เมื่อไม่มีเื่สนุกแล้ว ฝูงชนก็ทยอยกันแยกย้ายจากไป
ในตรอกเล็กยังมีเด็กหนุ่มสองคนที่ยังไม่จากไป
คนแรกคือเฉิงกุย อีกคนหนึ่งคาดไม่ถึงว่าจะเป็อวี๋ซานที่เดิมควรจะถูกกักบริเวณอยู่ที่บ้าน!
“อาเสี่ยน เหตุใดเ้าจึง้าให้ข้าออกหน้ารับรองให้เฉิงชิงด้วย? หากเ้ามีแผนจะทำลายการสอบระดับอำเภอของเขา ข้าทำไม่ได้”
ที่จริงก็ไม่อาจโทษที่เฉิงกุยคิดมาก
วันสอบระดับอำเภอ นอกจากต้องตรวจสอบว่าผู้เข้าสอบไม่ได้นำโพยมาแล้ว บัณฑิตหลิ่นเซิงที่รับรองต้องมายังสนามสอบ ทุกครั้งที่เรียกถึงผู้เข้าสอบหนึ่งคน ก็ต้องเชิญบัณฑิตหลิ่นเซิงผู้รับรองมายืนยันว่าเป็ตัวผู้เข้าสอบหรือไม่ นี่เป็การกำจัดความเป็ได้ที่จะมีตัวปลอมมาสอบแทน
หากบัณฑิตหลิ่นเซิงแสดงความสงสัย ก็จะมีคนไปตรวจสอบหรือจับตัวผู้เข้าสอบในทันที ไม้ลงทัณฑ์ของโถงใหญ่เตรียมพร้อมไว้ให้ผู้เข้าสอบแล้ว!
เมื่อถึงเวลานั้นก็จะถือว่าเป็การตื่นตูม เฉิงชิงคงยากที่จะแสดงความสามารถทั้งหมดแล้ว การสอบสำคัญเช่นนี้ สภาพจิตใจส่งผลกระทบต่อผลการสอบสุดท้ายอย่างมาก
อวี๋ซานกลอกตา “ตัวข้าในใจเ้าคงเป็คนพาลไร้ยางอาย ้าจงใจใส่ร้ายผู้อื่นงั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าไม่ใช่…”
อวี๋ซานนิสัยไม่ดีก็จริง แต่เื่จงใจใส่ร้ายผู้อื่นไม่อาจทำ จนถึงตอนนี้เขาล้วนคิดอยากจะจับหาความผิดของเฉิงชิง
เฉิงกุยรีบเอ่ยขออภัยต่อสหายรัก “อาเสี่ยน ไม่ใช่ว่าข้าไม่คิดจะช่วยเ้า แต่ข้าไม่ยินยอมให้เ้าผลีผลามดำเนินการอีก เหมือนที่เข้าไปเยือนที่เรือนของเมิ่งไหวจิ่นยามวิกาล หากไม่ได้ผลีผลามเช่นนั้น ไหนเลยเ้าจะถูกสถานศึกษาพักการเรียนให้กลับบ้านไปสำนึกตน? ปีนี้มีการสอบระดับสำนักศึกษา อาจารย์ที่ครอบครัวเ้าเชิญมา ดีเทียบอาจารย์ของสถานศึกษาไม่ได้ ข้ากังวลว่าการเรียนของเ้าจะตกต่ำลง!”
อวี๋ซานขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “เมิ่งไหวจิ่นและเฉิงชิงต้องมีปัญหาแน่นอน พวกเขาทั้งสองมีความลับที่มิอาจให้ผู้ใดรู้ได้ ข้าเองก็เพิ่งรู้หลังจากเกิดเื่ น่าเสียดายที่เมิ่งไหวจิ่นรีบเผ่นไปเมืองหลวงแล้ว ไม่ให้ข้าจับพิรุธของเขาได้!”
