สิ่งที่ระบบยังไม่ทันได้บอกลู่หยวนซีก่อนที่เขาจะหายไปคือ การมาของเฮ่อเหวินเจ๋อเป็ตัวแปรอีกตัวแปรหนึ่งที่กำลังจะทำให้เนื้อเื่ในนิยายเปลี่ยนไป
ลู่หยวนซีพูดคุยกับเฮ่อเหวินเจ๋ออยู่ภายในศาลาหน้าเรือนอยู่นาน นางพยายามพูดวกไปวนมาเพื่อให้เขาลืมเื่การรักษาของนาง และก็เป็ไปตามที่ลู่หยวนซี้า เขาไม่เซ้าซี้ถามนางอีกว่าเหตุใดาแของเขาถึงได้หายดีในชั่วพริบตา
แต่กลับมีบุคคลอีกคนหนึ่งที่นอนกระสับกระส่ายอยู่ภายในห้อง การมาของเฮ่อเหวินเจ๋อเขาสามารถรับรู้ได้ก่อนลู่หยวนซีเสียอีก ฝีเท้าแ่เบาที่ก้าวอย่างมั่นคงเข้ามาในลานเรือน เขารู้ได้ทันทีว่าคนผู้นี้มีวรยุทธ
กู้จิ่งเหยียนสามารถจดจำเสียงฝีเท้าของบุรุษทั้งหกที่เข้าไปในป่าก่อนหน้านี้ได้ทั้งหมด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดทั้งร่างกายและประสาทััทั้งหมดของเขาเฉียบคมขึ้นทุกที ั้แ่......ั้แ่ที่เขาดื่มเืของนางเข้าไป ทุกอย่างที่ผ่านตาของและเสียงทั้งหมดที่ได้ยินเขาสามารถจดจำและรับรู้ได้ไม่ลืม ความรู้สึกนี้มันช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก
“ข้าสั่งให้พักผ่อนเหตุใดถึงได้ยังนั่งคุยกับผู้อื่นอยู่อีก”
กู้จิ่งเหยียนเอ่ยออกมาด้วยความหงุดหงิด สตรีผู้นี้ดูแล้วเหมือนจะเชื่อฟังในสิ่งที่เขาพูด แต่ความจริงนางนั้นดื้อรั้นเสียยิ่งกว่าอะไร เป็สตรียังมิทันได้ออกเรือนแต่กลับไปนั่งคุยอยู่กับบุรุษสองต่อสองเช่นนี้ นางไม่กลัวว่าผู้คนจะเอาไปนินทาว่าร้ายหรืออย่างไร
กู้จิ่งเหยียนลืมไปว่าสถานที่ที่เขาอยู่ตอนนี้คือเรือนของเฮ่อเหวินเจ๋อ แน่นอนว่าย่อมต้องไม่มีผู้อื่นนอกจากคนของเขาแน่นอน แต่เพราะความหึงหวงทำให้เขาขาดความสุขุมและรอบคอบที่เคยมีไป
เขานอนฟังเสียงของคนทั้งสองพูดคุยกันอยู่นาน แต่แล้วแผนการหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัว ถ้าหากเ้าไม่ยอมจากไปเช่นนั้นข้าก็จะทำให้นางไม่ว่างไปคุยกับเ้าเอง
เสียงตุ๊บ! ดังขึ้นภายในห้องทำให้คนทั้งสองหันไปมองทางต้นเสียงพร้อมกัน เฮ่อเหวินเจ๋อยังไม่ทันได้ขยับตัวหรือเอ่ยสิ่งใด ร่างเล็กของลู่หยวนซีก็พุ่งเข้าไปในเรือนอย่างรวดเร็วราวกับมีดบิน นางถีบประตูเข้าไปอย่างแรงก่อนจะมองเห็นร่างของกู้จิ่งเหยียนนอนอยู่บนพื้น นางรีบเขาไปพยุงเขาด้วยท่าทางเป็ห่วง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน
“ท่าน้าสิ่งใดหรือเ้าคะคุณชาย เหตุใดไม่เรียกใช้ข้า ลงมาจากเตียงเองเช่นนี้มันอันตรายมากรู้หรือไม่”
ลู่หยวนซีพยุงกู้จิ่งเหยียนกลับขึ้นไปบนเตียงอีกครั้ง ร่างสูงแอบยกยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ สุดท้ายนางก็เห็นเขาเป็ที่หนึ่งเสมอ ไม่ว่านางจะทำสิ่งใดหรืออยู่กับใครก็ตาม นางก็จะรีบมาหาเขาทุกครั้งเมื่อเขา้านาง
