ิอวี่ะโลงมาจากบนตำหนักิหุนและไปยังกรมทหารที่ดูแลเื่ทหารในวังหลวง เพราะพวกเขารู้ข่าวสารเกี่ยวกับกองทัพในวังหลวงมากที่สุด
และเสนาบดีกรมกลาโหมนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือพิธีกรในการจัดการแข่งขันของราชสำนัก มู่หลาง!
มู่หลางมีอาณาจักรพลังขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่แปด มีพลังเทียบเท่าราชสีห์ห้าพันตัว เมื่อครึ่งปีก่อนิอวี่ยังมีพลังไม่เทียบเท่าราชสีห์สามพันตัวเลย แต่ครึ่งปีต่อมาเขากลับไปถึงขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าระดับสูงสุด มู่หลางก็ต้องให้ความสำคัญและเคารพอย่างแน่นอน!
ในเวลานี้ ิอวี่จ้องไปที่มู่หลางด้วยท่าทางจริงจัง
“องค์ ... องค์ชายสิบเจ็ด!”
ตอนที่มู่หลางเห็นหน้าของิอวี่เขาก็ใอย่างมาก ิอวี่น่าจะได้เป็ิอ๋องคนต่อไปค่อนข้างที่จะแน่นอนแล้ว เพียงแต่ิเฉินเหยียนยังไม่ได้แต่งตั้งให้เขาเป็รัชทายาทเท่านั้น แต่ในใจของทุกคนนั้น ิอวี่ก็คือรัชทายาทไปแล้ว
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของิอวี่เหมือนว่าจะมาเอาเื่ มู่หลางก็รู้สึกตื่นตระหนกแล้วรีบลุกขึ้นมาจากบนเก้าอี้ จากนั้นก็คุกเข่าลงพร้อมกับคำนับแล้วพูดว่า “องค์ชายสิบเจ็ด กระหม่อมไม่ทราบว่าจะเสด็จมาด้วยตัวเองแบบนี้ และไม่ทราบด้วยว่าทำผิดอันใด ทรงอภัยด้วยพะยะค่ะ”
“ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมามันเกิดอะไรขึ้น? พูด”
ความสามารถของิอวี่นั้นแข็งแกร่งอยู่แล้ว พลังจิตของเขาก็แข็งแกร่งเช่นกัน อยู่ต่อหน้าิอวี่แล้วมู่หลางรู้สึกว่าตัวเขานั้นเล็กเหมือนมด ไม่กล้าคิดจะปกปิดอะไรเลย เขาปาดเหงื่อบนหน้าผากแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “องค์ ... องค์ชายสิบเจ็ดทรงยังไม่ทราบ เมื่อสองวันก่อน ที่เมืองชิงหยวนที่ห่างจากเมืองหลวงของเราไปสามสิบลี้ถูกผู้กล้าลึกลับหลายคนบุกเข้ามา เข่นฆ่าชาวบ้านตายไปนับร้อย ...”
“เมื่อวานนี้ฝ่าาก็เลยทรงพาเหล่าองครักษ์หน้าพระที่นั่งไปปราบปรามที่เมืองชิงหยวน ฝ่าาทรงกำชับรับสั่งเอาไว้ว่า ห้ามส่งกองทัพไปยังเมืองชิงหยวนโดยเด็ดขาด เป็พระบัญชา ห้ามขัดขืน ... ”
“ถึงแม้กระหม่อมจะเป็แม่ทัพใหญ่ของต้าิคิดอยากจะไปสังหารศัตรูที่สนามรบ แต่ราชโองการคือประกาศิต พวกกระหม่อมจึงทำได้แค่รอข่าวอยู่ในวังหลวงเท่านั้น ... ”
“เมื่อวาน ... แล้วทำไมถึงไม่มีใครไปรายงานข้า” ิอวี่โกรธมาก
มู่หลางพูดว่า “ฝ่าาทรงกังวลว่าพระองค์จะได้รับาเ็ซ้ำเดิมอีก แล้วพระองค์ก็กำลังรักษาตัวอยู่ ดังนั้นก็เลยไม่อยากไปรบกวน จึงทรงเดินทางไปที่เมืองชิงหยวนในทันที ... ”
“บ้าชะมัด!”
