ย้อนเวลามาเป็นยุวชนหญิงในยุค 60

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์


     

    วันรุ่งขึ้นลู่เสวียอีตื่นแต่เช้า วันนี้เธอตั้งใจย้ายของเข้าบ้าน

    หลังทำธุระส่วนตัวเสร็จเธอก็เริ่มเก็บของในตู้ใส่ถุง

    เมื่อลู่เสวียอีเริ่มยุ่งคนอื่นๆ ก็ตื่นแล้ว แต่พวกเขาไม่ได้ลุกขึ้นจากเตียง ๰่๥๹นี้พวกเขาไม่ต้องไปทำงานแถมอากาศยังเริ่มหนาว หลายคนอยากจะซุกตัวอยู่บนเตียงอุ่นให้นานขึ้นอีกหน่อย

    เมื่อเห็นว่าลู่เสวียอีเก็บข้าวของ๻ั้๫แ๻่เช้าดังนั้นพวกเขาถึงนอนอยู่ตรงนั้นและมองลู่เสวียอี

    มู่เสวียถามลู่เสวียอีว่า “เธอยุ่งอะไรแต่เช้าเนี่ย”

    “บ้านของฉันเรียบร้อยแล้ว ฉันจะเก็บของแล้วย้ายให้เสร็จวันนี้”

    “ไวจัง เสร็จเรียบร้อยดีแล้วเหรอ?”

    “อืม”

    สวี่หลิงห่มผ้าแล้วถามอย่างใจกว้าง “มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า?” เธอเพียงแค่ถามแต่ไม่ได้ตั้งใจจะลุกขึ้นเลย

    “ไม่เป็๞ไร ฉันทำเองได้”

    ของที่เธอต้องเก็บมีไม่มาก เธอเพียงมาอยู่ที่นี่ไม่กี่วัน

    หลังจากเก็บม่านใส่กระเป๋าและเก็บของเรียบร้อยแล้ว เธอก็หยิบกระเป๋าขึ้นแล้วออกไป

    เมื่อเธอออกมาหน้าประตูก็เห็นร่างของเหรินเฟิงกับน้องชาย

    “ทำไมถึงมาที่นี่กันล่ะ?”

    เหรินเฟิงอธิบาย “มาช่วยคุณขนของไง ดูสิ เราเอารถลากมาด้วย ถ้ามีของอย่างอื่นจะได้ขนรอบเดียวเลย”

    ลู่เสวียอีคิดว่าไหนๆ พวกเขาก็มาแล้ว ก็รีบจัดการขนของให้เสร็จไปเลยเถอะ

    เธอวางกระเป๋าแล้วขอให้ทั้งสองคนขนตู้ไม้ออกมาให้ จากนั้นจึงเริ่มย้ายของอย่างอื่นขึ้นรถลาก

    เมื่อมองสิ่งของมากมาย น้องชายของเหรินเฟิงก็รู้สึกพูดไม่ออก เขาเห็นว่ายุวชนหญิงคนนี้ซื้อของเข้าบ้านใหม่มากมายแต่ที่นี่ก็ไม่น้อยเช่นกัน รวมกับธัญพืชและของที่เธอเอาติดตัวมาด้วยมันเหมือนกับว่าเธอย้ายบ้านมาต่างจังหวัดจริงๆ

    บ้านของสหายลู่คนนี้คงมีฐานะมาก ถ้าเหรินเฟิงได้แต่งงานกับเธอจริงๆ ก็คงจะดี อย่างน้อยเธอคงไม่โลภของบ้านสามีเหมือนพี่สะใภ้คนโต

    พวกเขาเก็บของทุกอย่างเรียบร้อย เหรินเฟิงกับน้องชายก็ดึงรถเลื่อนหิมะไปยังบ้านทิศเหนือ

    ลู่เสวียอีเปิดประตูลานบ้านแล้วเริ่มเผาฟืนอบอุ่นห้อง จากนั้นก็เริ่มจัดวางของและเตรียมที่อยู่

    หลังจากทุกอย่างเรียบร้อยเธอก็เริ่มทำอาหาร เมื่อเห็นว่ามีชายหนุ่มหลายคนกำลังทำงานอยู่ในลาน เธอก็มีความคิดขึ้น หลายวันมานี้เหรินเฟิงกับพี่น้องของเขาช่วยเหลือเธอมาก ลู่เสวียอีตั้งใจจะเลี้ยงอาหารพวกเขาเพื่อตอบแทน

