ชิงชวนหยวนเป็สถานที่ชมวิวทิวทัศน์ที่หนึ่งซึ่งจะจำกัดเฉพาะเชื้อพระวงศ์มาเที่ยวเล่นเท่านั้น
วันนี้ฮวาเชียนเย่จัดงานเลี้ยงร้อยบุปผาขึ้นแน่นอนว่าจะไม่พลาดสถานที่นี้เป็อันขาด เหล่าคุณหนูจากตระกูลชนชั้นสูงทั้งหลายก็ชอบมาเที่ยวเล่นที่ชิงชวนหยวนวันนี้ก็ถือได้ว่าเป็โอกาสที่ดีที่สุดในการได้มาเที่ยวเล่นที่นี่
ทว่ามีบางคนกลับดูไม่ค่อยสนใจเท่าใดซึ่งคนผู้นั้นก็คือเซียวซู่ซู่
ผิดกับเซียวเอินที่รู้สึกยินดีที่จะมาเที่ยวเล่นที่ชิงชวนหยวนเหมือนดั่งคนอื่นๆมิใช่เพราะว่าในนั้นมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามแต่เป็เพราะว่ามันเป็สถานที่ที่จะยกย่องฐานะของคนที่เข้าไป
ภาพทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่มองไม่เห็นที่สิ้นสุดปรากฏขึ้นเบื้องหน้ามีเทือกเขายาวเป็แถบพร้อมกับมีน้ำตกสายหนึ่งกำลังไหลรินลงมาจากยอดเขาละอองน้ำกระเด็นไปทั่วทันทีที่น้ำตกกระทบลงมาทางด้านล่าง
ที่นี่ก็คือชิงชวนหยวนการมายืนอยู่ในที่แห่งนี้ทำให้คนรู้สึกสบายกายสบายใจเป็อย่างมากเมื่อย่างก้าวเข้ามาในนี้ สีหน้าของเซียวซู่ซู่ก็มีความหลงใหลปรากฏขึ้น นางเห็นที่นี่เพียงแวบแรกก็รู้สึกชื่นชอบมันเข้าแล้ว
บริเวณโดยรอบมีองครักษ์ยืนเฝ้ารักษาการณ์อยู่ทว่าทางด้านในกลับสงบเงียบเป็อย่างมาก
แน่นอนว่าการที่คนกลุ่มนี้เข้ามาทำลายความสงบของที่นี่ทว่ามันกลับไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร ในทางกลับกันพวกเขาก็ได้เพิ่มสีสันของชีวิตให้กับที่แห่งนี้อีกด้วย
ทางปลายสุดของฝั่งตะวันออกมีห้องพักที่สร้างจากกระเบื้องลักษณะคล้ายกับตำหนักของวังหลวงอยู่แถวหนึ่งที่มีไว้เพื่อให้ผู้คนได้พักผ่อนด้านในมีคนรับใช้เข้าๆ ออกๆ พวกเขารู้ว่าวันนี้องค์ชายและองค์หญิงจะเสด็จมาจึงเร่งทำงานกันไม่หยุดหย่อน
สำหรับองค์หญิงคนใหม่นี้พวกเขาล้วนไม่กล้าทำผิดต่อนางเพราะถึงอย่างไรเสียตำแหน่งฮ่องเต้ในอนาคตก็เป็ไปได้อย่างมากว่าจะให้นางเป็ผู้รับ่ต่อ
คนเหล่านี้ล้วนไม่เคยข้องเกี่ยวกับคนของราชสำนักแน่นอนว่าพวกเขารู้เื่ราวไม่ค่อยเยอะเท่าใดจึงจำเป็ต้องระมัดระวังอย่างมาก
นี่ก็เป็ครั้งแรกที่เซียวเอินมาที่ชิงชวนหยวนแห่งนี้รอยยิ้มเบิกบานประดับอยู่บนใบหน้า เขาเองก็รู้ว่าตนมีโอกาสเช่นนี้ได้ก็เพราะเซียวซู่ซู่มิเช่นนั้น ชาตินี้ก็อย่าหวังว่าจะได้มาเหยียบที่แห่งนี้แม้แต่ก้าวเดียว
สวี่เว่ยหรานแม้จะมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าทว่าในแววตาเขากลับมืดดำและดิ่งลึก
เดิมคิดว่าบนทะเลสาบนั้นเขาก็ได้อยู่ห่างจากคนของตัวเองไปไกลมากแล้วเวลานี้มาถึงที่แห่งนี้ก็เรียกได้ว่าเขานั้นอยู่เผชิญอันตรายคนเดียวก็ว่าได้ ไม่มีทางจะมีโอกาสติดต่อกับพวกเฮ้ออี้เทียนได้เลย
แน่นอนว่าหากไม่ถึงคราวจำเป็จริงๆ แล้วเขาก็จะไม่ทำการหักหน้าและส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือโดยเด็ดขาด
