นาเซียยกมือลูบลำคอที่ขึ้นเป็รอยแดงตามนิ้วมือบีบ แวนเนอร์คงรอบปะปนมากับชาวเมืองเข้ามายังปราสาทนี้ นาเซียรู้สึกขนลุกชันต้องมีใครบ้างที่แอบเข้ามาทำเื่เช่นนี้เหมือนกับแวนเนอร์ นาเซียพึงระลึกได้ว่าความปลอดภัยของทุกคนดูเหมือนแทบไม่มีเลย ในขณะที่เหล่าอัศวินเอาแต่กระทำการปกป้องกาบริเอลจากฝูงสัตว์ปีศาจที่บุกเข้ามาในอาณาเขต แต่ไม่คิดว่าความน่ากลัวไม่ต่างสัตว์ปีศาจเ่าั้คือผู้ที่คอยจับจ้องเอาสถานการณ์เช่นนี้มาทำเื่เลวร้ายเหมือนกับที่ลอร์ดแวนเนอร์ทำไป อีวอนวิ่งเข้ามาก่อนจะสั่งให้อัศวินนำร่างของแวนเนอร์ไปขังไว้ที่คุกใต้ดินอีกครั้ง ทั้งยังย้ำอีกว่าให้เฝ้าไว้ไม่ห่าง
“ขอบคุณนะคะเลดี้เซลีน” นาเซียกล่าวขอบคุณเมื่ออีวอนจัดการนำร่างแวนเนอร์ออกไป เธอทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างอ่อนแรง เซลีนได้แต่มองนิ่งก่อนจะเอ่ย
“โชคดีที่ฉันเห็นความผิดปกตินั่น” เซลีนกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ มันคงเป็บุคลิกของนางไปแล้ว นาเซียจ้องมองอย่างลังเลก่อนที่เอ่ย
“เลดี้ไม่ได้เกลียดฉันหรอกหรือคะ”
“ทำไมฉันต้องเกลียดด้วยละ”
“ก็.....”
“ถ้าเป็เื่ที่ท่านหญิงค่อยกลั่นแกล้งฉัน ฉันไม่ได้เก็บมาคิดมากหรอกค่ะ”
‘อ่า...สมกับที่เป็นางเอกเลย แม่พระสุด ๆ ’
“ถึงอย่างนั้นฉันก็รู้สึกผิดอยู่ดี”
“ดิฉันเข้าใจท่านหญิงค่ะ เพราะท่านหญิงคือผู้ที่เหมาะสม กับลาฟมาที่สุด คงจะต้องผิดหวังบ้างเป็ธรรมดาที่อยู่มีหญิงสาวอีกคนมายื่นอยู่ที่ตรงนั้นแทนท่านหญิง” เซลีนกล่าวออกมา นางกล่าวออกมาได้อย่างไม่ผิด เซลีนเข้าใจนาเซียเป็อย่างดี ซึ่งนั้นที่ทำให้เซลีนไม่เคยโต้ตอบนาเซียเลย
“แล้วทำไมเลดี้ถึงไม่บอกฉันตรง ๆ ละคะ ความจริงฉันก็ว่าเลดี้ไม่ผิดหรอกค่ะ ถ้าจะว่าคนผิดคงเป็องค์รัชทายาทเสียมากกว่า” นาเซียกล่าวปลอบก่อนจะกล่าวว่าลาฟาซอย่างฉุนเฉียว เพราะพระเอกเห็นแก่ตัวเลยทำให้สตรีทั้งสองต้องผิดใจกัน
“ลาฟไม่ผิดหรอกค่ะ พระองค์ชื่นชอบท่านหญิงจากใจจริง และยินดีที่จะอภิเษกกับท่านหญิงจากใจจริงเช่นกัน” เซลีนรีบปฏิเสธ ทำให้นาเซียต้องขมวดคิ้วอย่างงุนงง เพราะนางเป็นางเอกอย่างงั้นเหรอถึงได้ปกป้องพระเอกอย่างเขา
“ทำไมเลดี้ต้องปกป้ององค์รัชทายาทเช่นนั้นด้วยค่ะ ไม่เป็ไรหรอกค่ะถ้าจะนึกโกรธบ้าง”
“ก็เพราะลาฟาซมี่เวลาที่ยากลำบากยังไงละคะ”
“เลดี้หมายความว่า....”
