่ไม่กี่วันมานี้ จื่อเจี้ยนหลานแลกเปลี่ยนวิทยายุทธ์ของสำนักอิ่นเซียนกับหนานฟาง ทำให้หนานฟางเข้าใจวิชามีดบินของสำนักอิ่นเซียนได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และจื่อเจี้ยนหลานเองก็ได้เรียนรู้เคล็ดอสูรร่ำไห้จากอีกฝ่ายเช่นกัน เพียงแต่เธอไม่ชอบการคร่าชีวิตผู้อื่น เธออยากใช้ชีวิตแบบทำอาหารกับชูชู นั่งดูโทรทัศน์ให้ผ่อนคลาย
หลังจากนำซุปไก่ออกมาวางบนโต๊ะ หญิงสาวก็สูดลมหายใจเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง ก่อนเงยหน้าสบตาเย่เฟิง เดิมทีแววตาของเธอเปี่ยมไปด้วยความสดใสและสงบ ทว่าฉับพลันนั้นก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง หญิงสาวเอียงตัวหาเย่เฟิง ก่อนทำท่าสูดดม สักพักก็มีสีหน้าประหลาด
“มีอะไรเหรอ?”
เมื่อเย่เฟิงเห็นท่าทีของอีกฝ่ายจึงนึกสงสัย จากนั้นก้มมองตัวเอง เหมือนว่าไม่มีอะไรผิดปกติไม่ใช่เหรอ?
จื่อเจี้ยนหลานไม่อธิบายอะไร เธอเพียงทำสัญญาณมือบอกให้เขา ‘เงียบ’ เตือนเย่เฟิงว่าอย่าเพิ่งพูดอะไร จากนั้นเอียงตัวเข้ามาสูดดมอีกครั้ง ใบหน้าสวยเผยความมั่นใจอะไรบางอย่าง เธอดึงข้อมือเย่เฟิง ลากเขาออกไปนอกบ้านเงียบๆ
เย่เฟิงเดาว่าเธอคงกลัวจิตหยั่งรู้ของหลงหว่านเอ๋อร์ตรวจพบเข้า ท่าทางแบบนี้ยิ่งดูมีพิรุธ เธอมีบางอย่างอยากบอกเขาหรือเปล่า? หรือการที่เขากลับมาครั้งนี้มีอะไรผิดปกติ?
เมื่อชายหนุ่มคิดได้เช่นนั้น จึงเอ่ยปากบอกชูชู “เดี๋ยวผมกับจื่อเจี้ยนหลานจะออกไปซื้อน้ำนะครับ”
“โอเคจ้ะ”
น้ำเสียงอ่อนโยนของชูชูดังออกมาจากห้องครัว ทำให้ผู้คนรับรู้ถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนของเธอ
เย่เฟิงเดินตามจื่อเจี้ยนหลานออกไป พบว่าหญิงสาวชุดม่วงยืนรอเขาอยู่ตรงลานหน้าบ้าน สายลมพัดภายใต้ความเงียบสงบยามค่ำคืน ดวงตาใสบริสุทธิ์มองเย่เฟิงพร้อมรอยยิ้ม
เย่เฟิงเดินเข้าไปหาเธอ จากนั้นทั้งคู่ก็ออกจากวิลล่าชิงเฟิงไปด้วยกัน เมื่อห่างจากบ้านมาไกลกว่าสองร้อยเมตร พวกเขาค่อยโล่งใจ
เย่เฟิงคิดว่าตนจำเป็ต้องพัฒนาระดับพลังให้เร็วขึ้น ไม่อย่างนั้นคงถูกหลงหว่านเอ๋อร์กดข่มอยู่อย่างนี้ มันรู้สึกค่อนข้างอึดอัด ตราบใดที่ระดับพลังของเขามากกว่าระดับพลังครึ่งหนึ่งของหลงหว่านเอ๋อร์ เขาย่อมสามารถปิดกั้นการใช้จิตหยั่งรู้จากอีกฝ่ายได้ หรือกล่าวได้ว่า หากตอนนี้หลงหว่านเอ๋อร์มีระดับพลังยี่สิบห้าปี เพียงเย่เฟิงมีระดับพลังสิบเจ็ดปีขึ้นไป เขาก็ไม่ต้องกลัวจิตหยั่งรู้ของอีกฝ่ายแล้ว
“มีอะไรหรือเปล่าเจี้ยนหลาน บนตัวฉันมีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?”
