เช้าตรู่ของวันถัดมา แสงตะวันสีแดงอ่อนค่อยๆ ปรากฏขึ้นทางทิศตะวันออก แสงยามรุ่งอรุณสาดส่องผ่านม่านหมอกยามเช้า ปลุกทิวเขาธารน้ำให้สว่างสดใส
"ฟู่ ในที่สุดก็ทะลวงเขตแดนผู้ใช้อสูริญญาระดับสี่ได้สักที"
เยี่ยเฉินเฟิงที่บ่มเพาะพลังอยู่ครึ่งค่อนคืน ในที่สุดก็บรรลุเป้าหมายได้ตามที่ปรารถนา จิตอสูรไข่โลหิตปรากฏรอยแตกร้าวรอยที่สามบนพื้นผิว
เยี่ยเฉินเฟิงรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่าง ยิ่งพลังสะสมในไข่โลหิตแข็งแกร่งขึ้นมากเท่าไหร่ รอยแตกร้าวบนเปลือกไข่ก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น ไม่แน่ว่าจิตอสูรของเขาอาจจะถือกำเนิดจากไข่ใบนี้
ในขณะที่เขานั่งขัดสมาธิอยู่ภายในห้องเพื่อปรับเขตแดนให้มีเสถียรภาพ เสียงกระหน่ำเคาะประตูที่ดังขึ้นก็ปลุกเขาให้หลุดจากการบ่มเพาะ
"อรุณสวัสดิ์!"
เยี่ยเฉินเฟิงเปิดประตูออกดูจึงพบว่าจีชิงเสวี่ยยืนรออยู่ด้านนอก นางสวมชุดกระโปรงยาวผ้าโปร่งสีขาว บุคลิกท่วงท่าสง่างามราวกับนางเซียน
"อรุณสวัสดิ์อะไรล่ะ นี่มันจะเที่ยงอยู่แล้วนะ" จีชิงเสวี่ยมองค้อนเยี่ยเฉินเฟิงขวับใหญ่ "เยี่ยเฉินเฟิง เ้ารู้ตัวไหมว่าเมื่อคืนมีคนคิดจะลอบสังหารเ้า หากมิใช่เพราะมีข้าอยู่ด้วย ป่านนี้เ้าคงตายไปนานแล้ว"
“เมื่อคืนมีคนคิดจะลอบสังหารข้าหรือ เป็ไปไม่ได้หรอก ข้าไม่เห็นจะรู้เื่อะไรเลย” เยี่ยเฉินเฟิงแสร้งทำเป็ตื่นตระหนก
“เยี่ยเฉินเฟิง ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าชาติที่แล้วเ้าเกิดเป็หมูรึไง”
ยิ่งเห็นท่าทางตื่นตระหนกของเยี่ยเฉินเฟิง จีชิงเสวี่ยก็ยิ่งรู้สึกกลัดกลุ้มใจ นางเอ่ยขึ้นเสียงแข็ง “เพื่อเป็การตอบแทน เ้าจงจ่ายข้ามาสองพันตำลึงเสียโดยดี ข้าจะนำมันไปซื้อของขวัญไปมอบให้ท่านปู่ของซีหย่า”
“ไม่มี” เยี่ยเฉินเฟิงตอบกลับทันควันแบบไม่ต้องยั้งคิด
ถ้าเมื่อคืนเขาไม่บังเอิญเจอเงินตอนจัดการศพของคนพวกนั้น ทั่วทั้งตัวของเขาก็คงมีเหลืออยู่แค่สิบกว่าตำลึงเท่านั้น จีชิงเสวี่ยนางคิดจะมาเอ่ยปากขอสองพันตำลึงกันง่ายๆ แบบนี้ได้อย่างไรกัน
“นี่เ้า...”
