“ปั้ง” เป็เสียงปิดประตูก้าวออกไปของมู่อวิ๋นจิ่น
ฉินไท่เฟยเอนตัวลงบนเตียง จ้องมองบนเพดาน น้ำตาไหลเป็สายน้ำ “เวรกรรมแท้ๆ”
หลังจากนั้น ฉินไท่เฟยประคองร่างที่ป่วยอยู่ พยุงขึ้นมาสวมรองเท้า แล้วค่อยๆ ก้าวเดินไปที่ชั้นวางของ ที่วางแจกันขาวใบหนึ่งนางหยิบกระดาษเหลืองเก่าเก็บเป็เวลานานออกมา
พอเปิดกระดาษออก ข้างในเขียนข้อความด้วยตัวอักษรที่ทรงพลัง
“อวิ๋นจิ่น เ้าไม่ใช่สายเืตระกูลมู่โดยตรง แต่สามารถหลอกใช้งานได้ ”
……
ด้านมู่อวิ๋นจิ่นทำสีหน้าเ็าเดินออกจากสวนดอกเหมย ร่างกายเหงื่อไหลไคลย้อย แววตาทั้งสองมีน้ำคลอขึ้น
จื่อเซียงที่ติดตามอยู่ด้านข้าง ไม่เคยเห็นมู่อวิ๋นจิ่นแสดงอาการเช่นนี้มาก่อน ในเวลานี้ทำได้เพียงยืนดูอยู่ด้านข้าง ไม่กล้าพูดสิ่งใด
มู่อวิ๋นจิ่นกัดฟันแน่น ใบหน้าเ็า ภายในหัวปรากฏเื่ราวต่างๆ ในอดีตั้แ่ที่ข้ามเวลามาทั้งหมด
ที่แท้ นางคิดว่าคนที่ดีต่อนางนั้น มองนางเป็เพียงหมากตัวหนึ่งเท่านั้น
เชอะ…...
ช่างน่าขันสิ้นดี!!!
เมื่อออกจากประตูวัง มู่อวิ๋นจิ่นก็เจอเข้ากับพระชายาหรงอีกรอบ พระชายาหรงเห็นมู่อวิ๋นจิ่นมีสีหน้าตึงเครียด จึงเบะปากยิ้มอย่างเป็สุข “ตายจริง หลานสะใภ้นี้ถูกใครรังแกมาหรือ?”
มู่อวิ๋นจิ่นทำเป็ไม่ได้ยิน ก้าวขึ้นรถม้าของจวน
พระชายาหรงเห็นสถานการณ์แล้ว ถอนหายใจเบาๆ “ฉินไท่เฟยนั้นคงอยู่ได้อีกไม่นาน อาจเป็ไปได้ว่านางบอกเื่นั้นกับมู่อวิ๋นจิ่นแล้วก็ได้……”
บนรถม้า มู่อวิ๋นจิ่นก้มหน้าก้มตายากที่จะสงบลง พอมองไปด้านออกท้องฟ้ายังเช้าอยู่ ในที่สุดมู่อวิ๋นจิ่นก็ตัดสิ้นใจทำสิ่งหนึ่งได้แล้ว
ในเมื่อทุกอย่างมันผิดพลาดมาั้แ่ต้น เช่นนั้นก็ให้มันรีบจบั้แ่เนิ่นๆ ไปแล้วกัน
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นกลับถึงจวน นางก็เลือกอาภรณ์สองสามชุด เตรียมเงินจำนวนหนึ่งติดตัว เดินออกไปข้างนอก
“คุณหนูจะไปไหนเ้าคะ?” จื่อเซียงมองมู่อวิ๋นจิ่นด้วยความประหลาดใจ
มู่อวิ๋นจิ่นจับแก้มจื่อเซียง แสดงรอยยิ้มจางๆ ออกมา “ข้าไปเมืองธารรัตติกรหาฉู่ลี่สักรอบ เ้าอยู่จวนรอข้ากลับมา”
เมื่อได้ยินว่ามู่อวิ๋นจิ่นจะเดินทางไปหาฉู่ลี่ จื่อเซียงพยักหน้า “เช่นนั้นบ่าวอยู่จวนรอคุณหนูกลับมาเ้าค่ะ”
