หลงเฟยเยี่ยนั่งลงตรงข้ามหานอวิ๋นซี และพูดอย่างเ็าว่า “แม่นมจ้าว เพิ่มชามกับตะเกียบชุดหนึ่ง คืนนี้ข้าจะทานอาหารค่ำที่นี่”
เมื่อได้ยินว่าท่านอ๋อง้าอยู่ทานอาหารเย็น แม่นมจ้าวก็ดีใจมาก รีบเพิ่มชามและตะเกียบทันที พร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านอ๋อง หวังเฟยโปรดรอสักครู่ หม่อมฉันจะไปสั่งให้ครัวเพิ่มกับข้าวอื่นๆ มาให้อีก แล้วก็เพิ่มเหล้าองุ่นที่ท่านโปรดปรานมาอีกหนึ่งโถด้วยเพคะ”
น่าเสียดายที่ทั้งหลงเฟยเยี่ยและหานอวิ๋นซีไม่ได้สนใจนางเลย ทั้งสองมองหน้ากัน เมื่อเห็นว่าบรรยากาศไม่ชอบมาพากล แม่นมจ้าวจึงปิดปากในทันทีและเดินคอตกออกไป
หานอวิ๋นซีมองไปที่หลงเฟยเยี่ยครู่หนึ่ง จากนั้นก็มองลงไปที่ห่อผ้าเล็กๆ บนโต๊ะ
นางวางตะเกียบลงอย่างตั้งใจและถามอย่างไม่พอใจว่า “ท่านอ๋อง ท่านอย่าโยนของมามั่วซั่ว...ได้หรือไม่?”
ไม่ว่ามันจะเป็อะไรก็ตาม ต่อให้เป็ของที่ให้นางก็โยนมันมาแบบนี้ไม่ได้ ช่างไร้มารยาทจริงๆ
“จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ของที่จะโยนมั่วซั่วหรอก เ้าเก็บมันไว้ให้ดีๆ อย่าให้ข้าเห็นมันเป็ครั้งที่สอง” หลงเฟยเยี่ยเตือนอย่างเ็า
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หานอวิ๋นซีก็สงสัยว่าในห่อนี้อาจเป็ของของนางหรือไม่?
“ของข้าหรือ?” นางถามอย่างสงสัย
หลงเฟยเยี่ยยกยิ้มอย่างดูถูก และไม่ตอบอะไรใดๆ
หานอวิ๋นรีบรับมันมา เปิดอย่างระมัดระวัง แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งที่นางเห็นตรงหน้ามันคือ... มันคือรองเท้าและถุงเท้าของนาง!
รองเท้าและถุงเท้าหนึ่งคู่ เป็สิ่งที่นางถอดไว้ในกูหยวนเมื่อคืนนี้
เมื่อคืนเท้าของนางพันด้วยผ้าพันแผลจนพองปูด จึงไม่สามารถสวมรองเท้าและถุงเท้าได้ นางจึงทำได้เพียงเดินเท้าเปล่าและลืมของพวกนี้ไปเลย แต่ใครจะรู้ว่าหลงเฟยเยี่ยจะนำสิ่งเหล่านี้กลับมาให้นาง
แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ควรวางทิ้งไว้สุ่มสี่สุ่มสี่สุ่มห้า แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาจะโยนมันทิ้งด้วยใบหน้าที่มืดมนมาเช่นนี้!
ในใจก็รู้สึกไม่พอใจ ทว่าหานอวิ๋นซีก็ยังคงสุภาพอย่างมาก “ขอบคุณท่านอ๋องอย่างมาก ข้าจะจำเอาไว้”
ใครจะรู้ว่าหลงเฟยเยี่ยกลับถามอย่างเ็าว่า “เช่นนั้นแล้ว คืนนั้นเ้าไม่ได้ใส่รองเท้า เข้าไปในคุกใต้ดินด้วยเท้าเปล่า ทั้งยังไปจวนตระกูลหานด้วยเท้าเปล่าสินะ?”
คนโบราณที่หัวโบราณ ชายผู้นี้เป็คนโบราณในหมู่พวกอนุรักษนิยม ไม่ว่านางจะเดินเท้าเปล่าหรือไม่ อย่างไรเขาก็ไม่ใช่สามีที่แท้จริงของนาง ก็ควรที่จะผ่อนปรนกันบ้าง
หานอวิ๋นซีตอบตามจริงว่า “ใช่!”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา หลงเฟยเยี่ยก็ขมวดคิ้วและหรี่ตาลงอย่างอันตราย
หานอวิ๋นซีที่ไม่อยากจะคุยกับเขา แต่เมื่อถูกเขาจ้องมองมา ก็รู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่ารอบๆ ตัว
สตรีที่ดีจะไม่สู้กับสามี!
นางอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “เท้าของข้าถูกพันด้วยผ้าพันแผลอย่างหนา เลยไม่สามารถสวมรองเท้าและถุงเท้าได้”
นางที่พูดไปก็กลัวว่าชายผู้นี้จะไม่เชื่อ จึงยื่นเท้าออกมาแล้วยกกระโปรงขึ้น “ถ้าท่านไม่เชื่อ ก็ดูสิ!”
หลงเฟยเยี่ยหันศีรษะไปมองและเห็นว่าเท้าที่าเ็ของหานอวิ๋นซีถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาวหนาหลายชั้นั้แ่ข้อเท้าถึงปลายเท้าและพันไว้อย่างแ่า คนที่ไม่รู้คงคิดว่ามันเป็ปูนหล่อ
เช่นนี้หลงเฟยเยี่ยดูจึงพอใจขึ้นมาก เขามองไปทางอื่นและไม่ซักถามอีกต่อไป กระแอมเบาๆ สองครั้งและถามว่า “เมื่อคืนใส่ยาแล้ว ยังไม่ดีขึ้นอีกหรือ?”
เหอะๆ…
หานอวิ๋นซีเย้ยหยันอยู่ในใจ ชายผู้นี้พอใจแล้วสินะ ถึงได้รู้ว่าต้องทำตัวเป็ห่วงเป็ใย?
เขาพอใจ แต่นางไม่พอใจ
หานอวิ๋นซีเงยหน้าขึ้น ยิ้มจนตาเป็เส้นโค้ง ใบหน้าไม่ได้มีความชั่วร้ายแต่อย่างใด
หลงเฟยเยี่ยถึงกับชะงักไป สตรีผู้นี้ยิ้มทำไมกัน?
ใครจะรู้ว่าวินาทีต่อมา สีหน้าของหานอวิ๋นซีก็เปลี่ยนไปทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความมืดมน และพูดอย่างเ็าว่า “ขอบคุณท่านอ๋องที่ทรงห่วงใย อีกไม่นานคงจะดีขึ้น”
ความจริงแล้วก็แค่ข้อเท้าพลิกเท่านั้น บวกกับยาของหลงเฟยเยี่ยที่ได้ผลอย่างมาก อีกไม่นานก็คงหายดี อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนนางเกือบตกอยู่ในเงื้อมมือของชายผู้นี้ แค่มือของเขาที่บีบเท้าเบาๆ ก็เพียงพอที่จะทำลายเท้าของนางได้
หานอวิ๋นซีหันหน้าไปอย่างรวดเร็วราวกับพลิกหน้าหนังสือ หลงเฟยเยี่ยที่ไม่ทันตั้งตัวก็เงียบไป หานอวิ๋นซียิ้มอีกครั้ง “ขอบคุณท่านอ๋องสำหรับความห่วงใย”
หลงเฟยเยี่ยมองไปที่นางด้วยสีหน้าที่มืดมนมากขึ้นเรื่อยๆ ดวงตาที่ลึกล้ำของเขาก็ยิ่งลึกมากขึ้นไปอีก
สิ่งที่หานอวิ๋นซีเกลียดที่สุดคือความรู้สึกต่ำต้อยต่อหน้าชายผู้นี้ แม้ว่านางจะขี้ขลาดอยู่เล็กน้อย ทว่าก็ยังจ้องมองเขาอย่างเปิดเผย
ในขณะเดียวกัน หลงเฟยเยี่ยลุกขึ้นยืนทันที
จะไปแล้วหรือ?
หานอวิ๋นซีลดสายตาลงทันทีและเพิกเฉยต่อความผิดหวังในใจ หากกล้าที่ยั่วยุเขาจะเป็อย่างไรกัน? ชายผู้นี้ก็เป็แบบนี้ตลอดไม่ใช่หรือ? ้ามีอำนาจเหนือกว่าจนทำให้นางพูดไม่ออก แล้วก็เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
แต่ใครจะรู้ว่าหลงเฟยเยี่ยไม่ได้จากไป แต่แค่เปลี่ยนตำแหน่งของเขาและนั่งลงข้างหานอวิ๋นซี
“เท้า” เขาพูดคำเดียวด้วยน้ำเสียงเ็า
หานอวิ๋นซีตกตะลึงและโพล่งออกมา “ท่านจะทำอะไร?”
