ณ คฤหาสน์ตระกูลเฟิง เมืองอวี้กวน มีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนมุงล้อม
ั้แ่ตอนเริ่มเื่จนถึงตอนจบผู้คนทั้งหมดก็ได้ชมเหตุการณ์ระทึกใจอยู่หลายครั้งหลายครา
ตอนแรกสุดคือเฟิงอวิ๋นที่ขึ้นเป็ประมุขตระกูลเฟิง ได้ถูกหลงอวี้บุกเข้ามาท้าทาย เริ่มจากโค่นหลิงเลี่ย ตามด้วยขยี้เฟิงอวิ๋น!
ต่อจากนั้นสามตระกูลใหญ่อย่างตระกูลถาน ตระกูลฉิน และตระกูลหลัวก็ได้เปิดฉากโจมตีคิดจะทำลายตระกูลเฟิงให้สิ้น แต่ก็ถูกหลงอวี้ขัดขวางไว้ได้ สามประมุขตระกูลใหญ่ ถูกฆ่าตายไปสอง าเ็อีกหนึ่ง ต่างคนต่างต้องถอยกลับไปอย่างอนาถา!
ความแข็งแกร่งของหลงอวี้ฝังลึกลงไปในจิตใจของผู้คนทั้งหมดทันที!
แต่หลังจากนั้นก็ได้มีหวังเทียนจั๋วจากตระกูลหวังแห่งเขตพระราชฐานมาเยือน มันใช้ิญญาแท้ราชันพยัคฆ์เอาชนะหลงอวี้ได้ แต่ต่อจากนั้นก็ได้มีลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับหนึ่งของลัทธิสยบฟ้า ปู้สิง เข้ามาช่วยโดยใช้ิญญาแท้อินทรีนภาโค่นลงอย่างง่ายดาย
เื่ราวเกิดการเปลี่ยนแปลงพลิกผันหลายตลบ ทำให้ผู้ชมพากันส่งเสียงใขึ้นมาหลายครา!
“พวกเรากลับ!”
หวังเทียนจั๋วฝืนลุกขึ้น จากนั้นชายหนุ่มที่หน้าตาคล้ายคลึงกับหลิ่วิเซวียนก็รีบวิ่งมาประคองทันที
เขาพาลูกสมุนติดตามมาด้วยสี่คน แต่ตายไปแล้วหนึ่ง เหลือเพียงสาม พวกมันพากันประคองเขาออกจากคฤหาสน์ตระกูลเฟิงไปอย่างรีบร้อน
ตอนที่เดินผ่านเฟิงเหยา หวังเทียนจั๋วก็ยังไม่วายกระแทกเสียงเ็าใส่นาง
“อย่าลืมสัญญาระหว่างเราสองคนล่ะ สองปีหลังจากนี้ เ้าต้องมาจัดงานแต่งที่ตระกูลหวังด้วย!”
เฟิงเหยากะพริบตาอย่างหวาดหวั่น นางรู้ดีว่า แม้วันนี้หวังเทียนจั๋วจะเสียท่าให้กับปู้สิง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหวังเทียนจั๋วจะแพ้
หวังเทียนจั๋วต้องผูกใจเจ็บแน่ หากมันให้ยอดฝีมือของตระกูลหวังเคลื่อนไหวล่ะก็ แค่ปู้สิงคนเดียวคงยากจะต้านทาน
“อีกสองปีหลังจากนี้ ข้าเฟิงเหยาจะไปเยี่ยมเยือนด้วยตัวเอง”
เฟิงเหยาตอบกลับอย่างเ็า
“หึ”
หวังเทียนจั๋วเห็นท่าทีเ็าของนางแล้ว ก็อดจินตนาการไม่ได้ว่าตอนที่ผู้หญิงคนนี้ยอมสยบอยู่ใต้เท้าเขา จะเป็ภาพที่น่าชื่นชมมากแค่ไหน?
เขากระแทกเสียงเบาๆ จากนั้นก็พาลูกสมุนทั้งสามคนจากไป!
“หลิ่วิเฉิง”
ทันใดนั้นเอง เฟิงเหยาก็ได้ส่งเสียงเรียกหนึ่งในลูกสมุนที่หน้าตาเหมือนกับหลิ่วิเซวียนไว้ พร้อมกับเอ่ยถามเสียงเรียบ
“ตระกูลหลิ่ว กลายเป็ข้ารับใช้ของตระกูลหวังไปั้แ่เมื่อใด แล้วเ้า กลายเป็สุนัขรับใช้ของเ้าหวังเทียนจั๋วนี่ด้วยหรือ?”
ชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนหลิ่วิเซียน ชื่อของมันคือหลิ่วิเฉิง!
พอเขาได้ยินคำพูดนั้นก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้
“เ้าไม่ใช่คนของตระกูลหลิ่ว ข้าจะทำอะไร ต้องให้เ้ามายุ่งด้วยหรือ? ในทั่วทั้งอาณาจักรต้าถังแห่งนี้ ตระกูลหวังนับเป็ตระกูลที่สูงศักดิ์เช่นกัน! และคุณชายหวังเองก็มีพร์สูงส่งไม่ธรรมดา ข้าคบหาเป็มิตรกับคุณชายหวังไม่ดีตรงไหน”
“นี่เ้าพูดกับลูกพี่ลูกน้องเ้าเช่นนี้ได้อย่างไร?”
สตรีผู้หนึ่งที่แอบซ่อนตัวอยู่ข้างๆ มาโดยตลอดรีบวิ่งออกมาอย่างรีบร้อน นางก็คือมารดาของเฟิงเหยา หลิ่วอวี้ นั่นเอง!
หลิ่วอวี้จ้องมองเฟิงเหยาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็แย้มยิ้มเอาใจหลิ่วิเฉิงและหวังเทียนจั๋ว
“ิเฉิง คุณชายหวัง บุตรสาวข้าคนนี้ยังไม่ค่อยรู้ความ หากนางได้แต่งกับคุณชายหวังจริง นั่นถือเป็บุญวาสนาที่นางต้องสั่งสมมานานนับแปดชาติภพทีเดียว บางทีไม่ต้องรอถึงสองปี นางก็อาจจะเข้าใจเื่นี้ก็เป็ได้! เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ข้าต้องพานางไปเยือนที่ตระกูลหวังแน่นอน”
“ในเมืองอวี้กวนนี้ ดูท่าจะยังมีคนที่รู้ความอยู่บ้าง”
หวังเทียนจั๋วกล่าวขึ้นโดยรักษาความหยิ่งผยองไว้ แม้ว่าจะเพิ่งพ่ายแพ้ให้กับปู้สิง แต่เื่นี้ก็ไม่ทำให้เขาคิดอะไรขึ้นได้
เพราะตัวเขาที่มีตระกูลหวังคอยหนุนหลังอยู่ เคยชินกับความหยิ่งผยองโอหังมานาน
“เหยาเอ๋อร์ กลับไปที่ตระกูลหลิ่วกับแม่”
หลิ่วอวี้พูดกับเฟิงเหยาต่อทันที
“ข้าไม่ไป”
เฟิงเหยาส่ายหน้าอย่างเ็า หันหลังเดินจากไปทันที
ทิศทางที่นางเดินไปนั้นก็คือทางไปสำนักน้ำแข็งเยือกนั่นเอง เฟิงเหยาในตอนนี้ เหลือที่ไปแค่ที่นี่ที่เดียว!
ตระกูลเฟิง นางไม่มีหน้าจะอยู่ต่อ อีกทั้งถ้าอยู่ตระกูลเฟิงต่อก็ไม่มีโอกาสพัฒนาความสามารถ ส่วนตระกูลหลิ่วนั้น นางไม่เคยลืมความแค้นใจในสิ่งที่ตระกูลหลิ่วเคยกลั่นแกล้งนางไว้ต่างๆ นานาสมัยยังเด็ก
ตราบใดที่นางยังแข็งแกร่งไม่มากพอ นางจะไม่ยอมกลับไปที่ตระกูลหลิ่วเด็ดขาด!
“นังเด็กคนนี้...”
หลิ่วอวี้แอบด่าออกมา จากนั้นก็หันไปยิ้มเอาใจหวังเทียนจั๋ว
“คุณชายหวัง ท่านอย่าโกรธไปเลย ข้าจำได้ว่าเด็กคนนี้เคยพูดไว้ว่า สำนักน้ำแข็งเยือกเหมือนจะเกิดเื่บางอย่างจึง้าพบนาง นางจึงต้องกลับไปที่สำนักก่อน”
“ไม่เป็ไร ถึงอย่างไรทุกคนก็รู้เื่สัญญาในอีกสองปีแล้ว”
หวังเทียนจั๋วพูดเสียงเรียบ มองดูเงาหลังอันงดงามของเฟิงเหยา ดวงตาฉายแววตาละโมบโลภมาก
หวังเทียนจั๋วชื่นชอบหญิงงามเป็อย่างมาก เฟิงเหยานี่มีพร์พ่วงด้วย ถือว่าไม่เลวเลย เหมาะที่จะเป็ภรรยาของเขามาก!