เย่เฟิงถอนหายใจก่อนถามขึ้นทันที
“พี่เย่ บนตัวพี่มีกลิ่นของผู้หญิงคนอื่น หรือเมื่อกี้พี่ออกไปข้างนอกกับใคร...”
ระหว่างพูด ใบหน้าของจื่อเจี้ยนหลานก็แดงซ่าน เห็นได้ชัดว่าการที่สาวน้อยไร้เดียงสาอย่างเธอพูดเื่ช่นนี้ดูจะไม่ค่อยเหมาะสมนัก
อย่างไรก็ตามเธอเป็ห่วงเย่เฟิงจากใจจริง โดยคิดว่าหากหลงหว่านเอ๋อร์หรือซูเมิ่งหานรู้เื่นี้เข้า อาจเกิดปัญหาใหญ่ได้ จึงลากเย่เฟิงออกมาก่อน อธิบายให้เขาเข้าใจ เพื่อให้เขาเตรียมพร้อม
เมื่อเย่เฟิงได้ยินดังนั้นพลันใ เป็ไปไม่ได้ มันชัดเจนขนาดนั้นเชียวเหรอ? แน่นอนว่าเขาเพิ่งนัวเนียกับเซียวเยว่ แต่พวกเขายังไม่ได้เลยเถิดไปถึงขั้นนั้น จึงยังไม่พร้อมจะบอกเื่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเซียวเยว่ออกไป ชายหนุ่มไม่คิดว่าน้องเจี้ยนหลานจะรอบคอบถึงขั้นรู้ได้จากการดมกลิ่น นับว่าเย่เฟิงยังโชคดีอยู่บ้าง เพราะหากหลงหว่านเอ๋อร์จับได้ คงไม่ใช่เื่ดีแน่
“ไม่มีอะไรหรอก เธออย่าคิดมากเลย” เย่เฟิงเหงื่อตก “ฉันเพิ่งไปกินข้าวกับสองพี่น้องตระกูลเซียวมา กินเสร็จก็กลับเลย...”
“อ้อ” จื่อเจี้ยนหลานเผยยิ้ม ไม่ได้ถามอะไรอีก ก่อนกล่าว “งั้นก็กลับไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ อาบเสร็จก็ดื่มซุปสักหน่อย”
“โอเค”
เย่เฟิงพยักหน้า ในใจลึกๆ รู้สึกว่าเด็กสาวช่างใส่ใจ ไม่ว่าเื่อะไรก็คำนึงถึงเขาตลอด กระทั่งเื่นี้ก็ยังช่วยปกปิด
ภายใต้แสงจันทร์ คนทั้งสองเดินกลับเข้าหมู่บ้านชิงเฟิงด้วยท่าทีผ่อนคลายไม่เร่งรีบ ทำให้พวกเขาดูราวกับคู่รักที่กำลังเดินเล่นใต้แสงจันทร์ ดูรักใคร่กลมเกลียว หากใครเห็นเข้า ล้วนต้องคิดว่าพวกเขาเป็คู่รักกันแน่นอน
เมื่อกลับถึงบ้าน เย่เฟิงก็รีบร้อนเข้าไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เสื้อผ้าทั้งหมดถูกโยนลงเครื่องซักผ้า ชายหนุ่มออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่ จากนั้นดื่มซุปเล็กน้อย ก่อนนำซุปขึ้นไปให้หลงหว่านเอ๋อร์และซูเมิ่งหาน
ตอนที่เห็นหลงหว่านเอ๋อร์ สายตาของเธอเปี่ยมล้นด้วยความสุข แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เมื่อเธอดื่มซุปเสร็จก็เข้านอน ท้ายที่สุดเย่เฟิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
…………
เช้าวันต่อมา เย่เฟิงถูกหลงหว่านเอ๋อร์พยายามลากลงจากเตียง
“มีแขกมา”
หลงหว่านเอ๋อร์ปลุกเขา แต่เธอยังคงนอนอยู่บนเตียง ทั้งยังมองเขาด้วยรอยยิ้ม
เย่เฟิงไม่มีทางเลือก ชายหนุ่มใช้จิตหยั่งรู้กวาดมองจึงพบรถสีดำเข้ามาในวิลล่าชิงเฟิง และตรงมายังบ้านพักของพวกเขา คนที่อยู่ในรถคันนั้นล้วนเป็คนที่เขารู้จัก ผู้นำตระกูลเซียว พ่อของเซียวฉี่และเซียวเยว่ เซียวเต๋อเฉิง
เขามาทำอะไร?