ปัญหาใหญ่ที่สุดคือความสามารถของเมิ่งไหวจิ่น
ตัวอวี๋ซานเองั้แ่เล็กก็รักการใช้ดาบควงกระบอง เขารู้ตัวเองว่าไม่ใช่บัณฑิตอ่อนแอและยังเป็หมัดมวยกังฟู แต่ตอนที่สู้ตัวต่อตัวกับเมิ่งไหวจิ่น เขากลับไม่อาจรับมืออีกฝ่ายได้เลย
คืนนั้นบนยอดกำแพง เขาหลบไม่พ้นตอนเมิ่งไหวจิ่นทะยานขึ้นมาแทงกระบี่
หลังจากนั้นเมิ่งไหวจิ่นก็โยนเขาลงพื้นเหมือนยกลูกไก่ การเคลื่อนไหวรวดเร็วจนอวี๋ซานไม่ทันได้ตอบโต้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการป้องกันเลย!
หมัดมวยกังฟูของเขาเรียนมาจากผู้คุ้มกันภายในบ้าน ทั้งยังเคยเชิญอาจารย์ด้านการต่อสู้มาสอนหนึ่งปี เรียนบู๊ไม่ประหยัดเงินเท่าเรียนบุ๋น ร่างกายไม่ทนทาน เรียนไปก็ทำให้ตนเองฝึกฝนไปโดยเปล่าประโยชน์
ทำให้ร่างกายทนทานไม่ใช่เื่ง่าย ไม่เพียงต้องกินเนื้อทุกวัน ยังต้องใช้น้ำแกงยาสารพัดทำให้ร่างกายแข็งแกร่ง
ล้วนกล่าวกันว่าครอบครัวเมิ่งไหวจิ่นยากจน เล่าเรียนก็ต้องพึ่งเงินช่วยเหลือจากตระกูลเฉิง เช่นนั้นแล้วเขาเรียนกังฟูจากที่ใดกัน!
ก่อนที่เมิ่งไหวจิ่นจะยังไม่ผ่านจวี่เหริน ตระกูลเมิ่งมีเงื่อนไขที่สามารถสนับสนุนเขาให้เรียนบู๊ด้วยหรือ?
อวี๋ซานไม่ได้คิดสกปรกตัดแขนเสื้อระหว่างเมิ่งไหวจิ่นและเฉิงชิงแล้ว ความลับของพวกเขาทั้งสองไม่ใช่สิ่งนี้แต่เป็สิ่งอื่น
น่าเสียดายที่เขาไม่มีหลักฐาน ยามเขาเ็ปจากแผ่นไม้ นอนซมอยู่บนเตียงรักษาาแ เมิ่งไหวจิ่นก็ไปจากหนานอี๋แล้ว
หนีเร็วขนาดนั้น ย่อมต้องร้อนตัวเป็แน่!
เฉิงกุยส่ายหน้า การถูกตีและเก็บตัวสำนึกตนล้วนไม่อาจขัดขวางความคิดของอาเสี่ยน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ายิ่งยึดติดกับเฉิงชิง
ในเมื่อไม่ชอบเฉิงชิง แล้วไยต้องเชิญเขาไปออกหน้ารับรองด้วย?
เฉิงกุยมีความสงสัย แต่อวี๋ซานไม่ได้อธิบายอย่างละเอียด มองสีท้องฟ้าแล้วก็เอ่ยบอกกับเฉิงกุยอย่างเร่งรีบ
“ข้าต้องรีบกลับจวนไปให้ท่านพ่อเห็นหน้า ไม่อาจให้เขารู้ว่าข้าแอบหนีออกมาแล้ว!”
สรุปก็ไม่ได้เอ่ยว่าเหตุใดจึง้าให้เขาออกหน้ารับรอง
ศิษย์กลุ่มหนึ่งของสถานศึกษาหนานอี๋ร้องเรียน้าให้เ้าเมืองอวี๋อนุญาตให้เฉิงชิงเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ จากนั้นเ้าเมืองอวี๋ก็เดินทางมา ทั้งยังอนุญาตข้อเรียกร้องของศิษย์เ่าั้ เฉิงชิงไปลงชื่อที่ห้องพิธีการของที่ว่าการอำเภอแล้ว เื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง สุดท้ายก็ยังคงเป็เฉิงกุยที่ออกมารับรองให้เฉิงชิง…ฮูหยินผู้เฒ่าจูเมื่อได้ฟังข่าวนี้ พลันรู้สึกเหมือนมีหินก้อนใหญ่ติดขัดอยู่ในหน้าอกทันที
“เหลวไหล!”
