เมืองจูเซียน ห้องโถงหลัก
ยอดฝีมือประจำเมืองจูเซียนในอาภรณ์หรูหรานั่งอยู่ภายในห้องพลางมองเนี่ยเทียนป้าที่นั่งอยู่ทางทิศเหนือ
“ประมุขเนี่ย ท่านนี่เยี่ยมจริงๆ ก่อการฉ้อฉลเป็วงกว้าง จากนั้นกวาดล้างทำลาย ทันทีที่จรดพู่กันสำแดงเดช ตระกูลเนี่ยของท่านก็สามารถถอนรากถอนโคนตระกูลหวังได้ในคราเดียว ผู้ดูแลหรือบ่าวสักคนก็ยังหนีไม่รอด! กลับถูกท่านล้างบางไปหมดสิ้น วันนี้เซียนแซ่จางจากพรรคอีกาทองคำมาถึงแล้ว ตระกูลเนี่ยของท่านฮุบเอาตำแหน่งที่ว่างห้าที่ของพรรคอีกาทองคำไว้แต่เพียงผู้เดียว ยอดเยี่ยม เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ยิ่ง! ท่านได้ผลประโยชน์ไปหมดแล้ว วันนี้ยังเรียกพวกเรามารวมตัวกันเพื่ออะไรอีก?” ผู้เฒ่าคนหนึ่งเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่น่าดู
เนี่ยเทียนป้าหน้าดำทะมึน “ทุกท่านต่างก็เป็ประมุขตระกูลผู้ฝึกฌานแห่งเมืองจูเซียน พวกท่านคิดว่าข้าฆ่าหวังเค่อแล้วอย่างนั้นรึ?”
ประมุขของแต่ละตระกูลมองเนี่ยเทียนป้าด้วยแววตากังขา เมื่อคืนตอนที่จางเจิ้งเต้าปลอมตัวเป็ศิษย์พรรคอีกาทองคำมาที่เมือง มันไม่ได้ไปพบปะเสวนากับใครอื่น ดังนั้นทุกคนจึงไม่รู้เื่จางเจิ้งเต้า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเื่ที่เมื่อคืนนี้เนี่ยเทียนป้าถูกต้มจนเปื่อย
แต่วันนี้ไม่เหมือนกัน! ตระกูลเนี่ยนำศิษย์พรรคอีกาทองคำที่มาในวันนี้เดินวนรอบเมืองจูเซียนรอบใหญ่ ดังนั้นคนในเมืองจึงทราบกันเกือบทุกคน
ขณะเดียวกันเมื่อคิดถึงการหายสาบสูญไปของหวังเค่อ ทุกคนจึงพากันปักใจเชื่อว่าเนี่ยเทียนป้าใช้วิธีสุดโต่งจัดการกับปัญหา กลับกลายเป็ผู้ชนะคนสุดท้าย ทุกคนจึงพากันอิจฉาตาร้อน
“ตอนนี้เถ้าแก่ร้านเ้าดังในเมืองต่างก็จับกลุ่มกันเรียกร้องให้ท่านเนี่ยเทียนป้าคืนเงินจากแผนการลงทุนให้พวกมัน ทุกคนล้วนอาศัยอยู่ในเมืองจูเซียน ตระกูลเนี่ยของท่านทำลายล้างตระกูลหวัง ยึดสินทรัพย์มรดกของพวกมันไปหมด แต่ถึงยังไงก็ไม่อาจให้มันเกินเลยไปนัก อย่างน้อยที่สุดก็ควรที่จะคืนเงินที่พวกเราใช้ซื้อแผนการลงทุนมาหน่อยไม่ใช่รึไง” ประมุขตระกูลท่านหนึ่งเอ่ยเสียงต่ำ
เนี่ยเทียนป้ารู้สึกขมขื่นสุดจะกล่าว หวังเค่อหลอกเอาเงินพวกเ้าไป แต่พวกเ้ากลับมาทวงเอากับข้า? ข้าไม่เคยไปติดค้างอะไรพวกเ้าสักหน่อย!
