แต่นางเป็ผู้ใดกัน?
จะมีผู้ใดสนว่านางคิดอย่างไร?
เจียงหงหย่วนมาถึงบ่อนก็บอกเหลียงหู่ว่าจะลาหยุดสักระยะ อาศัย่ที่หิมะยังไม่ปิดทางขึ้นเขาไปล่าสัตว์
เหลียงหู่ย่อมอนุญาต
เขานับถือในความสามารถของเจียงหงหย่วน หากไม่มีความสามารถคงขึ้นเขาลึกเช่นนั้นไม่ได้
กว่าเขาจะได้กลับหัวเมืองก็หลังปีใหม่อยู่แล้ว หลังจากที่ได้รู้จักเจียงหงหย่วนมาสักระยะก็รู้สึกยอมรับในตัวอีกฝ่าย อีกทั้งแผงขายหมูตุ๋นพะโล้ก็ตั้งขึ้นแล้ว กิจการดีมาก ตอนนี้เขากับบ้านเจียงทำธุรกิจร่วมกัน ยินดีช่วยเจียงหงหย่วน
เหลียงหู่ตบบ่าเขาพูดว่า “เ้าไปได้เลย ข้าดูแลบ่อนให้เอง ไว้เ้ากลับมาแล้วพวกเราค่อยไปทวงหนี้ก่อนปีใหม่สักสองบัญชี หาเงินกลับบ้าน”
“ได้! ขอบคุณเหลียงต้าเกอ!” เจียงหงหย่วนประสานมือให้ เหลียงหู่ยิ้ม “พวกเราเป็พี่น้องกันไม่ใช่คนห่างไกล วันหลังไม่ต้องเกรงใจเช่นนี้!”
เจียงหงหย่วนยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะไม่เกรงใจ คืนนี้ข้าต้องรีบกลับ”
เหลียงหู่ชี้หน้าเขาหัวเราะ “เ้านี่นะ ได้คืบจะเอาศอกเสียแล้ว”
เจียงหงป๋อไม่อยู่บ้าน ได้ยินยายสวีบอกว่ากินข้าวเที่ยงเสร็จแล้วพักครู่เดียวก็ออกไป
ั้แ่เด็กคนนี้แข็งแรงขึ้น ลุกเดินไปไหนมาไหนได้ก็เริ่มออกจากบ้าน
เช่นนี้ก็ดี หลินหวั่นชิวดีใจแทนเช่นกัน
นางกลับเข้าห้องไปนำผ้าเช็ดหน้าสิบผืนไปขายบนเสียนอวี๋เสียก่อน จากนั้นทำผมทรงสตรีแต่งงานแล้ว เลือกดอกไม้ลูกปัดที่หวางกุ้ยเซียงทำมาประดับบนผมสองดอก ดอกหนึ่งเป็ดอกไม้ลูกปัดที่ทำจากไข่มุก หมาเหน่าและใบไม้สีเขียว เกสรทำจากลูกปัดหมาเหน่าลูกเล็กๆ เวลาเดินแล้วขยับไปมา น่ามองมาก
อีกดอกเป็ดอกบัวเขียวทำจากด้ายละเอียดสีเขียวอ่อนที่ระดับสีไม่เท่ากัน สีไล่ไปตามกลีบดอกที่บานออก ใช้หยกเขียวทำเป็เกสร ไม่เพียงแค่น่ามอง แต่ยังดูมีระดับ
หลินหวั่นชิวมองซ้ายมองขวาในกระจก อืม นางพอใจอย่างมาก
นางเลือกดอกไม้ลูกปัดออกมายี่สิบดอก ดอกไม้ผ้ายี่สิบดอก ใส่ดอกไม้ทุกดอกลงในกล่องเครื่องประดับที่ซื้อมาจากเสียนอวี๋ จากนั้นใส่ลงในกระเป๋าสะพายปักลายใบใหญ่ของตัวเอง
หลินหวั่นชิวสะพายกระเป๋าออกจากบ้าน นางตรงไปที่ร้านขายเครื่องประดับที่ดูไว้แล้วก่อนหน้านี้ ร้านไม่ต่ำไม่สูงเกินไป เป็ร้านระดับปานกลาง
ร้านเครื่องประดับระดับสูงไม่เห็นดอกไม้ผ้าดอกไม้ลูกปัดในสายตา ส่วนร้านระดับล่างย่อมสู้ราคาไม่ไหว มีเพียงร้านระดับกลางที่มีที่สำหรับธุรกิจเช่นนี้
“อวิ๋นเอ๋อร์ เลือกที่ถูกใจได้หรือยัง?”