“พระองค์ต้องทนถูกการเคี่ยวเข็ญจากองค์ราชินีั้แ่เด็ก ๆ ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติได้เหมือนกับเด็กทั่วไป ทั้งยังถูกตำหนิบ่อย ๆ จนทำให้พระองค์ปิดกั้นจิตใจตนเอง ไม่ยอมมองความปรารถนาดีจากผู้อื่น ทั้งยังถูกองค์ราชินีใช้เวทในการปิดผนึกความเห็นใจผู้อื่น เพื่อเป็การป้องกันไม่ให้พระองค์เห็นใจคนที่คิดหวังจะเข้ามาครองบัลลังก์นั่น”
“ตายจริง...งั้นแสดงว่าที่เลดี้อยู่ข้างองค์รัชทายาทมาตลอดก็เพราะว่า”
“ใช่ค่ะ...ดิฉันพยายามที่จะลบล้างเวทนั่นจนลาฟสามารถต่อสู้กับสิ่งเ่าั้ได้ด้วยตนเอง ฉันจึงไม่สามารถที่จะปล่อยทิ้งลาฟไว้ผู้เดียวได้ยังไงละคะ” เซลีนก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด แต่สำหรับเธอรู้สึกผิดยิ่งกว่าเพราะเธอไม่เคยรู้เื่พวกนี้เลย แน่ละแม้แต่นาเซียตัวจริงก็คงไม่รู้ นาเซียลุกยืนก่อนจะส่งมือให้กับเซลีนเพื่อจับมือเธอ ก่อนที่จะให้อีกมือทาบไปที่อกตนเอง
“ฉันของสัญญาคะว่าจะช่วยเหลือพวกท่านจากใจจริง และฉันจะสนับสนุนเลดี้ให้ขึ้นเป็องค์ราชินีคนต่อไปค่ะ” นาเซียกล่าวคำปฏิญาณ ในขณะที่เซลีนก็รีบลุกยืนขึ้นด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“ดะ..เดี๋ยวซิคะท่านหญิง ท่านกล่าวอะไรเช่นนั้น”
“ฉันหวังว่าเลดี้จะยอมรับความจริงใจ และให้อภัยแก่ฉันที่ผ่านมาด้วยนะคะ” นาเซียยิ้มยิงฟันให้กับเซลีน เธอมองจ้องไปที่ใบหน้าของเซลีน นางกำลังหน้าแดงจัดมันทำให้เธออดเขินตัวเองขึ้นมาไม่ได้เหมือนกัน
นาเซียเดินออกมาอาคารด้านข้างของปราสาทเพื่อมองดูชาวเมืองที่ได้รับาเ็ และสำรวจความเดือดร้อนของชาวเมืองที่ได้รับ นาเซีย มองอาหารมอบให้กับเหล่าเด็ก ๆ และคนป่วยมันดูเหมือนขยะเสียมากกว่า
“ผู้ใดทำอาหารพวกนี้” เธอถามสาวใช้คนหนึ่งที่กำลังใช้เลื้อยหันก้อนขนมปังแข็ง ๆ เพื่อส่งให้กับเด็กชายตัวน้อยที่กำลังยืนกุมมือน้องสาวที่เล็กกว่า
“มาดาม พวกนี้เป็คำสั่งหัวหน้าแม่บ้านค่ะ นางบอกว่าอาหารในคลังกำลังจะหมดพวกเราต้องช่วยกันประหยัด” แม้เธออยากจะตำหนิแต่นั่นก็เป็จริง ทั้งที่เธอพยายามจะลดปริมาณอาหารสำหรับพวกเธอลงแล้วก็ตาม เื่นี้เธอควรรีบจัดการอย่างเร่งด่วน เพราะหากรอให้ขบวนอัศวิน และมิกาเอลกลับมาก็เห็นว่าจะไม่ทันการณ์ และอีกอย่างเธอก็อยากจะจัดการปัญหาเื่ของเธอด้วยเช่นกัน
นาเซียเดินออกมาที่ตัวปราสาทเธอเดินไปยังโถงรับรองชั้นสอง อีวอนกำลังฝึกซ้อมดาบอยู่เธอจึงทำได้เพียงยืนรอเท่านั้น
“อ๊ะ...ท่านหญิง” อีวอนหันมาโค้งคำนับเธอเล็กน้อยก่อนจะคว้าผ้าสีขาวที่พาดบนโต๊ะมาเช็ดเหงื่อที่ชุ่มไปทั้งตัว อีวอนเป็สตรีที่ค่อนข้างสูงฉะนั้นแล้วไม่ผิดที่ผู้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดคิดว่านางเป็บุรุษ แต่จากสายตาของเธอ เธอมองว่าอีวอนเป็สตรีที่สง่า และงดงาม
“ไม่เป็ไรค่ะ ฉันมาพบเลดี้แค่อยากขอร้องเื่หนึ่ง”
“ท่านหญิงมีเื่อะไรอย่างงั้นหรือคะ”
“ฉันอยากไปที่พระราชวังค่ะ เลดี้อีวอนพอจะช่วยฉันได้หรือไม่”
“พระราชวัง!!”