เขาหันกลับไปอีกครั้ง จ้องเขม็งปู้สิงและหลงอวี้อย่างโกรธแค้นครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหลังกลับ พาลูกสมุนทั้งสามและหลิ่วอวี้จากไป!
“คนบางคนไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ”
ปู้สิงมองดูหวังเทียนจั๋วที่เดินจากไป พูดพร้อมกับยักไหล่
“ศิษย์น้องหลงอวี้ หากมันได้เจอกับเ้าอีกครั้ง เกรงว่าแม้แต่มันก็คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเ้าอีกต่อไป”
ปู้สิงได้หันมายิ้มให้กับหลงอวี้
“ความเร็วในการพัฒนาของเ้าช่างสูงยิ่งนัก ทำให้ศิษย์พี่อย่างข้ายังต้องปาดเหงื่อ!”
หลงอวี้ลุกขึ้นยืนอยู่ข้างๆ ปู้สิง ส่ายหน้าช้าๆ
“พลังของข้ายังคงอ่อนด้อยเกินไป แค่อยู่ในระดับิญญาแท้ก็สามารถเอาชนะข้าได้ ไม่ว่าจะเป็ใครก็ตาม...”
“ฮ่าฮ่า เ้าเพิ่งจะวรยุทธ์ขั้นแปดเท่านั้น ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีใครที่สามารถชนะคนในระดับิญญาแท้ได้ด้วยวรยุทธ์ขั้นแปด”
ปู้สิงหัวเราะพร้อมกับส่ายหน้า
“เ้าคาดหวังกับตัวเองสูงเกินไปหน่อยนะ ต้องรู้ก่อนว่า ต่อให้เป็ระดับิญญาแท้ขั้นที่หนึ่งก็มีพลังพื้นฐานมากกว่ายอดฝีมือวรยุทธ์ขั้นเก้าถึงสามสี่เท่าแล้ว นั่นมันหนึ่งพันแรงม้าพยศ หรือเรียกว่าหนึ่งจวิ้นเชียวนะ!”
หลงอวี้ในตอนนี้ สามารถปล่อยพลังออกมาได้มากที่สุดเพียงสามร้อยแรงม้าพยศ
พอเทียบกับยอดฝีมือระดับิญญาแท้แล้ว ยังห่างชั้นกันมาก ต่อให้เขาปล่อยมหาพลังฟ้าดินออกมา ก็ยังไม่สามารถต่อกรได้
ขอบเขตพลังคือพื้นฐาน ต้องอยู่ในขอบเขตเดียวกันก่อนถึงจะมีพลังพื้นฐานที่มากพอ
ไม่อย่างนั้น ต่อให้จะมีวิทยายุทธ์ที่ร้ายกาจมากแค่ไหน หรือบรรลุจินตภาพอะไรได้ ก็ล้วนไร้ความหมายทั้งสิ้น
“ศิษย์พี่พูดถูกแล้ว”
หลงอวี้พยักหน้า รู้ตัวเหมือนกันว่าตัวเองออกจะรีบร้อนเกินไปหน่อย
เพียงแต่ ถ้าเขาสามารถก้าวขึ้นสู่วรยุทธ์ขั้นเก้าได้ ยกระดับพลังพื้นฐานได้หนึ่งเท่าล่ะก็ การต่อกรกับหวังเทียนจั๋วที่มีขอบเขตพลังระดับิญญาแท้ขั้นที่หนึ่ง ก็ใช่ว่าจะเป็ไปไม่ได้
ถึงอย่างไร ต่อให้เป็ยอดฝีมือระดับิญญาแท้ก็ใช่ว่าจะบรรลุมหาพลังของกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดินได้!
“การที่เ้าบรรลุถึงมหาพลังได้ นับว่าเหนือความคาดหมายของศิษย์พี่จริงๆ”
ปู้สิงแย้มยิ้มอย่างงามสง่าพลางตบบ่าของหลงอวี้ไปด้วย
“ข้าน่ะกว่าจะเปิดเทียนม่ายได้อย่างสมบูรณ์และบรรลุถึงมหาพลังฟ้าดินได้ก็ตอนที่สังเกตอินทรีนภายามสร้างิญญาแท้ขึ้นเลยนะ ข้าเดาว่า หากเ้าก้าวขึ้นสู่ขอบเขตระดับิญญาแท้ได้ มีโอกาสสูงมากที่จะบรรลุถึงขั้นเขตแดนได้ นั่นต่างหากคือขอบเขตสูงสุดของการฝึกเคล็ดสยบฟ้า!”