จีชิงเสวี่ยโกรธความ ‘ขี้งก’ ของเยี่ยเฉินเฟิงจนควันออกหู นางพูดขึ้นด้วยเสียงลอดไรฟัน “สองพันตำลึงนี่คิดซะว่าขอยืมเ้าก่อน ไว้ถึงตอนนั้นข้าจะคืนให้เป็สองเท่าเลยละกัน พอใจหรือยังล่ะ”
“ข้าบอกว่าไม่มีเงินก็คือไม่มีเงินสิ”
“เ้า...เ้าเป็ผู้ชายอกสามศอกแท้ๆ ทำไมถึงขี้งกได้ขนาดนี้กันนะ ข้าก็บอกแล้วไงว่าจะคืนให้เ้าแน่ๆ”
“อีกอย่างเมื่อคืนข้าก็เป็คนช่วยชีวิตเ้าไว้ ถ้าไม่มีข้าอยู่ตรงนั้นเ้าคงถูกฆ่าตายไปแล้ว”
จีชิงเสวี่ยเดือดดาลจนกระทืบเท้าเร่าๆ หลังจากถูกเยี่ยเฉินเฟิงปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำอีก ความประทับใจที่มีต่อเขาติดลบจนถึงขีดสุด
“ก็ได้ๆๆ ข้าให้เ้าสองพันตำลึงก็ได้”
มองดูจีชิงเสวี่ยที่โกรธเป็ฟืนเป็ไฟ ท่าทางไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หากไม่ได้ในสิ่งที่้า เยี่ยเฉินเฟิงจึงหยิบตั๋วเงินสองพันตำลึงออกมาจากอกเสื้อ ยัดใส่มือของจีชิงเสวี่ยแล้วเอ่ยอย่างเหนื่อยใจ “ก่อนเ้าจะหาเงินเจ็ดแสนตำลึงมาให้ข้าได้ก็ไม่ต้องมาหยิบยืมเงินของข้าอีกนะ เงินพวกนี้กว่าข้าจะหามาได้แต่ละตำลึงมันไม่ง่าย”
“รักษาเงินของเ้าให้ได้ตลอดรอดฝั่งแล้วกัน” จีชิงเสวี่ยเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห กำตั๋วเงินสองพันตำลึงในมือแน่น
เห็นจีชิงเสวี่ยเดินกระฟัดกระเฟียดออกไป เยี่ยเฉินเฟิงถึงกับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เขาปิดประตูห้องแล้วโคจรทักษะกลืนิญญาดูดซับพลังจากผลึกิญญาระดับต่ำเพื่อปรับเขตแดนผู้ใช้อสูริญญาระดับสี่ให้มั่นคง เตรียมพร้อมรับมือกับการทดสอบปลายปีของสำนักฝึกยุทธ์ไป๋ตี้
ยึดจากข้อกำหนดของปีก่อนๆ ผู้ที่ได้รับสามอันดับแรกจากสำนักฝึกยุทธ์ไป๋ตี้ จะมีสิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบรอบสุดท้ายของสำนักอัคคี์
ทว่าเกณฑ์การทดสอบสุดท้ายของสำนักอัคคี์ขึ้นชื่อว่ายากเย็นแสนเข็ญนัก ถ้าหากเยี่ยเฉินเฟิงอยากจะสอบผ่านอย่างราบรื่นตลอดทาง ่เวลาที่เหลืออยู่นี้เขาจะต้องทุ่มเทฝึกฝนให้หนักกว่าเดิมเป็เท่าตัว
“เยี่ยเฉินเฟิง อันนี้เป็ชุดที่ข้าซื้อมาให้เ้า ไปจัดแจงเปลี่ยนชุดให้เรียบร้อยแล้วไปที่คฤหาสน์ของซีหย่าด้วยกันเถอะ พวกเราต้องไปอวยพรวันเกิดให้ท่านปู่ของนาง”
จีชิงเสวี่ยที่หายหน้าหายตาไปหลายวัน ยกมือเคาะประตูห้องและเอ่ยเรียกเยี่ยเฉินเฟิง นางโยนชุดหรูหราชุดหนึ่งให้เขา พลางเอ่ยเร่งเร้าอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเ็า