ตอนนั้นเองเนี่ยเทียนป้าถึงค่อยตระหนักว่าหวังเค่อได้ฝากความยุ่งเหยิงเพียงไรไว้ให้มันตามล้างตามเช็ด
“ทุกท่าน เื่ที่เกิดขึ้นหาใช่เป็อย่างที่พวกท่านคิดเอาไว้ไม่!” เนี่ยเทียนป้าเอ่ยด้วยเสียงทุ้มลึก
“โฮ่?” ทุกคนเผยสีหน้าเคลือบแคลง
เนี่ยเทียนป้าถอนใจเบาๆ ก่อนจะเริ่มสาธยายเื่ราวที่เกิดขึ้นใน่สองวันที่ผ่านมาอย่างครบถ้วนกระบวนความ เหล่าประมุขตระกูลรับฟังจนพากันปากอ้าตาค้างเป็ทิวแถว
“ท่านกำลังจะบอกว่า ท่านจับตัวองค์หญิงโยวเยว่ตัวจริงได้ แต่ผลกลับกลายเป็ว่าถูกหวังเค่อใช้ตัวปลอมมาสลับตัวไป?” ประมุขตระกูลคนหนึ่งอุทานอย่างไม่อยากเชื่อ
“มิผิด หวังเค่อเ้าคนลวงโลกนั่นมาที่เมืองจูเซียนของพวกเราด้วยจิตมุ่งร้ายแต่แรกแล้ว! มันเชิดเงินพวกท่านหนีไป แถมยังหลอกข้าเื่ที่ว่างห้าตำแหน่งพรรคอีกาทองคำอีกด้วย!” เนี่ยเทียนป้าเอ่ยเสียงกร้าว
ประมุขทุกคนมองเนี่ยเทียนป้าด้วยสีหน้าแปลกประหลาด ชัดเจนว่าพวกมันไม่เชื่อ นี่เ้ากำลังกุเื่หลอกพวกเราอยู่ใช่หรือไม่?
เนี่ยเทียนป้าจึงต้องสาบานอีกรอบ ทั้งยังเอาหลักฐานทั้งหมดที่เจอมาให้เหล่าผู้นำตระกูลดู เมื่อนั้นพวกมันถึงค่อยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“หลายวันมานี้พวกท่านต่างก็ส่งคนไปทำการปล้นชิงตัวองค์หญิงโยวเยว่มาจากตระกูลหวังในยามวิกาล แต่หวังเค่อก็ฆ่าพวกมันจนหมด แถมยังนำศพไปขายในราคาสูง พวกท่านไม่โกรธแค้นมันบ้างรึ? ตระกูลหวังทำถึงขั้นนี้ได้แปลว่าพวกมันจะต้องมีกำลังรบในระดับหนึ่ง หากตระกูลเนี่ยของข้ากวาดล้างพวกมันหมดทั้งบาง แล้วจะไม่มีร่องรอยการเคลื่อนไหวหรือเืตกยางออกเลยสักนิดเชียวหรือ? พวกท่านเองก็คงจะตรวจดูเคหาสน์ตระกูลหวังกันแล้ว เห็นรอยเืบ้างไหมล่ะ? เห็นอุโมงค์ที่ว่าแล้วรึยัง?” เนี่ยเทียนป้ายังคงอธิบาย
เมื่อนั้นเองทุกคนถึงค่อยเริ่มจะเชื่อ
“หวังเค่อ เ้าลูกตัวบัดซบนั่น หลอกเอาเงินจากแผนการลงทุนเส็งเคร็งอะไรนั่นไปจากพวกเราไม่พอ ยังฆ่าลูกหลานของพวกเราไปอีกหลายคน ที่เลวร้ายสุดคือยังมีหน้าเอาศพไปขายในราคาสูง ก่อความผิดโทษมหันต์!”
