หลังจากวันนั้น เสียงในหัวใจโหยวเสี่ยวโม่ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
เป็ครั้งแรกที่เขาพินิจอย่างละเอียดถึงความสัมพันธ์ของเขากับหลิงเซียว เดิมทีเป็เพราะเขาบังเอิญรู้ความจริงเื่ปลอมตัวของหลิงเซียวเข้า มันจึงผูกมัดพวกเขาไว้ด้วยกัน หลังจากนั้นก็ด้วยเื่ทั้งหลายที่เกิดขึ้น ระหว่างเขากับหลิงเซียวจึงไม่ใช่เพียงแค่ผู้คุกคามกับผู้ถูกคุกคาม
จะบอกว่าพวกเขาคือเพื่อนกัน ก็ไม่เหมือนกับเพื่อนทั่วไป เพราะคงไม่มีเพื่อนคนไหนยอมช่วยเพื่อนทำเื่เสียวอย่างชักว่าวแบบนั้น อีกอย่างเขาทั้งสองต่างเป็ผู้ชาย
ดังนั้นตอนนี้มานึกย้อนดู เขากลับไม่เข้าใจ ว่าความสัมพันธ์ของเขากับหลิงเซียวเป็อะไรกันแน่ เพื่อนซี้ที่เป็มากกว่าเพื่อน? พลันนึกถึงใบหน้ายิ้มเ้าเล่ห์อยู่ตลอดเวลาของหลิงเซียวอย่างไม่รู้ตัว
ทันใดโหยวเสี่ยวโม่ก็กระอักเืเพราะภาพที่โผล่ขึ้นมา ภาพความทรงจำจะล้ำลึกเกินไปแล้ว ได้โปรดให้เวลาเขาทำใจสักครู่
ผลลัพธ์หลังจากคิดฟุ้งซ่านเวิ่นเว้อก็คือ เขานอนไม่หลับทั้งคืน แม้ว่าปกติเขาก็ไม่ค่อยจะนอนอยู่แล้วก็ตาม
คืนนี้โหยวเสี่ยวพลิกไปมาบนเตียง ทั้งที่อยากนอน แต่กลับมีพลังเต็มเปี่ยม เบิกตากลมโตจ้องมองหัวเตียง สมองนั้นตีกันพัลวัน มีแต่ชื่อหลิงเซียวสองคำกะพริบอยู่ นอกจากสองคำนี้ก็ไม่มีสิ่งไหนเข้าสมองเขาได้อีก
โหยวเสี่ยวโม่นั่งไขว่ห้าง หากมีหญ้าซักต้น เขาคงจับมาเคี้ยวแคะฟันสักที ให้เหมือนท่าทางพเนจรดุจบรรพบุรุษสมัยโบราณ แต่เสียดายเขาไม่อาจเป็ได้
ในสมองโหยวเสี่ยวโม่เริ่มปะติดปะต่อภาพได้
สมมติว่าความสัมพันธ์ของเขากับหลิงเซียวคือนายกับบ่าว เพราะเริ่มแรก เขาก็ถูกหลิงเซียวใช้งานมาตลอด
ต่อมาเพราะหลิงเซียวรู้ความลับเขา ดังนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเปลี่ยนสถานะไม่ใช่นายบ่าวอีกต่อไป หลิงเซียวก็ไม่ได้ปฏิบัติตัวกับเขาเหมือนบ่าวแต่อย่างใด ทั้งยังมาหาเขาบ่อยๆ เพื่อช่วยเขาฝึกเพิ่มพลัง ถึงขั้นไปเอาคัมภีร์ิญญา์มาจากไหนก็ไม่รู้ สิ่งที่หลิงเซียวทำมาทั้งหมดก็เพื่อเขาทั้งนั้น