“ขอบเขตระดับิญญาแท้ ตอนนี้คงยังไม่ใช่เวลาไปคิดถึงมัน ตัวข้าในตอนนี้ แค่จะขึ้นไปสู่ขั้นเก้าระยะทางยังอีกยาวไกลมากๆ”
หลงอวี้พูดพร้อมกับส่ายหน้า
“ใช่แล้ว ค่อยๆ ก้าวไปทีละก้าวเถิด เส้นทางแห่งวรยุทธ์ต้องมุ่งหน้าอย่างมั่นคง หากพื้นฐานไม่แน่นพอ จะกลายเป็อุปสรรคใหญ่ต่อการฝึกฝน”
ปู้สิงกล่าวชื่นชม
ในที่สุดเฟิงฉางเกอก็เดินมาอยู่ข้างๆ ทั้งสองคน ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความยินดี เขาพูดกับปู้สิง
“ขอบพระคุณศิษย์พี่ท่านนี้ที่ช่วยเหลือ!”
“ฮ่าฮ่า รองขุนพลเฟิงจะเกรงใจไปทำไมกัน?”
ปู้สิงหัวเราะ
“อาจารย์ของข้า เป็สหายเก่าของรองขุนพลเฟิงเชียวนะ!”
หลังจากสิ้นคำพูดนี้ไป เฟิงฉางเกอก็ชะงักไปทันที
“ไม่ทราบว่าอาจารย์ของเ้าคือ?”
“ไป๋อวิ๋นจง”
พอปู้สิงพูดชื่อนี้ออกมาแล้ว เฟิงฉางเกอก็ตกตะลึงระคนยินดี แต่หลงอวี้กลับรู้สึกประหลาดใจ
ประมุขแห่งลัทธิสยบฟ้าไป๋อวิ๋นจง คืออาจารย์ของปู้สิงหรือเนี่ย! ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตอนอยู่ที่หุบเขาแห่งอสรพิษเวหา ผู้าุโถานอู๋โจวถึงไม่กล้าทำอะไรปู้สิง!
หากตัดเื่พลังออก ยังมีเื่ของฐานะอยู่ด้วย แล้วเมื่อมีปัจจัยทั้งสองอย่าง มีหรือถานอู๋โจวจะกล้ากับปู้สิง?
“ที่แท้ก็เป็ขุนพลไป๋นี่เอง”
เฟิงฉางเกอทอดถอนใจ
“ในอดีตท่านอาจารย์เคยเป็ขุนพล แต่บัดนี้เขาเป็เพียงแค่ประมุขของลัทธิสยบฟ้าเท่านั้น”
ปู้สิงส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม
“เอาล่ะ ผู้าุโเฟิง ที่ข้ามาก็เพื่อจะพาตัวศิษย์น้องหลงกลับลัทธิ ท่านอาจารย์บอกว่ามีสิ่งของที่้าให้เขาดูหน่อย”
“อืม เชิญตามสบายเลย”
เฟิงฉางเกอพูดด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็หันไปพูดกับหลงอวี้ต่อ
“เสี่ยวอวี้ บัดนี้เ้ามีความเร็วในการพัฒนาที่สูงมากจนน่าทึ่ง เพียงแต่บนเส้นทางแห่งวรยุทธ์นั้น เ้าจะลำพองตนไม่ได้เด็ดขาด เข้าใจไหม?”
“เข้าใจขอรับ”
หลงอวี้พยักหน้ารับ
“ส่วนเื่ของตระกูลเฟิงใหม่เ้าก็ไม่ต้องเป็ห่วง”
เฟิงฉางเกอกวาดมองไปรอบตัวแล้วกล่าวว่า “สามตระกูลใหญ่ที่ไม่มีประมุขที่มีวรยุทธ์ขั้นเก้าอยู่แล้ว ย่อมไม่สามารถมาหาเื่ข้าได้สักพักหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น เหยาเอ๋อร์ยังทำสัญญาแต่งงานกับเ้าหวังเทียนจั๋วนั่นไว้อีก พวกมันยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่ แต่เสียดายที่เหยาเอ๋อร์ต้อง...”
หลงอวี้เห็นว่าในแววตาของเฟิงฉางเกอเต็มไปด้วยความคับแค้นใจและความอัปยศ จึงได้รู้ว่าเฟิงฉางเกอไม่้าเห็นเฟิงเหยาแต่งเข้าตระกูลหวังเป็อย่างมากเลย
แต่เฟิงฉางเกอตอนนี้ไม่มีพลังมากพอที่จะขัดขวาง หากเื่นี้กลายเป็เื่จริง เกรงว่ามันจะกลายเป็ความเ็ปไปทั้งชีวิตเขา!
