงรีบเอ่ยทัดทานน้องสาวตนทันที
"เมี่ยวเอ๋อร์ อย่าสิ้นเปลืองเลย"
"สิ้นเปลืองอันใดกันเ้าคะ ข้าน่ะไม่อยากจะอวด พ่อครัวที่ข้าหามาใหม่น่ะฝีมือยอดเยี่ยมเชียวแหละ เอาตามนี้ ลู่ชิง เ้ารีบไปสิ"
"เ้าค่ะคุณหนู"
หลังจากที่ฟางเจี๋ยไปจัดการผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ของตนแล้ว อาหารก็มาถึงพอดี ยามนี้ที่ภัตตาคารโหยวเย่ว์คงกำลังเตรียมวัตถุดิบ อาหารที่นางสั่งจึงถูกทำเป็ชามแรกๆ ฟางเจี๋ยมองอาหารที่ส่งกลิ่นหอมตรงหน้าคราหนึ่ง ก่อนจะตักขึ้นมาชิม พบว่ารสชาติดีอย่างที่ฟางเมี่ยวว่า อาหารมื้อนี้จึงค่อนข้างอิ่มหนำไม่น้อย
"ฟางเมี่ยว ได้ยินว่าเ้าปรับปรุงกิจการใหม่ทั้งหมดหรือ?"
ฟางเมี่ยวยกถ้วยชาขึ้นดื่ม ก่อนจะหันไปเอ่ยกับผู้เป็พี่ชาย
"เ้าค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี อีกทั้งกำลังจะสร้างร้านขายอาหารขนาดเล็กที่ภัตตาคารโหยวเย่ว์ไว้ให้ชาวบ้านได้มาซื้ออาหารด้วย ข้าน่ะอยากรับลูกค้าทุกคน ไม่อยากแบ่งชนชั้น มันคือเงินทั้งนั้น"
"เมี่ยวเอ๋อร์รู้ความแล้ว เ้าคงลำบากไม่น้อย"
"ลำบากอันใดกัน ความจริงยังเหลืออีกที่ก็คือโรงน้ำชาที่ข้ายังไม่ได้ไปดู หากพี่ใหญ่มีเวลาไม่สู้ไปกับข้าดีหรือไม่ ข้าคิดว่าอยากให้ท่านดูแลโรงน้ำชานั้น"
"อืม"
ฟางเจี๋ยพยักหน้า สองพี่น้องคุยกันอีกสักครู่หนึ่งก็แยกกลับมาพักผ่อนที่เรือนของตน
เมื่อฟางเมี่ยวกลับมาถึงก็พบว่ามีเทียบเชิญส่งมาถึงนางหนึ่งฉบับ เมื่อเปิดอ่านก็พบว่าเป็เทียบเชิญจากจวนราชครู ให้นางไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนราชครูจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า ตัวอักษรด้านล่างมีอักษรว่า เสวี่ยเสวี่ย
ฟางเมี่ยวยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะหันไปเอ่ยกับลู่ชิง
"พรุ่งนี้เ้าไปที่ร้านเครื่องประทินโฉมของเรา นำยาทาขี้ผึ้งกับยาสระผมมาให้ข้า"
"เ้าค่ะคุณหนู"
ฟางเมี่ยวเอนกายลงนอนก่อนจะครุ่นคิดถึงเื่ราวก่อนหน้านั้น
เดิมทีในชาติก่อนนางไม่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่จวนราชครูจัดขึ้น เนื่องจากจางเสวี่ยฮุ่ยกับนางไม่สนิทกัน แม้จะเจอกันด้านนอกจวนบ้าง แต่เพราะยามนั้นนางหึงหวงเย่จิ้นหยาง จึงคอยเอ่ยวาจาเหน็บแนมจางเสวี่ยฮุ่ยให้นางอับอายอยู่เสมอ
แต่ทว่าชาตินี้จางเสวี่ยฮุ่ยกลับเป็คนส่งเทียบเชิญฉบับนี้ให้นางเองกับมือ นางจะไม่ไปได้อย่างไรเล่า
ชาตินี้ได้เป็สหายกัน นางย่อมไปอย่างแน่นอน
