ผมว่าผมทำตัวปกตินี่แหละ ทั้งที่ในใจก็แอบตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยหากต้องเจอหน้าพี่หลงจริงๆ ในเช้านี้ ผมยังคิดเลยว่าตัวเองทำไปได้ไงกับเื่เมื่อคืน ทุกอย่างมันดูจะกล้าเกินไปและไวมาก กับความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืน และเหมือนว่ามันไม่ได้มีความหมายอะไรกับพี่หลงเลยสักนิด สำหรับพี่หลงแล้วก็แค่ความอยากเพียงชั่วครู่เพื่อให้ได้ปลดปล่อยก็เท่านั้น
แต่สำหรับผม มันไม่ใช่แค่นั้น ผมมองว่า
พี่หลงคือของผมไปแล้ว!
อาจจะมองว่าเป็ของเราอยู่ฝ่ายเดียว แต่ผมว่าผมก็ไม่ได้แคร์นะเพราะผมก็ชอบพี่เขาอยู่ฝ่ายเดียวก็ได้ มันไม่สำคัญว่าพี่เขาจะชอบตอบผมหรือเปล่า ขอแค่ได้แอบชอบอยู่แบบนี้ผมก็โอเคแล้วละ
มันดีมากแล้วสำหรับเด็กที่ยังไม่รู้ที่มาที่ไปอย่างผม แถมยังจำอะไรไม่ค่อยได้อีก
“เฮ้ย โชน ทางนี้”
นอตโบกมือเรียกเมื่อเห็นว่าเด็กมันกำลังมองหากลุ่มตัวเองอยู่ ทั้งสามที่กำลังช่วยกัน ถอดแยกชิ้นเครื่องยนต์ เพื่อที่จะส่งชิ้นส่วนต่างๆ ที่ต้องซ่อมไปยังแผนกอื่นต่อไป พันแสงที่มุดอยู่ใต้ท้องรถกับปายสองคน โชนมองพี่ๆ ทำงานแล้วก็ดูสนุกดี ตัวเองก็อยากลองดูบ้าง
“พวกพี่จะให้ผมเริ่มทำอะไรดีครับ”
“มึงเห็นกองเครื่องมือ ที่มันกองอยู่ตรงนั้นมั้ยโชน”
นอตชี้ให้ดู โชนถึงกับยิ้มแห้งๆ เมื่อเห็นกองเครื่องมือรู้เลยว่าพี่เขาจะให้ทำอะไร นอตบอกให้ทำความสะอาดทีละชิ้น
“เรียนรู้เื่เครื่องมือขั้นพื้นฐานไปก่อน ง่ายสุดก็ทำความสะอาด แล้วก็เก็บเข้ากล่อง ส่วนมากที่อยู่ตรงนั้นก็เป็ชุด ประแจและบล็อกทั้งนั้นแหละ”
“ไอ้นอตมันี้เีเก็บนะสิ” พันแสงะโออกมาทั้งที่ยังอยู่ใต้ท้องรถ
“แหม ตั้งหลายกล่องอยู่ตรงนั้น ของกูคนเดียวเลยมั้ง”
นอตที่แกล้งคลำบริเวณเป้ากางเกงของพันแสง
“ไอ้นอต ไอ้ตัวแสบมึงเอามือออกไปเลย ไอ้เพื่อนชั่ว”
ทั้งสี่หัวเราะออกมาพร้อมกัน กลายเป็ว่าเสียงดังสุดกว่าที่อื่นๆ ที่เขาทำงาน จนเ้าของอู่สุดหล่อต้องเดินมาดูว่าทำอะไรกัน อาหลงที่เพิ่งกลับมาจากทำธุระใน่เช้า ยังอยู่ในชุดเสื้อหนังถุงมือและหมวกกันน็อกเดินเข้ามาหา โดยที่สายตาไม่ได้หันไปที่โชน
“เสียงดังกว่าที่อื่นเลยพวกมึง มีเื่อะไรให้ฮานักหนา”