หลงอวี้แอบเก็บเื่นี้ไว้ในใจด้วย
ตระกูลหวังแห่งเขตพระราชฐาน เขาต้องไปเยือนสักครั้งแน่ เพียงแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ การจะบุกรุกตระกูลหวังได้ จำเป็ต้องมีพลังยิ่งกว่านี้!
และเื่นี้ไม่ใช่เื่ที่จะทำได้ในวันสองวัน ยังดีที่ เฟิงเหยานัดเวลากับหวังเทียนจั๋วไว้นานถึงสองปี
เวลาสองปีนั้น สามารถเปลี่ยนแปลงเื่ราวได้มากมายทีเดียว
การช่วยเหลือเฟิงเหยา ไม่ใช่เพื่อเฟิงเหยา แต่ทำเพื่อเฟิงฉางเกอ!
“ลูกพี่หลงอวี้ พยายามเข้า!”
ในตอนที่หลงอวี้และปู้สิงหันหลังกำลังจะออกเดินทาง ด้านหลังก็มีเสียงอวยพรของเหล่าสมาชิกใหม่ตระกูลเฟิงทั้งสี่สิบสองคน
ในเวลาสั้นๆ ตระกูลเฟิงกว้างขวางขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก ทั้งตระกูลเฟิงตอนนี้ รวมกับเฟิงฉางเกอที่เป็ประมุขด้วยแล้ว มีจำนวนแค่สี่สิบสามคน
แต่ตระกูลเฟิงใหม่ในตอนนี้ กลับมีความสามัคคีมากกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า
“พวกเ้าเองก็พยายามเข้าล่ะ”
หลงอวี้ไม่ได้หันกลับไปมอง เพียงก้าวเท้าเดินทางตามปู้สิงกลับไปยังลัทธิ
ส่วนพวกคนทรยศของตระกูลเฟิงนั้น ส่วนใหญ่ล้วนเดินทางจากไปแล้ว เป้าหมายของพวกเขาก็คือเขตพระราชฐาน พอพวกเขาได้เห็นพลังของหวังเทียนจั๋วในวันนี้ ก็พากันคิดว่า มีเพียงเขตพระราชฐานเท่านั้นที่จะสามารถบ่มเพาะยอดฝีมือที่แท้จริงได้
ส่วนคนของสามตระกูลใหญ่ในเมืองอวี้กวนนั้นก็แยกย้ายกลับไปแล้ว
วันนี้พวกเขาเสียหายหนักมาก ต่อให้มีเวลาฟื้นฟูนาน ก็ยังไม่แน่ว่าจะชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นวันนี้ได้!
แต่เดิมแล้ว พวกเขาคิดจะกลืนกินผลประโยชน์ของตระกูลเฟิง แต่ตอนนี้ นอกจากจะขโมยไก่ไม่ได้แล้วยังเสียข้าวสารไปอีกกำมือ เื่ทั้งหมดทั้งมวลนี้ มีสาเหตุมาจากการปรากฏตัวของไอ้ปีศาจอย่างหลงอวี้ทั้งสิ้น!
บัดนี้ เมืองอวี้กวนที่คึกคักวุ่นวายมาทั้งวัน ในที่สุดก็กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง
.......
หลงอวี้ที่เดินทางตามปู้สิงไป เพียงไม่นานก็ออกจากเมืองอวี้กวน มุ่งหน้าไปยังทิศที่ตั้งของลัทธิสยบฟ้า
“ศิษย์น้อง เ้าอยากรู้เื่ชาติกำเนิดของตัวเองมากเลยใช่ไหม?”
ปู้สิงที่กำลังเดินทางอยู่นั้นเอ่ยถาม
“ศิษย์พี่ ท่านจะรู้เื่อะไรอย่างนั้นหรือ”
หลงอวี้ได้ยินเช่นนั้นก็ถึงกับตะลึง
เขาอยากรู้เื่ชาติกำเนิดของตัวเองมานานแล้ว เพียงแต่ไม่เคยได้ยินเื่อะไรมาก่อนเลย เฟิงฉางเกอก็ไม่ยอมเล่าให้ฟัง
“อาจารย์ของข้า ที่เขาเรียกเ้ากลับไปครั้งนี้ ก็เพื่อบอกเื่ราวบางส่วนให้เ้าฟัง ด้วยพลังของเ้าในตอนนี้ มันถึงเวลาที่จะได้รับรู้เื่ราวเหล่านี้!”
เสียงของปู้สิงดังเข้าไปในหูของหลงอวี้ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ในที่สุดก็จะได้รู้เื่เกี่ยวกับชาติกำเนิดแล้วหรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้