“อืม”
มู่อวิ๋นจิ่นสาวเท้ามาถึงคอกม้าของจวน จูงม้าที่ขี่วันนั้นออกนอกประตูไป มุ่งหน้าไปทางเมืองธารรัตติกร
……
มู่อวิ๋นจิ่นขี่ม้าวิ่งด้วยความรวดเร็วตลอดทาง ในที่สุดก็ไปถึงเมืองธารรัตติกรก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ในความทรงจำ หากเดินผ่านทซอยแคบเส้นนั้น ก็จะมาถึงหน้าประตูเรือนส่วนตัวของฉู่ลี่
ในเวลานี้ ประตูใหญ่ของเรือนปิดสนิท ภายในเรือนไร้แสงสว่างใดๆ
“หรือว่าจะไม่อยู่?” มู่อวิ๋นจิ่นหน้าบึ้ง เบะปากหันหลังกลับ เดินทางไปูเาที่ฉู่ลี่เคยพานางไป
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นมาถึงทางขึ้นูเา ท้องฟ้าก็มืดมิดสนิทลงพอดี
มู่อวิ๋นจิ่นมองไปรอบตัวที่มืดมิด แม้แต่ยื่นมืออยากมาก็ไม่เห็นนิ้วทั้งห้า จู่ๆ พลันนึกถึงเื่นี้ขึ้นมาได้ เมื่อก่อนฉู่ลี่เคยบอกว่า มีเพียงเขากับติงเซี่ยนเท่านั้นที่รู้เื่นี้ เช่นนั้นฉินมู่เยว่รู้เหมือนกันไหม?
คิดแล้วคิดอีก มู่อวิ๋นจิ่นสูดลมหายใจ เดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว จำได้ว่าบนูเาลูกนี้ถูกฉู่ลี่ปิดผนึกไว้ ในขณะนั้นมู่อวิ๋นจิ่นยืนอยู่ทางเข้าค่อยๆ ยื่นมือไปััเบาๆ
ตอนแรกคิดว่าจะมีสิ่งกีดขวางขวางสกัดกั้นนางอยู่ด้านนอก แต่นางรู้สึกมีเพียงกระแสลมพัดวูบเท่านั้น มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกประหลาดใจ แล้วเดินก้าวเข้าไปข้างใน
พอนางเห็นว่าสามารถเดินผ่านสิ่งกีดขวางนั้นไปได้โดยง่าย มู่อวิ๋นจิ่นแอบดีใจ เดินขึ้นไปถึงครึ่งเขาที่มีถ้ำอยู่
ระหว่างเดินไปมู่อวิ๋นจิ่นเดินระมัดระวังเต็มกำลัง ตั้งใจก้าวอย่างเบาๆ เดินไปข้างหน้าอย่างเงียบเชียบ อยู่ๆ นางก็รู้สึกไหวหวั่นขึ้นมาแปลกๆ
ย้อนนึกถึงว่าที่จริงนางนั้นมาหาฉู่ลี่เพื่อคุยธุระ ทำไมต้องทำลับๆ ล่อๆ ด้วย
ในเวลากลางคืน ลมเย็นบนูเากำลังกระโชกแรง เสียงจักจั่นดังทั่วูเา มู่อวิ๋นจิ่นเดินมาถึงครึ่งูเา ดึงหญ้าที่รกรุงรังออก เวลานี้เห็นแสงเทียนวูบไหวในถ้ำสว่างขึ้น
ระหว่างที่กำลังเตรียมตัวเข้าไป ข้างในมีเสียงร้องใดังขึ้นมา “พี่ลี่ ดูนี่สิ ดอกบัวดำบานแล้ว!”