เฮ่อเหวินเจ๋อที่ตามเข้ามาทีหลังทันเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น และด้วยดวงตาที่เฉียบคมของคนที่ฝึกวรยุทธมานานทำให้เขาสังเกตเห็นรอยยิ้มของกู้จิ่งเหยียนด้วยเช่นกัน ร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังขมวดคิ้วอย่างสงสัยในรอยยิ้มนั้น แต่เพราะคุณชายรูปงามผู้ตกยากตรงหน้าทั้งเดินไม่ได้และดวงตามองไม่เห็น ทำให้เขาละทิ้งความสงสัยนั้นไป
“เกิดอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ”
ลู่หยวนซีหันไปมองบุรุษที่พึ่งเดินตามเข้ามา ก่อนที่จะส่ายหน้าพร้อมกับกระซิบกับเฮ่อเหวินเจ๋อเสียงเบา
“ท่านกลับไปก่อนได้หรือไม่เ้าคะ ข้าต้องดูแลคุณชายของข้าก่อน เขาไม่ค่อยคุ้นชินกับการที่ต้องอยู่ต่อหน้าผู้อื่น”
เฮ่อเหวินเจ๋อหันไปมองกู้จิ่งเหยียนเล็กน้อย ก่อนพยักหน้ารับจากนั้นจึงก้าวออกจากห้องไป ทิ้งให้คนทั้งสองอยู่กันตามลำพัง
“ข้าไม่ชอบเขา ต่อไปเ้าเองก็อยู่ให้ห่างจากเขาด้วยเหมือนกัน”
คำแรกที่ชายหนุ่มเอ่ยกับนางหลังจากที่แสดงท่าทีมึนตึงมาทั้งวัน ลู่หยวนซีเข้าใจในอารมณ์แปรปรวนของคนป่วยที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด แต่นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดคุณชายของนางถึงได้ไม่ชอบคุณชายเฮ่อเหวิน ทั้งที่เขาพึ่งจะช่วยชีวิตพวกตนเอาไว้
“คุณชาย ท่านช่วยบอกเหตุผลกับข้าได้หรือไม่เ้าคะว่าเพราะเหตุใด”
กู้จิ่งเหยียนอ้ำอึ้งไปเล็กน้อยก่อนตอบคำถามของนาง
“เ้ามองไม่ออกหรือว่าพวกเขาน่าสงสัยมากเพียงใด เ้าคิดว่าคนธรรมดาจะสามารถฆ่าคนได้ในดาบเดียวอย่างนั้นหรือ กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากตัวของพวกเขานั้นมีแต่เพียงการฆ่าฟันและกลิ่นคาวเื ถ้าหากไม่อยากเดือดร้อนเ้าก็อยู่ให้ห่างจากคนประเภทนี้ซะ ถึงข้าจะตาบอดแต่มิได้หูหนวกและหูของข้าก็ดีกว่าคนทั่วไปนัก ถึงจะแอบฟังอยู่ข้างนอกข้าก็ได้ยิน”
กู้จิ่งเหยียนเอ่ยเสียงไม่เบานักเพื่อให้คนที่อยู่นอกห้องรู้ตัว เฮ่อเหวินเจ๋อที่ยังไม่ทันได้จากไปก็แอบสะดุ้งเล็กน้อย เขาประมาทคุณชายรูปงามผู้นี้มากเกินไปเพราะเห็นว่าเขาเป็เพียงคนพิการเท่านั้น บางทีเขาอาจัับางอย่างจากพวกตนได้ ถึงได้แสดงท่าทีไม่เป็มิตรออกมา
“ท่านหมายความว่าอย่างไรหรือเ้าคะคุณชาย”
ลู่หยวนซีที่ไม่รู้ว่ายังมีอีกคนที่แอบหลบอยู่ด้านนอกเรือน นางมองไปยังกู้จิ่งเหยียนอย่างไม่เข้าใจ
“ไม่มีอะไร เอาเป็ว่าต่อไปเ้าทำตามที่ข้าสั่งก็พอ”