“มาถึงก็วีนเลยนะครับลูกพี่” ปายไถตัวเองออกมาจากท้องรถด้วยสภาพที่เปื้อนเขรอะเต็มเสื้อผ้า
“แหม ความจริงไปเจอหวานใจมาไม่น่าจะอารมณ์เสียนะ น่าจะอารมณ์ดีแล้วก็น่าจะสบายตัวมากกว่า”
“เฮ้ยพี่ ไม่ได้เจอกันเป็เดือนถามจริงเลยนะ…”
“นี่แน่ะถามจริงมาเขกหัวสักที ชอบสอดรู้สอดเห็นเื่ชาวบ้านนะพวกมึง”
ปายเลยโดนเขกหัวไปทีหนึ่ง ทั้งสามคนที่แซวอาหลงกันใหญ่ เื่ที่ไปรับเพื่อนสนิทที่สนามบินวันนี้ ความจริงแล้วที่น้องๆ มันพากันแซวว่าหวานใจก็ไม่ผิดหรอก พันแสงที่แซวหนักสุดหาว่าเขาลุกขึ้นั้แ่เช้าเพื่อแต่งตัวไปหาแฟนบ้างละ ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับบ้างละ อาหลงที่เท้าสะเอวมองลูกน้องแซวแล้วก็พูดไปเรื่อย
“พวกผมคิดว่าวันนี้พี่น่าจะไม่กลับ น่าจะนอนโน่น”
“บ้านกูอยู่นี่โว้ย” อาหลงที่เริ่มหน้าแดงเพราะลูกน้องแซวไม่เลิก
“พวกผมเฝ้าอู่ให้ก็ได้ มันไม่ไปไหนหรอก น่าจะไปเฝ้าแฟนมากกว่านะครับ”
แล้วเสียงทั้งสามก็เฮลั่นอย่างสนุกสนานกับการได้แกล้งแซวลูกพี่อย่างอาหลง ปากหูและตัวอยู่คุยกับลูกน้องสามคนก็จริง แต่สายตากลับมองไปที่โชน เด็กหนุ่มเหมือนไม่ได้ใส่ใจว่าเขากลับมาแล้ว ยังคงก้มหน้าก้มตาเก็บเครื่องมืออย่างเงียบๆ ดูเหมือนว่ากำลังตั้งใจ แต่ที่จริงแล้วภายในใจตอนนี้มันร้อนรุ่มไปหมด เมื่อได้ยินเื่ที่พี่ๆ เขาแซว สมองของโชนตอนนี้เริ่มสั่งการไม่รู้เื่วางเครื่องมือสลับกันไปหมด แต่ยังคงทำหน้านิ่งทำเหมือนไม่สนใจ
“แล้วนั่นให้โชนมันทำอะไร”
“ผมให้มันช่วยเก็บเครื่องมือ จะได้เรียนรู้เครื่องมือไปด้วยเลย”
“เรียกมันมามั้ยพี่”
“ไม่ต้องอะ เดี๋ยวเข้าออฟฟิศไปเคลียร์เอกสารแล้ว”
อาหลงเลือกที่จะไม่เข้าไปหา แต่กลับมานั่งมองโชนอยู่ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง หลงเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องว้าวุ่นใจกับเื่เด็กโชนด้วย เขาไม่สามารถที่จะอ่านเอกสารรู้เื่ ั้แ่เกิดเื่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้คุยกับโชนเลย บางทีก็นึกกระดากปากไม่กล้าเข้าไปทัก ความจริงมันค่อนข้างเป็เื่ปกติมากๆ ถ้าเขาจะมีความสัมพันธ์กับใครสักคนแบบรวดเร็วฉับพลัน แล้วก็ต่างคนต่างไป แต่กับโชนเขากลับไม่คิดแบบนั้น
“เฮ้ยโชน ทำไมดูเงียบๆ วะ พี่หลงมาไม่เห็นเหรอ”
