มู่อี้หานไม่สนใจแขนทั้งสองข้างของเธอที่พยายามขัดขืนเขาริมฝีปากของชายหนุ่มบดขยี้ริมฝีปากชมพูแสนอ่อนนุ่มของหญิงสาวและนี่เป็ครั้งแรกที่เขาจูบเธออย่างจริงจัง
ริมฝีปากของเธอทั้งนุ่มและหอมเปี่ยมด้วยความหวานที่แสนนุ่มนวล ยิ่งทำให้มู่อี้หานบรรเลงจูบอย่างหื่นกระหายเขาไม่สามารถปล่อยเธอได้อีกต่อไป ลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดกันเพียงเบาบาง แค่จูบเดียวเท่านั้นกลับทำให้คนทั้งคู่ไม่อาจควบคุมความปรารถนาของตนได้อีกต่อไป
เมื่อความเป็ชายของเขากำลังเดือดพล่านมือใหญ่รวบข้อมือบางทั้งสองของเธอ จูบของเขาค่อยๆ ทวีความลึกซึ้ง และดูดดื่มขึ้นทุกทีราวกับว่ามีใครมาขโมยจิตใต้สำนึกของเธอไป ลมหายใจร้อนแรงเคล้าคลอบนลำคอขาวนวลของหญิงสาวเป็เพราะการจูบที่แสนลึกซึ้ง ทำให้หยิ่นยวี๋โม่ตกอยู่ในภวังค์แห่งความรักเมื่อถลำลึกเข้าไป แม้เขาจะไม่ได้ควบคุมกายเธออีกต่อไป แต่หญิงสาวกลับลืมที่จะขัดขืนเขาไปจนหมดสิ้น
“โม่โม่ นับแต่วันนี้ไป คุณต้องเป็ของผมคนเดียว! ถ้าผมไม่ปล่อยคุณไป คุณก็ต้องภรรยาของผมตลอดไป” มู่อี้หานยอมรับว่าเขา้าเธอ และเขายอมรับว่าเสื้อสูทตัวนั้นเป็สิ่งกระตุ้นให้เขาเป็แบบนี้แต่เธอก็เหมือนกับดอกฝิ่น แม้ััเพียงครั้งเดียว ก็พร้อมที่จะทำให้ลุ่มหลง จนไม่อาจหยุดยั้งได้อีกต่อไป
“ทำไมต้องเป็ฉัน? ในเมื่อคุณไม่ได้รักฉันแล้วคุณจะมาแต่งงานกับฉันทำไม?” ความเย็นในร่างกายของเธอทำให้เธอมีสติ เธอจะต้องไม่ให้เขาเข้ามาใกล้ตัวเธออีก
“แล้วคุณไม่อยากแต่งงานกับผมเหรอ?” มู่อี้หานถามกลับไปด้วยเสียงแ่เบาเขาไม่เข้าใจความรู้สึกของเธอเลย เพราะหลังจากที่หยิ่นยวี๋ซินลูกสาวคนรองของตระกูลหยิ่นหนีงานแต่งไปเพื่อให้พิธีแต่งงานดำเนินไปอย่างราบรื่น เขาจึงต้องแต่งงานกับเธอ แม้ว่าตระกูลหยิ่นจะไม่ชอบใจนักแต่เธอคือคุณหนูที่ถูกมองข้ามมาโดยตลอด หยิ่นยวี๋โม่กัดปากตัวเอง บางที เธอเองต่างหากที่มองเขาไม่ออกและเขาเองก็คงมองไม่ออกถึงความรู้สึกของเธอที่มีมาตลอดสิบปี
“โม่โม่ วันนี้ผมจะไม่ปล่อยคุณไปอีก” การปฏิเสธของเธอ สุดท้ายก็เปล่าประโยชน์ การดิ้นรนของหยิ่นยวี๋โม่ยิ่งโหมให้ไฟปรารถนาในตัวเธอของมู่อี้หานลุกโชนยิ่งขึ้น
การแต่งงานกับหยิ่นยวี๋โม่เป็เพียงบันไดสู่ความสำเร็จของเขาเพื่อจะได้กุมอำนาจของรองประธานเอาไว้ เมื่อชายหนุ่มอยู่ต่อหน้าเ้าสัวตระกูลหยิ่นเขาจึงต้องทำแบบนั้น แต่ครั้งนี้เ้าสัวตระกูลหยิ่นไปรักษาตัวอยู่ต่างประเทศทั้งเขาและเธอต่างก็เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์แห่งใหม่
เขาเพียง้าเล่นละครหรือเป็ความรู้สึกจากใจจริงของเขากันแน่?