ในที่สุดประมุขทั้งหลายก็ยอมเชื่อคำของเนี่ยเทียนป้า ขณะที่นึกแค้นใจหวังเค่อ พวกมันยังนึกสงสารเนี่ยเทียนป้าด้วย ความสูญเสียของเนี่ยเทียนป้าเรียกได้ว่าน่าอดสูนัก
“จริงสิ หวังเค่อใช้ศิษย์พรรคอีกาทองคำตัวปลอมมาหลอกตบตาท่านไม่ใช่รึ! งั้นที่วันนี้ศิษย์พรรคอีกาทองคำตัวจริงมาเยือนตระกูลท่านจะไม่...!” ประมุขตระกูลคนหนึ่งหันมามองเนี่ยเทียนป้า
สีหน้าของเนี่ยเทียนป้าในเวลานี้ไม่น่าดูเป็อย่างยิ่ง
“ประมุขเนี่ย ศิษย์พรรคอีกาทองคำที่มาในวันนี้เองก็เรียกเซียนแซ่จางหรือ? หรือว่าจะ...!” ประมุขคนหนึ่งถามขึ้นอย่างกังวล
“ไม่น่าเป็ตัวปลอมไปได้ หากเป็ตัวปลอม ทำไมถึงยังใช้แซ่ ‘จาง’ อีกเล่า? อีกอย่าง มันยังนำจี้หยกของหลานข้ามาด้วย ไม่มีทางผิดพลาดไปได้ เซียนแซ่จางคนนี้จะต้องเป็ตัวจริงแน่!” เนี่ยเทียนป้าเอ่ยอย่างช้ำใจ
“งั้นตอนนี้ท่านจะทำยังไง? ท่านทำคนที่เซียนแซ่จาง้าตัวหลุดลอยไป นี่จะไม่...!” ประมุขตระกูลคนหนึ่งถามอย่างสงสัย
“ข้าถึงได้เรียกพวกท่านมาที่นี่อย่างไรเล่า!” เนี่ยเทียนป้าเอ่ยเสียงต่ำลึก
“อ้อ?” ทุกคนอุทานอย่างใคร่รู้
“ข้าได้รายงานความจริงทุกอย่างต่อเซียนแซ่จางท่านนี้ไปหมดแล้ว ถึงแม้ว่าเซียนแซ่จางจะพิโรธอย่างที่คาดไว้ แต่ภายใต้การวิงวอนสารพัดสารพันจากข้า ในที่สุดมันก็ยอมให้โอกาสรอดกับข้า!” เนี่ยเทียนป้าสูดลมหายใจลึก
“โฮ่?”
“เซียนแซ่จางบอกว่ามันสามารถเตะถ่วงการรายงานต่อพรรคอีกาทองคำได้ ตราบใดข้าสามารถจับตัวองค์หญิงโยวเยว่กลับมาได้ก่อนที่มันจะไปรายงานพรรคอีกาทองคำ มันก็จะทำเหมือนว่าเื่ทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนให้!” เนี่ยเทียนป้าสูดลมหายใจลึกก่อนเอ่ยคำ
“อ๋า? เซียนแซ่จางท่านนี้คุยด้วยง่ายจริงๆ มิน่าประมุขเนี่ยถึงได้ส่งคนในตระกูลออกตามหาหวังเค่อกับองค์หญิงโยวเยว่หมดเช่นนี้!” ประมุขคนหนึ่งพยักหน้าเป็เชิงเข้าใจ
“พวกหวังเค่อเพิ่งจะหนีได้ไม่ถึงวัน น่าจะยังหนีไปได้ไม่ไกลเท่าไหร่ ข้าจึงอยากรบกวนทุกท่านช่วยส่งตัวศิษย์ของพวกท่านมาช่วยข้าอีกแรงหนึ่ง!” เนี่ยเทียนป้ากล่าวอย่างเป็การเป็งาน
“ให้พวกเราช่วยหา?” ประมุขทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไปจากเดิม
“ถูกแล้ว หากใครในหมู่พวกท่านช่วยข้าหาตัวองค์หญิงโยวเยว่กลับมาได้ ตำแหน่งที่ว่างห้าที่ของพรรคอีกาทองคำ ข้าจะให้พวกท่านหนึ่งตำแหน่ง!” เนี่ยเทียนป้าให้สัญญาอย่างจริงจัง
ทุกคนตาลุกวาวกันทันที “ฮ่าฮ่าฮ่า ในเมื่อประมุขเนี่ยลั่นวาจามาแล้ว พวกเราจะกล้าไม่ทำตามได้หรือ วางใจเถอะ ศิษย์ของเราจะช่วยพวกท่านหาตัวพวกมันเอง! ต่อให้ต้องขุดอุโมงค์พลิกแผ่นดินหาก็จะต้องพาตัวพวกมันมาให้ได้!”