หลงเฟยเยี่ยไม่ตอบ แต่เอื้อมมือไปจับเท้าของนางและวางลงบนตักของตนเอง
“ปล่อยนะ!”
หานอวิ๋นซีพูดอย่างดุร้าย เมื่อกำลังจะขัดขืน หลงเฟยเยี่ยกลับรั้งไว้และพูดด้วยเสียงทุ้มว่า “อย่าขยับ”
หานอวิ๋นซียังคง้าหลุดพ้น ทว่าไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ไม่สามารถขยับได้ นางขมวดคิ้วและมองดูเขา ถึงจะมองไม่เห็นใบหน้าตรงๆ ของเขา แต่ก็พบว่าใบหน้าด้านข้างของชายผู้นี้ดูดีกว่าด้านหน้าเสียอีก สันกรามที่สมบูรณ์แบบจนดูเหมือนแกะสลักออกมา ดูเ็าและหล่อเหลา
หานอวิ๋นซีที่มองไปมองมา ก็เงียบไปโดยไม่รู้ตัว
หลงเฟยเยี่ยกดเท้าของหานอวิ๋นซีไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง และใช้มืออีกข้างแกะผ้าพันแผลที่พันรอบเท้าของหานอวิ๋นซี ผ้าพันแผลนั้นพันไว้อย่างแ่าอย่างน้อยสิบสองรอบ
การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของเขานุ่มนวลต่างจากเมื่อคืน เขาค่อยๆ คลี่ผ้าพันแผลออกมาทีละรอบ ความอดทนของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าหมอมืออาชีพอย่างหานอวิ๋นซีเลย
หานอวิ๋นซีเฝ้าดูอย่างเงียบๆ เมื่อเห็นเขาเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง ไม่รู้เพราะเหตุใดหัวใจของนางก็เต้นระรัวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นไม่นาน ผ้าพันแผลที่พันรอบข้อเท้าจนถึงปลายเท้าก็ถูกคลายออกจนหมด
การลงโทษที่รุนแรงของชายผู้นี้เมื่อคืน บวกกับการที่นางไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จึงทำให้ข้อเท้าของนางแดงและบวมมากกว่าตอนที่นางเพิ่งจะได้รับาเ็เมื่อคืนนี้
หลงเฟยเยี่ยมองลงไป พร้อมกับแววตาที่มืดมน
“ยา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
หานอวิ๋นซีถึงกับชะงักไป และโพล่งออกมาว่า “อะไรนะ?”
“มียาอยู่ในห่อผ้า” เขาไม่เงยหน้าขึ้น สายตายังคงจ้องมองที่ข้อเท้าของนางอยู่ตลอด
หานอวิ๋นซีที่เพิ่งจะเข้าใจ ก็รีบหาในห่อผ้าและพบขวดยาขวดหนึ่ง ซึ่งเป็ขวดที่นางใช้เมื่อคืนนี้
ชายผู้นี้เอายามาให้อย่างนั้นหรือ
หานอวิ๋นซีรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันใด ดูเหมือนว่าเมื่อครู่นางไม่ควรเป็คนใจแคบและประชดประชันเขา นางไม่กล้าที่จะมองเขา ก้มหน้าลงแล้วยื่นยาไปให้
หลงเฟยเยี่ยเปิดยา เทบางส่วนลงในฝ่ามือของเขา เริ่มจากการถูยาด้วยฝ่ามือทั้งสอง จากนั้นก็ใช้มือข้างหนึ่งประคองข้อเท้าของหานอวิ๋นซีจากด้านล่างเหมือนเมื่อคืน เพียงแต่คราวนี้ การเคลื่อนไหวของเขาอ่อนโยนมาก
ทันทีที่เขาวางฝ่ามือลงไป หานอวิ๋นซีก็รู้สึกราวกับว่าิัที่เท้าัักับก้อนน้ำแข็ง ความจ็บปวดร้อนก็หายไปในทันที นางเงยหน้าขึ้นมองเขาโดยไม่รู้ตัว ในเวลานี้ หลงเฟยเยี่ยเองก็มองมาพอดี
เมื่อดวงตาทั้งสองสบกัน หูของหานอวิ๋นซีก็ร้อนขึ้นมาในทันใด แม้ว่านางอยากจะควบคุมมัน ทว่าก็ไม่สามารถควบคุมได้เลย
บ้าบอสิ้นดี!
