ชุ่ยเชี่ยวที่กำลังวาดฝันชีวิตในอุดมคติของตนอย่างเหม่อลอย พลันเห็นคนวิ่งกระหืดกระหอบตรงมาทางตน จึงใทำอะไรไม่ถูกขึ้นมาทันใด กระนั้นก็ยังขวางอีกฝ่ายเอาไว้ ส่งเสียงเฉียบขาดถามออกไป คนผู้นั้นปาดเหงื่อบนหน้าผากอย่างลวกๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “พี่ชุ่ยเชี่ยว! ท่านให้ข้าเข้าไปเร็วเข้าเถอะ ทางจวนเยี่ยนเกิดเื่ใหญ่แล้ว!”
จวนเยี่ยน? ชุ่ยเชี่ยวเกิดความสงสัยขึ้นในใจ เนื่องด้วยคนตรงหน้านี้ไม่คุ้นตา ไม่มีภาพในความทรงจำว่าเคยเจอกันเลยแม้แต่น้อย ก็เกิดความเคลือบแคลงขึ้นมา บัดนี้จึงยังไม่หลีกทางให้ เพียงเอ่ยถามต่อ “อย่ามาเฉไฉ เื่เป็เช่นไร เ้าจงอธิบายทั้งหมดมาให้ข้าฟังจนครบถ้วนเสียก่อน!”
ผู้มาเยือนเห็นว่าชุ่ยเชี่ยวไม่ใช่ผู้ที่จะหลอกลวงได้ง่ายๆ ยามนี้จึงไม่รู้ว่าลนลานจริงๆ หรือแกล้งทำ ที่หน้าผากนั้นมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาอีก ทว่าก็ยังคงเอ่ยข้อแก้ตัวของตนอย่างหวาดๆ “พี่ชุ่ยเชี่ยว นี่เป็เื่ใหญ่จริงๆ นะ! ท่านปล่อยให้ข้าเข้าไปเถอะ!”
ได้ยินเขาเอ่ยด้วยความตระหนกร้อนใจเช่นนี้ ทั้งบนหัวมีหยาดเหงื่อไหลลงมาอีก ชุ่ยเชี่ยวเองก็เริ่มแยกไม่ออกแล้วเหมือนกันว่าที่คนผู้นี้พูดเป็จริงหรือเท็จกันแน่ แต่เื่ที่ไม่คุ้นหน้านั้นเป็เื่จริง ยังไม่ต้องพูดถึงเื่จริงหรือเท็จ อย่างไรก็ควรจะให้บอกชื่อมาสักหน่อย ต่อไปหากเกิดเหตุการณ์แปลกๆ อะไรขึ้นมาเพราะคนผู้นี้ มีชื่อจำรูปพรรณได้ หากมีหนี้ต้องใช้จะได้ตามคิดบัญชีได้ไม่ใช่หรือ?
ชุ่ยเชี่ยวคิดเช่นนั้น แล้วจึงเอ่ยปาก “จะเข้าไปก็ได้ แต่ในเมื่อเ้าไม่ยอมบอกข้าว่าเป็เื่อะไรกันแน่ ก็ต้องบอกชื่อมาเสียก่อน ไม่เช่นนั้นวันนี้ประตูบานนี้ เ้าก็อย่าหวังว่าจะได้เข้าไปเลย”
“โอ๊ย ก็ได้ ได้ๆ !” เมื่อได้ยินความหมายในคำพูดนี้ของชุ่ยเชี่ยว อย่างน้อยก็นับว่าอ่อนข้อให้แล้ว ผู้มาเยือนจึงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะหอบหายใจ “ข้าน้อยเป็ลูกมือของเหล่าเ้าในครัวจวนเยี่ยน เหล่าเ้าแม่นางคงพอคุ้นเคยใช่หรือไม่? เขาเป็ผู้ที่คุณชายอวิ๋นเฟยนับถือเป็พี่น้อง ที่ข้าเร่งรีบมาคราวนี้ อย่างไรก็มาเป็ธุระให้คุณชายอวิ๋นเฟย ท่านปล่อยให้ข้าเข้าไปเถิด ดีไม่ดีจะพลั้งพลาดกับเื่ของคุณชาย ข้าน้อยจะถูกลงโทษไปด้วย!”