ิอวี่ซัดหมัดไปที่กำแพงจนแตกออก ท่าทางของเขาไม่ดีเลย
เมืองชิงหยวนมีพื้นที่กว้างขวาง มีเศรษฐกิจที่รุ่งเรืองอย่างมาก มีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณห้าแสนคน เมื่อเมืองถูกรุกรานก็จะต้องมีชาวบ้านจำนวนมากล้มตาย แล้วเมืองชิงหยวนก็อยู่ห่างจากเมืองหลวงแค่สามสิบลี้ เมื่อเกิดภัยแต่วังหลวงกลับไม่สามารถส่งกองกำลังไปช่วยเหลือได้ในทันที นั่นแสดงว่าพวกเขาเ่าั้จะต้องวางแผนมานานมากแล้วแน่นอน!
ตามที่มู่หลางพูดมา พวกเขาได้ทำการรุกรานเข้ามาแล้วด้วย
ิอวี่เข้าใจในสิ่งที่ิเฉินเหยียนเลือกกระทำ การส่งกองกำลังไปที่เมืองชิงหยวนในเวลานี้มันไม่มีประโยชน์อีกแล้ว เพราะการตัดสินแพ้ชนะของผู้กล้าระดับสูงมันเป็การตัดสินของพวกเขาเอง ไม่ว่าใครก็เปลี่ยนแปลงผลที่เกิดขึ้นไม่ได้
ก็เหมือนผู้กล้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าสู้กับผู้กล้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่หนึ่ง ต่อให้มีผู้กล้าขั้นที่หนึ่งมากมายแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ไม่มีทางเอาชนะผู้กล้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าแน่นอน
แสงของหิ่งห้อยไม่มีทางสู้แสงของพระจันทร์ได้ มันคือหลักการเดียวกัน
ตอนนี้ิอวี่ทำได้แค่ภาวนาให้ิเฉินเหยียนต้านผู้รุกรานเ่าั้ให้ได้ เขาทำได้แค่ภาวนา ...
“ข้าขอยืมพาหนะเ้าหน่อย”
ิอวี่ไม่ได้ลังเลใจใดๆ เลย แล้วก็เดินไปที่เหยี่ยวสีดำั์ขนาดใหญ่ที่เลี้ยงเอาไว้ในพื้นที่ส่วนตัวของมู่หลาง จากนั้นก็กระตุกเชือกแล้วก็บังคับมันให้บินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้สถานการณ์คับขันแล้ว ิอวี่ไม่อยากเสียเวลาแม้แต่นาทีเดียว เพราะยิ่งเสียเวลามากเท่าไรชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ของเมืองชิงหยวนก็อาจจะตายเพิ่มมากขึ้น และิเฉินเหยียนก็อาจจะมีอันตรายตามไปด้วย!
ิอวี่บังคับเหยี่ยวดำบินไปบนท้องฟ้าโดยข้ามเมฆไป และมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออก
เหยี่ยวสีดำถึงแม้จะเป็อสูรระดับเจ็ดแต่มีกำลังรบที่ไม่ธรรมดา มันมีความเร็วมาก เวลาขึ้นนั่งแล้วเหมือนกับเ้าลมกรด มันเหมือนเงา ปีกของมันขยายกระพือปีกจนเกิดลมอย่างรุนแรงและพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว
ทิวทัศน์ด้านล่างเหมือนเดินถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว สายลมที่รุนแรงนั้นพัดผ่านใบหน้าแต่ิอวี่กลับรู้สึกว่ามันยังช้าเกินไป เขา้าไปให้เร็วกว่านี้เพื่อที่จะไปที่เมืองชิงหยวนให้ได้เร็วขึ้น!
บินอยู่อย่างนี้อยู่ประมาณสี่ชั่วโมงิอวี่ก็มาถึงเขตแดนเมืองชิงหยวน และเขาก็ร่อนลงมาที่พื้นท่ามกลางความมืดมิด
พระจันทร์ดวงกลมโตไม่มีเมฆหมอกมาบดบัง แสงจันทร์สาดส่องทั่วเมืองชิงหยวน มองเห็นทุกอย่างดูเป็สีขาวโพลน!
