ใต้ท้องฟ้าสลัวสีเขียว ผืนแผ่นดินใหญ่ดินคือสีเขียวดำ เทือกเขาทอดตัวสูงยาว
ภายใตู้เาลูกหนึ่งที่ไม่รู้ชื่อ เศษซากก้อนหินเล็กๆ น้อยๆ กลาดเกลื่อนไปทั่วทุกแห่งหน ท่ามกลางกองหินที่ห่างออกไปไม่ไกล สามารถมองเห็นโครงกระดูกสัตว์วิเศษสีขาวเทาจำนวนไม่น้อยได้ลางๆ
โครงกระดูกเ่าั้มาจากสัตว์วิเศษขั้นต่ำบางจำพวก ผ่านการเน่าเปื่อยผุผังจากกาลเวลาอันยาวนาน พลังิญญาที่อยู่ในโครงกระดูกเ่าั้จึงสูญหายไปนานแล้ว ไร้ซึ่งคุณค่าใดๆ ในการนำมาหลอมอาวุธ แล้วก็ไม่มีใครเหลียวแลมันอีกด้วย
“ฟู่ว ฟู่ว!”
บนผนังหินเกลี้ยงเกลาแห่งหนึ่งพลันมีแสงสว่างไหลวนไปทั่วก่อให้เกิดคลื่นห้วงมิติที่เห็นเด่นชัดอย่างถึงที่สุด
ผนังหินแห่งนั้นราวกับกลายมาเป็กระจกด้านหนึ่ง ด้านในมีเงาร่างสั่นไหวไปมาวับๆ แวมๆ
“ซู่ๆ!”
ทันใดนั้นเงาร่างคนที่ปรากฏอยู่ในผนังหินพลันบินออกมา ทยอยกันยืนอยู่ที่ตีนเขา
“โลกมายามรกต!”
“ที่นี่ก็คือโลกมายามรกต!”
“พวกเรามาแล้ว!”
ผู้ประลองเ่าั้ของหอหลิงเป่า หลังจากที่ทยอยกันเข้ามาก็ยืนนิ่ง มองเห็นท้องฟ้าสีเขียวต่างก็ร้องอุทานเสียงดังด้วยความตื่นเต้น
เนี่ยเทียนเองก็อยู่ในกลุ่มคนเ่าั้ เขามองประเมินโลกมายามรกตด้วยความสนใจใคร่รู้ แอบโคจรคาถาหลอมลมปราณ เพื่อัักับปราณิญญาฟ้าดินของสถานที่แห่งนี้
เพียงแค่วินาทีเดียวเขาก็ตระหนักได้ว่าปราณิญญาฟ้าดินของสถานที่แห่งนี้เบาบางกว่าที่เมืองเฮยอวิ๋นเยอะมาก และสำหรับคลื่นปราณิญญาที่หนาแน่นของเขาหลิงอวิ๋นก็ยิ่งไม่สามารถเทียบได้เข้าไปใหญ่
“มิน่าล่ะ...”
เขาพึมพำเบาๆ หนึ่งประโยค เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าเหตุใดหลังจากที่สำนักหลิงอวิ๋น หอหลิงเป่า หุบเขาเทา อารามเสวียนอู้พิชิตโลกมายามรกตได้แล้วถึงได้ไม่ส่งคนมาอยู่ประจำที่นี่
เพราะว่าสถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะสมสำหรับการฝึกบำเพ็ญตบะในระยะยาวของผู้ฝึกลมปราณ
ผู้ฝึกลมปราณทุกคนต่างก็หวังว่าจะได้ฝึกบำเพ็ญตบะในพื้นที่ที่มีปราณิญญาฟ้าดินเข้มข้น สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีปราณิญญาหนาแน่น สามารถทำให้ตบะของผู้ฝึกลมปราณเพิ่มขึ้นสูงได้อย่างรวดเร็ว
เนื่องจากโลกมายามรกตมีปราณิญญาเบาบาง ผู้ฝึกลมปราณที่แข็งแกร่งจึงไม่เห็นมันอยู่ในสายตา
บวกกับสัตว์วิเศษระดับสูง และเผ่าพันธุ์ดุร้ายของสถานที่แห่งนี้ที่ต่างก็ถูกทั้งสี่สำนักสังหารจนหมดสิ้นแล้ว ดังนั้นวัตถุวิเศษล้ำค่าจึงถูกกวาดล้างไปจนหมดเกลี้ยงเช่นกัน จึงทำให้สถานที่แห่งนี้ยิ่งไม่มีค่าอันใด
“หุบปากกันให้หมด!”