นางก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ เพราะกลัวหลงเฟยเยี่ยจะจับได้
“แบบนี้เจ็บหรือไม่?” หลงเฟยเยี่ยถามอย่างใจเย็น
หานอวิ๋นซีส่ายหัวทันทีด้วยความประหม่า อันที่จริง มันยังเจ็บอยู่นิดหน่อย
หลงเฟยเยี่ยวางมืออีกข้างบนบริเวณที่แดงและบวม แล้วถามอีกครั้งว่า “แล้วแบบนี้ล่ะ?”
ความรู้สึกเย็นปกคลุมิัและแทรกซึมเข้าไปผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายอย่างสุดจะพรรณนา
“ไม่เจ็บ” หานอวิ๋นซีส่ายหัวอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่เจ็บจริงๆ
หลงเฟยเยี่ยขยับมือขึ้นลงและค่อยๆ นวด อย่างไรก็ตาม เพียงกดนวดลงไปเบาๆ หานอวิ๋นซีก็รู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อตและอดไม่ได้ที่จะขนลุกไปทั้งร่างกาย
ฝ่ามือของเขาที่ร้อน ส่วนยาก็เย็น ข้างหนึ่งเย็นข้างหนึ่งร้อน ขณะที่เขาใช้ฝ่ามือนวดเบาๆ ความรู้สึกนั้นมันช่างวิเศษเกินจะบรรยาย หานอวิ๋นซีรู้สึกว่าตนเองแทบจะรับไม่ไหว หลงเฟยเยี่ยยังคงทำต่อไป เทคนิคของเขาดีมาก การเคลื่อนไหวของเขาค่อยๆ กว้างขึ้นและเพิ่มแรงมากขึ้น ทว่าหานอวิ๋นซีก็ไม่รู้สึกเ็ปใดๆ เลย รู้สึกเพียงว่าเท้าทั้งหมดได้รับการผ่อนคลาย เรียกได้ว่าเป็ความเพลิดเพลินอย่างหนึ่ง นางค่อยๆ หลับตาลงและอดไม่ได้ที่จะชื่นชมในใจว่า “สบายจัง!”
แต่ใครจะรู้ว่าในขณะเดียวกันก็มีเสียงดัง “ตึง” ที่ประตู
หลงเฟยเยี่ยและหานอวิ๋นซีต่างหันศีรษะไป และเห็นแม่นมจ้าวยืนอย่างงุ่มง่ามอยู่ที่ประตู โดยมีอาหารและสุรารสเลิศตกอยู่บนพื้นใต้ฝ่าเท้าของนาง
แม่นมจ้าวรู้สึกใอย่างมาก นางรับใช้ฉินอ๋องมานาน แต่ไม่เคยเห็นเขาทายาให้ใครด้วยตัวเองเลย ทั้งยังเป็สตรี แล้วยังจะจับนวดเช่นนั้นอีก
เมื่อเห็นท่าทางตกตะลึงของแม่นมจ้าว หานอวิ๋นซีก็ก้มหน้าลงและรู้สึกอายขึ้นมา นางรู้สึกเพียงว่านางกับหลงเฟยเยี่ยดูเหมือนกำลังทำสิ่งที่น่าละอายบางอย่าง
อย่างไรก็ตาม หลงเฟยเยี่ยทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และพูดอย่างเ็าว่า “แม่นมจ้าวไปเอาผ้าพันแผลมา”
แม่นมจ้าวที่ยังไม่ได้สติกลับคืนมา ยังคงนิ่งอยู่
“ยังไม่ไปอีกหรือไร?” หลงเฟยเยี่ยถามด้วยความหงุดหงิด
เช่นนั้นแม่นมจ้าวจึงจะได้สติกลับคืนมา และพูดอย่างกระวนกระวายว่า “เพคะ! เพคะ! หม่อมฉันจะไปเดี๋ยวนี้เพคะ!”
“ตอนนี้ดีขึ้นบ้างหรือยัง?” หลงเฟยเยี่ยถามเบาๆ ไม่มีความเยือกเย็นในดวงตาลึกล้ำของเขา แต่ก็ไม่ได้มีความกังวลเช่นกัน ราวกับว่าเขากำลังถามคำถามที่ไม่สำคัญ
หานอวิ๋นซีมองเข้าไปในดวงตาของเขา ทันใดนั้นก็ตระหนักได้ว่าตนเองไม่เข้าใจชายผู้นี้เลย
“ดีขึ้นแล้ว” นางตอบอย่างตรงไปตรงมา
หลังจากรับผ้าพันแผลมาจากแม่นมจ้าวแล้ว หลงเฟยเยี่ยก็พันผ้าพันแผลอย่างรวดเร็ว ตอนนั้นเองที่หานอวิ๋นซีตระหนักว่าเขามีประสบการณ์ในการพันแผลอย่างมาก และดูเหมือนว่าเขาจะทำแบบนี้บ่อยครั้ง
พันผ้าพันแผลให้ตัวเองบ่อย? หรือช่วยเหลือผู้อื่นบ่อยล่ะ?