ผ่านไปราวสองนาที เยี่ยเฉินเฟิงเดินออกมาจากในห้องโดยสวมใส่ชุดขนาดพอดีตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ ซ้ำยังหรูหราและราคาไม่ธรรมดาอีกด้วย
แม้ว่าจีชิงเสวี่ยจะรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าคนขี้งกอย่างเยี่ยเฉินเฟิงเอามากๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมื่ออยู่ในชุดหรูหรางดงามเช่นนั้นแล้ว เขาก็ดูเปลี่ยนไปราวกับเป็คนละคนกัน
องคาพยพทั้งห้าบนใบหน้าคมชัดราวกับเป็รูปสลัก ดวงตาลึกล้ำทอประกายคล้ายดวงดาวในเหมันต์ จมูกโด่งเป็สัน รอยยิ้มบนริมฝีปากได้รูปงดงามชวนให้คนตาพร่า ขนาดจีชิงเสวี่ยยังเผลอมองซ้ำอยู่หลายหน ความจงเกลียดจงชังลดน้อยลงอย่างไม่รู้ตัว
“เยี่ยเฉินเฟิง บิดาของซีหย่าเป็ถึงเ้าเมืองไป๋ตี้ ท่านปู่ของนางยิ่งเป็คนสำคัญของแคว้นจื่อจินที่ไม่อาจล่วงเกินได้ พอพวกเราไปถึงที่คฤหาสน์แล้วเ้าต้องปิดปากให้เงียบสนิทเลยนะ” จีชิงเสวี่ยกลัวเยี่ยเฉินเฟิงจะหลุดพูดจาพล่อยๆ จนเสื่อมเสียมาถึงตนเอง จึงได้กำชับอีกฝ่ายอย่างหนักแน่น
“วางใจเถอะ ข้าไม่พูดอะไรส่งเดชหรอก” เยี่ยเฉินเฟิงยิ้มบางๆ ผงกศีรษะรับคำ
หลังจากนัดแนะกันเรียบร้อย ทั้งสองคนก็นั่งรถม้าที่จีชิงเสวี่ยจ้างวานเอาไว้ล่วงหน้าไปยังคฤหาสน์เ้าเมืองซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่กว้างขวางใจกลางเมืองไป๋ตี้
เนื่องจากวันนี้เป็วันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีของท่านผู้เฒ่าไป๋ซีซาน คฤหาสน์เ้าเมืองจึงได้ตกแต่งสถานที่อย่างยิ่งใหญ่ กำแพงคดเคี้ยวประดับประดาไปด้วยผ้าไหมสีแดงยาวราวกับงู ประตูใหญ่สีแดงหน้าคฤหาสน์แขวนโคมมงคลใบใหญ่
ท่วงทำนองไพเราะสลับกับเสียงหัวเราะครึกครื้นดังแว่วมาจากภายในคฤหาสน์เป็พักๆ ทว่าเสียงเ่าั้กลับทำให้เยี่ยเฉินเฟิงผู้รักความเงียบสงบต้องขมวดคิ้วยุ่ง
“พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
หลังลงจากรถม้า จีชิงเสวี่ยก็เดินเข้ามาคล้องแขนของเยี่ยเฉินเฟิงอย่างสนิทชิดเชื้อพร้อมกับเอ่ยชวน
บอกไม่ได้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ยามที่จีชิงเสวี่ยคล้องแขนของอีกฝ่ายในใจของนางมิได้รู้สึกต่อต้านหรือรังเกียจแต่อย่างใด ออกจะรู้สึกสงบใจขึ้นด้วยซ้ำ
เปรียบเหมือนเยี่ยเฉินเฟิงเป็ที่พึ่งพิงและที่พักใจของนาง พอได้อยู่ข้างๆ เขาแล้วคลื่นลมพายุใดใดล้วนไม่น่ากลัวเลยสักนิด
