คำพูดของเย่เฟิงทำให้คนเ่าั้ที่จ้องตาเขม็งนิ่งงันไปชั่วขณะ ไม่มีใครกล้าขยับตัวใน่เวลาสั้น ๆ
“ข้าจะฆ่าเขาเอง!” ครู่ต่อมามีเสียงหนึ่งดังขึ้น ผู้คนต่างหันไปมองต้นเสียง ก่อนจะเห็นเงาร่างหนึ่งไปเยือนเวทีประลองที่เย่เฟิงอยู่ ซึ่งก็คือโจวมู่เจี๋ยศิษย์สำนักศึกษาเสินเจียงที่ไล่ล่าเย่เฟิงมาถึงที่นี่ คนผู้นี้มีรูปร่างสูงปานกลาง หน้าตาธรรมดา แต่ระดับการบ่มเพาะกลับอยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 1 พลังลึกลับคาดเดาไม่ได้
“ฆ่าคนของสำนักศึกษาเสินเจียงข้า เ้าต้องชดใช้ด้วยชีวิตของเ้า!” ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นกล่าว เย่เฟิงไม่อ่อนหัด หากไม่มีคะแนน 50,000 แต้มที่ตู๋กูหลงเสนอ เขาก็ไม่จำเป็ต้องลงไปลุยน้ำสกปรก แต่หลังจากตู๋กูหลงเสนอขึ้นมา เขากลับใจเต้นรัว เมื่อมีคะแนน 50,000 แต้มนี้เขาจะแลกเปลี่ยนเป็ยาปราณเพื่อยกระดับการบ่มเพาะได้ เมื่อถึงเวลางานชุมนุมหวงปั่ง หนึ่งในอันดับเ่าั้จะเป็ของเขา
“เ้าคู่ควรหรือ!” เย่เฟิงกล่าวพร้อมพลังหอกห้อมล้อมร่างกาย คล้ายมีอำนาจฟ้าดินแผ่ปกคลุมร่างเย่เฟิง ก่อนจะแทงหอกออกไปอย่างไม่ลังเล พลังหอกกวาดล้างทั่วพื้นที่ คล้ายทะลวงทุกสิ่ง ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นชะงักไปเล็กน้อย เหมือนคิดไม่ถึงว่าเย่เฟิงจะลงมือจัดการเขาตรง ๆ เขาจึงป้องกันไม่ทันจนต้องถอยหลังไปหลายก้าว แต่รังสีหอกกรีดผ่านหน้าอกของเขาโดยทิ้งรอยเืไว้
“อีกรอบ!” เย่เฟิงยิ้มอย่างเ็า พลันรังสีหอกพุ่งออกไปอีกครั้ง พลังทำลายล้างแพร่กระจายไปทั่วห้วงอากาศ พลังเช่นนั้นช่างไร้เทียมทาน เมื่อโดนโจมตีจะสร้างาแใหญ่ ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นเผยสีหน้าเลิ่กลั่กเมื่อเผชิญหน้ากับรังสีหอกที่น่าสะพรึงอีกครั้ง เขาถอยหลังไปหลายก้าว ซ้ำยังหาโอกาสลงมือมิได้
“แกร่งมาก!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ใ รังสีหอกของเย่เฟิงผู้นี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว สำแดงพลังหอกหลายครั้งภายในเวลาอันสั้นและแข็งแกร่งขึ้นทุกครั้ง เย่เฟิงไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสรอดชีวิตแม้แต่นิดเดียว
ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นหน้าขาวซีดพร้อมเหงื่อผุดขึ้นบริเวณหน้าผาก เกิดความรู้สึกกลัวขึ้นมา นึกเสียใจกับความละโมบของตัวเอง ทำให้หายนะมาสู่ตัวเอง เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเย่เฟิงและอยู่คนละชั้นด้วยซ้ำ
“ฉึก!” สุดท้ายรังสีหอกนั่นก็ทะลวงหัวไหล่ของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น ทำให้เขาส่งเสียงร้องอย่างเ็ปและถอยหลังไปอีกครั้ง แต่เขาเพิ่งถอยหลังไปได้สองก้าว กลับรู้สึกว่ามาถึงขอบเวทีประลองแล้ว นั่นหมายความว่าเขาไม่มีหนทางหนี