ศิษย์ตระกูลหวังมีกันมากมายขนาดนั้น ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ขอเพียงเจอพวกมันคนหนึ่งก็จะหาตัวองค์หญิงโยวเยว่พบ และก็จะได้ตำแหน่งที่ว่างของพรรคอีกาทองคำมาหนึ่งที่ ไม่เพียงเท่านั้นยังจะได้เงินที่ถูกหวังเค่อหลอกเอาไปกลับคืนมา ประมุขทุกคนจึงกระเหี้ยนกระหือรือกันเป็พิเศษ คันไม้คันมืออยากจะเริ่มเสียั้แ่วินาทีนี้เลย
“ได้ทุกท่านมาช่วย ข้าก็เบาใจลงไปโข!” เนี่ยเทียนป้าหัวเราะออกมาในทันที
ถึงแม้ว่าตระกูลเนี่ยจะเป็ตระกูลผู้ฝึกฌานลำดับหนึ่งของเมืองจูเซียน แต่ถึงยังไงศิษย์ของพวกมันก็มีจำกัด ไหนเลยจะเทียบกับจำนวนศิษย์จากตระกูลทั้งหมดได้ คนมากกำลังก็มากตาม โอกาสที่จะเจอตัวก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
“ยังไม่สายเกินไป พวกเรารีบไปเตรียมตัวกันเถอะ” ประมุขคนหนึ่งออกความคิด
“ช้าก่อน! ยังมีอีกเื่!” เนี่ยเทียนป้ายิ้มแห้ง
“อ๋า?”
“เซียนแซ่จางท่านนี้แม้จะอนุญาตให้ข้าแก้ตัว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีราคาค่างวด!” เนี่ยเทียนป้ายิ้มเจื่อน
“ข้าก็ว่าอยู่แล้วเชียวว่าทำไมศิษย์ของพรรคอีกาทองคำอยู่ๆ ถึงได้พูดคุยง่ายขึ้นมา นี่จะต้องเป็เพราะว่าประมุขเนี่ยติดสินบนเอาไว้ล่ะสิท่า?” ประมุขตระกูลคนหนึ่งเอ่ยขึ้นยิ้มๆ
เนี่ยเทียนป้าหัวเราะเสียงขื่น “ใช่ ข้ารับปากมันไว้ สองแสนชั่ง!”
“สองแสนชั่ง?” ประมุขทุกคนอุทานอย่างตื่นตระหนก
ตระกูลเนี่ยร่ำรวยถึงเพียงนี้?