กู้จิ่งหยียนล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ก่อนจับมือของลู่หยวนซีเอาไว้ นางมองไปยังร่างสูงด้วยความอ่อนใจ ชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีก็แอบมีมุมที่คล้ายเด็กน้อยเหมือนกัน แม้เขาจะมิได้เอ่ยออกมาแต่นางก็เข้าใจว่าเขา้าอะไร ลู่หยวนซีนั่งลงข้างเตียงก่อนที่จะเล่านิทานให้เขาฟัง
ผ่านไปนาน นางเองก็รู้สึกง่วงขึ้นมาเล็กน้อยเพราะไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่มาหลายวัน ท่าทางนั่งสัปหงกของนางเรียกสายตาเอ็นดูจากคนที่นอนอยู่บนเตียง กู้จิ่งเหยียนปล่อยมือของนางก่อนประคองร่างเล็กให้นอนลงด้านข้างตน จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็เข้าสู่นิทรารมณ์ไปพร้อมกัน
สองเดือนที่ลู่หยวนซีและกู้จิ่งเหยียนได้เข้ามาพักอาศัยอยู่ที่เรือนของเฮ่อเหวินเจ๋อ นางฟังคำเตือนของคุณชายที่บอกให้อยู่ห่างๆ จากพวกเขา แต่บางครั้งก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะต้องพบปะพูดคุยได้ เพราะถึงอย่างไรเฮ่อเหวินเจ๋อก็เป็เ้าของเรือน
และเป็สองเดือนที่นางไม่ได้ยินเสียงของระบบอีกเลย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา นางรู้สึกหวั่นใจว่าตนเองอาจจะต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไป หากไม่หาทางทำอะไรสักอย่าง ร่างบางนั่งหันหน้าออกไปด้านนอกหน้าต่างด้วยท่าทางเหม่อลอย เสียงถอนหายใจของนางดังลอดออกมาเป็ระยะ ทำให้กู้จิ่งเหยียนผู้ที่ตัวติดกับนางตลอดเวลารู้สึกว่า่นี้เหมือนนางกำลังมีเื่หนักใจอะไรบางอย่าง แต่นางมิได้เล่ามันออกมาให้เขาฟัง
“เ้ามีเื่หนักใจอะไรอย่างนั้นหรือ”
ร่างสูงที่นั่งอยู่บนรถเข็นที่ลู่หยวนซีขอร้องให้เฮ่อเหวินเจ๋อหาช่างมาสร้างเป็การเฉพาะเมื่อเดือนก่อน เข็นล้อตรงมาทางร่างเล็กที่นั่งอยู่ที่ริมหน้าต่าง ลู่หยวนซีหันกลับไปมองคุณชายของตนเล็กน้อย ก่อนที่จะลุกเดินมาทางเขา
“เปล่าเ้าค่ะ ข้ามิได้เป็อะไร คุณชายรู้สึกคุ้นชินกับรถเข็นนี้หรือยังเ้าคะ รออีกหน่อยข้าจะพาท่านออกไปข้างนอก จะได้ไม่ต้องเอาแต่อุดอู้อยู่แค่ภายในเรือน”
ลู่หยวนซีมิได้ตอบคำถามของเขา นางพูดเื่อื่นขึ้นเพื่อเบี่ยงประเด็นคำถามของเขาออกไป และกู้จิ่งเหยียนรู้ว่านั่นเป็เื่ที่นางถนัดนัก เขาที่รู้ทันก็มิได้เปิดโปงหรือเอ่ยเซ้าซี้นางอีก เอาเถอะเอาไว้รอให้นางพร้อมเมื่อใดนางคงจะพูดออกมาเอง
“ได้ เื่นี้ข้าให้เ้าตัดสินใจ”
ั้แ่ที่ย้ายมาอยู่ที่นี่ทั้งสองคนพูดคุยกันมากขึ้น กู้จิ่งเหยียนเองก็เหมือนจะเปิดใจให้นางมากกว่าเดิม บางครั้งต่อให้นางยังไม่ได้พูดกับเขา เขาก็จะเป็ฝ่ายที่เริ่มประโยคสนทนาขึ้นมาก่อน เื่นี้ทำให้ลู่หยวนซีเบาใจลงไม่น้อยเพราะในอนาคตยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง นางอาจจะต้องติดอยู่ที่นี่ตลอดไป อย่างน้อยเขาก็เป็ถึงคุณชายจากจวนขุนนาง หากวันหน้าเขาหายดีนางก็คงจะถือได้ว่าเป็ผู้ที่มีบุญคุณต่อเขาอยู่กระมัง