“เฉินเฟิง ชิงเสวี่ย พวกเ้ามากันสักทีนะ”
เยี่ยเฉินเฟิงและจีชิงเสวี่ยเพิ่งจะก้าวเดินเข้าไปในคฤหาสน์เ้าเมืองที่มีบรรยากาศมงคลรื่นเริงเท่านั้น ไป๋ซีหย่าที่กำลังวุ่นวายกับงานตรงหน้าทางเข้าก็หันมาเห็นพวกเขาพอดี
วันนี้ไป๋ซีหย่าสวมชุดกระโปรงยาวรัดรูปสีดำที่ช่วยขับเน้นสัดส่วนโค้งเว้าของนางได้อย่างเต็มที่ ่ขาสวยเรียวยาวที่ซ่อนตัวอยู่หลังกระโปรงดำโผล่มาให้เห็นเป็ครั้งคราว สวมสร้อยอัญมณีสีแดงเพลิงไว้บนคอ ประทินโฉมเพียงบางเบา
ไม่เหมือนกับจีชิงเสวี่ยที่วันนี้ตั้งใจแต่งตัวมาเป็พิเศษ นางสวมชุดกระโปรงยาวผ้าโปร่งสีขาวที่ดูแล้วยังงดงามกว่านางเซียนถึงสามเท่า
เมื่อสาวงามทั้งสองยืนเคียงคู่กัน สายตาของคนที่มาร่วมงานแทบทั้งหมดก็ถูกดึงดูดมาทางนี้ทันที
เพียงไม่นาน พวกนางทั้งสองก็กลายเป็จุดเด่นอย่างเห็นได้ชัด
“ตี๋วั่นเสียน เด็กสาวที่อยู่ข้างๆ เ้าขยะเยี่ยเฉินเฟิงนั่นเป็ใครกัน?”
เหลียนซานจวินผู้มีรูปโฉมไม่ธรรมดา รูปร่างสูงสง่าแต่งกายด้วยชุดหรูหราถึงกับสะกิดถามตี๋วั่นเสียนที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาทอประกายร้อนแรง เมื่อหันไปเจอจีชิงเสวี่ยผู้งดงามราวกับนางเซียนจำแลงกาย
“แม่นางคนนั้นข้าก็เพิ่งเคยเห็นเป็ครั้งแรกนี่แหละ เหมือนจะไม่ใช่คนของเมืองไป๋ตี้นะ”
เนื่องจากยอดฝีมือตระกูลตี๋ที่ถูกส่งไปสังหารเยี่ยเฉินเฟิงตายตกไปหมดแล้ว ตี๋วั่นเสียนจึงไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับจีชิงเสวี่ย
“มารดาเถอะ ไม่คิดเลยว่าเ้าขยะนั่นถูกขับไล่ออกจากตระกูลเยี่ยแล้ว ยังจะมีวาสนามากถึงขั้นคว้าสาวสวยขนาดนั้นไปได้อีก นางงดงามตั้งถึงเพียงนั้นมันคิดว่าตัวเองคู่ควรนักหรือไง”
เหลียนซานจวินเผยรอยยิ้มเ็า คิดอยากจะได้จีชิงเสวี่ยมาไว้เสียเอง จึงยกให้เยี่ยเฉินเฟิงเป็ศัตรูอันดับหนึ่งของเขาแทน
แต่เหลียนซานจวินไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าเยี่ยเฉินเฟิงกับคู่แค้นที่เขาตามหาแทบพลิกแผ่นดินเป็คนคนเดียวกัน
“ชิงเสวี่ย เฉินเฟิง ตามข้าไปพบท่านปู่กันเถอะ ท่านดีใจมากเลยนะตอนที่รู้ว่าพวกเ้าจะมาเยี่ยม” ไป๋ซีหย่าคว้าจูงมือนุ่มเนียนของจีชิงเสวี่ยเบาๆ นำทางพวกเขาทั้งสองเข้าไปในห้องโถงหลักที่บรรยากาศคึกคักสนุกสนาน เพื่อมาหาไป๋ซีซานซึ่งสวมชุดคลุมยาวลายต้นสนนกกระเรียนซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือด้วยสภาพร่างกายที่ฟื้นฟูเกือบสมบูรณ์ดีแล้ว เขากำลังกล่าวทักทายแเื่ที่มาร่วมงาน