“ตระกูลเนี่ยของข้าไหนเลยจะมีเงินเยอะแยะปานนั้น ต่อให้นำเงินทั้งหมดมารวมกันก็ได้แค่ห้าหมื่นชั่งเท่านั้น ส่วนที่เหลืออีกหนึ่งแสนห้าหมื่นชั่ง ข้าต้องฝากเป็หน้าที่ของพวกท่านแล้ว!” เนี่ยเทียนป้ายิ้มแห้ง
“ฝากเป็หน้าที่พวกเรา? พวกเราจะไปเอาเงินมาจากไหนได้?” ประมุขทุกคนส่ายหน้ากันทันควัน
“ถือเสียว่าข้าเนี่ยเทียนป้าขอยืมจากพวกท่านก็แล้วกัน ข้าจะใช้สินทรัพย์ สมบัติ อาวุธยุทโธปกรณ์ทั้งหมดในตระกูลในราคาดอกเบี้ยสองในสิบ ทุกท่านว่าอย่างไร” เนี่ยเทียนป้าถามหาความเห็นจากทุกคน
“ประมุขเนี่ย ในเมื่อตระกูลของท่านก็ไม่ได้มีเงินขนาดนั้น แล้วท่านจะไปติดสินบนเซียนแซ่จางทำไมตั้งมากตั้งมาย!” ประมุขคนหนึ่งยิ้มเฝื่อน
“มีเงินเท่าไหนบ้างที่ศิษย์พรรคอีกาทองคำไม่เคยเห็น? ตอนนั้นตัวข้าเองก็เรียกราคาเพียงห้าหมื่นชั่ง! แต่เซียนแซ่จางกลับสะบัดชายเสื้อตั้งท่าจะผละไป ข้า ข้าก็เลยต้องโพล่งออกไปว่าสองแสนแทนอย่างช่วยไม่ได้ เพราะงั้นถึงได้เรียกพวกท่านมาช่วยอย่างไรเล่า หากทุกท่านไม่อาจวางใจได้จริงๆ งั้นข้ารับปากว่าจะให้ที่ว่างสามที่แก่พวกท่านเป็ไง? ขอเพียงข้าผ่านขวากหนามนี้ไปได้ ข้าจะต้องคืนเงินพวกท่านทั้งต้นทั้งดอกอย่างแน่นอน แต่ถ้าไม่ได้ ตำแหน่งสามที่นี้ถือว่าข้ายกให้พวกท่านก็แล้วกัน จะให้ข้าเขียนสัญญาต่อหน้าเซียนแซ่จางเลยก็ยังได้ ว่าไงล่ะ?” เนี่ยเทียนป้าจ้องมองฝูงชนด้วยสีหน้าแววตาจริงจังอย่างยิ่งยวด
ประมุขทุกคนมองหน้ากันไปมา
ถึงแม้ว่าเงินแสนห้าหมื่นชั่งจะเป็เงินจำนวนมหาศาล แต่ที่นี่ก็มีประมุขตระกูลอยู่ไม่น้อย หากทุกคนเจียดเอาเงินเก็บของแต่ละคนออกมากองรวมกัน บางทีอาจจะครบตามจำนวนได้อย่างเต็มกลืน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...!
เนี่ยเทียนป้าออกมาคอยด้านนอก ปล่อยให้เหล่าประมุขปรึกษาหารือกันไป จนท้ายที่สุดพวกมันก็ตกลงปลงใจกันได้
อย่างไรซะ ถึงแม้ตระกูลเนี่ยจะอหังการ ครองตำแหน่งตระกูลผู้ฝึกฌานอันดับหนึ่งของเมืองจูเซียนชนิดที่ไม่มีตระกูลใดเทียบเปรียบได้ก็ตามที แต่หากทุกคนผนึกกำลังกัน ตระกูลเนี่ยก็ไม่มีทางต้านรับได้อย่างแน่นอน ดังนั้นประมุขทุกคนจึงวางใจ เพราะสิ่งสำคัญคือผลประโยชน์อันล่อตาล่อใจนั่นต่างหาก!
