เฉิงชิงรู้สึกว่าเื่นี้สามารถให้นางหลี่รับรู้ได้ หลังนางหลี่ได้ฟังคำพูดของซือโม่แล้วก็อึ้งไป
“เ้าฉีเหยียนซงนั่น้าให้ฮุ่ยเจียเอ๋อร์[1]เป็อนุภรรยาหรือ?!”
่นี้นางหลี่เอาแต่คิดเื่การแต่งงานของเฉิงหรงผู้เป็บุตรสาว
นั่นคือเืเนื้อเชื้อไขของนาง
คือบุตรสาวที่นางเลี้ยงดูจนเติบใหญ่มากับมือ รอให้หมั้นหมายแล้วปีหน้าก็ต้องแต่งงาน จากนั้นก็ต้องอาศัยอยู่ที่บ้านสามี ให้กำเนิดและเลี้ยงดูบุตร จัดการเื่ภายในบ้านเพื่อตระกูลอื่น ย่อมไม่อาจมีอิสระไม่ต้องกังวลเหมือนยามที่ยังไม่แต่งงาน... แม้ว่าผู้ที่เฉิงหรงจะต้องแต่งงานด้วยจะเป็ผู้ที่มีความสามารถและรูปลักษณ์ดีอย่างเมิ่งไหวจิ่น นางหลี่ก็ยังทนไม่ได้ที่จะแยกจาก
บุตรสาวของผู้ใด ผู้นั้นก็เ็ป นางพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่บุตรสาว ของอย่างสินเดิมก็เก็บสะสมั้แ่ยังเล็ก นางหลี่กลับยังรู้สึกรังเกียจว่ามีไม่พอ ยังมีเวลาอีกปีกว่าที่นางยังจะสามารถคว้าโอกาสซื้อต่อได้
เฉิงหรงคือบุตรสาวของบ้านห้า คือบุตรสาวที่ยังไม่ออกเรือนของนางหลี่และยังเป็บุตรสาวของผู้นำตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ การที่สามารถมีการแต่งงานที่ดีเช่นนี้เป็เื่ที่สมควรแล้ว
การแต่งงานคือการผูกมัดชายหญิงเข้าไว้ด้วยกัน ไม่เพียงแต่ตระกูลเฉิงได้ให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่เมิ่งไหวจิ่นในกาลก่อน หากเมิ่งไหวจิ่นสอบผ่านได้คุณวุฒิจิ้นซื่อเป็ขุนนางในปีหน้า ในอนาคตก็ยังคง้าให้ตระกูลเฉิงแผ้วกวาดทางให้ เฉิงหรงและเมิ่งไหวจิ่นเป็คู่ที่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง
ในส่วนของทางเฉิงฮุ่ย การแต่งงานกลับเข้าตระกูลฉีเป็การแต่งงานทางเครือญาติ ตระกูลเฉิงไม่มีความเห็น นางหลี่เองก็ไม่ได้คัดค้าน
ก่อนหน้านี้ได้พบกับฉีเหยียนซง นางหลี่รู้สึกว่าคุณชายรองฉีผู้นี้ค่อนข้างหุนหัน มีความหมายแฝงในคำกล่าวว่าที่เขาไม่ถูกสถานศึกษารับเข้า ไม่ใช่เพราะเขาเล่าเรียนไม่พอ แต่เป็เพราะสถานศึกษามีมาตรฐานที่สูงเกินไป หากทางบ้านห้าสามารถช่วยพูดผ่อนปรนให้ เขาก็สามารถเข้าสถานศึกษาได้แล้ว
ยามนั้นนางหลี่ไม่ค่อยยินดีนัก
คนตระกูลเฉิงไม่มีใครกล้ามาขอเยี่ยมเยียนเพราะเื่นี้ แม้แต่บุตรหลานตระกูลเฉิงเองก็ต้องสอบเข้าอย่างยากลำบาก ฉีเหยียนซงก็พูดง่าย หากผิดกฎเกณฑ์ไปแล้วรอบหนึ่ง สถานศึกษาจะยังมีความน่าเชื่อถือได้อย่างไร?