สองวันต่อมา ฟางเมี่ยวก็ไปที่จวนราชครูพร้อมกับลู่ชิง วันนี้นางสวมชุดสีเขียวอ่อนสบายตา เครื่องประดับก็ปักเพียงปิ่นหยกสีเขียวธรรมดา ใบหน้าไม่ได้แต่งแต้มมากนัก แต่ทว่าความธรรมดาแต่ไม่สามัญของนาง กลับทำให้นางดูงดงามชวนน่ามองอย่างที่สุด
ด้วยเกรงว่าจะทำให้จางเสวี่ยฮุ่ยขายหน้าที่เชิญนางมาแต่นางกลับแต่งกายสบายๆ ฟางเมี่ยวจึงสวมต่างหูไข่มุก และกำไลหยกเพิ่มไปอีกหน่อย
เมื่อมาถึง นางก็พบว่านอกจากจะมีเหล่าสตรีน้อยมาร่วมงานแล้ว ยังมีเหล่าบุรุษจากจวนต่างๆ มาร่วมงานด้วย ฟางเมี่ยวรู้ได้ในทันที จวนราชครูคงคิดจะจัดงานนี้เพื่อให้สตรีและบุรุษที่ยังไม่ออกเรือนมาสานสัมพันธ์กันสินะ
ฟางเมี่ยวก้าวลงจากรถม้า ลู่ชิงที่เดินประคองนางมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไม่สู้ดีนัก
"คุณหนู ท่านแต่งหน้าน้อยไปหรือไม่เ้าคะ ปกติท่านแต่งหน้าหนานัก แก้มนี่ขาว ปากนี่แดงจัด หากมีแผ่นยันต์ติดหน้าบ่าวแยกไม่ออกเลยเ้าค่ะว่าผีหรือคน!!!"
ฟางเมี่ยวพยายามระงับโทสะ ยามนี้นางรู้แล้วว่านางอยากจะตบใครมากที่สุด ก็สาวใช้ปากมากของนางอย่างไรเล่า!!!
"เมี่ยวเมี่ยว"
ฟางเมี่ยวหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็จางเสวี่ยฮุ่ยที่เดินเข้ามาหานางด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ฟางเมี่ยวยิ้มตอบคราหนึ่งก่อนจะเอ่ย
"ข้ามาช้าไปเล็กน้อย ขออภัยเ้าด้วย"
"ไม่ช้าเสียหน่อย"
"นี่ของเ้า"
"ให้ข้าหรือ?"
"อืม เป็ยาทาขี้ผึ้งกับยาสระผม ข้าปรับสูตรเพิ่มดอกไม้เข้าไป รับรองว่าผมของเ้าจะหอมกว่าสตรีใดแน่นอน"
"เมี่ยวเมี่ยว นี่ใช่ยาสระผมและขี้ผึ้งดอกบัวที่ผู้คนเล่าลือกันใช่หรือไม่ ข้าอยากไปซื้อนัก แต่ไม่มีเงิน เอ่อ..."
จางเสวี่ยฮุ่ยไม่เอ่ยสิ่งใดอีก นางก้มหน้างุด ฟางเมี่ยวที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น แต่เพราะยามนี้มีคนมองพวกนาง ฟางเมี่ยวจึงไม่ได้เอ่ยถามจางเสวี่ยฮุ่ย
เป็ถึงบุตรสาวภรรยาเอกจะไม่มีเงินได้อย่างไร?
"พี่ใหญ่ ท่านมาทำอันใดตรงนี้ โอะ นั่นเครื่องประทินโฉมของผู้ใดกัน ดูแล้วน่าใช้ยิ่งนัก ข้าจะเอา เอามาให้ข้า"
"น้องรอง นี่เป็ของที่สหายข้าให้มา"
"ข้าจะเอา ท่านกล้าขัดคำข้าหรือ!!! ข้าจะฟ้องท่านพ่อ"
ฟางเมี่ยวจ้องมองจางเสวี่ยฮุ่ยที่มีท่าทีร้อนรน ก่อนจะถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง
นางพอจะรู้แล้วละว่า เหตุใดจางเสวี่ยฮุ่ยจึงเป็เช่นนี้!!!