และต่อมา พวกเขาก็ลงเขาพร้อมกัน ด้วยความคึกในตอนเช้าของผู้ชาย จึงเกิดเหตุการณ์ที่ได้แนบชิดกันมากอยู่หนหนึ่ง
ตอนนั้น ในใจเขานั้นต่อต้าน แต่…
เมื่อคิดถึงตอนนี้ ในใจโหยวเสี่ยวโม่ก็แสร้งยิ้มออกมา เหมือนว่าตอนแรกเขาจะต่อต้าน แต่จนถึงตอนนี้มันยังรู้สึกก้ำกึ่ง…
เอาเป็ว่า เขายอมรับก็ได้ว่าติดใจ
การช่วยเหลือกันและกันแบบนี้ มันมีบางอย่างน่าหลงใหล รวมถึงหลิงเซียวชอบชักจูงเขาอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เขาจึงไม่ได้ต่อต้านเื่ที่ผู้ชายสองคนอยู่ด้วยกันแล้ว
อันที่จริงเขาไม่ได้โง่ มีบางเื่ที่มองออกชัดเจน เพียงแต่ด้วยนิสัยแล้ว ทุกครั้งที่เจอเื่ยุ่งยาก เขาก็อยากหลบเลี่ยงแล้วไม่คิดถึงมันอีก นิสัยแบบนี้ติดมาจากครอบครัวในชาติที่แล้ว แต่เขาไม่ได้คิดว่ามันไม่ดีตรงไหน ก็เขาชอบชีวิตร่มเย็นเป็สุข ชอบชีวิตที่เรียบง่าย ชอบชีวิตที่เงียบสงบ...รอวันตาย
หากว่าทุกครั้งที่เจอเื่ไม่เป็ธรรมแล้วต้องไปไล่ตามตลอด เขาคิดว่าทั้งชาติที่แล้วและชาตินี้เขาคงอยู่อย่างทุกข์ระทม ดังนั้นการทรมานตัวเอง สู้อยู่อย่างเป็สุขดีกว่า เขาเดินทางของเขา ใครจะไปตายก็เชิญ
ดังนั้นคติในการใช้ชีวิตของเขาก็คือ รักตัวเอง ใช้ชีวิตให้โลดโผน อยู่ให้ห่างจากพวกสมองกลวง!
แต่นี่คือคติในชาติที่แล้ว ชาตินี้เขาเพิ่มบางอย่างเข้าไปในคติของตัวเอง นั่นก็คือ รักตัวเอง รักชีวิต รักเงินทอง และอยู่ให้ห่างจากพวกสมองกลวง!
จาก้า นี่คือสิ่งที่เขาประจักษ์แล้วในชาตินี้
แต่พอผ่านวันนี้ไป เขาเริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ ในใจนึกลังเลว่าจะเพิ่มคติในการใช้ชีวิตอีกสักข้อดีมั้ย ซึ่งก็คือ ‘กอดแข้งหลิงเซียวไม่ปล่อย’ ?
ขณะที่กำลังคิดเรื่อยเปื่อย ก็มีภาพใบหน้ายิ้มแย้มของหลิงเซียวโผล่แวบขึ้นมา ทั้งๆ ที่เป็การเสแสร้งทั้งนั้น แต่ทำไมมีเขาคนเดียวที่ดูออก? เขาครุ่นคิดเื่นี้มาตลอด คงไม่ใช่เพราะเขาหลักแหลมเกินไปหรอกนะ?