ฟังดูแล้วนั่นเป็เสียงของฉินมู่เยว่ ดวงใจทั้งดวงของมู่อวิ๋นจิ่นเศร้าสลดลง ฝีเท้าชะงักหยุดอยู่ที่เดิม ยืนอยู่ทางเข้าถ้ำเงี่ยหูฟังความเคลื่อนไหวภายในอย่างเงียบเชียบ
“องค์ชาย ดอกบัวดำบานก่อนกำเนิด พวกเราสามารถทดลองได้แล้ว หากสำเร็จทำลายค่ายกลได้ ช่วยหรงเฟยได้ก็ยากแล้ว” ติงเซี่ยนที่อยู่ด้านข้างพูดอย่างตื่นแต้น
มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วแน่นเล็กน้อย ค่อยๆ เรียบเรียงคำพูดของติงเซี่ยน ฉู่ลี่เตรียมดอกบัวดำบานมาตลอดสามปีก็เพื่อนำมาใช้ในการช่วยหรงเฟย?
“เจาะเืกันเถอะ” เสียงเบาๆ ของฉู่ลี่ดังมาจากภายในถ้ำ
“รอสักครู่” เสียงของฉินมู่เยว่ดังมา
จากนั้นฉินมู่เยว่หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วกลับมาพูดว่า “พี่ลี่ หากเืของข้าหยอดใส่ดอกบัวดำนั้น สามารถทำลายค่ายกลที่ขังหรงเฟได้ แล้วพี่ลี่จะให้อะไรข้าได้บ้าง?”
ภายในถ้ำเสียงเงียบสงบ
“พี่ลี่ ทำไมไม่ตอบ พี่ยังจำได้หรือไม่ที่พี่เคยรับปากน้องว่า จะให้รางวัลตามใจน้องอย่างหนึ่ง?”
“อืม”
ฉินมู่เยว่ยิ้มอยากได้ใจ “อย่างนั้นตอนนี้ น้องขอรางวัลจากพี่เลยแล้วกัน”
“น้อง้า…...”
ยังไม่ทันรอฉินมู่เยว่พูดจบ ฉู่ลี่ขัดขึ้นมา “ลองหยดเืทดสอบแล้วค่อยว่ากัน”
……
เวลาต่อมา มู่อวิ๋นจิ่นถอยหลังนั่งลงนอกถ้ำ ความสนใจทั้งหมดล้วนอยู่ภายในถ้ำหมดแล้ว ในหัวสมองมีเื่ราวมากมาย จนสับสนไปหมด
ดอกบัวดำเ่าั้ จะต้องผสมเืของฉินมู่เยว่ ถึงจะสามารถทำลายค่ายกลได้
หรือว่าเื่นี้เกี่ยวกับธิดาหงส์ในร่างของฉินมู่เยว่?
มู่อวิ๋นจิ่นกัดริมฝีปาก ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์ ดึงเถาวัลย์ขึ้นมาหักเป็สองท่อน
ครู่หนึ่ง มีเสียงของฉินมู่เยว่ดังขึ้นมาจากภายในถ้ำ “ทำไมถึงไม่เห็นผล?”