“เอาล่ะ ประมุขเนี่ย พวกเราจะทำตามที่ท่านว่า!” ประมุขทุกคนเอ่ยเสียงทุ้มลึก
“ฮ่าฮ่า ขอบคุณทุกท่าน หากผ่านอุปสรรคในครั้งนี้ไปได้ ตระกูลเนี่ยจะต้องตอบแทนพวกท่านแน่!” เนี่ยเทียนป้าหัวเราะอย่างเบิกบานใจ
“เอาล่ะ ทีนี้พวกเราก็รีบไปเตรียมตัวให้ศิษย์ในตระกูลออกตามหาหวังเค่อและองค์หญิงโยวเยว่ให้เจอในเวลาอันสั้นที่สุดกันเถอะ ในทำนองเดียวกัน พวกเราทุกคนจะนำเงินไปที่จวนของท่าน ท่านก็ช่วยพูดกับเซียนแซ่จางแทนพวกเราที และท่านจะต้องเขียนสัญญาต่อหน้าเซียนแซ่จางด้วย!” ประมุขคนหนึ่งเอ่ยอย่างเคร่งขรึม
“ไม่มีปัญหา!” เนี่ยเทียนป้ารับคำอย่างแข็งขัน
ทุกคนผละไปตระเตรียมการ เนี่ยเทียนป้ายืนอยู่หน้าปากทางเข้าห้องโถงหลัก มือกำแน่น สีหน้าแววตาดุร้ายหมายขวัญ
“หวังเค่อ ตระกูลใหญ่จากเมืองจูเซียนจะล้อมกรอบเ้าไว้เอง ฮึ่ม ครั้งนี้ต่อให้พวกเ้ามีปีกงอกออกมาก็ยังยากหลบหนี ข้าจะสับเ้าเป็หมื่นๆ ชิ้น ข้าจะให้ตระกูลหวังของเ้ารับโทษทัณฑ์ หากเป็บุรุษข้าจะให้มันเป็ทาส หากเป็อิสตรีข้าจะให้นางเป็ของเล่นแก้เหงา ข้าจะไม่ให้ทุกคนในตระกูลของเ้าได้ตายดีแน่!” เนี่ยเทียนป้าลั่นวาจาอย่างอาฆาตมาดร้าย
ภายในถ้ำนอกเมืองจูเซียน
หวังเค่ออธิบายถึงข้อดีของจี้หยกเนี่ยเฟิงให้องค์หญิงโยวเยว่และจางเจิ้งเต้าได้ฟัง ทันทีที่อธิบายจบ ทั้งจางเจิ้งเต้าและองค์หญิงต่างก็ต้องอ้าปากกว้าง
“พี่หวัง ท่านให้คนปลอมตัวไปเป็ศิษย์พรรคอีกาทองคำแล้วไปหลอกเนี่ยเทียนป้าอีกรอบเนี่ยนะ?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
“หลอกอะไรกัน นี่เขาเรียกว่าลงโทษในนามแห่งความถูกต้องต่างหาก เ้าจะไปรู้อะไร?” หวังเค่อกลอกตาใส่จางเจิ้งเต้าอย่างฉุนเฉียว
“ไม่ใช่ ความหมายของข้าคือทำไมท่านถึงได้เพ่งเล็งมุ่งเป้าแต่เนี่ยเทียนป้าอย่างนี้เล่า! ไม่ไร้จิตสำนึกไปหน่อยหรือ!” จางเจิ้งเต้าถามด้วยสีหน้าพิลึกพิลั่น