“ข้าขอยอมแพ้!” ภายใต้การกดดันที่ทรงพลังของเย่เฟิง ในที่สุดผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นก็เอ่ยเสียงสั่นพร้อมตัวสั่นเทาไม่หยุด หากเป็เช่นนี้ต่อไป เขาต้องตายอย่างแน่นอน
“เ้าขึ้นเวทีประลองมาท้าทายข้า ทั้งยังบอกจะแก้แค้นให้กับคนของสำนักศึกษาเสินเจียงเ้า แต่บัดนี้ขอยอมแพ้ คิดว่ามีประโยชน์หรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้ม
“ข้ายอมแพ้แล้ว เ้าจะเอายังไงอีก? อย่ารังแกมากเกินไปเลย หากเ้าฆ่าข้าจริง ๆ สำนักศึกษาเสินเจียงไม่ปล่อยเ้าไว้แน่!” แววตาของผู้ฝึกยุทธ์เผยประกายเยือกเย็น เขาใช้สำนักศึกษาเสินเจียงมาเป็ข้ออ้าง เพื่อ้าทำให้เย่เฟิงล้มเลิกความตั้งใจ
ผู้คนกะพริบตาปริบ ๆ ในขณะที่ตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของเย่เฟิง แต่ก็คิดว่าเย่เฟิงไม่กล้าฆ่าอีกฝ่าย สำนักศึกษาเสินเจียงเป็กองกำลังที่ราชวงศ์จ้าวก่อตั้ง ภายในสำนักศึกษามีศิษย์มากมายที่ล้วนแต่มีฐานะไม่ธรรมดา หากเย่เฟิงฆ่าคนผู้นี้ก็คงโทษสำนักศึกษาเสินเจียงไม่ได้ และอาจไม่มีใครปกป้องเย่เฟิงได้
“ข้าฆ่าไปหลายคนแล้ว ไยต้องสนใจเ้าเพียงคนเดียวด้วย?” เย่เฟิงได้ยินคำพูดของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นก็เหยียดยิ้ม ก่อนหน้าที่อีกฝ่ายจะขึ้นเวทีประลอง เขากล่าวเตือนไปแล้ว ว่าหากขึ้นเวทีประลองของเขาก็ต้องพิจารณาถึงราคาที่ตัวเองจะต้องจ่ายให้ดี ๆ แต่คนผู้นี้ไม่ฟังคิดอยากฆ่าเย่เฟิงลูกเดียว เพื่อแก้แค้นให้กับคนของสำนักศึกษาเสินเจียงเขา เช่นนั้นเขาเย่เฟิงจะเกรงใจไปทำไม ฝ่ามือโบกสะบัด พลังรังสีหอกพาดผ่านท้องฟ้าส่องแสงระยิบระยับ จากนั้นเห็นผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นหยุดเคลื่อนไหวกะทันหัน สายตาเลื่อนลงไปมองาแตรงคอตัวเอง ก่อนจะล้มลงไปอย่างไม่เต็มใจ
“ตายแล้ว เย่เฟิงผู้นี้โหดมาก บอกจะฆ่าก็ฆ่า ไม่กลัวฟ้ากลัวดินเลย!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างใจเต้นโครมคราม เย่เฟิงไม่เพียงแต่แข็งแกร่ง แต่ยังเป็คนกล้าหาญมากด้วย วันนี้ที่เวทีประลองทดสอบแห่งนี้ เย่เฟิงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาคนเดียวแต่ล่วงเกินไปถึงสองกองกำลัง ทั้งยังฆ่าคนของพวกเขา นี่เป็การแกว่งเท้าหาเสี้ยนชัด ๆ
“นึกไม่ถึงว่าสวะนี่จะฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 1 ได้ง่าย ๆ ดูแล้วเื่ที่เกิดขึ้นในภัตตาคาร เขายังไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด” บนอัฒจันทร์ โจวมู่เจี๋ยเผยสีหน้าอึมครึม คนของสำนักศึกษาเสินเจียงเขาถูกเย่เฟิงฆ่าตายอีกคน เห็นทีในหมู่พวกเขาจะมีแค่เขาที่สามารถเอาชนะเย่เฟิงได้ ส่วนคนอื่น ๆ หากส่งไปก็เท่ากับไปตาย!
หลังจากสังหารผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น คะแนนของเย่เฟิงก็เพิ่มขึ้นเป็ 28,000 แต้ม จากตอนแรกเย่เฟิงมีคะแนนเริ่มต้น 1,000 แต้ม แต่ตอนนี้กลับเก็บคะแนนได้มากกว่า 20,000 แต้มขึ้นไปในเวลาไม่ถึงสองชั่วยาม นี่เป็การพิสูจน์แล้วว่าพลังของเย่เฟิงน่าหวาดกลัวเพียงใด ทำให้แสงคะแนนเรืองรองสีทองอย่างแท้จริง
“มีใครอีกไหม?” เย่เฟิงกวาดตามองฝูงชนด้วยสายตาเย็นเยียบ คำพูดนั้นทำให้ผู้ฝึกยุทธ์หลาย ๆ คนนิ่งงัน เพราะไม่กล้าขึ้นเวทีประลอง แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์จากสำนักศึกษาเสินเจียงยังถูกเย่เฟิงฆ่าตาย กระทั่งพลังของพวกเขายังด้อยกว่าผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นที่ถูกฆ่าด้วยซ้ำ พวกเขาก็ย่อมไม่กล้ายั่วยุเย่เฟิง
“เ้าคิดว่าตัวเองเป็ใคร แค่ก็สวะขั้นบ่มเพาะกายา ความเย่อหยิ่งของเ้าควรสูญสิ้นไปได้แล้ว!” ตอนนั้นเองมีผู้ฝึกยุทธ์มาเยือนเวทีประลองของเย่เฟิง พร้อมปรายตามองเย่เฟิงด้วยท่าทีเ็า คนผู้นี้เป็คนมากฝีมือคนหนึ่ง แสงคะแนนที่ด้านหลังสว่างจ้าซึ่งทะลุ 20,000 แต้มไปแล้ว หากฆ่าเย่เฟิงสำเร็จ เขาก็จะได้คะแนน 50,000 แต้มที่ตู๋กูหลงเสนอมา
“เ้าแน่ใจนะว่าจะสู้กับข้า?” เย่เฟิงเอ่ยถามผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น
“แน่ใจสิ คะแนนของเ้า รวมทั้งคะแนน 50,000 แต้มนั่นจะต้องเป็ของข้า” ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นกล่าวขณะมองเย่เฟิงด้วยสายตาละโมบ
“สวบ!” แต่ตอนที่ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นคิดจะลงมือจัดการเย่เฟิง กลับมีอีกเงาร่างหนึ่งมาเยือนเวทีประลองที่เย่เฟิงอยู่ เป็เงาร่างที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังมหาศาล คนผู้นี้ก็คือชายร่างสูงใหญ่คนนั้นที่มีคะแนนสะสมเป็อันดับสองรองจากซื่อหุน และตอนนี้เขามีคะแนน 39,000 แต้ม
“นี่มัน...” ฉากนี้ทำให้ผู้คนต่างตะลึงงันและไม่เข้าใจว่าชายร่างสูงใหญ่ผู้นี้มาที่เวทีประลองของเย่เฟิงทำไม
“ไสหัวไปซะ เขาเป็ของข้า!” เสียงของชายร่างสูงใหญ่ผู้นั้นดังกังวาน ซึ่งพูดกับคนนั้นที่ขึ้นเวทีประลองมาก่อนหน้านี้ คนนั้นชะงักไปเล็กน้อยพร้อมสีหน้าเปลี่ยนไปไม่สู้ดี เขาดูเหมือนเกรงกลัวชายร่างสูงใหญ่มาก ไม่แม้แต่จะเปิดปากโต้ตอบอีกฝ่าย จากนั้นลงไปจากเวทีประลองอย่างเงียบ ๆ
ฉากนี้ทำให้ผู้คนนิ่งอึ้ง ชายร่างสูงใหญ่ผู้นี้แกร่งมาก แค่พูดน้อยคำก็ไล่อีกฝ่ายไปได้แล้ว เห็นชัดว่าคำพูดของเขามีน้ำหนักมากเพียงใด คนนั้นถึงกับต้องยอมทำแต่โดยดี นี่ก็คือความแข็งแกร่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ควรพึงมี เมื่อพลังของเ้าถึงระดับที่น่ากลัว ทุกการกระทำหรือทุกคำพูดของเ้าจะสามารถสยบผู้อื่นได้