“สกปรกที่สุด” หยิ่นยวี๋โม่หลุดจากภวังค์น้ำตาไหลอาบข้างแก้มทั้งสองข้าง หลังจากผ่านไปสักพัก เธอถึงได้โพล่งคำนี้ออกมา
เธอรังเกียจร่างกายของเขาที่ไปัักับผู้หญิงคนอื่นแล้วเธอล่ะ? เธอเองก็หายไปตลอดทั้งคืนไม่ใช่หรือ? หรือว่าเธอจะบริสุทธิ์? เขาไม่มีทางเชื่อ!
“โม่โม่ นี่มันแค่การเริ่มต้นเท่านั้น” มู่อี้หานพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเ็า
เริ่มต้น? นี่มันคงเป็จุดเริ่มต้นของความเ็ปแล้วใช่ไหม? หยิ่นยวี๋โม่นิ่งไป ข้างนอกบ้านเขาจะมีผู้หญิงอีกสักกี่คนกัน?
ความเ็ปได้เริ่มขึ้นแล้วมันทำให้เธอแทบจะลืมหายใจกับการทำตามอำเภอใจของเขา ปลดปล่อยความ้าของตัวเองรุกล้ำร่างของเธอ และนี่เป็ครั้งแรกที่เธอได้ลิ้มลองความเ็ปนั้นจนแทบสิ้นสติจนกระทั่งร่างกายของเขาผละออกจากร่างของเธอไป เขายังคงยืนอยู่ข้างเตียงจ้องมองหญิงสาวที่เพิ่งร่วมรักกันด้วยสายตาเ็าแก้มทั้งสองของเธอเต็มไปด้วยน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา
มู่อี้หานยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งในแววตาของเขาไม่มีความรู้สึกอะไรหลงเหลืออยู่อีก หลังจากนั้นเขาเพียงเดินเข้าไปอาบน้ำไม่ถึงสิบนาที เขาก็กลับออกมาในสภาพเดิม เขาสวมชุดสีดำทั้งเสื้อและกางเกงและไม่ได้พูดอะไรกับเธอแม้สักคำ มีเพียงแต่เสียงรถที่แล่นออกไป
หยิ่นยวี๋โม่ยังคงนอนขดตัวอยู่บนเตียงไม่พูดไม่จา และไม่ขยับเขยื้อน ดวงตาที่เคยส่องประกายสดใส ในตอนนี้กลับเลื่อนลอย
เมื่อมู่อี้หานจากไป แม่บ้านโจวจึงขึ้นไป “คุณหนูคะ”เธอนั่งอยู่ข้างเตียงมองไปที่ด้านหลังของตัวเอง บนร่างกายมีแต่รอยช้ำสีม่วงเต็มไปหมด
“คุณหนูคะ คุณหนูไม่เป็ไรใช่ไหมคะ?” แม่บ้านโจวประคองเธอลงมา และนำชุดคลุมมาสวมให้กับเธอ หยิ่นยวี๋โม่ก็ยังไม่พูดอะไรสีหน้าและแววตาของเธอช่างเลื่อนลอย เธอไม่เคยคิดเลยว่า ตัวเองจะต้องมากลายเป็ภรรยาของเขาจริงๆในสถานการณ์แบบนี้
ถ้าไม่มีเหตุการณ์เมื่อวานบางที ความรู้สึกของเธออาจไม่ใช่แบบนี้
“คุณหนู เื่แบบนี้มันเป็เื่ของสามีภรรยาคุณหนูต้องเปิดใจบ้าง ยังไงเสีย คุณหนูก็แต่งงานกับคุณชายมู่ไปแล้ว” แม่บ้านโจวคอยเฝ้าดูพวกเขาทั้งคู่ั้แ่เล็กจนโต