พันแสงเช็ดเนื้อเช็ดตัวเตรียมพักกินข้าว
“ผมไม่มีอะไรจะพูดนะครับพี่ แล้วผมก็เห็นแล้วว่าพี่เขามา”
ปายที่รีบเล่าว่า วันนี้หวานใจพี่หลงเขากลับมาจากต่างประเทศ พี่หลงก็เลยไปรับ แล้วก็คงดีใจมากๆ เพราะไม่ได้เจอกันเป็เดือนแล้วด้วย
แต่นอตที่พูดแทรกว่า ไม่ใช่หวานใจแต่เป็อดีตต่างหาก ทั้งคู่เลิกกันแล้วแต่ยังสถานะเพื่อนกันไว้ก็เท่านั้น
ส่วนพันแสงที่พูดขึ้นว่า ถ่านไฟเก่ามันรื้อฟื้นได้เสมอแหละใครจะไปรู้ เพราะแต่ก่อนพี่หลงก็หลงแฟนคนนี้หนักมากๆ มีหรือที่จะไม่กลับมาสานสัมพันธ์อีกครั้ง
“อ้าว ไปไหนโชน ไม่กินข้าวก่อนเหรอ ไปกินข้าวกัน”
“ผมว่าจะไปหาที่งีบสักหน่อยรู้สึกง่วงยังไงไม่รู้”
“เอางั้นเหรอ นอนก่อนแล้วค่อยตื่นมากินก็ได้ถ้างั้น”
“ครับพี่”
ทั้งสามคนที่มองโชนอย่างเป็ห่วง คิดว่าโชนคงจะเริ่มจำเื่ราวได้แล้วหรือเปล่าก็เลยออกอาการเหงาๆ และอาจจะอยากกลับบ้านแน่เลย
“เอาจริงนะ ไม่ใช่ไอ้โชนที่แปลก โน่นพวกมึงดูโน่น กูเห็นนั่งมองเอกสารที มองมาที่อู่ทีมองใครวะ”
“เออจริง เหมือนพี่แกไม่มีสมาธิ คิดถึงแฟนละมั้งอย่าไปสนใจคนมีแฟนเลยวะ ไปกินข้าวกัน”
โชนที่ปลีกตัวออกมานอนเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ เอามือกุมหัวใจตัวเองที่ยังเต้นแรงไม่หยุด เด็กหนุ่มค่อยๆ ลูบเหมือนกำลังปลอบใจตัวเองอยู่และโอ๋ตัวเองไม่ให้รู้สึกเสียใจกับเื่ราวที่ได้ยินมา และกำลังบอกตัวเองว่าเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันเป็ความพอใจ และสมัครใจของตัวเอง แล้วเช้านี้เขาก็ไปหาแฟนเขาแล้ว พี่หลงมีแฟนแล้ว อย่าไปยุ่งกับพี่เขาอีก
“ทำไมต้องรู้สึกเสียใจขนาดนี้วะ”
เด็กหนุ่มได้แต่พูดกับตัวเอง เอาหมวกใบใหญ่สีขาวปิดหน้าเพื่อที่จะข่มตาให้หลับ จะได้ไม่ต้องคิดถึงเื่ตัวเองกับอาหลงอีก
ในห้องทำงานของอาหลง ที่นั่งรอดูว่าโชนจะเข้ามาเอากล่องข้าวหรือเปล่า เขานั่งมองกล่องข้าวน้อยๆ นั้นนานแล้วคิดว่าจะตัดสินใจเดินเอาไปให้ หรือว่าจะไปเรียกมากินที่นี่ดี ชายหนุ่มยืนมองออกไปยังเห็นโชนนอนราบไปกับโต๊ะหินอ่อน
“ท่าทางจะหลับ มันไม่หิวข้าวหรือไงวะ”
ในใจก็นึกเป็ห่วงที่เด็กไม่ยอมมากินข้าว หรืออีกใจหนึ่งก็รู้แล้วละว่าโชนน่าจะ้าหลบหน้าเขาด้วย อย่าว่าแต่โชนทำตัวไม่ถูกเลยเขาเองก็ทำตัวไม่ถูก