“ใช่ค่ะ..ตอนนี้เสบียงของเราแทบไม่เพียงพอต่อคนเจ็บและเด็กแล้ว ฉันคิดว่าควรที่จะต้องไปกล่าวเื่นี้ต่อองค์จักรพรรดิ”
“แต่ฉันไม่เห็นด้วยที่ท่านหญิงจะเดินทางไปด้วยตนเอง ท่านหญิงเพียงแค่ฝากจดหมายให้แก่ลอร์ดเควินนำไปมอบแก่องค์จักรพรรดิก็ได้นี่คะ”
“คือฉันมีเื่ที่อยากจะต้องทูลต่อหน้าพระองค์ จึงอยากไปด้วยตนเอง เลดี้พอจะช่วยได้ไหมคะ” นาเซียทำเสียงอ้อมแอ้ม
“หากท่านหญิง้าเช่นนี้ก็พอได้ค่ะ แต่มันจะค่อนข้างอันตรายไปนิดแต่ฉันมั่นใจว่าจะต้องปกป้องท่านหญิงอย่างสุดกำลังอย่างแน่นอน หากท่านหญิงคิดว่านี่คือสิ่งที่ดีสำหรับมิกาเอล” อีวอนกล่าวอย่างมั่นใจพร้อมแววตาที่ลุกโชนดูนางมั่นใจในตนเองไม่น้อย แต่นางก็ยังไม่ลืมที่จะเน้นย้ำประโยชน์ที่มิกาเอลควรจะได้ นาเซียจึงคลี่ยิ้มออกมาได้อย่างเบาใจ แน่นอนว่ามันคือสิ่งที่เธอจะทำให้มิกาเอลอย่างแน่นอน
รถม้าที่ถูกจัดเตรียมไว้ก่อนที่จะให้สำหรับเดินทางในครั้งนี้แ่าเป็พิเศษ เส้นทางที่ใช้เดินทางก็แตกต่างจากที่เคยไปดังเช่นทุกครั้ง ความจริงเธอและอีวอนสามารถใช้แบบไม่ต้องใช้รถม้าก็ยังได้ แต่หากการที่อยู่ ๆ คนของกาบริเอลจะไปอยู่ยังเขตหรือเมืองหลวงย่อมต้องเป็ที่สังเกตแน่ เพราะหินเวทเคลื่อนย้ายพวกนี้มีขายให้แก่ราชวงศ์และขุนนางระดับสูงเท่านั้น และไม่ได้แพร่หลายไปทั่วเหมือนในเขตกาบริเอล ซึ่งชาวเมืองต่างรู้ดีถึงข้อจำกัดพวกนี้ นาเซียก้าวขึ้นบนรถม้าก่อนที่อีวอนจะขึ้นตาม อีวอนกำหินเวทเพียงมือหนึ่งก่อนที่จะโยนออกไป เพียงเวลาไม่นานรถม้าก็มาถึงหน้าประตูพระราชวัง นาเซียกำมือแน่นอย่างประหม่าก่อนที่จะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ‘เอาล่ะ..เื่นี้คงได้เวลาจัดการอย่างจริง ๆ จัง ๆ สักที’