“เพ่งเล็งมุ่งเป้าแต่เนี่ยเทียนป้าอะไรของเ้า นี่เรียกว่าเพ่งเล็งได้หรือ? เ้าเคยคิดถึงบ่าวทั้งสองขององค์หญิงโยวเยว่บ้างหรือไม่? ต่างก็ถูกเนี่ยเทียนป้าปลิดชีพ มันฆ่าคนตายแต่เ้ายังจะเห็นใจมันอีกรึ?” หวังเค่อถลึงตาใส่จางเจิ้งเต้า
องค์หญิงโยวเยว่นึกถึงคนของนางที่ถูกเนี่ยเทียนป้าจบชีวิตลง ความเห็นใจเล็กๆ ที่มีก็มลายหายไปเป็ปลิดทิ้งในบัดดล
“อีกอย่าง เนี่ยเทียนป้าคิดจะล้างบางตระกูลหวังของข้า! มันคิดจะเอาชีวิตข้า แต่ข้าแค่เอาเงินเหม็นฉึ่งของมันมานิดหน่อยแล้วมันผิดตรงไหน? ผิดตรงไหน!” หวังเค่อคำรามใส่จางเจิ้งเต้าจนน้ำลายกระเซ็น
“นี่เรียกว่าเอาเงินมาจากมันนิดหน่อยหรือ? นี่ นี่เขาเรียกว่าจับมาลอกคราบเลยต่างหาก! ไม่ใช่สิ ไม่เพียงแต่เ้าจะกวาดเอาเงินจากตระกูลเนี่ยมาจนเกลี้ยงเกลา แต่เ้ายังเอาเงินจากตระกูลใหญ่เมืองจูเซียนมาอีกด้วย เนี่ยเทียนป้าไม่เพียงแต่ถูกหลอกจนหมดตัว แต่ยังต้องติดหนี้หัวโตอีกต่างหาก! เ้า เ้า เ้า...!” จางเจิ้งเต้าเบิ่งตาโต
“ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว กงเกวียนกำเกวียนอย่างไรล่ะ!” หวังเค่อส่ายหน้ากล่าว
“คนชั่วย่อมต้องสิ้นฤทธิ์เมื่อเจอคนที่ชั่วกว่าสินะ” จางเจิ้งเต้าพึมพำ
“จางเจิ้งเต้า วันนี้เ้าเป็อะไรของเ้า ข้าไม่เคยเห็นเ้าเป็อย่างนี้ ทำไมอยู่ๆ ถึงนึกเห็นใจเนี่ยเทียนป้าขึ้นมาได้?” หวังเค่อมองจางเจิ้งเต้าด้วยความรู้สึกพิลึก
“ข้าก็แค่รู้สึกว่าครั้งนี้เ้าไม่เผื่อแผ่เห็นใจกันบ้างเลย ทำไม ทำไมถึงไม่ยอมให้ข้าร่วมด้วยเล่า!” จางเจิ้งเต้าทวงถามอย่างขุ่นเคือง
หวังเค่อผงะไป “สรุปว่าเ้าก็แค่อิจฉาที่ข้าหาเงินเข้ากระเป๋าได้ ก็เลยอยากจะได้ส่วนแบ่งด้วยว่างั้น?”
“แล้วได้ไหมล่ะ” จางเจิ้งเต้ากะพริบตาถาม
“ไสหัวไป!” หวังเค่อกลอกตาใส่จางเจิ้งเต้าอย่างเดือดดาล
“ข้ารู้อยู่แล้วเชียวว่าเ้ามันขี้ตืด ไอ้ก้อนอุจจาระเหนียว! เพ้ย!” จางเจิ้งเต้าสบถอย่างเดือดดาลไม่แพ้กัน
องค์หญิงโยวเยว่มองดูคนทั้งสองด้วยสีหน้าว่างเปล่า ราวกับว่านางยังคงไม่ได้สติกลับมาจากบทสนทนาของพวกมัน สรุปแล้วสองคนนี้รู้สึกเห็นใจเนี่ยเทียนป้าหรือไม่กันแน่เนี่ย!