ลูกมือของเหล่าเ้าที่ห้องครัว? คำพูดนี้ดูเหมือนจะไม่มีพิรุธอะไร ชุ่ยเชี่ยวขมวดคิ้ว แล้วพิจารณาคำพูดของอีกฝ่ายอย่างละเอียดรอบหนึ่ง เมื่อปะติดปะต่อก็สอดคล้องกันพอสมควร นางจึงเอ่ย “ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าจะปล่อยให้เ้าเข้าไปก็แล้วกัน... เพียงแต่เ้าต้องรอสักประเดี๋ยว ข้าต้องไปรายงานคุณหนูเสียก่อน”
ระหว่างที่เข้ามาในเรือน ชุ่ยเชี่ยวยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ ตอนแรกตนก็วิ่งไปจวนเยี่ยนด้วยตนเองแล้วรอบหนึ่ง และก็ได้ยินเยี่ยนอวิ๋นเฟยบอกเองกับปากว่าไม่ต้องบอกเื่ที่ตนป่วยไข้กับเยวี่ยเจาหราน ถ้าเช่นนั้นยามนี้เขาจะส่งพ่อครัวน้อยที่เป็ลูกมือในครัวมาอีกเพื่ออะไร? แม้ว่าในใจจะสงสัยเช่นนั้น แต่ถึงอย่างไรชุ่ยเชี่ยวก็เป็เพียงคนรับใช้ผู้หนึ่ง เื่ของพวกเ้านายเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ใครจะไปคาดเดาได้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่กันแน่?
หากความคิดมากของตนไปหน่วงเหนี่ยวเื่ของเยี่ยนอวิ๋นเฟยขึ้นมา จะรับผิดชอบอย่างไรไหว?
จะว่าไปแล้ว เยี่ยนอวิ๋นเฟยก็สนิทสนมกับคนทำอาหารหลายคนในครัวจริงๆ จะมีหรือไม่มีธุระอะไรก็ต้องไปสักเที่ยวหนึ่ง เยวี่ยเจาหรานทำของว่างไม่เป็ ของว่างเ่าั้ที่นำไปร่วมกับฮูหยินเยี่ยนทุกวันที่หนึ่งและสิบห้าของเดือน ก็เป็ของเยี่ยนอวิ๋นเฟยตั้งใจหาพ่อครัวที่ไว้ใจได้ในครัวมาช่วยทำแทน...
หลังจากพยายามคิดไปคิดมา ชุ่ยเชี่ยวเองก็เดินมาถึงทางฝั่งของเยวี่ยเจาหรานแล้ว เมื่อเห็นสีหน้าไม่สบายใจของนาง เยวี่ยเจาหรานก็เป็คนเอ่ยปากขึ้นมาก่อน “สีหน้าเ้าออกมาขนาดนี้ คิดอะไรอยู่หรือ?”
ชุ่ยเชี่ยวตะลึงงันไปเล็กน้อย เพื่อปกปิดความตระหนกของตน นางจึงเอื้อมมือไปยกกาน้ำชาขึ้นมา แล้วค่อยๆ รินชาให้กับเยวี่ยเจาหรานช้าๆ “ไม่มีอะไรเ้าค่ะ ด้านนอกมีคนมา บอกว่าถูกส่งมาจากจวนเยี่ยน และมีธุระต้องพบท่าน ข้าเห็นเป็คนแปลกหน้า จึงไม่กล้าปล่อยให้เข้ามาโดยพลการ...”
“จวนเยี่ยน?” เยวี่ยเจาหรานขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางยกถ้วยชาที่รินจนเต็ม ครุ่นคิดเื่ต่างๆ อยู่ภายในใจ เขายังจำได้ว่าเมื่อวานชุ่ยเชี่ยวกลับมา เพิ่งจะบอกว่าทางเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วทุกอย่างสงบสุขดี และไม่ได้เกิดเื่ใหญ่อะไรขึ้น เหตุใดวันนี้จึงส่งคนมาอีกครั้งได้...
“ท่านไม่้าพบหรือเ้าคะ?” ชุ่ยเชี่ยวเห็นถึงความลังเลของเยวี่ยเจาหราน นางย่อมเอ่ยถาม “เช่นนั้นบ่าวจะส่งเขาออกไป”
“ไม่จำเป็ ข้าไปพบดูสักหน่อยก็แล้วกัน” เยวี่ยเจาหรานโบกมือส่งสัญญาณว่าไม่ต้อง แล้วจึงลุกขึ้นมา “เพิ่งจะสองสามวัน คิดดูแล้วคงไม่พ้นเื่เล็กๆ น้อยๆ”