อันอิ่งเห็นว่าผู้ที่มาเยือนเหล่านี้เอะอะเสียงดังไม่หยุด จึงอดไม่ไหวจนต้องตวาดเสียงดังให้รีบหยุด
เด็กชายเด็กหญิงทั้งหลายที่กำลังฮึกเหิม หลังจากได้ยินคำพูดของนางก็พากันเงียบเสียงลง
“ตามข้ามา!”
อันอิ่งไม่พูดให้มากความ นางมองเล็งไปที่ทิศทางหนึ่งแล้วจึงเดินนำทุกคนไปทันที
“ตามมาให้หมด!” เจิ้งรุ่ยและพันเทาจากหอหลิงเป่าต่างก็พากันออกคำสั่งเช่นกัน
ลูกศิษย์จากตระกูลต่างๆ ที่พึ่งพาหอหลิงเป่าเ่าั้ ก่อนที่จะมาที่นี่ก็ได้รับการกำชับจากผู้าุโในตระกูลมาแล้วว่าหากมาถึงโลกมายามรกต ทุกอย่างต้องเชื่อฟังคำสั่งของผู้ประนำการประลองจากหอหลิงเป่า
และก็ด้วยเหตุนี้ เมื่อพวกอันอิ่งทั้งสามคนะโสั่ง ทุกคนจึงว่านอนสอนง่ายอย่างเห็นได้ชัด
เนี่ยเทียนลูบคลำป้ายคำสั่งที่อันซืออี๋มอบให้เขา หันกลับไปมองผนังหินแวววาวราวกระจกนั้งอีกครั้งหนึ่ง ไม่พูดอะไรมาก เดินตามไปเงียบๆ เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ตรงบึงน้ำ ขณะที่เขาะโเข้ามาในน้ำวนก็ััได้อย่างชัดเจนว่าป้ายคำสั่งในมือปลดปล่อยคลื่นพลังิญญาที่พิเศษออกมา
ตอนนั้นเขาก็รู้แล้วว่าต้องเป็ผู้ที่ป้ายคำสั่งไว้เท่านั้น ถึงจะสามารถข้ามผ่านน้ำวนนั้นมาโผล่ที่โลกมายามรกตได้
ป้ายคำสั่งนั้นก็คือกุญแจเข้าออกโลกมายามรกตนั่นเอง
อีกครึ่งปี เขาจำเป็ต้องอาศัยป้ายคำสั่งนี้ลอดผ่านประตูโลกลึกลับด้านหลังที่ราวกับกระจกนั่นกลับไปโผล่ที่บึงน้ำ
ขณะที่เดินตามพวกอันอิ่งออกห่างจากประตูโลกลึกลับที่แปลกประหลาดด้านหลัง เขาก็มักจะหันกลับไปมองข้างหลังบ่อยๆ
ไม่นานนักเขาก็เห็นว่าตรงกลางผนังหินที่ราวกับกระจกใส กะพริบวาบออกมาเป็ร่างของพวกเจียงหลิงจูและเนี่ยเสียน
หลังจากที่เจียงหลิงจูเหยียบย่างเข้าสู่โลกมายามรกตแล้วก็มองไปรอบด้าน สังเกตเห็นเนี่ยเทียนที่เดินตามอันอิ่งซึ่งกำลังออกห่างไปเรื่อยๆ
ระยะห่างหลายร้อยเมตร เขายิ้มสดใสให้กับเจียงหลิงจู หลังจากพยักหน้าให้เบาๆ และเพิ่มความเร็วของฝีเท้า เดินตามไปกับกลุ่มเล็กๆ ของหอหลิงเป่า
“พอเห็นข้ากลับวิ่งเร็วขึ้น หรือว่า... ไม่อยากไปกับพวกข้ารึ?”
