“แผนชั่ว?” ทหารเกราะหัวโจกหัวเราะลั่น ดวงตาฉายแววเยาะเย้ยและเหยียดหยาม สีหน้าท่าทางสื่อเป็นัยว่าแล้วอย่างไร แต่ปากกลับทำทีปฏิเสธ “เ้านี่พูดจาเหลวไหลเหลือเกินนะ ข้าฝ่ายพลาธิการคิดวางแผนสกปรกเพื่อรับมือทาสกระบี่ต่ำต้อยเช่นเ้าหรือ? เ้าคิดว่าเ้าเป็ใครหา...เข้ามาจับเ้าชั่วขโมยเบี้ยหวัดทหารให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
พลทหารสี่นายสะบัดโซ่เหล็กอย่างเหี้ยมเกรียมเหมือนหมาป่าต่างก็ปรี่เข้ามาหาไป๋หย่วนสิง
“พวกเ้า...ไม่มีกฎทหารเลยหรือไง?” ไป๋หย่วนสิงทั้งโกรธทั้งตะลึงเขาดิ้นรนอย่างสุดชีวิต“ข้าเป็คนของหอคอยอาชาขาวแต่พวกเ้ากล้าทำร้ายข้า? ข้ารู้แล้ว เพราะใต้เท้าเ่ิูไปละเมิดนายทัพจัดสรรคนแซ่จ้าวคราวก่อนใช่ไหม พวกเ้ามุ่งแก้แค้นส่วนตัวถึงได้วางกับดักนี่เพื่อล้างแค้น พวกเ้ามันกำเริบเสิบสาน”
“ฮึ พวกไม่รู้เป็รู้ตายกล้าพูดจาไร้สาระ มาต่อยปากมันให้เละให้ข้าที” ั์ตาพลทหารฉายแววเย็นเยียบ
อูหม่าที่ฟุบอยู่บนพื้นนั้น เห็นแล้วก็รู้ว่าไป๋หย่วนสิงแย่แล้ว นางทั้งกลัวทั้งร้อนรนรีบพุ่งเข้าไปขอร้อง “อย่าๆๆ อย่าทำท่าน นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับใต้เท้าไป๋เลย เบี้ย...เบี้ยนั่น...พวกเราขโมยเบี้ยมาเอง...พวกเราสารภาพแล้ว สำนึกผิดแล้ว” ที่นางพาฝ่ายพลาธิการมาก็เพื่อหวังว่าจะให้ไป๋หย่วนสิงช่วยเป็พยานยืนยันให้ได้ช่วยสามีของตัวเองรอดพ้นจากความผิด
ทว่าพอมาดูตอนนี้แล้วหญิงกลางคนธรรมดานางนี้แม้ว่าจะโง่งมแต่ก็เข้าใจเื่ราวขึ้นมาบ้าง
นึกถึงไป๋หย่วนสิงที่ดูแลนางเป็ปกติ อูหม่ากัดฟันอย่างไม่คิดแล้วยอมรับเสีย หลีกเลี่ยงไม่ให้คนของหอคอยอาชาขาวต้องมาเกี่ยวข้องด้วย
เ่ิูผู้ปะปนอยู่กับกลุ่มคนอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุ
หญิงรับใช้อย่างอูหม่าเป็แค่คนที่เขาจ้างมาตามท้องตลาดเพื่อดูแลไป๋หย่วนสิงชั่วคราวเท่านั้น หลังไป๋หย่วนสิงหายดีความจริงต้องลาออกได้แล้ว ทว่าวันนั้นอูหม่าแสดงออกได้ดีเหลือเกินอีกทั้งยังทำกับข้าวอร่อยอีกด้วย เ่ิูใจอ่อนจึงเก็บนางไว้ ไม่นึกเลยว่าหญิงแสนสามัญนางนี้จะมีความภักดีและกล้าหาญได้ถึงเพียงนี้
“พวกเ้าฝ่าฝืนกฎอัยการศึก...พวกโจรข้าจะไปรายงานสำนักเ้าด่าน”
ไป๋หย่วนสิงดิ้นรนสุดแรงเกิดเขาตวาดเสียงดัง ้าให้เื่มันใหญ่ขึ้นรอจนหน่วยลาตระเวนเมืองเข้ามาหา
หัวหน้าทหารสวมเกราะหัวเราะเป็พรวน “ไปรายงานสำนักเ้าด่าน? เ้าคิดว่าเ้าเป็ใครหา? เหอะๆ ข้าแนะให้เ้ายอมไปพบใต้เท้าข้าดีๆ ดีกว่าน่า”
พูดไม่ทันขาดคำ
อีกเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา
“ข้าว่าไม่จำเป็แล้ว ให้ใต้เท้าของเ้ามาหาข้าเองดีกว่า”