“ประหลาดจริง ท่านอาจารย์พูดว่าดอกบัวดำนี้เป็ดอกไม้เทพ วันที่บัวบานคือได้หลอมรวมกับเืของธิดาหงส์ ก็จะสามารถทำลายค่ายกลได้ง่าย! ทำไมเืของคุณหนูฉินไม่สามารถหลอมรวมได้?” ติงเซี่ยนเปรยขึ้น
“พี่ลี่ เป็ไปได้หรือไม่ว่าท่านอาจารย์พูดโกหกท่าน? ดอกบัวดำนี้เป็แค่ดอกบัวธรรมดา!” ฉินมู่เยว่พูดอย่างเศร้าสร้อย
มู่อวิ๋นจิ่นได้ยินถึงตรงนี้ รู้ว่าจะยืนตรงนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ดังนั้นนางเลือกใช้วิชาตัวเบารีบลงูเาไป
ทันใดนั้น ฉู่ลี่ที่อยู่ในถ้ำ ได้ยินเสียงผิดสังเกตดังขึ้นจากข้างนอก คิ้วบิดเข้ากัน รีบพุ่งตัวออกไปดูหน้าถ้ำ
“พี่ลี่……”
“องค์ชาย……”
ฉู่ลี่เพิ่งออกมาจากถ้ำกวาดสายตาไปรอบทิศ ภายนอกดำสนิท ด้านหลังตามด้วยฉินมู่เยว่
“เ้ากลับไปก่อน”
“พี่ลี่……” ฉินมู่เยว่มองฉู่ลี่ ท่าทางละล่ำละลัก พยักหน้าแล้วเดินลงเขาไปผู้เดียว
หน้าทางเข้าถ้ำ ติงเซี่ยนมองที่ฉู่ลี่ “องค์ชาย เืของธิดาหงส์ไม่อาจหลอมรวมเข้ากับดอกบัวดำ ค่ายกลมิอาจทำลายได้ ถ้าเช่นนั้นพวกเราควรทำเช่นไรพ่ะย่ะค่ะ?”
“ต้องไปหาอาจารย์ท่านนั้นหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ติงเซี่ยนถามขึ้น
ฉู่ลี่ส่ายหัวเบาๆ ลมหนาวพัดลอยปะทะตัว แหงนหน้ามองดูพระจันทร์เสี้ยวที่สุกสกาว “รอไปก่อน”
……
เมื่อมู่อวิ๋นจิ่นใช้วิชาตัวเบาลงมาถึงตีนเขา รู้สึกว่าข้างหลังมีอะไรตามมาใกล้ๆ จึงแวบซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง
ครู่หนึ่ง เห็นเพียงฉินมู่เยว่ใช้วิชาตัวเบาลงมาจากูเามาเพียงลำพัง
ฉินมู่เยว่หยุดยืน หันมองกลับหลังไปทีู่เา กระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิดใจ แล้วกำหมัดเดินลงไป
เห็นฉินมู่เยว่เดินจากไปคนเดียว มู่อวิ๋นจิ่นก็หันมองทางเข้าถ้ำอีกรอบ ก็ไม่เห็นเงาของฉู่ลี่กับติงเซี่ยนแล้ว
ภายในใจมีข้อสงสัยหลายจุด แต่มู่อวิ๋นจิ่นเลือกที่จุรีบลงจากเขาให้เร็วที่สุด มุ่งหน้าไปทางตลาด
พอมาถึงถนนทั้งสองข้างทางแขวนโคมไฟประดับเต็มไปหมด บนถนนยังมีผู้คนส่วนหนึ่งเดินเล่นอยู่ ดูอย่างไรก็ไม่เงียบเหงา
มู่อว๋นจิ่นหาโรงเตี๊ยมที่หนึ่ง เดินไปที่หน้าโต๊ะเก็บเงิน ยังไม่ทันเปิดปาก ด้านหลังก็มีเสียงของเสี่ยวเอ้อร์ดังขึ้น “คุณหนูฉินท่านนั้นที่อยู่บนชั้นสาม ้าอาหารสักสองสามจาน พวกเ้ารีบไปเตรียมเร็วเข้า”
“ได้ๆๆๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
ได้ยินชื่อคุณหนูฉินสามคำนี้ มู่อวิ๋นจิ่นขมวดคิ้ว จากนั้นจองห้องพักแล้วเดินขึ้นไป้า
คุณหนูฉิน หรือจะหมายถึงฉินมู่เยว่?
นางไม่ได้พักที่เรือนฉู่ลี่หรอกหรือ?