พันแสงมองหาเด็กหนุ่มเพราะหมดเวลาพักแล้ว
“โชน เฮ้ย! หลับลึกเหมือนกันนะเรา ทำงานหมดเวลาพักแล้ว”
“เหรอครับ”
“โห มึงหลับจริงจังมากเลยนะเนี่ย นอนน้อยหรือไงเมื่อคืน”
โชนรีบใส่หมวกลุกขึ้นอย่างเร็วเมื่อเจอพันแสงถามแบบนั้น และพยายามไม่มองหน้าเพราะกลัวว่าอีกคนจะรู้ความลับของตัวเองกับอาหลงเข้า
“แล้วมึงเล่นนอนไม่กินข้าว ไม่หิวไง”
“ผมไม่ได้ออกแรงเหมือนพวกพี่ ไม่เป็ไรหรอกครับ”
ในขณะที่สองคนกำลังคุยกันอยู่ อาหลงที่เดินเข้ามาหาพร้อมกับกล่องข้าวที่ยื่นให้ พันแสงที่รู้ว่าอาหลงน่าจะไม่พอใจเด็กโชนแล้วละ เพราะตัวเองรู้ดีว่าพี่หลงไม่ชอบที่จะให้ใครอดข้าวอดน้ำเวลาทำงาน เลยแตะไหล่ของโชนแล้วตัวเองก็ชิ่งเดินหนีไปก่อน ปล่อยให้ทั้งสองที่ยืนจ้องหน้ากันเขม็งต่างคนต่างมอง แต่คนละความรู้สึกแน่ๆ
“กินข้าวให้เสร็จ จะได้ไปทำงาน”
“ผมไม่หิวครับ”
“มึงกวนตีนกูเหรอ”
“ผม…กวนตีนพี่ตรงไหนก็แค่บอกว่าไม่หิวข้าว”
โชนที่มองสู้สายตาอันแข็งกร้าวบวกกับโมโหนั้นไม่ยอมถอยเช่นกัน ทั้งสามคนที่ยืนอยู่ที่อู่ซ่อมรถต่างจ้องมองมาที่สองคน
“เฮ้ย มึงว่าสองคนนั้นจะต่อยกันมั้ยวะ”
พันแสงทำหน้าสงสัยเพราะดูเหมือนสองคนนั้นจะกินเืกินเนื้อกันยังไงไม่รู้
“จริงว่ะ แล้วพี่หลง หน้าเขาทำไมโมโหอะไรขนาดนั้นวะนะ แค่เด็กมันไม่กินข้าว” ปายวางอุปกรณ์แล้วหันมาสนใจอีกคน
“หรือมันมีอะไรระหว่างสองคนนั้นที่เราไม่รู้วะ”
“อะไร? วะ ที่เราไม่รู้ ไอ้นอต”
“ก็ถ้ารู้จะยืนสงสัยกันอยู่นี่ป้ะล่ะ ถามไม่คิดนะไอ้พันแสง” ปายเลยทุบนอตเข้าให้ก็นึกว่าเพื่อนจะรู้
โชนที่เปลี่ยนใจนั่งลงกับโต๊ะหินอ่อน เปิดกล่องข้าวออกมา แล้วตักข้าวใส่ปาก โดยมีอาหลงที่ยืนดูอยู่ไม่ห่าง เด็กหนุ่มที่รู้สึกอึดอัดที่เขาจะพูดอะไรก็ไม่พูด ได้แต่หายใจแรงกอดอกมองอยู่ได้ อาหลงที่รอให้เด็กมันพูดก่อนแต่ก็ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมา
“พี่กินข้าวหรือยังครับ”
เสียงที่เหมือนทำลายกำแพงความเงียบ โชนเลือกที่จะพูดก่อนเพราะคิดว่าตัวเองมาอาศัยเขาอยู่ ก็ไม่น่าที่จะทำนิสัยแบบนี้ใส่เ้าบ้าน มันอาจจะทำให้เขาถูกไล่ไปอยู่ที่อื่นก็ได้ เท่านั้นแหละอาหลงที่เหมือนข้างในจะะเิเพราะความเงียบ ก็รู้สึกดีขึ้น โล่งอก และสบายใจขึ้นมาทันทีเมื่อเด็กมันเอ่ยถามก่อน