ทำได้เพียงแค่มองดูฮวาเชียนเย่ที่ประดับรอยยิ้มที่แฝงด้วยความเ้าเล่ห์เอาไว้ด้วยสายตาเ็า
ฮวาเชียนเย่นั้นก็ได้ทำหน้าที่ประหนึ่งเ้าบ้านที่ดีเขาให้คนรับใช้อธิบายความเป็มาของชิงชวนหยวนแห่งนี้แน่นอนว่าเื่ที่เล่านั้นมีความเกินจริงอยู่บ้างโดยพูดราวกลับว่าราชวงศ์ที่ปกครองแคว้นป่ายฮวานั้นมีอำนาจประดุจเทพเซียนก็มิปาน
ทำให้ชิงชวนหยวนแห่งนี้ดูลึกลับเสียยิ่งกว่าวังคลื่นจันทราเสียอีก
แน่นอนว่าที่แห่งนี้ลึกลับถึงเพียงใดนั้นแค่ดูเพียงแวบเดียวก็สามารถรู้ได้แล้ว
เซียวซู่ซู่ที่เดินตามอยู่เื้ัแม้ว่าสีหน้าจะปรากฏความหลงใหลชื่นชมในวิวทิวทัศน์แห่งนี้ทว่าในทางลับนางก็พยายามระมัดระวังตัวตลอดเวลา การที่ฮวาเชียนเย่ล่อองค์ชายของทั้งสองแคว้นมาที่แห่งนี้จะต้องไม่ใช่แค่มาชมวิวทิวทัศน์เพียงแค่นั้นแน่ๆ
ด้วยความสามารถในการดูคนของนางก็สามารถมองออกว่าฮวาเชียนเย่ผู้นี้จะต้องไม่หวังดีเช่นนี้เป็แน่
เชิญนางมาที่นี่นั้นถือว่าเป็การไม่หวังดีแต่การเชิญสวี่เว่ยหรานและป๋ายหลี่ม่อระหว่างทางยิ่งถือเป็การประสงค์ร้าย
ทุกการกระทำของเขา เซียวซู่ซู่ล้วนจับตามองอย่างละเอียดมิปล่อยให้คลาดสายตา แน่นอนว่าพวกคุณหนูเ่าั้กลับรู้แต่เพียงแค่เล่นสนุกรื่นเริงหรรษาแต่เพียงเท่านั้น ไม่มีใครรับรู้ถึงภัยอันตรายที่แอบแฝงอยู่
ป๋ายหลี่ม่อเองก็มีสีหน้าระมัดระวังแม้ว่าข้างกายเขาจะมีหนานกงม่อ แต่ตัวเขาเองก็รู้ว่าตรงนี้คือพื้นที่ที่อยู่ในความควบคุมของแคว้นป่ายฮวา
อีกทั้งงานเลี้ยงร้อยบุปผานั้นเป็เพียงแค่การรวมตัวขนาดเล็กเดิมก็ไม่ได้มีใครส่งเทียบเชิญมาให้กับพวกเขาแต่เป็พวกเขาที่ตั้งใจจะมาเข้าใกล้เซียวซู่ซู่เอง ถ้าหากเกิดเื่อะไรขึ้นจริงๆคนของพวกเขาก็ไม่อาจกล่าวโทษอะไรต่อองค์ชายฮวาเชียนเย่แห่งแคว้นป่ายฮวาได้
ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายใจ แม้ว่าเขาจะมีสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุขแต่ว่าในทางลับกลับกำลังระมัดระวังตัวเป็อย่างมาก
“พวกเราไปพักผ่อนที่ศาลากันสักครู่เถิด” หลังจากที่ฮวาเชียนเย่ให้คนรับใช้แนะนำชิงชวนหยวนจนเสร็จสิ้นแล้วก็ได้สั่งให้ทุกคนเดินหน้ากันต่อ ท่าทางประหนึ่งว่ากำลังพาเที่ยวเล่นโดยรอบก็มิปาน
กลุ่มชายหนุ่มรูปโฉมหล่อเหลากับหญิงสาวรูปโฉมงดงามนั้นถือเป็ภาพที่สะดุดตาอย่างยิ่ง
ทว่ามีเพียงคนที่อยู่ในเหตุการณ์เท่านั้นถึงจะรู้ว่าในตอนนี้มีภัยอันตรายกำลังแอบแฝงเอาไว้อยู่
ฮวาเชียนจือเองก็เป็คนที่ฉลาดหลักแหลมเป็อย่างมากเมื่อครู่นางได้ทำเื่ที่ตนอยากทำสำเร็จแล้ว อีกทั้งยังพึงพอใจเป็อย่างมากต่อให้เซียวซู่ซู่ทำให้นางเสียหน้าไม่น้อยนางเองก็อดกลั้นเอาไว้
ถ้าหากเื่เล็กยังอดทนมิได้จะทำให้เสียการใหญ่ได้ นางที่เคยพลาดมาแล้วครั้งหนึ่งก็ทำให้นางเข้าใจอะไรในตอนนี้มากขึ้น รู้ว่าจะเอาตัวรอดปลอดภัยได้อย่างไร
“อ๊า...”