"แม่นางผู้นี้ นี่เป็ของขวัญที่ข้านำมามอบให้เสวี่ยเสวี่ย ไม่ใช่ของเ้า"
จางเสวี่ยฮุ่ยหันมามองฟางเมี่ยว สลับกับหันไปมองจางลี่อิงน้องสาวต่างมารดาของตนคราหนึ่ง
จางลี่อิงหันมาจ้องมองฟางเมี่ยวก่อนจะเอ่ยถาม
"เ้าเป็ผู้ใดกัน?"
"จางลี่อิงเ้าอย่าเสียมารยาทนะ นี่ฟางเมี่ยวสหายของข้า"
จางลี่อิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ส่งเสียงเฮอะออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะมองฟางเมี่ยวั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า
"อ้อ ข้าก็คิดว่าผู้ใด สตรีที่ทำตัวเหลวไหลไม่เอาการเอางานผู้นั้นนี่เอง พี่ใหญ่ท่านคบหาสตรีเช่นนี้เป็สหายหรือ?"
จางเสวี่ยฮุ่ยไม่ตอบสิ่งใด ฟางเมี่ยวเลิกคิ้วขึ้นมองจางลี่อิงั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้าเช่นเดียวกัน นางมองอยู่เช่นนั้น มองจนจางลี่อิงประหม่า
"จะมองอันใดนักหนา?"
ฟางเมี่ยวยิ้มตาหยีก่อนจะเอ่ยตอบ
"อ้อ ข้าอยากมองชัดๆ น่ะ เ้าคงเป็บุตรสาวสายรองสินะ มิน่าล่ะ เพราะไม่ได้คลานออกมาจากท้องของภรรยาเอกนี่เอง นิสัยจึงเป็เช่นนี้!!"
"เป็เช่นไร!!!"
"แล้วแต่จะคิดเถิด ข้าคร้านจะอธิบายให้คนโง่ฟัง"
"ฟางเมี่ยว!! จะเกินไปแล้วนะ เ้าเหยียบย่างเข้ามาในจวนของผู้อื่น แต่กลับทำกิริยาต่ำทรามเช่นนี้หรือ!!!"
"ข้าเหยียบย่างเข้ามาในฐานะแขก เ้าต่างหาก ทำกิริยาต่ำทรามกับแขกในจวนเช่นนี้ใช้ได้หรือ?"
จางลี่อิงทนไม่ไหว นางง้างมือเตรียมจะตบฟางเมี่ยว นางจะกลัวอันใด บิดารักนาง บิดานางเป็สหายของฮ่องเต้และเป็อาจารย์ที่เหล่าบัณฑิตให้ความเคารพในสำนักศึกษาหลวง ท่านปู่นางก็เป็ถึงราชครูของฮ่องเต้ อำนาจตระกูลจางยิ่งใหญ่ ตระกูลฟางเทียบไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
ฟางเมี่ยวเตรียมพร้อมแล้ว หากจางลี่อิงจะตบ นางก็จะถีบยอดหน้าให้ดู ไม่สนหรอกว่าจะเป็ลูกหลานใคร บิดานางก็มีความชอบต่อฝ่าาไม่น้อย ได้ยินว่าฝ่าานับบิดานางเป็สหายเช่นเดียวกัน เพราะอยู่ร่วมกันมาั้แ่บุกเบิกก่อสร้างแคว้นต้าอู๋ เหอะ!!! คิดว่าอวดเบ่งได้แค่ตระกูลเดียวหรืออย่างไรกัน
แต่ทว่ายังไม่ทันที่จางลี่อิงจะได้ลงมือกับฟางเมี่ยว ก็มีเสียงทรงอำนาจของบุรุษผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมาเสียก่อน
"ลี่อิง หยุดทำตัวไร้มารยาทเดี๋ยวนี้!!!"