ในร้านเครื่องประดับจวี้ฝู ฟู่เหรินสวมชุดผ้าแพรบุนวมลายสวัสดิกะสีน้ำเงินเข้มคนหนึ่งเอ่ยถามสตรีสาวอีกคน สตรีสาวหน้าตางดงาม สวมกระโปรงผ้าแพรบุนวมลายดอกไม้สีแดงอ่อน คอเสื้อและชายเสื้อมีขนสีขาวเย็บติด แค่มองก็รู้ว่าสองคนนี้มาจากครอบครัวร่ำรวย
ตรงหน้าพวกนางมีเครื่องประดับที่ทำจากเงินและทองถาดใหญ่ บนถาดใบเล็กด้านข้างมีเครื่องประดับทองสองชิ้น เครื่องประดับเงินสองชิ้น ดูแล้วน่าจะเลือกออกมา
หญิงสาวส่ายหน้า “ท่านแม่ พวกเราไปดูร้านอื่นกันเถิด ของพวกนี้มีแต่แบบเก่า”
ทั้งคู่มาซื้อสินเดิมติดตัวเ้าสาว เถ้าแก่จึงออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง อยากขายให้มากหน่อย
“ไอ๊หยา แม่นางลองเลือกดูอีกหน่อยเถิด นอกจากเครื่องประดับทองเงินแล้วยังมีดอกไม้ลูกปัด ดอกไม้ลูกปัดของร้านเราก็ไม่เลว!”
เสี่ยวเอ้อร์รีบยกดอกไม้ลูกปัดออกมาหนึ่งถาด หญิงสาวเลือกอยู่นานแต่ก็ยังไม่เจอที่ถูกใจ
“พอแล้ว คิดเงินเถิด!” ฟู่เหรินเห็นลูกสาวตัวเองไม่เจอที่ถูกใจก็พูดกับเ้าของร้าน
แม้เ้าของร้านจะเสียดาย แต่สองแม่ลูกก็ซื้อเครื่องประดับทองและเงินไปอย่างละสองชิ้น ถือเป็ลูกค้ารายใหญ่ ตอนคิดเงินจึงปัดเศษที่เกินมาออกให้
“พวกเ้าค้าขายสุจริต แต่รูปแบบสินค้าเก่าเกินไป ตอนสาวๆ ข้ามาซื้อก็ลายพวกนี้ ตอนนี้ก็ยังลายพวกนี้อีก ไม่มีกระไรเปลี่ยนแปลงมาก” ฟู่เหรินบ่นกับเ้าของร้านก่อนไป
ร้านเครื่องประดับจวี้ฝูเป็ร้านเก่าแก่ สินค้าน่าเชื่อถือ แต่รูปแบบสินค้าโบราณคร่ำครึ กิจการจึงไม่ดีแต่ก็ไม่ได้แย่ เถ้าแกร้านวางตัวไม่ถูกเป็อย่างมาก
“ท่านพูดถูกแล้ว พวกข้าให้ความสนใจในด้านนี้มากเช่นกัน เดือนหน้าจะมีสินค้าแบบใหม่ออกมา ถึงเวลานั้นพวกท่านสองคนค่อยมาดูใหม่” มีสินค้าแบบใหม่ที่ใดกัน เ้าของร้านบ่นในใจ
แม้เขาจะส่งคนไปซื้อเครื่องประดับแบบที่ได้รับความนิยมจากร้านอื่นมาทำเลียนแบบ แต่กว่าจะทำออกมาได้ก็ผิด่เวลาไปเสียแล้ว ลวดลายใหม่กลายเป็เก่า
“พี่สะใภ้น้อยท่านนี้ ไม่ทราบว่าท่านซื้อดอกไม้ประดับผมนี้จากที่ใดหรือ?” ในตอนนี้เองที่หลินหวั่นชิวเดินเข้ามาพอดี สาวน้อยคนนั้นเห็นดอกไม้ประดับผมสองดอกที่หลินหวั่นชิวใส่ก็ละลายไม่ได้
หลินหวั่นชิวพูดด้วยรอยยิ้ม “หากแม่นางอยากทราบ เชิญนั่งรอข้าที่นี่สักครู่ได้หรือไม่? ข้าคุยกับเ้าของร้านประเดี๋ยวแล้วจะบอกให้”
หญิงสาวพยักหน้า เ้าของร้านรีบให้พนักงานพาสองแม่ลูกไปนั่ง เขาถามหลินหวั่นชิว “น้องสาวมีกระไรหรือ?”