อีกทั้งยังได้ยินมาว่าเขายังไม่ได้ไปตรอกหยางหลิ่วก็มาบ้านห้าก่อนแล้ว นางหลี่รู้สึกว่าฉีเหยียนซงจะรู้ดีเกินไปแล้ว กล่าวอย่างขอไปทีไม่กี่ประโยคก็ทำให้อีกฝ่ายไปยังตรอกหยางหลิ่ว
ถึงแม้จะเห็นด้วยกับคำขอร้องของฉีเหยียนซง แต่นั่นก็ต้องให้ฉีเหยียนซงไปยังตรอกหยางหลิ่วทำตามธรรมเนียมให้ดี ให้เขารู้ว่าที่บ้านห้าช่วยเหลือเป็เพราะเห็นแก่หน้าครอบครัวเฉิงชิง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ฉีเหยียนซงดูถูกครอบครัวเฉิงชิงด้วยเพราะเฉิงจือหย่วนลาโลกไปแล้ว หลังจากเป็สามีภรรยากับเฉิงฮุ่ยก็ยังคงดูถูกเฉิงฮุ่ย
โดยรวมแล้วนางหลี่มีความประทับใจที่ธรรมดากับฉีเหยียนซง ไม่อาจกล่าวได้ว่าชอบ นางถูกชะตาเฉิงชิง ส่วนฉีเหยียนซงไม่ต้องชะตานาง
ยามนี้เมื่อแรกเริ่มได้ฟังถ้อยคำของซือโม่ นางหลี่ก็เกิดความรู้สึกตกตะลึงและโกรธเคืองพร้อมกัน เอ่ยถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง
“นี่คือเื่จริงหรือ?”
“ข้าน้อยไม่กล้าพูดปด นายน้อยมอมเหล้าคุณชายรองฉีแล้ว คุณชายรองฉีก็เอ่ยมาเองกับปากตามนั้นขอรับ”
นางหลี่ผู้เคร่งในมารยาททำถ้วยชาหล่นในทันที
“หน้าหนานัก ตระกูลฉีคิดว่าตนเองเป็ใคร ถึงได้กล้าที่จะให้บุตรสาวตระกูลเฉิงไปเป็อนุภรรยา! ฮุ่ยเจียเอ๋อร์ไร้บิดา แต่ก็ยังมีน้องชาย ไม่ใช่สตรีโดดเดี่ยวที่ใครก็จะมารังแกได้!”
แม้เฉิงหรงและเฉิงฮุ่ยจะไม่ใช่คนรุ่นเดียวกัน แต่อายุก็เท่ากัน ล้วนเป็แม่นางน้อยที่ยังไม่ได้ออกเรือนของตระกูลเฉิง
เฉิงฮุ่ยต้องเรียกขานเฉิงหรงว่าอา เฉิงหรงต้องแต่งงานกับเมิ่งไหวจิ่น หากหลานสาวตระกูลเดียวกันต้องไปเป็อนุภรรยาผู้อื่น แล้วเฉิงหรงจะสามารถเงยหน้าในบ้านสามีได้อย่างไร?
แล้วไม่ใช่แค่เพียงเฉิงหรงเท่านั้น!
สตรีทั้งหมดของตระกูลเฉิง ไม่ว่าจะแต่งหรือยังไม่แต่งงานก็ย่อมต้องรู้สึกอับอาย
กฎประจำตระกูลเฉิง หากบุตรชายตระกูลเฉิงอายุสี่สิบปีแล้วยังไร้บุตรชาย จึงสามารถรับอนุภรรยาได้ สตรีตระกูลเฉิงห้ามไปเป็อนุภรรยาผู้อื่น ชื่อเสียงร้อยปีของตระกูลเฉิงยังคงอยู่มาได้เพราะทำตามคำกฎตระกูลเหล่านี้
อย่าว่าแต่ไปเป็อนุภรรยาให้กับสามัญชนอย่างฉีเหยียนซงเลย แม้แต่ญาติพี่น้องของฮ่องเต้คิดจะรับสตรีตระกูลเฉิงไปเป็อนุภรรยาก็ล้วนถูกปฏิเสธกลับไป หากมีรอยปริเกิดขึ้นแล้วก็ไม่อาจหยุดยั้งได้อีก บุตรสาวของตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ไม่กังวลเื่การออกเรือนเพราะพึ่งพาความยึดมั่นเช่นนี้
ในหลายปีที่ผ่านมาก็มีบุตรสาวตระกูลเฉิงที่เลอะเลือนหลายคนถูกหลอก ทำเื่ฉาวโฉ่ก่อนแต่งงานแต่กลับถูกครอบครัวฝ่ายชายจับได้ ตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ไม่มีการประนีประนอม ถูกส่งไปยังวัดประจำตระกูล ใช้ชีวิตที่เงียบสงบและเคว้งคว้างกับพระพุทธรูปไปตลอดชีวิต หรือไม่ก็ใช้ผ้าแพรขาวผืนหนึ่งเป็หนทางตายเพื่อรักษาชื่อเสียง——
นางหลี่ด่าฉีเหยียนซงจบแล้วก็รู้สึกกังวลขึ้นมา สงสัยว่าบุตรสาวคนโตยังอ่อนวัยไม่เข้าใจเื่ราว จึงถูกเ้าฉีเหยียนซงนั่นหลอกลวงจนทำเื่ฉาวโฉ่ไปแล้วใช่หรือไม่ ไม่เช่นนั้นเหตุใดฉีเหยียนซงถึงได้กล้ามีความคิดน่าเหลือเชื่อเช่นนี้?