เพราะสิ่งที่ิอวี่เห็นจากบนหลังของเหยี่ยวดำ ทุกพื้นที่มันกลายเป็ซากปรักหักพังที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งหมดแล้ว!
ท่ามกลางซากปรักหักพัง มีศพของชาวบ้านเกลื่อนกลาดไปหมด ศพเหล่านี้แหลกไม่มีชิ้นดี ดวงตาแต่ละคนดูใกลัว แต่ว่าตัวศพถูกแช่แข็งโดยถูกผนึกอยู่ในน้ำแข็งสีน้ำเงิน สีหน้าท่าทางแตกตื่นใกลัวของพวกเขาถูกแช่อยู่แบบนี้ เมื่อแสงจันทร์ส่องลงมามันช่างดูหดหู่อย่างมาก!
ท่าทางของิอวี่นั้นจริงจังมาก คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะมาช้าไป ในใจของเขารู้สึกผิดอย่างมาก!
ในเวลานี้เองก็เกิดเสียงสายฟ้าผ่าที่น่ากลัวมากดังขึ้น ิอวี่มองออกไปก็พบว่าที่สุดลูกตาของเขาเหมือนมีกระแสระลอกคลื่นสีน้ำเงินกับเขียวแผ่กระจายตัวอยู่!
มันเป็การต่อสู้ที่น่ากลัวอย่างมาก บริเวณที่เกิดการต่อสู้นั้นเป็พื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง!
ท่าทางของิอวี่เยือกเย็นอย่างมาก เขาบังคับเหยี่ยวดำให้มุ่งหน้าไปทางนั้นในทันที!
……
ิเฉินเหยียนะเิหมัดชางหมางออกแล้วโจมตีไปยังชายวัยรุ่นที่สีหน้าเย็นะเืคนหนึ่ง ลมปราณน้ำแข็งของชายคนนั้นน่ากลัวอย่างมาก ไม่เพียงปล่อยพลังออกมาเพื่อ้าสังหารอย่างเดียว แต่ยังปล่อยลมปราณให้พุ่งไปที่หน้าอกของิเฉินเหยียนด้วย
ิเฉินเหยียนส่งเสียงออกมาเล็กน้อย แล้วต้องล่าถอยไป
“ฝ่าา!”
ด้านหลังของิเฉินเหยียนมีองครักษ์หน้าพระที่นั่งด้วยกันห้าคนที่ส่งเสียงะโขึ้นมา
ิเฉินเหยียนกลับยกมือขวาขึ้นมาเพื่อปรามให้พวกเขาถอยไป จากนั้นเขาก็พูดว่า “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็ไร”
“หือ? อย่างนั้นหรือ?”
ชายคนนั้นค่อยๆ เดินก้าวมาข้างหน้าจากนั้นก็ขมวดคิ้ว สีหน้าดูถูกดูแคลนอย่างมาก “โดนลมปราณต้นฝิ่นน้ำแข็งของข้าไปแล้วยังยื้อได้นานขนาดนี้ เ้าก็ควรภาคภูมิใจอยู่หรอก”
ถึงแม้ว่าชายคนนี้จะมีอายุสามสิบห้าปีแล้ว แต่ใบหน้าของเขายังดูอ่อนเยาว์และแฝงไปด้วยความเหี้ยมโหด มีความเป็หนุ่มรูปงาม ผิวขาว จมูกโด่ง สวมชุดเกราะสีน้ำเงิน ที่สำคัญที่สุดก็คือ เขามีดวงตาสีน้ำเงินเทา!