นางด่าเ้าเมืองอวี๋ว่าเหลวไหล
ศิษย์กลุ่มหนึ่งที่ยังไม่มีคุณวุฒิทำให้เ้าเมืองอวี๋ลำบากใจ ถึงขนาดยอมถอยให้เช่นนี้
นางยังด่าหลานชายของตนที่อ่อนเยาว์ไม่รู้ความ
“กุยเกอคิดอะไรอยู่กันแน่ เื่นี้บัณฑิตหลิ่นเซิงคนอื่นล้วนหลีกหนี มาไม่ทัน คนเขายังชิงถือโอกาสขึ้นหน้า! ผู้ใดจะรู้ว่ายามสอบเ้าเดรัจฉานน้อยนั่นจะทำอะไร หากถูกจับตัว จะไม่เกี่ยวพันถึงกุยเกอด้วยหรือ?”
แม่นมโจวคิดในใจว่าคงไม่เลวร้ายขนาดนั้นกระมัง
ไม่ง่ายเลยกว่าเด็กคนนั้นจะมีโอกาสเข้าร่วมการสอบระดับอำเภอ ไหนเลยจะกล้าทุจริต
เฉิงชิงย่อมเป็เป้าหมายสำคัญที่ต้องจับตามองในสนามสอบ…
แต่ที่นายน้อยกุยออกหน้ารับรองให้เฉิงชิง คงจะไม่ได้หารือกับภายในบ้านมาก่อนจริงๆ
แม่นมโจวลองเอ่ยโน้มน้าว “บางทีนายน้อยกุยคงจะรู้ว่า ถึงอย่างไรเฉิงชิงก็สอบไม่ผ่านล่ะมั้งเ้าคะ จึงแสดงปณิธานต่อหน้านายอำเภอหลี่และเ้าเมืองอวี๋โดยไม่ลังเล? เ้าเด็กเวรเฉิงชิงผู้นั้นไม่ได้ไปมาหาสู่กับบ้านรองย่อมเป็คนใจแคบ แต่นายน้อยกุยบ้านเรามีปณิธาน กลับออกหน้าช่วยเขา คนนอกได้แต่เพียงชื่นชมนายน้อยกุยเ้าค่ะ”
กุยเกอเอ๋อร์คิดเช่นนี้จริงๆ น่ะหรือ?
อาการลมปราณติดขัดของฮูหยินผู้เฒ่าจูคลายลงเล็กน้อย
หากเป็เช่นนี้จริง กุยเกอก็นับว่ามีแผนการมากกว่าแต่ก่อน คิดอยากเรียกตัวเฉิงกุยมาสอบถาม คนเขาไม่ได้กลับมายังจวน แต่กลับไปยังสถานศึกษาแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าจูยัง้าจะกล่าวอะไรอีก สาวรับใช้คนหนึ่งก็มารายงานด้วยความยินดี
“ฮูหยินผู้เฒ่าเ้าคะ ท่านรองกลับมาแล้วเ้าค่ะ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าจูนิ่งอึ้ง แม่นมโจวสอบถามรายละเอียด “ท่านรองไหนกัน? ที่เ้าพูดคือท่านรองของที่บ้าน——”
“จือซวี่ลูกชายข้ากลับมาแล้ว?”
“ฮูหยินผู้เฒ่า เป็ท่านรองจริงๆ เ้าค่ะ บัดนี้อยู่ที่ประตูทางเข้า…”
ฮูหยินผู้เฒ่าจูโยนเื่อื่นไปไว้หลังสมองทันที
เหตุใดจือซวี่จึงกลับมาอย่างกะทันหัน?