ความรู้สึกของคุณหนูไม่ใช่ว่าหล่อนจะไม่เข้าใจ ั้แ่เล็กจนเติบใหญ่คุณชายมู่ก็อาศัยอยู่ในบ้านตระกูลหยิ่นเป็เวลาหลายปี แต่หล่อนก็มองไม่ออกว่าเด็กหนุ่มเป็คนอย่างไรเขาเป็คนที่ค่อนข้างเก็บความรู้สึก ส่วนคุณหนูใหญ่แม้จะไม่ใช่คนช่างเจรจาแต่ว่าเธอก็เริ่มมีความรู้สึกดีๆ ให้คุณชายมู่ั้แ่เด็กเธอไม่เหมือนกับคุณหนูรองที่ร่าเริงแจ่มใส ชอบคบค้าสมาคมกับผู้คน และด้วยเหตุนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงยิ่งแนบชิดกันมากขึ้นแต่ที่หล่อนคาดไม่ถึงก็คือ คุณหนูรองกลับหนีไปกับชายอื่นก่อนวันแต่งงานเพียงวันเดียวจึงทำให้คุณหนูใหญ่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาทั้งหมด
แม้ว่าคุณหนูใหญ่จะได้แต่งงานกับคุณชายมู่สมปรารถนาแต่ทว่าคุณชายมู่กลับมีท่าทีที่เ็าต่อเธอ และยังคอยรักษาระยะห่างไว้อยู่เสมอเมื่อวานก็ไม่ใช่เื่ง่ายที่เธอจะทำให้คุณหนูไปหาคุณชายมู่ที่บริษัทแต่ก็ไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้นกับคุณหนู เมื่อวานเธอก็ไม่ได้กลับบ้านทั้งคืนจนทำให้คุณชายมู่ทั้งโกรธทั้งเป็ห่วง
หยิ่นยวี๋โม่สวมกอดแม่บ้านโจวพลางสะอึกสะอื้นหลังจากที่แม่เธอเสียชีวิต คนที่ดีต่อเธอที่สุดก็คือแม่บ้านโจว
“คุณหนู ทำไมถึงเป็ไข้ได้ละคะ?” แม่บ้านโจวรู้สึกได้ถึงอุณหภูมิความร้อนในตัวของหยิ่นยวี๋โม่ เธอส่ายหน้า “ฉันไม่เป็ไร ฉันจะไปอาบน้ำแล้ว” ร่างกายของเธอค่อนข้างอ่อนแอ แค่นิดเดียวก็ล้มป่วยถ้ายังไม่รักษาอาการให้ดีขึ้น เธอก็จะเป็แบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา แต่เธอคงจะชินเสียแล้วร่างกายของเธอในวันนี้ทั้งเจ็บทั้งปวด แต่คงไม่เท่ากับสิ่งที่เธอได้เผชิญมาในวันนี้
เธอมีแต่ต้องเผชิญหน้าหนีไปไหนอีกไม่ได้ เพราะท้ายที่สุด ทะเบียนสมรสได้ถูกเซ็นไปแล้วด้วยลายมือของเธอและมู่อี้หาน
สายน้ำเย็นเฉียบไหลผ่านไปในทุกอณูของิัประกอบกับความร้อนของเดือนมิถุนายน ก็ไม่ได้ทำให้เธอหนาวสั่นแต่อย่างใด หยิ่นยวี๋โม่สวมชุดนอนสีชมพูเธอยืนอยู่ตรงหัวเตียง มองผ้าปูที่นอนสีเข้ม ตอกย้ำความจริงที่ว่าตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กน้อยอีกต่อไปเธอได้กลายเป็หญิงสาวแล้ว
แม่บ้านโจวนำโจ๊กขึ้นมา “คุณหนู ทานโจ๊กก่อนนะคะ แล้วค่อยพักผ่อน! หรือไม่ ฉันจะบอกให้คุณผู้ชายพาคุณหนูไปโรงพยาบาลไหมคะ?”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่เป็อะไร” เธอยังไม่อยากเจอเขาใน่นี้ และคาดว่าเขาก็คงไม่อยากเจอเธอเช่นกันไม่เจอกันสักพักอาจจะดีกว่า จะได้ไม่ปะทะกันอีก แม่บ้านโจวไม่ได้บังคับเธอเพราะั้แ่เด็กจนโตคุณหนูยังคงเป็เหมือนเดิมได้แต่หวังว่าคุณผู้ชายจะทำดีต่อเธอและทุกอย่างจะค่อยๆ ดีขึ้น