ขณะนั้นเอง จู่ๆ โหยวเสี่ยวโม่ก็ได้กลิ่นหอมจางๆ โชยมา…
ในความมืดมิด ดวงตาคู่กลมโตที่เปล่งประกายสดใสเหมือนดาวบนท้องฟ้า แต่ภาพนั้นหายไปอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่นั้นเหมือนไม่ได้เพ่งมองอะไรทั้งนั้น กลวงเหมือนกับิญญาหลุดจากร่าง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ประตูห้องที่ล็อกแ่า ก็มีเสียงเอี้ยดอ้าดเปิดออก พร้อมกับแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามากระทบพื้น เงาดำเดินเข้ามาอย่างเงียบกริบ
เงาดำนั้นเดินไร้เสียงตัวเบาผ่านฉากกั้นลมไป และเห็นร่างโหยวเสี่ยวโม่ที่นอนอยู่บนเตียงนิ่งไม่ไหวติง ราวกับนอนหลับไป เงาดำไม่ได้สนใจเขา เพียงแต่เดินรอบห้องราวกับกำลังมองหาอะไรบางอย่าง แต่ก็หาสิ่งนั้นไม่เจอ ท้ายสุดก็ทอดสายตามองไปยังร่างโหยวเสี่ยวโม่อีกครั้ง
เงาดำเลื่อนสายตาไปยังถุงเก็บของที่ผูกอยู่ตรงเอวโหยวเสี่ยวโม่ ราวกับมั่นใจว่าเขาไม่มีทางรู้อยู่แล้ว เงาดำปลดถุงเก็บของตรงเอวเขาออกมา
ขณะที่เขากำลังจะเปิดออกดู ทันใดข้างหูก็มีเสียงแหวกลมดังขึ้นด้วยความไว พริบตาเดียวบางอย่างก็ทะลุผ่านหน้าต่างด้านซ้ายเข้ามา
เงาดำใ ตั้งตัวไม่ทัน วินาทีนั้นมือขวาที่ถือถุงเก็บของไว้ถูกโจมตีด้วยก้อนหิน ทั้งมือนั้นชาไปหมด ถุงเก็บของหล่นลงพื้น เงาดำไม่ทันได้เก็บ รีบหนีออกจากห้องโหยวเสี่ยวโม่ทันที
คนที่ซ่อนอยู่ในเงามืดหลังหน้าต่างไม่ได้คิดจะตาม ปล่อยเขาหนีไป
หลายอึดใจต่อมา ร่างชุดขาวเดินเข้าห้องมา ปิดประตูเสียงเบา เดินเข้าไปเห็นโหยวเสี่ยวโม่ที่ยังปลอดภัยอยู่บนเตียง ดวงตาเขายังเบิกกว้างแต่ยังล่องลอยอยู่
ร่างชุดขาวนั่งลงข้างเตียง นิ้วเรียวสวยทั้งห้าลูบไล้ใบหน้าเขา แน่ใจว่าไม่มีอันตรายแล้วจึงโล่งอก สายตาเลื่อนไปมองถุงเก็บของ ก้มลงเก็บขึ้นมา แต่เขาไม่ได้ตรวจสอบสิ่งของด้านในแล้วผูกเข้าที่เอวโหยวเสี่ยวโม่ตามเดิม
“เ้าซื่อบื้อ ทั้งๆ ที่ระวังตัวเองขนาดนี้แล้วแท้ๆ ก็ยังถูกคนจับจ้อง เห็นทีทัพพิภพจะไม่ปลอดภัยเสียแล้ว”
ร่างชุดขาวพึมพำกับตัวเอง แต่สายตากลับจดจ้องแต่ใบหน้าอ่อนนุ่มของโหยวเสี่ยวโม่ที่หลับตาลงแล้ว ครั้งนี้หากเขาไม่รู้ว่ามีคนบุกรุกเขตป้องกันที่ร่ายไว้ดึกๆ ดื่นๆ ก็คงมาไม่ทันการ
มีเพียงหลิงเซียวที่ร่ายเขตป้องกันไว้ด้านนอกห้องโหยวเสี่ยวโม่ โชคดีที่เขาคนนั้นไม่ได้มุ่งร้ายต่อโหยวเสี่ยวโม่ แต่กล้าแตะต้องถุงเก็บของของเขา ชัดว่าคงค้นพบความลับอะไรของโหยวเสี่ยวโม่เข้าแล้ว
แต่หลิงเซียวก็เข้าใจนิสัยของโหยวเสี่ยวโม่ดี แม้เขาจะซื่อบื้อมาก แต่ก็รู้ว่าไม่ควรหลุดอะไรออกไป แล้วชายชุดดำนั่นรู้ได้เช่นไร