ปีก่อนกล่าวว่าได้เลื่อนขั้นเป็เ้าเมือง บัดนี้ควรอยู่ระหว่างทางไปรับตำแหน่งสิ ฮูหยินผู้เฒ่าจูกังวลว่าอนาคตของบุตรชายจะเกิดอุปสรรคจึงรีบไปต้อนรับคนทันที ทั้งสองคนพบกันที่ครึ่งทาง เฉิงจือซวี่อายุสามสิบกว่าปี ไว้หนวดสั้น สมเป็วัยของบุรุษที่มีเสน่ห์มากที่สุด แม้เนื้อตัวจะเต็มไปด้วยฝุ่นผงจากการเดินทาง แต่ก็ยังไม่อาจปิดบังท่วงท่าความสง่างามไว้ได้
เมื่อพบฮูหยินผู้เฒ่าจูแล้วก็ถกชุดยาวคุกเข่า
“บุตรอกตัญญูคารวะท่านแม่! บุตรชายอกตัญญูจากบ้านไปหลายปี ไม่อาจปรนนิบัติท่านแม่ ทุกวันล้วนกังวลถึงท่าน”
ฮูหยินผู้เฒ่าจูเองก็น้ำตาคลอจนพร่าเลือน ประคองเฉิงจือซวี่ขึ้นมาด้วยมือตนเอง
เฉิงจือซวี่ประคองฮูหยินผู้เฒ่าจูไปที่ห้อง เฉิงจือซู่สองสามีภรรยาพอได้รับข่าวก็เร่งมา ภายในห้องมีแต่คนกันเอง ฮูหยินผู้เฒ่าจูก็ไม่สนใจธรรมเนียม เอ่ยถามเฉิงจือซวี่ถึงสาเหตุของการกลับมาทันที
“หรือว่าเกิดเื่อะไรขึ้น?”
นางกลัวที่สุดว่าเส้นทางอนาคตของบุตรชายจะเกิดอุปสรรค
ตอนเดือนสิบสองกล่าวว่าได้เลื่อนขั้น ยามนั้นครอบครัวเฉิงชิงยังไม่ถูกกักบริเวณ ผู้ตรวจการพิเศษที่ราชสำนักส่งมาสืบสวนก็ยังมาไม่ถึง อย่าบอกนะว่าผีโชคร้ายเฉิงจือหย่วนยังเอาบุตรชายของนางไปเกี่ยวข้องด้วย?
เฉิงจือซู่และนางหวงสีหน้าเป็กังวล
เฉิงจือซวี่หลุดหัวเราะ “ท่านแม่อย่าได้กังวลไป ไม่ได้เกิดเื่ไม่คาดฝัน เป็ลูกที่คิดถึงท่านแม่ เดินทางไปรับตำแหน่งได้ครึ่งทางก็ตั้งใจอ้อมกลับมาบ้านเพื่อเยี่ยมเยียน!”
คนทั้งห้องจึงได้วางใจลงแล้ว
ฮูหยินผู้เฒ่าจูยังถามถึงนางจงผู้เป็สะใภ้รอง เฉิงจือซวี่กล่าวว่าภรรยาและคนอื่นๆ ยังอยู่ที่ท่าเรือ ั้แ่เขารับราชการก็มีสมบัติครอบครัวกลับมาไม่น้อย นางจงต้องนำข้ารับใช้ในบ้านมาจัดการ
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวว่าดีหลายครั้งติดต่อกัน
เฉิงจือซวี่พึมพำสั้นๆ “ตอนข้าเพิ่งลงจากเรือก็ได้ยินแล้ว บัดนี้แม้แต่เ้าหน้าที่ท่าเรือก็รู้จักชื่อ ‘เฉิงชิง’ พี่ใหญ่ให้กำเนิดบุตรชายที่มีอนาคตไกลเช่นนี้ หากล่วงรู้ถึงในปรโลกก็คงจะตายตาหลับแล้ว!”