ณ ตีนเขา เจียงหลิงจูมองเห็นเงาร่างของเขาค่อยๆ หายลับไปจากสายตาก็ทำให้รู้สึกสงสัย ไม่เข้าใจว่าเนี่ยเทียนกำลังคิดอะไรอยู่
ครึ่งชั่วยามต่อมา
เนี่ยเทียนเดินตามพวกอันอิ่ง ในที่สุดก็อยู่ห่างจากยอดเขาอันที่เป็ที่ตั้งของประตูโลกลึกลับแห่งนั้นมา และเดินมาจนถึงพื้นที่เปล่าเปลี่ยวรกร้างแห่งหนึ่ง
บนทุ่งหญ้ารกร้าง ซากโครงกระดูกกลาดเกลื่อนไปทั่วพื้นดิน ห้องหินสภาพผุพังมากมายตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว
ห้องหินเ่าั้ที่เมื่อก่อนไม่ได้ถูกทำลาย น่าจะเป็ห้องหินที่เรียบง่ายที่สุด ไม่มีรูปลักษณ์อะไรเป็พิเศษ
บนพื้นดินสีเขียวแกมดำที่เงียบสงบ เนี่ยเทียนหันไปมองปราดเดียว นอกจากซากกระดูกที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว ทุกที่ก็คือห้องหินที่เอียงกะเท่เร่เ่าั้
ความรู้สึกโดดเดี่ยวหนาวเย็นระลอกหนึ่งเพิ่มขึ้นสูงมากลางใจของเขา เส้นสายตาของเขากวาดมองไปบนเศษหินและโครงกระดูกเ่าั้ รู้ว่าสถานที่แห่งนี้น่าจะเคยเป็ที่ตั้งรกรากของเผ่าพันธุ์สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น อันอิ่งยกเท้าออกจากกองซากกระดูกขึ้นไปบนก้อนหินสีดำขนาดเท่าแท่นของโม่หินก้อนหนึ่ง
อันอิ่งหันกลับมา บอกเป็นัยว่าให้พวกผู้เข้าร่วมการประลองเข้ามาใกล้ๆ นาง เห็นได้ชัดว่ามีเื่้าสั่งความ
เนี่ยเทียนไม่ได้ขัดคำสั่งแต่อย่างใด เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่านางจะพูดอะไรออกมา จึงเข้าไปใกล้นางพร้อมกับผู้เข้าร่วมการประลองเ่าั้
รอจนผู้ประลองทั้งสิบสี่คนมารวมตัวกันอยู่ข้างกายนางแล้ว อันอิ่งถึงได้กระแอมไอขึ้น กล่าวด้วยเสียงดังกังวานว่า “เผ่าดุร้ายของโลกมายามรกต รวมไปถึงสัตว์วิเศษระดับสูงถูกฆ่าทิ้งไปหมดแล้ว จุดที่พวกเ้าอยู่กันตอนนี้น่าจะเป็พื้นที่ในการดำรงชีวิตของคนต่างเผ่ากลุ่มหนึ่ง ข้าได้ยินมาว่าตอนกำจัดคนต่างเผ่าเ่าั้ ทั้งสี่สำนักเองก็มีคนตายไปไม่น้อย”
“ยังดีที่ทุกอย่างล้วนยุติไปแล้ว หอหลิงเป่าของพวกเราได้ปกครองโลกมายามรกตแก่งนี้”
“ในโลกมายามรกต เผ่าพันธุ์ที่ดุร้ายน่าจะไม่เหลืออยู่แม้แต่คนเดียว สิ่งที่ยังมีชีวิตอยู่มีเพียงสัตว์วิเศษระดับต่ำเ่าั้”
“ตอนที่จะเข้ามา ผู้าุโก็บอกกับข้าแล้วว่า สัตว์วิเศษระดับหนึ่งของโลกมายามรกตในทุกวันนี้ยังมีอยู่มากมาย ทว่าสัตว์วิเศษที่อยู่ในระดับสองมีเพียงแค่สี่ตัวเท่านั้น!”