เสียดายหลิงเซียวไม่อาจอยู่กับโหยวเสี่ยวโม่ได้ตลอด ดังนั้นแม้พลังเขาจะเหนือชั้นแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางรู้ว่าอีกฝ่ายรู้ความลับได้อย่างไร เพื่อเลี่ยงเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ให้เกิดขึ้นอีก หลิงเซียวตัดสินใจอะไรบางอย่าง
วันถัดมา โหยวเสี่ยวโม่ลืมตาตื่นขึ้นเพราะแสงแยงตา
ภาพที่ปรากฏขึ้นไม่ใช่หัวเตียงของเขา แต่เป็อ้อมอกกว้าง เสียงหัวใจเต้นตุบๆๆ มีพลังดังออกมา เงยขึ้นมองก็เห็นใบหน้าคุ้นเคยที่แม้ในความฝันก็ยังโผล่มาได้…
โหยวเสี่ยวโม่ตะลึงงัน เขานึกว่าตัวเองฝันไป จากนั้นรีบหลับตา แต่เสียงจังหวะหัวใจเต้นนั้นยังดังไม่หยุด ขณะเดียวกันเขาเริ่มขยับตัว
ใครบางคนตื่นขึ้นแล้ว ปฏิกิริยาแรกก็คือรีบถอยออกห่าง แต่เขาลืมไปว่าเตียงไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น ทั้งร่างนั้นเบียดชิดไปด้านหลัง ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองใบหน้าหลิงเซียวที่กำลังยิ้มกริ่ม
หลายวินาทีถัดมา คลานอยู่บนตัวหลิงเซียวหายใจถี่
เขาสะดุ้งของจริง เมื่อคืนยังนึกถึงเขาคนนี้อยู่เลย ปรากฏว่าเช้ามาลืมตาตื่นก็พบเขา นี่มันเหมือนเจอผีกลางวันแสกๆ แต่เขาปีนขึ้นเตียงเขาั้แ่เมื่อไรกัน ทำไมเขาไม่รู้สึกตัวเลย
พอสงบสติลง ในใจโหยวเสี่ยวโม่ก็มีข้อสันนิษฐานเต็มไปหมด
เมื่อคืนกำลังครุ่นคิดปัญหาอยู่ สติก็อยู่ครบ แต่เหมือนว่าจะผล็อยหลับไป
“ท่านมาอยู่บนเตียงข้าได้ยังไง?” โหยวเสี่ยวโม่เงยหน้าขึ้นมองหลิงเซียวท่าทีเคืองๆ สมองเขาตอนนี้เหมือนโดนเชือกรั้งไว้ เดินอยู่ดีๆ ก็ถูกเหนี่ยวไว้ จากนั้นความจำหลังจากนั้นก็จำไม่ได้อีกเลย
“เ้า จำไม่ได้เหรอ?” หลิงเซียวจู่ๆ ก็เผยสีหน้าเหมือนผู้ถูกกระทำ
โหยวเสี่ยวโม่ปากกระตุกขึ้น นี่มันเื่บ้าอะไรกัน ทำไมเขารู้สึกเหมือนอารมณ์ชายหญิงนอนห้องเดียวกัน เช้าตื่นฝ่ายหญิงก็เรียกร้องให้ตัวเองรับผิดชอบอย่างไรอย่างนั้น? ท่าทางแบบนี้ไม่เหมือนหลิงเซียวจริงๆ แต่...เขาก็ยังก้มลงมองหว่างขาตัวเอง ปรากฏว่า…
“ฮ่าๆ!!” หลิงเซียวแหงนหน้าขึ้นหัวเราะดังลั่น จนหน้าอกสั่นกระเพื่อม ผ่านไปครู่หนึ่งถึงคว้าหัวเขามาขยี้จนหนำใจ “ศิษย์น้องเล็ก ทำไมท่าทางเ้าน่ารักขนาดนี้นะ!”
โหยวเสี่ยวโม่ “...”
รอจนเขาหัวเราะเสร็จ โหยวเสี่ยวโม่จึงชักสีหน้าตึง “ท่านยังไม่บอกเลยว่าทำไมถึงมาอยู่บนเตียงข้าได้”
หมอนี่ช่างร้ายกาจ เอาแต่แกล้งเขาอีกแล้ว ความรู้สึกดีๆ เมื่อคืนนั่นคือคิดผิดไปเองจริงๆ
จู่ๆ หลิงเซียวก็หยุดหัวเราะ เอ่ยสีหน้าจริงจังขึ้น “ศิษย์น้องเล็ก เ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อคืนเ้าเกือบถูกโจรเด็ดดอกไม้* ไปแล้ว!”
โหยวเสี่ยวโม่มองเขาได้แต่อ้าปากค้าง “...”
*เด็ดดอกไม้ หมายถึง ข่มขืน พรากความบริสุทธิ์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้