เ่ิูก้าวเดินออกมาจากฝูงชนอย่างช้าๆ
ผู้คนรู้สึกั์ตาพร่ามัว ทหารเกราะที่จับตัวไป๋หย่วนสิงไว้ปล่อยมือแล้วถอยพลางส่งเสียงครางไม่ชอบใจ พริบตาเดียวเ่ิูก็มายืนอยู่ด้านข้างไป๋หย่วนสิงแล้ว
เขาตบบ่าไป๋หย่วนสิงแล้วส่ายหน้ากลั้วหัวเราะ “ไม่ได้นะ เ้ายังต้องฝึกยุทธ์ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีแรงป้องกันตัวเอา ทำให้ข้าขายขี้หน้าเสียจริง ตอนที่ข้าไม่อยู่ กลับมีพวกหมาที่มีตาหามีแววไม่มาบีบหอคอยอาชาขาวของพวกเราจนกลายเป็มะเขือเทศอ่อนเผละเสียแล้ว”
ไป๋หย่วนสิงนิ่งอึ้ง
ฉับพลันจึงเข้าใจ เขาเช็ดดวงตาอย่างเอาเป็เอาตายจากนั้นดวงตาก็ฉ่ำน้ำ
เสียงคุกเข่าดังตุบลงแทบพื้น ความหวาดกลัวและทุกข์ใจซึ่งรุมเร้าทาสกระบี่อาชาขาวมานานบัดนี้มลายหายสิ้น คล้ายยามที่ผู้พิทักษ์แหวกเมฆาเห็นจันทราสาดส่อง ทำให้ไป๋หย่วนสิงยินดีแทบบ้า เขาเอ่ยเสียงแหบแห้ง “ใต้เท้า ท่าน...ท่านกลับมาแล้ว พวกเขาบอกว่าท่าน...แต่ข้าไม่เชื่อ ข้ารู้ว่าท่านต้องกลับมา”
เ่ิูเพียงยกมือ กลุ่มพลังงานไร้รูปร่างก็ประคองไป๋หย่วนสิงขึ้นมา เขาเอ่ย “อย่าเอะอะๆ ก็คุกเข่าสิ คนของหอคอยอาชาขาวต้องสู้ได้ตายได้ แต่ห้ามคุกเข่า”
“ขอรับใต้เท้า ข้าทราบแล้ว” ไป๋หย่วนสิงเช็ดน้ำตาพลางรับคำเสียงดังฟังชัด
“ไปดูแลอูหม่าเสีย” เ่ิูสั่ง
ไป๋หย่วนสิงรีบรี่ไปอีกทาง ประคองอูหม่าที่เืโชกขึ้นมา
เมื่อช่วยเหลือสองคนนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เ่ิูพลันปรบมือแล้วตรงมาถึงตรงหน้าหัวหน้าทหารชุดเกราะ เขาคลี่ยิ้มพลางเปิดบทสนทนา “ทำไม? ได้ยินว่าข้าตายแล้วก็มีคนอยากทำอะไรต่อมิอะไรจนรอไม่ไหวงั้นหรือ? คนของฝ่ายพลาธิการความจำสั้นกันเสียจริงนะ พวกหนอนชั่วหน้าไม่อาย ช่างไม่เหมาะที่จะรับหน้าที่เป็ทหารที่ด่านโยวเยี่ยนเอาเสียเลย...เห็นทีว่าเื่คราวก่อนคงทำให้พวกเ้าหลาบจำไม่ได้อย่างนั้นสินะ”
ทหารเกราะนายนั้นหน้าแดงเป็ริ้ว เขาไม่กล้าพูดอะไรหน้าตาตื่นกลัว
ตอนที่เ่ิูก่อเื่ในฝ่ายพลาธิการนั้น เขาเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เห็นใต้เท้าจ้าวหรูอวิ๋นถูกเ่ิูลากเหมือนหมาต่อหน้าต่อตาจนเอาไปแขวนไว้บนเสาลงทัณฑ์ประจาน เหล่าแม่ทัพในกลุ่มชิงเฟิงชานคนอื่นล้วนกล้าโกรธแต่ไม่กล้าปริปาก ท้ายสุดแม้กระทั่งจางซานหัวหน้าฝ่ายพลาธิการยังทำอะไรทูตถือดาบตรวจการณ์เ่ิูไม่ได้ ดังนั้นหัวหน้าทหารนายนี้ที่รู้ถึงความน่ากลัวของเ่ิูดีถึงได้ใกลัวอย่างหนัก
บัดนี้เองที่ชาวมุงรอบด้านเริ่มรู้แล้วว่าเกิดเื่อะไรขึ้นกันแน่
มีบางคนรู้ความเป็มาของเ่ิู
“เทพ์คนคนนั้นกลับมาอีกแล้ว”
“คนหนุ่มนั่นใครหรือ?”