เย่เฟิงครุ่นคิด คงไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนหรอกนะ? ไม่สิ เขายังไม่ได้มีอะไรกับเซียวเยว่สักหน่อย?
เพียงไม่นานชายหนุ่มก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มาเพราะเหตุการณ์เมื่อคืน แต่มาเพื่อขอบคุณ
เื่แรกเนื่องจากเขาช่วยตระกูลเซียวให้รอดพ้นจากการบีบบังคับของหลินเหรินเทียน ทั้งยังช่วยชีวิตลูกสาวของเขาทั้งสองคนหลายครั้ง ตลอดมาเซียวเต๋อเฉิงเป็ห่วงลูกสาวทั้งสองมาก ก่อนหน้านี้ที่เย่เฟิงช่วยลูกสาวของเขา เขาล้วนจดจำได้ไม่ลืม
เื่ที่สอง ตอนเย็นที่เย่เฟิงไปกินข้าวกับลูกสาวทั้งสองของเขา อีกทั้งสั่งสอนจ้าวเหรินเจี๋ยและเซียวลี่ลี่ด้วย ทำให้เซียวเต๋อเฉิงชื่นชมเขามาก
จากนั้นก็ได้ฟังสิ่งที่เซียวเต๋อเฉิงเล่า ความจริงแล้วเขาไม่เห็นด้วยกับเื่การจับคู่ระหว่างเซียวเยว่และจ้าวเหรินเจี๋ย แต่ตระกูลจ้าวเคยช่วยเหลือตระกูลเซียวตอนประสบปัญหา ดังนั้นเขาจำเป็ต้องตอบแทนด้วยวิธีนี้ เมื่อคืนหลังจากเซียวเยว่กลับบ้านมา เธอแสดงออกชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยเื่ที่จะให้เธอแต่งงานกับจ้าวเหรินเจี๋ย ในเวลาเดียวกันเธอแสดงท่าทีชื่นชอบเย่เฟิงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เซียวเต๋อเฉิงเข้าใจความรู้สึกของลูกสาว
เมื่อเป็เช่นนี้ เซียวเต๋อเฉิงจึงคิดเปลี่ยนวิธีการตอบแทนตระกูลจ้าวใหม่ เขาตัดสินใจแบ่งทรัพย์สินบางส่วนให้ตระกูลจ้าว ซึ่งทรัพย์สินส่วนนี้มีมูลค่าเป็สามเท่าของที่ตระกูลจ้าวเคยช่วยเหลือเขา วิธีนี้ย่อมเป็การตอบแทนอีกฝ่ายได้ หากตระกูลจ้าวไม่พอใจ เซียวเต๋อเฉิงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไม่สนใจพวกเขาอีก
“เื่ที่นายวางยาพิษหลินเหรินเทียน มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ” ก่อนจากไป เซียวเต๋อเฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในฐานะผู้าุโทเขาจึงลองแนะนำเย่เฟิงเกี่ยวกับผลได้และผลเสียที่อีกฝ่ายจะได้รับ “หลินเหรินเทียนเป็บุคคลสำคัญของประเทศ ไม่ว่ายาพิษชนิดใดก็ไม่อาจคร่าชีวิตเขาได้ ทำเช่นนี้ยิ่งเป็การเพิ่มความคับแค้นที่เขามีต่อนาย...”
“ลุงเซียววางใจเถอะครับ ผมรู้ขอบเขตของผมดี” เย่เฟิงยิ้มบาง
หากเป็พิษใจสลายทั่วไป เย่เฟิงคงไม่มั่นใจมากขนาดนี้ แต่เขาผสมพิษสูตรพิเศษจากโลกเทวะลงไปในพิษใจสลายแล้ว พิษของมันย่อมไม่ธรรมดา!
หากเป็ไปตามคาด หลินเหรินเทียนก็ควรมาวิลล่าชิงเฟิงในบ่ายวันนี้ เพื่อคุกเข่าขอโทษเขาไม่ใช่เหรอ?
เย่เฟิงยกยิ้ม รู้สึกสนุกกับเื่ที่คิด หากอีกฝ่ายไม่มา พรุ่งนี้หนังสือพิมพ์คงพาดหัวข่าวการเสียชีวิตของผู้พิพากษาของเมืองเยี่ยนจิงที่ถูกสังหารจากยาพิษ...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้