ซือโม่มีความสามารถในการสังเกตสีหน้าคนนัก เมื่อเห็นนางหลี่ทำปากย่นแสดงความไม่พอใจก็รีบอธิบายแทนบุตรสาวคนโต
“คุณหนูใหญ่พอทราบว่าคุณชายรองฉีไปมั่วกับนางคณิกาของหอิเยวี่ยก็กล่าวว่า้าถอนหมั้น แต่ฮูหยินไม่ยินยอม ข้าน้อยไม่รู้ว่าควรหรือไม่ควรบอกคุณหนูใหญ่ เกี่ยวกับคำพูดของคุณชายรองฉีหลังจากดื่มสุราขอรับ”
นางหลี่ตบโต๊ะอย่างโเี้
“บอก เหตุใดถึงไม่บอก! ชิงเกอเอ๋อร์ทำได้ดียิ่งนัก หากไม่ให้ฮุ่ยเจียเอ๋อร์รู้ว่าเ้าคนแซ่ฉีเป็คนเช่นไร หลังจากนี้หากฮุ่ยเจียเอ๋อร์ชีวิตไม่สมหวังดั่งใจแล้ว อาจจะมาบ่นว่าน้องชายว่ายุ่งเื่ผู้อื่นก็เป็ได้ ต้องให้นางเป็คนเลือกเอง สตรีของตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ไม่อาจเป็คนเลอะเลือน!”
นางหลี่ชื่นชอบความกล้าของเฉิงชิง ตอนที่ควรตัดขาดดันไม่ตัดให้ขาดกลับทนเจ็บช้ำ เมื่อเทียบกันแล้วนางหลิ่วคือคนเลอะเลือนตามที่นางกล่าว
เฮ้อ นางหลิ่วคือภรรยาคนที่สองที่เฉิงจือหย่วนผู้เป็หลานชาย แต่งเข้ามาเองตอนอยู่ด้านนอก ชาติกำเนิดต่ำต้อย มองการณ์ไกลไม่เป็เอาเสียเลย
หากไม่มีบุตรชายที่ดีเช่นเฉิงชิงให้แก่เฉิงจือหย่วน ตัวนางหลิ่วคงหาข้อดีไม่ได้เลย!
นางหลี่ดื่มชาสมุนไพรดับความร้อนภายในหนึ่งถ้วย จากนั้นเดินทางไปยังตรอกหยางหลิ่วด้วยตนเองโดยไม่รอให้นายท่านห้ากลับมาบ้าน
ไม่พูดถึงเฉิงชิง แต่กล่าวถึงคำพูดที่ฉีเหยียนซงหลุดปากหลังดื่มสุราว่า้ารับบุตรสาวคนโตเป็อนุภรรยา ผู้อื่นก็นำเื่ซุบซิบนี้มาถึงหูนาง
ฮุ่ยเหนียงก็เป็บุตรสาวที่นางหลิ่วเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ด้วยตนเอง ไหนเลยจะเหมาะสมไปเป็อนุภรรยาผู้อื่น?
สามีเฉิงจือหย่วนเป็คนหยิ่งยโส ยอมให้ตนเองลำบากอยู่สิบกว่าปีโดยไม่คิดจะก้มหัวให้ทางบ้านเดิม หากรู้ว่าฮุ่ยเหนียงจะไปเป็อนุภรรยาผู้อื่นก็ยากที่จะตายตาหลับในปรโลกเป็แน่!
ยังมีนางฉี มารดาผู้ให้กำเนิดของบุตรสาวคนโตที่ด่วนจากไป ถึงเป็ผีก็คงไม่ละเว้นนางกระมัง
นางหลิ่วใทั้งโกรธเคือง เกิดความรู้สึกซับซ้อนไปชั่วขณะ
“ฮุ่ยเหนียงไม่มีทางเป็อนุภรรยา!”