ขณะพูดเยวี่ยเจาหรานก็เดินออกไปอย่างเนิบนาบ แต่ในใจของชุ่ยเชี่ยวกลับยิ่งรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ราวกับมีใบมีดคมแขวนห้อยอยู่ในใจตลอด ไม่รู้ว่าเมื่อไรมันจะหล่นลงมา แล้วทำร้ายหัวใจของตนไม่เหลือชิ้นดี... เมื่อสงบใจลงแล้ว ชุ่ยเชี่ยวจึงรู้สึกว่าคนเราไม่อาจทำเื่น่าละอายได้ คิดดูแล้วมันก็เป็เพราะการโกหกเยวี่ยเจาหรานเื่ของเยี่ยนอวิ๋นเฟย ถึงได้ทำให้นางกระวนกระวายเช่นนี้
ชุ่ยเชี่ยวสาบานอยู่ในใจเงียบๆ ว่าตอนที่เยวี่ยเจาหรานกลับมา นางจะต้องสารภาพความจริงเื่เยี่ยนอวิ๋นเฟยออกมาให้ได้ เพื่อที่จะไม่ให้ตนค้างคาใจกับเื่นี้จนกินไม่ได้นอนไม่หลับอีกต่อไป
ชุ่ยเชี่ยวถอนหายใจเบาๆ แล้วจึงพาสายตาของตนไปตกอยู่ที่ถ้วยชาข้างๆ ชาที่รินใหม่ๆ ยังคงแผ่ความร้อนออกมา ไอควันที่พลิ้วไหวเป็ดั่งภาพงดงามอันลวงตาที่สุดในโลกใบนี้ เพียงแค่ลมพัดแ่เบาก็บางลงในพริบตา นางยังคงไม่สบายใจ ฝีเท้าพลันย่างก้าวไปทางประตูโดยไม่รู้ตัว
มีความเคลื่อนไหวไปมาของคนที่อยู่ด้านนอกรางๆ ได้ยินไม่ชัดเจนนัก ชุ่ยเชี่ยวทนร้อนใจไม่ไหว จึงเดินออกไปเสียเลย แล้วยืนอยู่ด้านหลังคนทั้งสองไม่ห่างมากนัก
“ป่วยไข้มาหลายวันแล้วขอรับ ฮูหยินเยี่ยนร้อนใจจนดูแลด้วยตนเอง บอกว่าเป็โรคติดต่อ ไม่กล้าเจอผู้คน!” คนผู้นั้นก้มหน้าก้มตาเอ่ยอยู่ผู้เดียว เมื่อมาถึงหูของชุ่ยเชี่ยว ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็เช่นนั้นแล้ว...
ทว่าชุ่ยเชี่ยวในยามนี้นั้นไม่ได้รู้ว่าเยวี่ยเจาหรานรู้สึกโกรธและร้อนใจแค่ไหน ฝ่ามือของเยวี่ยเจาหรานที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกำหมัดแน่น บนฝ่ามือถูกเล็บที่เดิมก็ไม่นับว่าตัดแต่งไว้สั้นนักจิกแทงจนเป็รอยแดงไม่น้อย
“ท่านก็ควรจะรีบไปดูสักหน่อยนะขอรับ วัณโรคนี้ยากแก่การรักษา หากไม่อาจได้เห็นหน้ากันครั้งสุดท้าย จะไม่นึกเสียใจภายหลังหรือขอรับ? หากไม่ใช่เพราะอาจารย์ของข้าคำนึงถึงความสัมพันธ์ที่ผ่านมาของท่านกับคุณชาย ก็คงไม่กล้ามารายงานให้ทราบเช่นนี้แน่ ยามนี้ในเมื่อทราบแล้ว ข้าเองก็ไม่กล้าอยู่นานขอรับ ฮูหยินน้อย!”
คนผู้นั้นเร่งร้อนเอ่ยจบก็จรลีหายไป ชุ่ยเชี่ยวเองได้ฟังก็สับสนมึนงง แต่เมื่อหันมาก็กลับถูกตบไปหนึ่งฝ่ามือ “เ้าคนทรยศไม่รักดี เหตุใดเยี่ยนอวิ๋นเฟยล้มป่วยแล้วเ้าถึงไม่บอกข้า!”
ความเ็ปแสบร้อนแล่นปราดบนใบหน้า ชุ่ยเชี่ยวขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งเยวี่ยเจาหรานต่อว่าด่าทอเร็วรัวดั่งปืนกล ถึงได้ทำให้ชุ่ยเชี่ยวเข้าใจอะไรขึ้นมาบ้าง ฝ่ามือเมื่อครู่นั้น คาดไม่ถึงว่าเยวี่ยเจาหรานจะเป็คนตบ
“คุณชาย ข้า...” ในชั่วขณะนั้น ชุ่ยเชี่ยวเองก็แยกแยะไม่ออกจริงๆ ว่านี่มันสถานการณ์อะไรกันแน่ มีเพียงรอยมือแดงเรื่อบนใบหน้าเท่านั้นที่อธิบายทุกสิ่ง ไม่ว่าอย่างไร เยวี่ยเจาหรานจะต้องเข้าใจอะไรผิดไปแน่
แต่ยังไม่ทันที่ชุ่ยเชี่ยวอ้าปากแก้ต่าง เยวี่ยเจาหรานที่เมื่อครู่ยังยืนอยู่ตรงหน้าก็เหลืออยู่เพียงเงาหลังที่ค่อยๆ ไกลออกไป เมื่อมองไปยังแผ่นหลังนั้น ชุ่ยเชี่ยวก็รู้ว่า ไม่ว่าตนจะพูดอะไรยามนี้มันก็สายไปเสียแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้