เขาคือหนึ่งในสิบผู้กล้าแห่งบัลลังก์ปิงเฟิงที่เข้าบุกมายังต้าิ มีนามว่า ต้วนอู๋เสวีย
ต้วนอู๋เสวียกับพี่สาวเป็ผู้กล้าแห่งราชบัลลังก์ปิงเฟิง และเป็หนึ่งในสองคนที่เป็เชื้อพระวงศ์ที่มีสายเืโดยตรงของราชวงศ์ปิงเฟิง ผู้กล้าแห่งบัลลังก์ปิงเฟิงคนอื่นไม่มีใครกล้าล่วงเกินอะไรกับพี่น้องสองคนนี้
“เ้าหมาแก่ วันนี้คือวันตายของเ้าแล้ว”
ด้านหลังของต้วนอู๋เสวีย เสียงที่ดูเหี้ยมโหดเสียงหนึ่งดังขึ้น คนที่พูดเป็ชายรูปร่างสูงใหญ่ ดวงตาดูลึกซึ้ง และกำลังจ้องมองมาที่ิเฉินเหยียน
ไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือสายลับที่ทางราชวงศ์ปิงเฟิงส่งเข้ามาในราชวงศ์ต้าิ เซิ่นเจิ่นโหว!
แค่ระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ แขนขวาของเซิ่นเจิ่นโหวถึงแม้จะยังไม่หายเป็ปกติ แต่เพราะได้การรักษาจากกว่างหานอ๋อง มันก็สามารถขยับได้แล้ว
เซิ่นเจิ่นโหวมาที่เมืองชิงหยวนในครั้งนี้ก็เพราะ้าเห็นสิบผู้กล้าแห่งบัลลังก์ปิงเฟิงสังหารคนของราชวงศ์ต้าิด้วยตาตัวเอง!
เขาอยากเห็นชาวเมืองชิงหยวนถูกฆ่าด้วยตาตัวเอง ถึงแม้คนที่ลงมือจะไม่ใช่เขา แต่หากไม่ใช่เพราะเขาอดทนอดกลั้นมากว่ายี่สิบปี ราชวงศ์ปิงเฟิงจะสามารถทำการสังหารครั้งใหญ่แบบนี้ได้อย่างไรกัน!
เมื่อเห็นเมืองชิงหยวนถูกทำลายลง การยึดครองราชวงศ์ต้าิก็อยู่อีกไม่ไกล เซิ่นเจิ่นโหวรู้สึกว่าตัวเองนั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก!
ฆ่ามันวันนี้เลย! ฆ่ามันเข้าไป ฆ่าให้สะใจกันไปข้างหนึ่ง!
โลกใบนี้ มันเป็ใต้หล้าของราชวงศ์ปิงเฟิงเท่านั้น!
แผนการของราชวงศ์ปิงเฟิงนั้นลึกลับอย่างมาก หลังจากที่สิบผู้กล้าแห่งบัลลังก์ปิงเฟิงมาที่เมืองชิงหยวนแล้วก็แยกย้ายกันเริ่มการสังหาร ตอนที่ิเฉินเหยียนมาถึง สิบผู้กล้าแห่งบัลลังก์ปิงเฟิงก็ฆ่าคนไปกว่าแสนคนแล้ว แต่ิเฉินเหยียนกับองครักษ์อีกห้าคนเพิ่งจะมาถึง
พวกเขาร่วมมือกันสังหารผู้กล้าแห่งบัลลังก์ปิงเฟิงไปหนึ่งคน และเล่นงานคนอื่นจนล่าถอยไป แต่ไม่นาน ต้วนอู๋เสวียกับเซิ่นเจิ่นโหวก็ตามมาช่วยได้ทัน!
จากนั้นก็เริ่มการต่อสู้ที่ดุเดือดอีกครั้ง สู้กันอยู่ประมาณเกือบชั่วยาม แค่ลมปราณต้นฝิ่นน้ำแข็งที่ต้วนอู๋เสวียปล่อยออกมาก็สามารถสังหารชาวบ้านที่อยู่โดยรอบได้แล้ว ิเฉินเหยียนยิ่งแล้วใหญ่ ลมปราณต้นฝิ่นน้ำแข็งมันพุ่งเข้าสู่ร่างกายของเขาจนทำให้รู้สึกเวียนหัวอย่างมาก!