“สัตว์วิเศษระดับสองสี่ตัวนั้นมีความสามารถเทียบเคียงได้กับผู้ฝึกลมปราณท้าย์่ต้น พวกมัน... ก็คือเป้าหมายในการลงมือครั้งนี้ของพวกเรา”
“เพื่อการประลองครั้งนี้ ทั้งสี่สำนักต่างก็เอาของรางวัลออกมาล่อ หอหลิงเป่าของพวกเรามอบโอสถบรรลุ์ให้เม็ดหนึ่ง โอสถบรรลุ์สามารถช่วยให้พวกเราที่อยู่ในขอบเขตหลอมลมปราณ ได้บรรลุถึงสภาพทางอารมณ์ของสามขอบเขตอย่างท้าย์ กลาง์ ต้น์ ทำให้พวกเราที่อยู่ในขอบเขตหลอมลมปราณสามารถเหยียบย่างเข้าสู่ขอบเขตท้าย์ได้ง่ายมากขึ้น”
“ไม่เพียงเท่านี้ การบรรลุที่ได้จากโอสถบรรลุ์ ยังมีประโยชน์อย่างมากในการช่วยพวกเราให้เลื่อนไปถึงขั้นกลาง์ และต้น์ด้วย”
“สำหรับพวกเราแล้ว โอสถบรรลุ์ล้ำค่ายิ่งนัก ในหอหลิงเป่าของพวกเรา โอสถบรรลุ์เองก็มีน้อยยิ่งกว่าน้อย ครั้งนี้ในฐานะที่สำนักเป็ผู้จัดการประลอง จึงลงทุนครั้งใหญ่อย่างแท้จริง”
ใบหน้าเล็กๆ ของอันอิ่งอธิบายอย่างจริงจัง
“โอสถบรรลุ์! โอสถบรรลุ์จริงๆ หรือ!”
“สำนักให้ความสำคัญกับการประลองครั้งนี้มากจริงๆ โอสถบรรลุ์สำหรับพวกเราที่อยู่ในขอบเขตหลอมลมปราณแล้ว ช่างเป็สมบัติที่ล้ำค่ายิ่งนัก!”
“ช่างดีเหลือเกิน!”