มู่อวิ๋นจิ่นนึกถึงเื่นี้จนปวดหัวไปหมดแล้ว ในใต้หล้านี้คนแซ่ฉินมากมาย อย่าได้คิดมากจนเกินไป
มาถึงชั้นสาม มู่อวิ๋นจิ่นเดินไปทางห้องพัก พอเดินผ่านห้องหนึ่งที่ประตูปิดมิดชิดนั้น ได้ยินเสียงที่ฟังคุ้นหู “ข้าจะบ้าตาย! ข้าอุตส่าห์หาวิธีทำให้ดอกบัวดำนั้นบานก่อนกำหนด สุดท้ายดันไม่สามารถหลอมรวมกับเืข้าอีก!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มู่อวิ๋นจิ่นหยุดฝีเท้าลง ที่แท้ก็เป็ฉินมู่เยว่จริงๆ ด้วย
มู่อวิ๋นจิ่นดูแล้วดูป้ายเลขห้องตนเอง บังเอิญอยู่ติดห้องของฉินมู่เยว่พอดี
หลังจากฉินมู่เยว่พูดจบ ภายในก็มีเสียงต่ำดังขึ้น “เ้าทำให้ดอกบัวบานก่อน และไม่สามารถเข้ากับเืของเ้าได้ ฉู่ลี่คงคิดว่าเป็เพราะการบานก่อนเวลาของดอกบัวเป็เหตุ เขาคงไม่น่ามีความคิดอื่นใด”
“อืม เช่นนั้นก็ดี”
มู่อวิ๋นจิ่นเดินเข้าห้องพัก ยืนพิงประตูเงียบๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่ละเื่ยากมากมายจนจับต้นปลายแทบจะไม่ถูกแล้ว
คำพูดของฉินมู่เยว่เมื่อสักครู่ กำลังยืนยันอะไรอยู่...
มู่อวิ๋นจิ่นรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย จึงโยนห่อผ้าทิ้งด้านข้าง จากนั้นล้มตัวนอนลงบนเตียง
แต่ละคน ลับหลังไม่รู้มีความลับอะไรมากมาย ข้องเกี่ยวกับผู้คนและเื่ราวต่างๆ จนนางไม่สามารถแยกแยะได้ทัน
แผนในตอนนี้คือรีบถอนตัวออกไปให้เร็วที่สุดดีกว่า จะได้ใช้ชีวิตอิสระตามที่ใจนางปรารถนา
……
วันรุ่งขึ้น มู่อวิ๋นจิ่นตื่นแต่เช้าตรู่ หลังแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จ ก็เดินลงไปด้านล่างด้วยเสียงเงียบเชียบ
หลังจ่ายค่าห้องเสร็จ มู่อวิ๋นจิ่นไปจูงม้าเดินทางไปทางเรือนที่ฉู่ลี่อยู่
ครู่ต่อมา มู่อวิ๋นจิ่นยืนมาอยู่หน้าประตูเรือน ตอนแรกกะว่าจะใช้วิชาตัวเบาบินเข้าไปข้างใน แต่ถูกร่างที่มองไม่เห็นกีดขวางเอาไว้ ทำให้นางไม่สามารถใช้วิชาตัวเบาได้ จนร่วงลงกับพื้น
”โอ๊ย” มู่อวิ๋นจิ่นที่ล้มลงกับพื้นส่งเสียงดังขึ้น
”ใครกัน?” ทันใดนั้นประตูใหญ่ก็ถูกลมกระโซกแรง จากนั้นเงาดำพุ่งออกมา กำหมัดมาหยุดเบื้องหน้ามู่อวิ๋นจิ่น
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นอีกฝ่ายกำหมัดดุเดือดพุ่งมา รีบหลบหมัดที่พุงมาใส่ได้ ะโว่า “ติงเซี่ยน ข้าเอง!!!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้