“เ้านายหอคอยอาชาขาวทูตถือดาบตรวจการณ์เ่ิู!”
“เขาคือเ่ิู อายุน้อยจริงนะ!”
“วีรบุรุษาเ่ิูหรือ? ไม่ใช่ว่าทางกองทัพเพิ่งประกาศสรรเสริญวีรกรรมของเขาไปเมื่อไม่กี่วันก่อนหรือ?”
“นี่สิแบบอย่างของคนหนุ่มทั้งหลายยังมีชีวิตอยู่? ก็ดีน่ะสิ”
“ไม่ได้สิ กองทัพประกาศไปแล้วว่าเขาสละชีพในหน้าที่นี่? กลับมาได้อย่างไรกัน หรือว่าเป็ผี?”
“เหลวไหล เคยเห็นผีหลอกกลางวันแสกๆ ไหมเล่า ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่!”
กลุ่มคนคุยกันสนุกปาก
เหล่าคนที่เข้าใจนั้นมองความลับออกนานแล้ว พวกเขาแอบเห็นใจไป๋หย่วนสิงอยู่ในใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้เมื่อเห็นเ่ิูปรากฏตัวกะทันหันจึงอดดีใจขึ้นมาบ้างไม่ได้
หลายวันมานี้กองทัพล้วนเอ่ยถึงเื่ราวของเ่ิูอย่างเหนือความเป็จริง กระแสประกาศสรรเสริญไม่น้อย คนหนุ่มสาวมากมายในเมืองและเหล่าทหารล้วนมองเ่ิูเป็แบบอย่างที่น่านับถือ เมื่อได้เห็นแบบอย่างผู้อุทิศชีวิตเพื่ออาณาจักรกับตาตัวเองแล้วอารมณ์หลายๆ อย่างก็ก่อเกิดขึ้นมา
พวกเดียวที่ไม่มีอารมณ์ร่วมกับชาวบ้านเขาก็เห็นจะเป็เหล่าทหารเกราะของฝ่ายพลาธิการนั่นเอง
พวกเขาจะฝันยังไม่เคยฝันว่าจะประสบเื่เช่นนี้ คราวนี้ก่อเื่ใหญ่หลวงเข้าให้แล้ว
ท่ามกลางเหตุการณ์
“ว่ากันตามเหตุผลแล้วเ้าเป็ผู้ใต้บังคับบัญชาที่กระทำทุกอย่างตามที่เ้านายรับสั่งเท่านั้น ข้าไม่ควรทำความลำบากให้เ้า” เ่ิูมองหัวหน้าทหาร “แต่ว่า แม้ว่าเ้าจะทำตามคำสั่งแต่ก็ไม่ควรลงมือโหดร้ายจนเกินไป ทำร้ายคนของหอคอยอาชาขาวของข้า” เ่ิูชี้อูหม่าที่จมูกช้ำและหน้าบวมปูดแล้วชี้ไปที่สามีของอูหม่า เขาว่าต่อ “ทุกคนควรต้องชดใช้การกระทำของตัวเอง แลกมาสิแล้วข้าจะปล่อยพวกเ้าไป”
หัวหน้าทหารตัวสั่น
สีหน้าเขาเอาแน่เอานอนไม่ได้ มันเปลี่ยนอารมณ์ไม่ซ้ำอย่าง ท้ายสุดจึงตัดสินใจกระแอมทีหนึ่ง ชักดาบสั้นออกมาจากเอวกัดฟันแล้วเสียบดาบนั้นลงบนน่องตนเอง
คนโดยรอบร้องอุทาน
นายทหารชักดาบสั้นออกมา เืพุ่งเป็สาย ใบหน้าของเขาเหลืองเหมือนเทียนไข ร่างกายสั่นคลอน “สิ่งแลกเปลี่ยนนี้ไม่ทราบว่าทูตถือดาบตรวจการณ์เย่พอใจหรือไม่?”