    เธอหยิบแป้งขาว เบคอนและไข่ในพื้นที่ออกมาเป็๲พิเศษ เมื่อเห็นว่าข้างนอกอากาศเย็นเธอเริ่มทำข้าวต้มก่อน จากนั้นตามด้วยพะโล้กับเกี๊ยว

    เมื่อเธอเริ่มทำอาหาร คนข้างนอกก็ได้กลิ่นเช่นกัน

    น้องชายของเหรินเฟิง เหรินซุน สูดกลิ่นหอม “เหมือนจะได้กลิ่นเนื้อเลย”

    พี่ชายคนที่สอง เหรินหยวน พูด “ฉันก็เหมือนกัน”

    “พี่เฟิง พี่หยวน พี่ซุนพักก่อนค่ะ ฉันทำอาหารเสร็จแล้วไปกินข้าวกันก่อนเถอะ”

    “ไม่เป็๞ไรหรอก ที่บ้านทำกับข้าวไว้ให้แล้ว พวกเรากลับไปกินข้าวที่บ้านดีกว่า”

    “กินที่นี่ก็ได้ค่ะ ฉันทำเผื่อเอาไว้แล้ว ถ้าไม่มีคนกินก็คงเสียเปล่า”

    เหรินเฟิงยังคิดจะปฏิเสธ พวกเขาเป็๞ผู้ชายตัวโตจะแย่งอาหารผู้หญิงตัวเล็กๆ กินได้ยังไง ถ้าพี่น้องกินมากไป เธอจะกินอิ่มหรือเปล่า?

    “เพราะพี่ๆช่วยฉันขนฟืนมาตั้งเยอะ ถ้าพวกพี่ไม่กินฉันคงอายจนไม่กล้ารับฟืนพวกนี้ไว้” เธอพูดอย่างจริงจัง อย่าเห็นว่าพวกเขาทำได้ง่าย ถ้าเธอไม่มีความสามารถที่จะทำได้ง่ายดายเหมือนพวกเขาก็ไม่สมควรที่จะปฏิบัติแบบปล่อยปละละเลยความดีนี้

    เหรินเฟิงพยักหน้าให้พี่น้องที่เหลือ “งั้นก็ไปกินข้าวกันเถอะ”

    พวกเขาทั้งสามล้างมือแล้วเข้าไปในห้องจากนั้นเห็นข้าวต้ม เกี๊ยว พะโล้ แถมยังมีเบคอนทอดกับไข่ลวก เหมือนกับงานเลี้ยงปีใหม่

    “ลู่จื่อชิง[1] คุณทำมากเกินไป แม้แต่๰่๭๫ปีใหม่พวกเราก็ไม่ได้กินดีขนาดนี้!”

    “ฉันไม่กล้ากินมันเลย” เหรินหยวนพูดอีก

    ลู่เสวียอียิ้ม “เพราะพี่ๆช่วยฉันทำงานมาหลายวันแล้ว ฉันก็แค่อยากทำอาหารอร่อยตอบแทนบ้าง วันนี้พี่ใหญ่เหรินไม่มา แล้วฉันจะฝากบางอย่างไปให้ด้วย”

    พี่ใหญ่เหริน ชื่อเหรินจวิน หลายวันมานี้เขาเองก็มาช่วย เพียงแต่วันนี้ต้องไปส่งภรรยากลับบ้านจึงไม่ได้มา

    “เอาละกินข้าวกันเถอะ หลังจากกินเสร็จจะได้ไปทำงานกันต่อ” เหรินเฟิงพูดแล้วก็เริ่มกิน

    ลู่เสวียอีเห็นพวกเขากินอย่างเอร็ดอร่อยก็ภูมิใจในฐานะแม่ครัว “ในหม้อยังมีอีก ถ้ายังไม่อิ่มก็ตักได้เลยนะ”

    พี่รองเหรินรีบบอก “พอแล้ว พอแล้วลู่จื่อชิง พวกเราอิ่มแล้วจริงๆ”

    หลังจากหลายคนกินเสร็จลู่เสวียอีก็หยิบชามไปล้าง เมื่อเธอกลับมาพวกเขาก็ออกไปหาฟืนอีกครั้ง

    พี่น้องตระกูลเหรินหาฟืนให้เธอแล้ว แต่หลายวันที่ผ่านมา ลู่เสวียอีอาศัยอยู่ในลานของยุวชนผู้มีการศึกษาและใช้ฟืนของพวกเขาด้วย ตอนนี้เธอจึงต้องคืนสิ่งที่ยืมมา

    ลู่เสวียอีขึ้นเขาใกล้ๆตัดกิ่งไม้อย่างไม่เร่งรีบ ค่อยๆ ทำจนรวบรวมได้เต็มตะกร้า จากนั้นค่อยมัดกิ่งก้านพวกนี้เข้าด้วยกัน

    หลังจากมัดฟืนแล้วเธอก็คนมันไปยังลานของยุวชนผู้มีการศึกษา เมื่อไปถึงเธอก็วางฟืนไว้ที่ลานแล้วตามหาหม่าตง

    ทันทีที่เขาออกมาและเห็นเธออยู่ที่สนามก็ถาม “มีอะไรหรือเปล่าสหายลู่?”