ิเฉินเหยียนสีหน้าซีดเซียว ไม่ว่าจะเป็ต้วนอู๋เสวียหรือเซิ่นเจิ่นโหวก็ล้วนแต่เข้าใจดีว่าตอนนี้ิเฉินเหยียนใกล้จะไม่ไหวแล้ว
เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางดูถูกของต้วนอู๋เสวียกับเซิ่นเจิ่นโหว ิเฉินเหยียนก็พูดเสียงแข็งขึ้นมาว่า “ต่อให้ต้องตายไปด้วยกัน ข้าก็จะไม่มีทางให้พวกเ้าทำอะไรแผ่นดินของเราแม้แต่นิ้วเดียว”
“เราจะรอดูแล้วกันนะ”
ต้วนอู๋เสวียยิ้มอย่างประชดประชันและก็พุ่งเข้าโจมตีิเฉินเหยียนอีกครั้ง!
ิเฉินเหยียนหน้าซีดมาก ต้วนอู๋เสวียกำลังโจมตีเข้ามา ความเร็วของเขาเหมือนจะช้าลงไปเยอะพอควร
เพราะเมื่อครู่ที่ต่อสู้ปะทะกันอยู่ตลอด ต้วนอู๋เสวียปล่อยลมปราณสีน้ำเงินเทาของเขาโจมตีใส่ิเฉินเหยียนออกไปมาก!
ิเฉินเหยียนรู้สึกเหมือนว่าลมปราณสีน้ำเงินเทาเ่าั้กำลังพลุ่งพล่านไปทั่วชีพจรของเขา ถึงแม้เขาจะพยายามใช้ลมปราณในดวงจิตเทวะคุมมันเอาไว้ แต่ว่าลมปราณเ่าั้มันเหมือนยาพิษที่แผ่กระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็วและยังกัดกินร่างกายของเขาในหลายจุด!
ครั้งนี้ต้วนอู๋เสวียนใช้หมัดเข้าสู้ ิเฉินเหยียนพยายามต้านทานแต่ก็ยังสู้ไม่ได้จนต้องล่าถอยออกมา
ิเฉินเหยียนกระอักเืออกมา เืนั้นมีสีน้ำเงินเทาปนอยู่ด้วยเล็กน้อย แต่ในใจของเขาเหมือนจะไม่อยากยอมแพ้!
ในสายตาของิเฉินเหยียน ต่อให้ต้วนอู๋เสวียจะมีพร์มากแค่ไหนก็น่าจะมีพลังอย่างมากเทียบเท่าราชสีห์เก้าพันตัวเท่านั้น เมื่อสามปีก่อนเขาเพิ่งจะไปถึงขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้า ทำไมถึงได้ไปถึงขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งได้เร็วขนาดนี้!
ลมปราณของต้วนอู๋เสวียนั้นเหมือนมีพิษน้ำแข็งแฝงอยู่ด้วย มันสามารถทำให้สติด้านชา กัดกินร่างกาย และทำให้คนเกิดภาพหลอน!
และสิบผู้กล้าแห่งบัลลังก์ปิงเฟิงคนก่อนหน้านั้นก็เหมือนจะมีลมปราณประหลาดเช่นนี้เหมือนกัน มันทำให้ิเฉินเหยียนนั้นทรมานอย่างมาก ยากที่จะฟื้นกลับมาได้
หากิเฉินเหยียนไม่สามารถคุมลมปราณน้ำแข็งนี้เอาไว้ได้ อีกไม่เกินครึ่งชั่วยามเขาจะต้องถูกต้วนอู๋เสวียบีบจนจนมุมแน่นอน!
น่าเสียดาย ทุกอย่างมันไม่มีคำว่าถ้าหรือหาก
“ตายซะ”
ต้วนอู๋เสวียท่าทางไม่ได้ตื่นตระหนกเลย ลมปราณในมือของเขาเคลื่อนไหว เมื่อเขาดีดนิ้วมือ กระบี่ที่มีพลังงานแสงสีน้ำเงินก็พุ่งออกไปเพื่อสังหาริเฉินเหยียน ที่กลางอากาศ พลังงานแสงสีน้ำเงินเทานั้นแบ่งออกเป็สองทาง จากนั้นก็แบ่งออกเป็สามทาง ... และสุดท้ายแบ่งออกเป็เจ็ดทาง และพุ่งเข้าหาิเฉินเหยียนในทั่วทุกทิศ
“กระบี่น้ำแข็งเจ็ดสาย”