เ่ิูมองเขาอย่างจริงจังแล้วพยักหน้าตอบ “พอใจก็ได้ เอาล่ะ ไปบอกใต้เท้าพวกเ้าเสียควรทำอย่างไร ใจเขารู้ดี อย่าให้ข้าต้องไปฝ่ายพลาธิการด้วยตัวเอง พวกเ้าไปเสียเถอะ”
ทหารฝ่ายพลาธิการหันหลังวิ่งกันป่าราบ
คนที่ยืนมุงอยู่ปรบมือดังสนั่น
คราวนี้เ่ิูพูดจามีเหตุผล ใช้เหตุผลแก้ไขปัญหาชนะใจคนได้
โดยเฉพาะท่าทางน่าเกรงขามที่เขาแสดงออกตลอดการสะสางเื่ยิ่งทำให้คนนับถือตาม ด่านโยวเยี่ยนแม้จะเป็ป้อมปราการหลักของกองทัพ เห็นวรยุทธ์เป็สำคัญและให้กำเนิดแม่ทัพดาวอายุน้อยมีพลังเลิศล้ำอยู่มาก ทว่าคนหนุ่มที่เหมือนกันกับเ่ิูคือนายทัพที่แข็งแกร่งและมีการละเว้นโทษแก่ผู้คน คนที่น่าเกรงขามได้ถึงเพียงนี้ใน่หลังช่างหาตัวได้น้อยเต็มที
เ่ิูยิ้มทักทายคนรอบด้านแล้วกล่าว “ไม่มีเื่อะไรแล้ว ทุกท่านแยกย้ายเถอะ”
กลุ่มคนค่อยๆ แยกย้ายกันไป
จากนั้นเ่ิูจึงหันกายกลับมาแล้วเดินมาถึงประตูหอคอยอาชาขาวของตน
อูหม่ากอดสามีนางน้ำตานองหน้า ขานชื่อสามีเสียงเบาหวิว ไป๋หย่วนสิงยืนทำอะไรไม่ถูกอยู่อีกด้าน เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรถึงจะดี
เ่ิูหยุดลง นำพาพลังภายในอันสะอาดบริสุทธิ์เข้าร่างชายฉกรรจ์ผู้นี้ไปประคองชีพจรของเขาเอาไว้ และก็ใช้กรรมวิธีเฉพาะผนึกช่องส่วนไหล่ของเขาไว้ แล้วจึงค่อยๆ หยิบโซ่ตะขอเหล็กที่เสียบไหล่ของเขาไว้ออกมาได้ทีละนิด
“นายท่าน สามีข้า เขา...” อูหม่าถามอย่างร้อนใจ
เ่ิูตอบพลางยิ้ม “ไม่เป็ไร มีแค่าแภายนอกที่หนักเท่านั้น ไปตามหมอมาดูาแเถอะ พักฟื้นสัก่หนึ่งก็หาย ไม่มีปัญหาอะไรมาก”
อูหม่าคุกเข่าลงแทบพื้น นางโขกศีรษะติดต่อกัน “ขอบพระคุณนายท่าน ขอบพระคุณนายท่าน”
“เ้าเป็คนของหอคอยอาชาขาว ข้าควรปกป้องพวกเ้า รีบลุกขึ้นมาเถอะ” เ่ิูเอ่ยจากใจจริง
ไป๋หย่วนสิงประคองอูหม่าขึ้นมา สองร่างหาเปลหามคนเจ็บมาพาชายคนนั้นเข้าไปในหอคอยอาชาขาว ครู่ต่อมาไป๋หย่วนสิงจึงไปตามหมอมาตามคำกำชับของเ่ิู อูหม่าขอบคุณเขาครั้งแล้วครั้งเล่า นางคว้าตะกร้ากับข้าวออกไป บอกว่าจะทำกับข้าวอร่อยๆ ให้เ่ิูได้ชิมลิ้มลอง...