ในขณะที่หานอวิ๋นซีกำลังเหม่อลอย หลงเฟยเยี่ยก็พันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็เพียงผ้าพันแผลบางๆ สองชั้น
“แบบนี้จะได้ใส่รองเท้ากับถุงเท้าได้” เขาพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย คิดไม่ถึงว่าจะยังคงคิดเื่นี้อยู่
หานอวิ๋นซีอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา หลงเฟยเยี่ยขมวดคิ้วทันทีและพูดอย่างเ็าว่า “มีปัญหาอะไรหรือไม่?”
“ไม่มี มันดีมากๆ เลยล่ะ” หานอวิ๋นซีจะไปกล้าบอกความจริงได้อย่างไร ว่านางกำลังคิดว่า ในภายภาคหน้า ใครที่ได้อภิเษกกับชายหัวโบราณผู้นี้ และกลายเป็ชายาเอก จะไม่ถูกเขาควบคุมไปจนตายหรือไร
อาจจะเลี้ยงดูราวกับนกในกรงทอง เติบโตในห้องส่วนตัวและไม่ให้ผู้อื่นได้เห็นใบหน้า
หลงเฟยเยี่ยไม่ได้ถามอะไรอีก วางเท้าของนางลง โยนยาให้นางและพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่มีอะไรร้ายแรง พรุ่งนี้เปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่อีกครั้ง อย่าให้โดนน้ำ และอย่าขยับตัวเยอะ”
“อืม” หานอวิ๋นซีพยักหน้า หมอที่มีชื่อเสียงในยุคนี้กลายเป็คนไข้ที่เชื่อฟังทันที
หลงเฟยเยี่ยลุกขึ้น เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะอยู่ทานอาหารั้แ่แรก หันหลังกลับและกำลังจะเดินไป
“เื่ของตระกูลหาน ท่านอ๋องสืบแล้วเป็อย่างไรบ้าง?” หานอวิ๋นซีถามอย่างกังวลใจ
“ยังไม่มีอะไร” หลงเฟยเยี่ยตอบโดยที่ไม่ได้หยุดเดิน
หานอวิ๋นซีไม่หันกลับมามองและไม่ถามคำถามใดๆ เพิ่มเติม นางก้มหน้าลง ฟังเสียงฝีเท้าที่เดินออกไปไกลของเขาด้วยสีหน้านิ่งเฉย
ทันใดนั้น หลงเฟยเยี่ยก็พูดว่า “มีความคืบหน้าเกี่ยวกับชาบ้างหรือไม่?”
หานอวิ๋นซีหันกลับมามองทันที และเห็นเขายืนอยู่ที่ประตู มองมาที่นาง
“มีเบาะแสบางอย่าง พรุ่งนี้ข้าจะไปที่โรงน้ำชาเทียนเซียงกับแม่ทัพใหญ่” นางรีบตอบออกไป
หลงเฟยเยี่ยพยักหน้า หันกลับและจากไปโดยไม่ถามคำถามเพิ่มเติม
เมื่อแผ่นหลังนั้นหายไป หานอวิ๋นซีก็ค่อยๆ หันหน้าไปมองที่โต๊ะอาหาร และไม่รู้ว่าทำไมนางถึงได้ยิ้มแหยแล้วหัวเราะออกมาอีกครั้ง
แม่นมจ้าวที่อยู่ข้างๆ ก็มองอย่างประหลาดใจ ท่านอ๋องไม่อยู่ทานอาหาร หวังเฟยมีความสุขมากขนาดนี้เลยหรือ?
นางถามอย่างเบาๆ ว่า “หวังเฟย อาหารเริ่มเย็นแล้ว ให้หม่อมฉันเอาไปอุ่นให้ก่อนดีหรือไม่เพคะ?”
“ไม่ต้อง”
หานอวิ๋นซีหยิบตะเกียบขึ้นมา ความอยากอาหารของนางดูเหมือนจะดีขึ้น นางกินข้าวคำ ดื่มน้ำแกงคำ
ตลอดทั้งคืน ไฟในห้องนอนของหลงเฟยเยี่ยเปิดอยู่ตลอด หานอวิ๋นซีเอนกายลงบนเก้าอี้นอนข้างหน้าต่างห้องนอน ครุ่นคิดบางอย่างและผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว...