ในขณะที่ทุกคนกำลังก้าวขึ้นบันไดนั้นฮวาเชียนจือก็ส่งเสียงร้องออกมากะทันหัน ก่อนที่ทั้งร่างของนางจะล้มลงไปด้านหลัง
ผู้ที่เดินอยู่ข้างกายนางก็คือเซียวเอินเมื่อเห็นภาพดังกล่าว มือของเขาก็รีบยื่นไปพยุงนางอย่างรวดเร็ว “องค์หญิง”
คนทั้งหลายที่ได้ยินเสียงนั้นก็รีบหันกลับมามอง
แม้ว่าเซียวเอินจะพยุงฮวาเชียนจือไปได้แล้วแต่ว่านางก็ได้ตกลงมาจากบันไดสูงถึงสองขั้นตอนนี้สีหน้าของนางกำลังบูดเบี้ยวด้วยความเ็ปมือหนึ่งจับเซียวเอินเอาไว้เพื่อพยุงตัวเองพลางย่อตัวของตนเองลง “เท้าของข้า...เจ็บเหลือเกิน”
เซียวซู่ซู่ร้องว่า ''ไม่ดีแล้ว'' ในใจเบาๆ นางรู้ว่าครั้งนี้ให้โอกาสฮวาเชียนจือได้ลงมือไปก่อนแล้วถ้าหากนางคิดที่จะรอดพ้นจากสถานการณ์เบื้องหน้าเกรงว่าจะไม่ง่าย อีกทั้งวิธีที่ฮวาเชียนจือเคยใช้แล้วถ้าหากนางใช้อีกครั้งก็ดูจะปลอมจนเกินไป
นางมีหรือจะไม่รู้ว่าหากเกิดเื่อะไรขึ้นจริงๆ คนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ล้วนหนีไม่พ้นแม้กระทั่งสกุลเซียวก็ไม่อาจหลุดรอดได้โดยไม่เดือดร้อน นี่ก็คือแผนการร้ายของฮวาเชียนเย่
คนที่อยู่ในที่แห่งนี้ใครบ้างมิใช่เชื้อพระวงศ์ ใครบ้างมิใช่ทายาทของขุนนางชั้นสูงที่กุมอำนาจใหญ่ไว้ในมือ ครั้งนี้เขาก็ได้ดึงทุกคนเข้ามาเกี่ยวพันกันหมดแล้ว ต่อให้ไม่คิดอยากจะร่วมมือกับฮวาเชียนเย่ก็ไร้ซึ่งทางเลือกอื่นแล้ว
เมื่อเห็นเซียวเอินพยุงฮวาเชียนจือเอาไว้เซียวซู่ซู่เองก็เดินไปทางที่พวกเขาอยู่พร้อมกับกัดฟันแน่น สมองของนางหมุนอย่างรวดเร็วนางกำลังคิดหาหนทางให้หลุดพ้นไปจากตรงนี้ ยิ่งอยู่นานเท่าใดโอกาสที่นางจะหลบหนีได้ก็ยิ่งมีน้อยลงเท่านั้น อีกทั้งฮวาเชียนเย่ยังมีโอกาสลงมือได้ตลอดเวลา
นางเองก็รู้ว่าวันนี้ระหว่างสวี่เว่ยหรานและป๋ายหลี่ม่อจะต้องมีคนหนึ่งเสียชีวิตลงที่นี่อย่างแน่นอน นอกจากจะเกิดเื่ไม่คาดคิดขึ้น
นางเห็นว่าบริเวณโดยรอบถูกจัดการเป็อย่างดีประกอบกับท่าทางมั่นใจเป็อย่างยิ่งของฮวาเชียนเย่เซียวซู่ซู่ก็ลอบกำมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของตนไว้แน่นเื่ไม่คาดคิดนั้นเป็ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด
เมื่อเห็นใบหน้าเล็กๆของฮวาเชียนจือกำลังบิดเบี้ยวด้วยความเ็ปฮวาเชียนเย่ก็ส่งเสียงหึในลำคอออกมาเบาๆสีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนแปลงขณะที่กำลังก้าวเดินมาทางนี้ “น้องข้า ทำไมเ้าถึงไม่ระวังถึงเพียงนี้”
พลางหันไปมองทางด้านล่าง “มีแพทย์หลวงตามมาด้วยหรือไม่”
ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความขุ่นมัวแล้วเดิมเขาคิดว่าเื่ราวทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดีแต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะประเมินน้องสาวที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นผู้นี้น้อยเกินไป
นางคิดที่จะถอนตัว
แน่นอนว่าเขาไม่อนุญาต
สาวงามที่อยู่ด้านหลังล้วนพากันส่ายศีรษะเสมือนว่านอกจากองครักษ์ข้างกายของฮวาเชียนเย่และทหารรักษาการแล้วก็ไม่มีผู้ติดตามคนอื่นอีก
เซียวซู่ซู่กวาดสายตามองทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นขณะที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนักจากนั้นนางก็แหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย “ข้าเป็วิชาแพทย์อยู่บ้างให้ข้าดูหน่อยเถิด” ท่าทางประหนึ่งว่ามิได้ทำอะไรฝืนใจ แต่สีหน้ากลับมีความอับจนปัญญาอยู่บ้าง
“คุณหนูเล็กสกุลเซียว...รู้วิชาแพทย์?” คิ้วของฮวาเชียนเย่ขมวดเข้าหากันแน่นอีกครั้งในน้ำเสียงแฝงด้วยความไม่พอใจอยู่บ้าง แต่มากไปกว่านั้นคือความเยือกเย็น
ดูเหมือนว่าแผนการของเขาจะไม่ราบรื่นเพียงเพราะฮวาเชียนจือผู้นี้
“รู้”เซียวซู่ซู่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าสวี่เว่ยหรานป๋ายหลี่ม่อและหนานกงม่อจะเตรียมพร้อมป้องกันอยู่ตลอดเวลาแต่ว่าตอนนี้ก็ยังอดมิได้ที่จะมองไปทางเซียวซู่ซู่อย่างตกตะลึง ความจริงแล้วเซียวซู่ซู่มิเคยรู้สึกภาคภูมิใจในความสามารถด้านบุ๋นที่เก่งกาจของตน เพราะสิ่งที่นางรู้สึกพึงพอใจที่สุดในชีวิตก็คือฝีมือทางการแพทย์
เพียงแต่ว่าชาตินี้ อยู่ๆนางก็รู้สึกไม่ค่อยอยากจะมีความเกี่ยวข้องกับมันอีก เพราะว่าเช่นนั้นจะทำให้นางนึกถึงใครบางคนขึ้นมา ทำให้นางไม่อาจใช้ชีวิตอย่างสงบสุขต่อได้อีก แต่ว่าวันนี้เพื่อที่นางจะรอดพ้นจากที่นี่ นางจึงไม่มีทางเลือกอื่น
กระทั่งเซียวเอินเองก็แสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมาเขาพยุงฮวาเชียนจือพลางจ้องมองไปทางเซียวซู่ซู่ ปากของเขาอ้ากว้างเสมือนว่ามันไม่อาจหุบลงได้อีก และฮวาเชียนจือที่กำลังมีสีหน้าบูดเบี้ยวแลดูเ็ปเป็อย่างยิ่งก็มองไปทางเซียวซู่ซู่เช่นกัน
นับวันนางยิ่งรู้สึกว่าเซียวซู่ซู่เหมือนสตรีผู้นั้นเหลือเกิน
“เ้ารู้วิชาแพทย์?” ฮวาเชียนจือมองไปทางเซียวซู่ซู่อย่างตกตะลึงนางเองก็มีท่าทางเสียมารยาท พลางลุกขึ้นดึงแขนเสื้อของเซียวซู่ซู่เอาไว้อย่างแรง
แน่นอนว่านางเองก็ไม่อยากจะให้เซียวซู่ซู่ถูกดึงไปเกี่ยวข้องด้วยนางไม่อยากให้กำลังที่ตนเพิ่งจะดึงเอามาได้นั้นต้องสูญหายไป แต่ว่าตอนนี้ที่นางคิดอยู่กลับไม่ใช่เื่เ่าั้แต่เป็เื่ที่เซียวซู่ซู่ผู้นี้รู้วิชาแพทย์