“ยัง เดี๋ยวว่าจะไปหากินอยู่”
ด้วยความที่ทางร้านประจำที่ทำข้าวกล่องส่งเห็นว่าเขาไม่อยู่ออกไปข้างนอกก็เลยทำแค่สี่กล่องไม่คิดว่าเขาจะกลับ ใน่เช้าเลย ความจริงเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะกลับอู่วันนี้ด้วยซ้ำ แต่บางทีก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรีบกลับ ทั้งๆ ที่เพื่อนเขาก็รั้งว่าให้อยู่ด้วยกันก่อน และบอกให้ค้างที่นั่นด้วยซ้ำ
“อะ อ้ำ อ้าปาก”
โชนตักข้าวทำท่าป้อน เด็กหนุ่มที่เปลี่ยนเป็หน้าตาสดใสเหมือนเดิม ใบหน้าที่ยิ้มแย้มจน เขาเองยังอดมองรอยยิ้มอันน่ารักนั้นไม่ได้
“อะไรของมึง ก็กินไปสิ”
“ไม่ ก็กินด้วยกันนี่ไงครับ อ้าว อ้าปากเลย”
“บ้า จะมาป้อนทำไม โตแล้วไม่ใช่เด็กๆ”
อาหลงแก้มแดงเรื่อรู้สึกเขินอายเมื่ออีกคนจะป้อนข้าว รีบจับช้อนหันให้ไปเข้าปากคนป้อนแทน
“กินเข้าไปเลย จะได้โตๆ”
เขาขำกับท่าทาง และข้าวที่มันเต็มปากจนเคี้ยวไม่ได้
“เอาน้ำมั้ย เดี๋ยวข้าวติดคอกูซ้ำจริงๆ ด้วย”
กลายเป็ว่าทั้งคู่ก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน ทำลายความเงียบความอึมครึมไปได้ โชนยังไม่ละความพยายามที่จะป้อนข้าวอาหลง
“เอานี่ ผมให้พี่กินเนื้อหมูเลยนะ อ้ำก่อน”
ข้าวที่ป้อนจนจะถึงปาก กับความอ้อนของเด็กทำให้เขาใจอ่อนเลยอ้าปากกินข้าวที่เด็กมันป้อน
“ก็แค่นี้เอง อร่อยมั้ยครับ”
“ก็ร้านเดิมเปล่าวะ มันก็รสชาตินี้”
“เปล่าครับ กินข้าวกับผมอร่อยมั้ย?”
อาหลงมองหน้าอันจิ้มลิ้มของโชน แอบแพ้ความแพรวพราวของมันที่ส่งสายตามาให้ตลอดเวลา
“ก็…อร่อยดี” โชนฉีกยิ้มกว้างมากกว่าเดิมเมื่อได้รับคำตอบจากปากพี่หลงของเขา
“ถ้าอร่อยก็กินอีกครับ”
“มาเดี๋ยวกูกินเอง”
“ไม่เอาครับ ผมอยากป้อน อ้าปาก”
“มึงนี่นะ”
อาหลงที่ยิ้มแบบเอียงอาย ตาที่มองไปรอบๆ เพราะกลัวใครเขาแอบดูเดี๋ยวจะเอามาล้อได้ แต่เมื่อมองแล้วไม่เห็นมีใครก็ยอมกินข้าวที่โชนมันป้อนเรื่อยๆ ทั้งสองกินข้าวด้วยกันจนหมดกล่อง สลับกันดูดน้ำในขวดไปมา โชนได้แต่ยิ้มอย่างพอใจเมื่อมองที่ช้อนก็ใช้อันเดียวกัน ไหนจะหลอดดูดน้ำก็หลอดเดียวกัน เด็กหนุ่มยิ้มและคิดอย่างมีความสุขอยู่คนเดียวปากอิ่มๆ ของอาหลงที่ก้มลงดูดน้ำกับหลอดเดียวกัน ทำให้โชนแอบคิดไม่ได้ว่าตัวเองกำลังจูบ…กับพี่หลง