“ข้าหิวแล้ว เ้าทำอาหารง่ายๆ สักสองสามอย่างมาทานด้วยกันดีหรือไม่”
กู้จิ่งเหยียนเองก็พยายามเพื่อนางเช่นกัน เขาไม่อยากให้สตรีผู้นี้รู้สึกไม่สบายใจหรือทุกข์ใจ หาอะไรให้นางทำเผื่อว่านางจะลืมเื่ที่อยู่ในใจไปได้บ้าง
“ท่านหิวแล้วหรือเ้าคะ”
ลู่หยวนซีมองออกไปนอกหน้าต่าง เมื่อเห็นว่าพระอาทิตย์ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเบี่ยงไปอีกด้านเล็กน้อย นางก็อุทานออกมาเสียงดัง
“ตายแล้ว!! นี่มันบ่ายแล้วนี่นา คุณชายยังไม่ได้ทานอะไรเลย รอสักครู่นะเ้าคะข้าจะรีบเข้าครัวเดี๋ยวนี้”
ร่างเล็กรีบกระวีกระวาดเดินออกนอกเรือนไปทางด้านหลังที่ถูกสร้างขึ้นเฉพาะเพื่อพวกเขาสองคน ต้องขอบคุณเฮ่อเหวินเจ๋อที่ทำตามคำขอร้องของนางทุกอย่าง ลู่หยวนซีจึงไม่ต้องใช้ห้องครัวร่วมกับบ่าวในเรือนหลังนั้น
กู้จิ่งเหยียนมองตามร่างเล็กของนางไป มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่เห็น เขารู้สึกอารมณ์ดีทุกครั้งที่นางนึกถึงเขาเป็อันดับแรก ไม่ว่าจะเป็เื่ที่เล็กน้อยเพียงใดนางก็จะทำเหมือนเป็เื่ที่สำคัญที่สุด การที่ได้รับความสำคัญมันเป็ความรู้สึกเช่นนี้นี่เอง
ลู่หยวนซีออกจากห้องไปเพียงไม่นาน นางก็กลับมาพร้อมกับใบหน้าที่ดูยุ่งยากเล็กน้อย กู้จิ่งเหยียนที่แสร้งมองไม่เห็นแต่ก็เอ่ยถามนางออกไปอย่างหยอกเย้า
“อาหารเที่ยงเสร็จเร็วเพียงนี้เชียว ดูเหมือนฝีมือของเ้าจะยอดเยี่ยมขึ้นทุกวันแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงเอ่ยทักจากกู้จิ่งเหยียนลู่หยวนซีก็ถึงกับอึ้งไป นางไม่คิดว่าคุณชายผู้เอาแต่ใจจะเอ่ยหยอกล้อนางเหมือนเช่นคนปกติ ทำเอานางถึงกับปั้นสีหน้าไม่ถูก ยังดีที่เขามองไม่เห็นไม่อย่างนั้นคงต้องหัวเราะท่าทางของนางเป็แน่
“มิใช่เ้าค่ะ ข้าลืมไปเลยว่ายังมิได้ซื้ออาหารมาเตรียมเอาไว้ ทั้งที่ใช้วัตถุดิบทุกอย่างหมดไปั้แ่เมื่อเช้า เป็ความผิดของข้าเอง”
ลู่หยวนซีก้มหน้าสำนึกผิด ท่าทางของนางทำเอากู้จิ่งเหยียนมองแล้วรู้สึกใจเหลวเป็น้ำ เขาไม่คิดที่จะตำหนินางแม้สักนิดแต่ดูเหมือนเ้าตัวเล็กนี่จะเสียใจไม่น้อยที่ตนเองทำพลาด
“ไม่เป็ไร ถ้ายังไม่ได้ซื้อก็ออกไปซื้อเถอะ ข้าก็ยังมิได้หิวขนาดนั้น รออีกสักหน่อยคงไม่เป็ไร”
ร่างสูงเอ่ยปลอบนางเล็กน้อย ก่อนเข็นรถเข็นหันไปทางหน้าต่างเพื่อมิให้นางสังเกตเห็นท่าทางที่พยายามกลั้นหัวเราะของเขา ลู่หยวนซีเงยหน้าขึ้นก่อนพยักหน้ารับ จากนั้นจึงพุ่งออกจากเรือนไปอย่างรวดเร็ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้