เขาชอบดอกไม้ประดับผมที่หลินหวั่นชิวใส่เช่นกัน สวยงามมากจริงๆ
มีชีวิตชีวา ไม่เหมือนที่เขาขาย ตายตัวน่าเบื่อ
“ข้าขอคุยกับเถ้าแก่ได้หรือไม่” หลินหวั่นชิวพูด
“เชิญน้องสาวด้านใน” เ้าของร้านไม่ชักช้า เขาอยากถามหลินหวั่นชิวเช่นกันว่าซื้อดอกไม้ประดับผมจากที่ใด
หลินหวั่นชิวนั่งลง เ้าของร้านให้พนักงานรินชาให้นาง
มารยาทดีพร้อม ไม่มีความดูิ่แม้แต่นิดเดียว
หลินหวั่นชิวพึงพอใจกับท่าทีมาก ร้านนี้นางเลือกอยู่นานมาก
“เถ้าแก่มีลูกค้ารออยู่ด้านนอก ข้าจะไม่อ้อมค้อม ท่านจะได้ไม่เสียเวลาหาเงิน” นางพูดจบก็หยิบของออกจากกระเป๋า จากนั้นเปิดออกบนโต๊ะทีละชิ้น
เ้าของร้านมองจนตาลาย
“ดอกไม้ลูกปัดชิ้นละสองร้อยอีแปะ ดอกไม้ผ้าชิ้นละแปดสิบอีแปะ ห้ามต่อราคา หากเถ้าแก่รู้สึกว่าเหมาะสมก็ซื้อ ไม่เหมาะสมข้าจะไปถามที่อื่น”
เ้าของร้าน “…”
เปิดร้านมาก็หลายปี เขาเพิ่งเคยเจอคนขายเช่นนี้!
หากไม่ใช่เพราะสองแม่ลูกด้านนอกเป็ลูกค้าเก่า เขาคงคิดว่าเป็คนที่แม่นางคนนี้เชิญมาเสียแล้ว
แต่แน่นอน ดอกไม้ลูกปัดพวกนี้ประณีตงดงาม วัสดุที่ใช้ก็เป็วัสดุชั้นดี
“ราคานี้สูงไปหน่อย…” คนค้าขายจะไม่ต่อราคาได้อย่างไร? เ้าของร้านพูดเช่นนี้ทันที
หลินหวั่นชิวยิ้มแต่ไม่พูดกระไร เริ่มเก็บดอกไม้ลูกปัดกลับเข้ากระเป๋า
เ้าของร้านร้อนใจทันที สตรีนางนี้บอกว่าจะเก็บก็เก็บเลย ไม่ให้ต่อราคาจริงด้วย!
“อย่าเพิ่งเก็บๆ ตกลงตามนี้ เ้ามีเท่าไรข้าเอาหมด!” เ้าของร้านปกป้องดอกไม้ลูกปัดบนโต๊ะราวกับเหยี่ยวกระโจนใส่อาหาร
กลัวหลินหวั่นชิวไม่ขายให้
หลินหวั่นชิวพูดว่า “ข้านำดอกไม้ลูกปัดมายี่สิบกล่อง ดอกไม้ผ้ายี่สิบกล่อง ที่บ้านยังมีอีก หากเถ้าแก่้า อีกสองสามวันข้าจะส่งมาให้อีก”
เ้าของร้านรีบไปหยิบเงินให้หลินหวั่นชิว “ทั้งหมดห้าพันหกร้อยอีแปะ ข้าให้เป็ห้าตำลึงกับหกร้อยอีแปะดีหรือไม่?”
หลินหวั่นชิวพยักหน้า เ้าของร้านรีบให้คนนำดอกไม้ผ้าดอกไม้ลูกปัดออกไปให้คนเลือก ตั้งราคาไว้เรียบร้อย
ดอกไม้ลูกปัดขายดอกละเจ็ดร้อยอีแปะ ดอกไม้ผ้าดอกละสองร้อยอีแปะ
ที่ตั้งราคาสูงขนาดนี้เพราะคิดเผื่อคนต่อราคาและรวมส่วนลดเข้าไปด้วย โดยปกติแล้วกำไรของดอกไม้ลูกปัดกับดอกไม้ผ้าเช่นนี้ต้องคงไว้ที่ห้าส่วนขึ้นไป