“อะไรของมึง ยิ้มเป็หมาโดนวางยา” อาหลงที่ชอบพูดดักอารมณ์แห่งความสุข
“พี่เคยเห็นหมาตอนโดนวางยาหรือไงเล่า”
“ก็มึงนี่ไง นั่งยิ้มอยู่ได้”
โชนจับมือขาวเนียนของอาหลงมองเข้าไปในดวงตาของเขา มองแก้มที่แดงเรื่อนั้นอย่างชอบใจ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้รู้สึกเขินอายอยู่คนเดียว พี่หลงก็เขินอายไม่แพ้กัน
“พี่ก็ยิ้มเหอะ ยิ้มจนแก้มแดงหมดแล้วเนี่ย”
อาหลงรีบจับแก้มตัวเองทันที เพราะไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองแสดงอาการแบบนั้นออกมาได้ไง รีบลุกขึ้นปรับสีหน้าให้เหมือนเดิม แล้วบอกว่ากินข้าวเสร็จก็กินยาด้วย แล้วก็ไปทำงาน
“ครับผม”
เขามองใบหน้าที่ยิ้มจนปากบาน ยิ้มจนตาปิดเพราะความตี๋ ยิ้มจนเห็นฟันทั้งหมดปากนั่น มันทำให้เขาต้องยิ้มตอบออกไป แต่ก็ต้องถามต่อเมื่อสงสัยว่าเด็กมันเก็บช้อนกับหลอดไว้ทำไมไม่ทิ้ง
“ถังขยะก็มี ไม่ทิ้ง”
โชนยื่นหน้าเข้าไปใกล้เกือบชิดกับริมฝีปาก ถ้าอาหลงไม่ถอยออกซะก่อน
“ผมอยากเก็บมันไว้นะครับว่า…ครั้งหนึ่งผมได้จูบพี่ผ่านหลอดกับช้อนอันนี้”
เด็กมันพูดแล้วรีบวิ่งออกโดยไม่รอให้อีกคนได้เขกหัว พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ชอบใจ
“มึงก็คิดได้นะไอ้โชน ไอ้เด็กบ้า”
อาหลงส่ายหน้ายิ้มอย่างเอ็นดูกับความคิดของโชน เหตุการณ์ทั้งหมดไม่พ้นสายตาอันสอดรู้สอดเห็นของทั้งสามคนไปได้ ทั้งนอต ปาย และพันแสงที่แอบยิ้มหัวเราะชอบใจ และแอบพนันกันว่าคิดว่าสองคนนี้จะตกหลุมรักกันมั้ย
“ดูท่าแววตาเด็กมันไปแล้วนะ” ปายวิเคราะห์
“กูก็ว่า ไอ้โชนตามันเยิ้มขนาดนั้น มองพี่หลงนี่แทบจะกลืนกิน” นอตเสริม
“ก็คงได้แค่หยอกไก่แหละ พี่หลงคงไม่จริงจังอะ แฟนเขามาแล้วนี่ สงสารไอโชนนะเว้ยถ้าแม่งชอบพี่หลงจริงๆ”
พันแสงที่ดูจะมองไกลกว่าเพื่อน แล้วทุกคนก็ลงความเห็นเดียวกันว่ายังไงโชนมันก็อกหักชัวร์ถ้าคิดจะจีบพี่หลง แค่อายุก็ไม่ใช่สเปคแล้วละ เพราะพี่หลงนั้นชอบคนที่อายุมากกว่า และคนที่ไปรับเมื่อเช้าก็อายุมากกว่า
“ใครก็ได้ไปเตือนไอ้โชนที ว่าจะริเสี่ยงไปจีบคนฮอตคนคูลอย่างพี่หลงเลย น้ำตาจะเช็ดหัวเข่าเอาได้”
พันแสงหันไปพูดกับเพื่อนสองคนเพราะตัวเองไม่กล้าไปหยุดความฝันของเด็กมัน