    “ไม่มีอะไร ฉันแค่มาคืนฟืนที่ใช้ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา” เธอชี้ให้เห็นกองฟืนใหม่

    หม่าตงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อเห็นแบบนั้น “สหายลู่ไม่จำเป็๲ต้องจริงจัง คุณไม่ต้องจ่ายคืนหรอก”

    หลายวันที่ผ่านมาเธอต้องไปทำความสะอาดและซ่อมแซมบ้านใหม่ ไม่ได้มีเวลาไปเก็บฟืนหรือช่วยคนในลานยุวชนทำอาหาร มีบางครั้งที่คนอื่นพูดจากระทบกระทั่งให้เธอลำบากใจ ตอนนี้เธอเสร็จธุระแล้วจึงได้เวลาคืนของให้พวกเขา

    “ไม่เป็๲ไร หัวหน้า ฟืนพวกนี้พอหรือยัง”

    “.. พอแล้วๆ”

    ใบหน้าของหม่าตงร้อนเล็กน้อยเพราะความอับอาย พวกเขาไม่ได้คาดหวังมากนักว่าเธอจะเอาฟืนมาคืนให้มากมายจริงๆ เตียงคั่งในห้องพอจุดไฟก็นอนรวมกันหลายคน ลู่เสวียอีไปเช้ากลับเย็นทุกวันและแทบไม่ได้ใช้เตาผิงอบอุ่นตัวเองเหมือนคนอื่น จำนวนฟืนที่เธอใช้ไม่ได้มากมายนัก อย่างน้อยก็ไม่ได้มากเท่ากองฟืนที่เธอเก็บมา เมื่อคิดถึงว่าตัวเขาเองก็นิ่งเฉยเวลาที่คนอื่นพูดกระทบกระเทียบหญิงสาวเขาก็อดจะอายไม่ได้

    “งั้นก็ดีแล้ว” ลู่เสวียอีใส่ฟืนเก็บเข้าในโรงฟืนของลานยุวชน

    คนอื่นได้ยินความเคลื่อนไหวตรงนี้และแอบฟังอยู่ในห้องแต่ไม่ได้ออกมา ยุวชนหญิงบางคนเคยพูดบ่นกับเธอต่อหน้า ตอนนี้เมื่อเห็นเธอหาฟืนมาคืนจริงๆ ก็ปิดปากเงียบ

    ลู่เสวียอีไม่ได้เสียเวลาที่นี่นานและกลับไปที่บ้านต่อ เมื่อมาถึงเธอก็เห็นว่าพี่น้องตระกูลเหรินเพิ่งแบกฟืนชุดใหม่กลับมา มองเข้าไปที่โรงฟืนที่อัดแน่น หัวใจของเธอก็อบอุ่น

    การทำงานหนักหลายวันเริ่มเสร็จสมบูรณ์แล้ว

    “ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ เดี๋ยวฉันจะไปทำอาหารเย็นก่อน พวกพี่อยู่กินกันก่อนกลับเถอะ”

    “ไม่ล่ะๆ เมื่อกลางวันกินเยอะมากไป ตอนนี้พวกเรายังไม่หิวเลย ไม่รบกวนลู่จื่อชิงแล้ว”

    “ได้ยังไงกัน ฉัน…”

    เหรินเฟิงพูดว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วพวกเราจะกลับไปกินข้าวเย็นที่บ้าน มื้อกลางวันที่ทำเผื่อไว้คงจะเหลือถ้าไม่กลับไปกิน …ถ้ามีอะไรให้ช่วยก็เรียกหาได้ตลอดเลย”

    พูดจบเขาก็เดินกลับไป พี่น้องของเขาเห็นอย่างนั้นก็เดินตามกลับไปด้วย

    ลู่เสวียอีได้แต่มองเงาหลังที่จากไปอย่างทำอะไรไม่ถูก เธอคิดว่าอาจจะลองทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ แล้วค่อยไปเยี่ยมที่บ้านพวกเขาแทน

 


[1] ลู่จื่อชิง : คำเรียกยุวชนผู้มีการศึกษานามสกุล ลู่



นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้