“จำต้องบอกว่าพลังของเ้าเกินความคาดหมายของข้าไปมาก อยู่แค่ขั้นบ่มเพาะกายา มาถึงจุดนี้ได้นับว่าน่าประหลาดใจมาก แต่เ้าก็มาได้เพียงเท่านี้แหละ!” ชายร่างสูงใหญ่ผู้นั้นกล่าวพลางยิ้มเ็า ขณะมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย่อหยิ่งและดูถูก และการที่เขามาที่นี่ก็เพื่อฆ่าเย่เฟิง
จากนั้นชายร่างสูงใหญ่ปลดปล่อยพลังปราณพร้อมปรากฏค้อนั์ในมือเขา พลันพายุก่อตัว ห้วงอากาศแปรปรวนราวกับวันสิ้นโลกมาเยือนก็ไม่ปาน
“แกร่งมาก! คนผู้นี้สมกับเป็ผู้ไร้เทียมทาน พลังเช่นนี้ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 1 ทั่ว ๆ ไปจะทัดเทียมได้ เกรงว่าครั้งนี้เย่เฟิงคงจบเห่แล้ว” ผู้คนใจเต้นระรัวขณะมองพลังของชายร่างสูงใหญ่ผู้นั้นที่ปล่อยออกมา พวกเขารู้ว่าเย่เฟิงคงต้านทานไม่ได้ ถึงอย่างไรระดับการบ่มเพาะของทั้งสองคนก็ห่างกันมากเกินไป
“ตายซะเถอะ!” ชายร่างสูงใหญ่แผดเสียงะโพร้อมฟาดค้อนั์โจมตีเย่เฟิง พลันสายลมโหมกระหน่ำราวกับค้อนนี้สร้างหลุมอากาศก็ไม่ปาน
“พลังโจมตีของคนผู้นี้รุนแรงมาก พลังกายก็ไม่เลว เทียบไม่ได้กับคนเ่าั้ก่อนหน้านี้ ข้าต้องระวังตัวแล้ว” เย่เฟิงคิดในใจ หากเขาได้คะแนนของอีกฝ่าย คะแนนของเขาจะก้าวะโไปมาก และเหลืออีกก้าวก็ใกล้ถึงเป้าหมายที่เขาจะได้กระดูกปีศาจัมาครอง
“พรึ่บ!” ขณะเดียวกันพลังดาราปะทุออกจากร่างเย่เฟิง พร้อมปรากฏแผนที่ดาวขนาดใหญ่และเข้าปกคลุมทั่วทั้งเวทีประลอง บนแผนที่มีอักขระโคจร คล้ายมีพลังแห่งกฎแฝงอยู่ในนั้น
เย่เฟิงเดินออกมาพร้อมกับแสงดาวมหาศาลรายล้อมร่างกาย ย่างก้าวของเขาเชื่อมโยงกับฟ้าดิน จึงหลบการโจมตีค้อนั์ได้ในชั่วพริบตา ตามมาด้วยเสียงดังะเิ เวทีประลองสั่นะเื ค้อนั์ของชายร่างสูงใหญ่ผู้นั้นกระแทกกับเวทีประลองอย่างจัง ทำให้ปรากฏหลุมใหญ่และมีรอยร้าวกระจายรอบทิศ
“ค้อนเงาจู่โจม!”
เมื่อเห็นว่าโจมตีไม่สำเร็จ ชายร่างสูงใหญ่ผู้นั้นแผดเสียงะโ จากนั้นยกค้อนั์ชูเหนือหัว ก่อนจะฟาดฟันลงไปอีกครั้ง วินาทีนั้นท่ามกลางอากาศมีเงาค้อนนับสิบปรากฏและอัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาล พวกมันบุกโจมตีเย่เฟิงพร้อมกัน ภายใต้เงาค้อนที่น่าสะพรึงกลัวพวกนั้น ทุกสิ่งต้องถูกทำลาย
เย่เฟิงชะงักไปเล็กน้อยขณะมองเงาค้อนพวกนั้นที่ใกล้เข้ามาด้วยสีหน้าจริงจัง การโจมตีทรงอานุภาพเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นบ่มเพาะกายาคนอื่นคงไม่มีความกล้าพอจะหลบมันได้แน่นอน
ชายร่างสูงใหญ่ผู้นี้สมแล้วที่เป็ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 2 ในที่แห่งนี้ พลังโจมตีรุนแรงกว่าที่จินตนาการไว้มาก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้