นางหลี่ยิ้มหยัน “เ้าเด็กนั่นิ่เกียรติฮุ่ยเจียเอ๋อร์เช่นนี้ อย่าว่าแต่การเป็อนุภรรยาเลย ต่อให้กลับคำจากที่ว่าจะใช้เกี้ยวแปดคนหามแต่งฮุ่ยเจียเอ๋อร์เข้าบ้านเป็ภรรยาอย่างเป็ทางการ ตระกูลเฉิงก็ไม่อาจอนุญาตการแต่งงานนี้แน่นอน หากตระกูลฉีมีเหตุมีผล พวกเราสองตระกูลก็ถอนหมั้นอย่างเงียบๆ ตระกูลฉียังคงเป็ครอบครัวฝั่งแม่ของฮุ่ยเจียเอ๋อร์ หากไร้เหตุไร้ผล ญาติแบบนี้ก็ไม่ต้องมีแล้ว!”
นางหลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่เบาเลย เฉิงฮุ่ยและน้องสาวทั้งสองที่อยู่ด้านนอกประตูจึงได้ยินอย่างชัดเจน
บุตรสาวคนรองและบุตรสาวคนที่สามต่างโกรธเคือง เฉิงฮุ่ยเองก็ถูกโจมตีจนซวนเซ
เป็อนุ?
นางสงสัยว่าตระกูลฉีเป็ตระกูลฝั่งมารดาทางสายเืจริงหรือไม่กันแน่
เฉิงฮุ่ยเปิดประตูพรวดเข้าไป คุกเข่าลงกับพื้น
“การแต่งงานกับตระกูลฉีนี้ข้าไม่้าแล้ว หากท่านแม่ไม่ยอมให้ถอนหมั้น ข้าก็จะไปปลงผมบวชชี!”
แม่ลูกทั้งสี่ทำงานเย็บปักหาเลี้ยงชีพทุกวัน ภายในห้องจึงมีตะกร้าเข็มและด้ายวางไว้ เฉิงฮุ่ยโถมตัวไปคว้ากรรไกรเพื่อเอามาตัดผม แม้แต่นางหลี่ก็ใ นางหลิ่วยิ่งใจนขวัญกระเจิง แม้จะแย่งกรรไกรในมือของเฉิงฮุ่ยมาได้แต่ใจก็ยังคงเต้นตึกตักอยู่
“ถอน ถอนหมั้น การแต่งงานนี้ไม่เอาแล้ว แม่แล้วแต่เ้า เ้าอย่าทำเื่โง่ๆ นะ!”
ความแกร่งกร้าวและหยิ่งในศักดิ์ศรีของเฉิงฮุ่ยทำเอานางหลิ่วใ
พอนางหลี่ได้สติกลับคืนมาก็มองเฉิงฮุ่ยอย่างเต็มตา ดวงตาฉายแววชื่นชม
“แม้สตรีจะยึดถือหลักความบริสุทธิ์และความเงียบสงบเป็ความงาม คำพูดและการกระทำต้องใจกว้างมีการศึกษา แต่ไม่ควรเป็คนนิ่งเฉย ผู้อื่นรังแกตนเองแต่ไม่รู้จักตอบโต้ย่อมไม่อาจมีชีวิตที่ดี ฮุ่ยเจียเอ๋อร์ เ้าดีมาก บุตรสาวของตระกูลเฉิงแห่งหนานอี๋ไม่ต้องกังวลเื่การแต่งงาน ถอนหมั้นกับตระกูลฉีก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียหายอันใด ย่าย่อมจดจำเื่ใหญ่ในชีวิตของเ้าขึ้นใจ!”
เฉิงฮุ่ยฝากความหวังไว้กับเฉิงชิง ยังไม่รู้ว่าปีหน้าเฉิงชิงจะสามารถเข้าสอบรับราชการได้อย่างราบรื่นหรือไม่ หากได้วุฒิซิ่วไฉก่อน ตัวเลือกการแต่งงานของเฉิงฮุ่ยก็จะกว้างขึ้นมาก!
——การสอบประจำเดือนครั้งที่แล้ว ชิงเกอเอ๋อร์สอบได้ต่ำกว่าร้อยอันดับแรก ไม่รู้ว่าการสอบครั้งนี้จะเป็เช่นไร?
[1] เจียเอ๋อร์ คือคำเรียกบุตรสาวจากตระกูลผู้ดี