ลมพายุสลายตัวลงแล้ว
เ่ิูกลับมายังห้องสงบชั้นสี่ของหอคอยอาชาขาว เขานั่งบนเบาะมองทิวทัศน์ด้านนอกผ่านบานหน้าต่าง
กลับมาแล้ว
หมาบื้อเสียวจิ่วปีนขึ้นเตียงเ่ิูอย่างอารมณ์ดี รู้สึกถึงความอ่อนนุ่มและกลิ่นอายอันคุ้นเคย ไม่นานก็นอนกรนไปแล้ว
เ่ิูรู้สึกสงบอย่างหาได้ยาก
เขานึกถึงเื่ที่เซียนภาพหลิวอวี่หลางเอ่ยกับเขาที่หอบัญชาการวันนี้
“อาณาจักรเราได้แผนที่ทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะมาแล้ว และยังทำร้ายเยี่ยนปู้หุยาเ็สาหัส เป็โอกาสอันหาได้ยากเพราะการทรยศของเยี่ยนปู้หุยในตอนนั้น กองทัพโยวเยี่ยนจึงได้เคี่ยวเข็ญเพื่อพัฒนาศักยภาพมาตลอด กำลังทหารของเราเข้าสู่จุดสูงสุดแล้วได้เวลาบุกกลับ ข้าเชื่อว่าอีกไม่นานาครั้งใหญ่อย่างเป็ทางการจะอุบัติขึ้น ไม่ว่าจะทางราชสำนัก กองทัพ หรือใต้เท้าลู่เฉาเกอล้วนอยากบุกเข้าทุ่งน้ำแข็งทลายหิมะ มุ่งสู่แดนปีศาจทิศเหนือ ฆ่าล้างเผ่าปีศาจแดนหิมะให้สิ้นซาก ถอนรากถอนโคนโรคร้ายที่กัดกินอาณาจักรเรามานาน”
“าใกล้เข้ามาแล้ว การเตรียมพร้อมก่อนรบนั้นกำลังดำเนินการเต็มอัตราศึก”
“การแต่งตั้งฐานันดรของเ้าในคราวนี้ แต่งตั้งโดยตรงแม้ว่าจะมีข้าคนหนึ่งที่ยืนหยัดเสนอชื่อเ้าอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญยิ่งยวดคือ้าบริหารและปกครองก่อนหน้าที่จะประกาศาอาณาจักร ้าสร้างวีรบุรุษคนหนึ่งขึ้นมาให้กลายเป็แบบอย่าง ประกาศสรรเสริญในกองทัพ เพิ่มขวัญกำลังใจทหารให้ฮึกเหิม กระตุ้นไฟสู้ของพลทหารทุกนายให้ลุกโชนขึ้นมา เ้ามีพื้นเพยากจนแล้วยังเป็ผู้สืบทอดตราแห่งวีรชน อุทิศตนเพื่อส่วนรวม ทำความชอบใหญ่หลวงในเวลาคับขันเช่นนี้เป็ตัวเลือกที่เหมาะที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย อีกทั้งเ้ายังถูกประกาศว่าสิ้นชีพ แต่งตั้งคนตายเป็โหวเหย่นั้นจะไม่กระทบกับผลกระโยชน์และอิทธิพลของชนชั้นสูง ไม่ว่าทางใด ด้วยเหตุนั้นจึงไม่มีอุปสรรคขัดขวาง...ดังนั้นเ้าถึงได้ถูกแต่งตั้งเป็โหวเหย่ผู้สละชีพเพื่อภารกิจที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาณาจักร”
“แต่ว่าการแต่งตั้งคราวนี้เป็การแต่งตั้งย้อนหลังแน่นอน ตอนนี้เ้ารอดกลับมาอาจทำให้กองทัพต้องรับมือปัญหาหนักแล้วแต่งตั้ง เช่นนี้จะยังนับอยู่หรือเปล่านะ...ฮะๆ ข้าคิดว่าตอนได้ข่าวเื่เ้ารอดกลับมานี่เบื้องสูงของกองทัพต้องปวดหัวกันแน่”