นอกจากเจิ้งรุ่ยและพันเทาที่รู้เื่นี้ั้แ่แรกแล้ว ผู้ประลองของแต่ละตระกูลที่เหลือต่างก็อารมณ์ดุเดือดพลุ่งพล่าน ดวงตาโชนแสงร้อนแรง
เนี่ยเทียนเองก็แอบใจเต้นอยู่ไม่น้อย
เขาเองก็เคยได้ยินชื่อโอสถบรรลุ์มาเหมือนกัน รู้ว่าตอนที่ผู้ฝึกวิชาขั้นหลอมลมปราณหลอมโอสถบรรลุ์แล้ว จะสามารถบรรลุถึงสภาพจิตใจของสามขอบเขตอย่างท้าย์ กลาง์ ต้น์ได้ในระยะเวลาอันสั้น
หากหลอมลมปราณเก้าคิดจะเลื่อนขั้นสู่ท้าย์ ไม่เพียงแต่ต้องมีการสะสมพลังิญญา ยังจำเป็ต้องมีสภาพจิตใจที่เหมาะสมด้วย
ท้าย์เข้าสู่กลาง์ กลาง์เลื่อนไปยังต้น์ต่างก็ต้องบรรลุถึงสภาพจิตใจ อาศัยแค่เพียงความเข้มข้นของพลังิญญาเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ
โอสถบรรลุ์เม็ดหนึ่งสามารถทำให้พวกเขาที่อยู่ในขั้นหลอมลมปราณ ต่างก็ได้รับผลประโยชน์จากขอบเขตสาม์ได้ภายหลัง จึงเห็นว่าโอสถบรรลุ์นี้ช่างล้ำค่าและหาได้ยากอย่างยิ่ง
“ของรางวัลที่ล้ำค่าที่สุดย่อมเป็โอสถบรรลุ์ของสำนักหลิงเป่าของพวกเรา” มองเห็นว่าทุกคนต่างก็แสดงออกถึงความตื่นเต้นยากที่จะระงับอารมณ์ได้ อันอิ่งก็พยักหน้าเบาๆ พูดอีกว่า “นอกจากนี้ สำนักหลิงอวิ๋น หุบเขาเทา และอารามเสวียนอู้ต่างก็มอบอาวุธวิเศษขั้นกลางสามอย่าง อาวุธสามอย่างนั้น แน่นอนว่าย่อมด้อยกว่าโอสถบรรลุ์เล็กน้อย แต่หากผู้ที่เหมาะสมได้รับมันไปก็ถือเป็ของล้ำค่าที่ราคาไม่ธรรมดาเช่นกัน”
“สัตว์วิเศษระดับสองที่มีเพียงสี่ตัวในโลกมายามรกตนั้น สอดคล้องกับของวิเศษสี่ชิ้น ตัดหัวสัตว์วิเศษระดับสองได้หนึ่งตัว พาออกไปจากโลกมายามรกตและเอาไปแลกของวิเศษได้หนึ่งชิ้น”
“สัตว์วิเศษที่ร้ายกาจที่สุดคืองูเหลือมน้ำแข็งตัวหนึ่ง มีเพียงหัวของมันเท่านั้นถึงจะแลกเอาโอสถบรรลุ์มาได้!”
อันอิ่งเงยหน้า ใบหน้าเล็กๆ ของนางเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “หอหลิงเป่าของพวกเราคือเ้าภาพในการจัดงานประลองในครั้งนี้ จำนวนคนที่เข้าร่วมการประลองมีไม่น้อย ภารกิจที่สำนักมอบให้กับพวกเราก็คือตัดหัวงูเหลือมตัวนั้น”
“แต่ที่ข้า้าไม่ใช่เพียงแค่หัวของงูเหลือมตัวนั้น แต่เป็สัตว์วิเศษระดับสองทุกตัว!”
“การประลองในโลกมายามรกตครั้งนี้ สัตว์วิเศษระดับสองสี่ตัวนั้น ทางที่ดีที่สุดพวกเราควรฆ่ามันให้หมด หากพวกเราทำไม่ได้ พวกเราก็ไปแย่งชิงคนอื่นมา ต้องเอาหัวของสัตว์วิเศษทั้งสี่ตัวมาให้ได้!”
“โอสถบรรลุ์ แน่นอนว่าต้องเป็ของข้า พวกเ้าอย่าได้คิดฝันว่าจะได้มัน!”
“ของวิเศษสามชิ้นที่เหลือ ข้าจะจัดสรรตามความสามารถของพวกเ้าที่แสดงออกมาให้เห็น”
“จำเอาไว้ว่า! มีเพียงเอาหัวของสัตว์วิเศษระดับสองทุกตัวมาได้เท่านั้น พวกเ้าถึงจะมีสิทธิ์ได้รับอาวุธวิเศษสามชิ้นที่เหลือ!”
------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้