“ช่างเถอะ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเ้า หวังเค่อ เป็คนขี้เหนียวแค่ไหน ตราบใดที่าาแห่งความขี้เหนียวยังคงอยู่ คิดจะเอาเงินมาจากมันก็เป็เพียงแค่ความฝันเท่านั้น ข้าล้มเลิกความตั้งใจแล้ว แต่อย่างน้อยเ้าก็ควรจะบอกข้าหน่อยหรือไม่ว่าครั้งนี้เ้าหลอกเอาเงินมาจากพวกมันได้เท่าไหร่? ช่วยสนองกิเลสข้าที!” จางเจิ้งเต้ามองหวังเค่อด้วยสายตาใคร่รู้อย่างที่สุด
“ไม่รู้ ข้าให้พี่ใหญ่[1] ปลอมตัวไปเป็ศิษย์จากพรรคอีกาทองคำเพื่อหลอกตบตาเนี่ยเทียนป้า อีกเดี๋ยวก็คงจะได้รู้กันแล้ว!” หวังเค่อว่า
ตอนนั้นเองก็มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก
“มีคนหาที่นี่พบแล้วหรือนี่” สีหน้าของจางเจิ้งเต้าเปลี่ยนไป รีบหยิบกระบี่ยาวขึ้นมาถือไว้ในมือโดยพลัน
องค์หญิงโยวเยว่เองก็ตัวเกร็งขึ้นมาทันที นึกว่าคนของเนี่ยเทียนป้าไล่ตามมาถึงแล้ว
“ไม่ต้องกังวลไป เสียงฝีเท้านั้นข้าจำได้ นั่นคือพี่ใหญ่ต่างหาก มันนำข่าวดีมาด้วย!” หวังเค่อปรามคนทั้งสอง
จริงดั่งคาด ไม่นานบุรุษคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในถ้ำ
“คารวะท่านประมุข!” บุรุษคนนั้นคำนับอย่างเคารพ
“พี่ใหญ่ ผลกำไรเป็อย่างไรบ้าง” หวังเค่อยิ้มถาม
“รายงานท่านประมุข ตามคำชี้นำของท่าน การปลอมตัวเป็ศิษย์พรรคอีกาทองคำในครั้งนี้ทำเงินจากตระกูลเนี่ยได้สองแสนชั่ง ผู้น้อยหาโอกาสตอนที่กำลังเดินชมเมืองจูเซียนหนีเข้าอุโมงค์ที่เตรียมไว้ล่วงหน้าโดยไม่ให้ใครรู้ตัว และกลับมารวมกลุ่มกับท่านประมุขในที่สุด ขอให้ท่านช่วยจัดแจงศิลาิญญาส่วนนี้ด้วย!” บุรุษคนนั้นเอ่ยด้วยความเคารพ
“สองแสนชั่ง!” จางเจิ้งเต้ากรีดร้องออกมาทันที
ตาของจางเจิ้งเต้าเปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ ลมหายใจกลายเป็ขาดห้วง เกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะกระโจนเข้าใส่พี่ใหญ่ตรงหน้าแล้วจัดการปล้นทรัพย์มาให้เกลี้ยง ต่อให้ต้องฆ่าคนปิดปากก็ตาม
“สองแสนชั่ง? คงจะไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้แล้วสินะ เอาละ ทำตามที่จัดเตรียมกันเอาไว้นั่นแหละ!” หวังเค่อสั่งการ
“ขอรับท่านประมุข!” พี่ใหญ่ตอบรับอย่างนอบน้อม
“ตอนนี้เป็สำคัญ แต่ก็ต้องคำนึงความปลอดภัยของตัวเองด้วย ไปได้แล้ว!” หวังเค่อเอ่ยเสียงขรึม
“ขอบคุณท่านประมุขที่เป็ห่วง พวกเราปฏิบัติการอยู่ในเงามืดมาตลอด หากไม่ใช่ท่านย่อมไม่มีใครหาเราเจอ ท่านประมุขสบายใจได้ ผู้น้อยขออำลาเพียงเท่านี้! จริงสิ จี้หยกของเนี่ยเฟิงขอมอบคืนให้แก่ท่านประมุข!” พี่ใหญ่ส่งคืนจี้หยกให้อย่างนอบน้อม
“อืม!” หวังเค่อพยักหน้า
จางเจิ้งเต้าที่อยู่ข้างๆ ตาแดงฉาน ทำท่าคล้ายจะงาบหัวหวังเค่ออยู่รอมร่อ ศิลาิญญาสองแสนชั่ง! เ้าไก่ขี้เหนียว เงินสักชั่งเ้าก็ไม่คิดแบ่งให้ข้าเลยหรือนี่?
“อ้อเกือบลืมไป ข้ายังมีของที่จะต้องมอบให้กับจางเจิ้งเต้าอยู่นี่นะ ใช่ท่านหรือเปล่า?” พี่ใหญ่หันมาทางจางเจิ้งเต้ากะทันหัน
จางเจิ้งเต้าตาลุกวาว อมยิ้มมองหวังเค่อ “หวังเค่อ ถือว่าเ้ายังมีจิตสำนึกอยู่บ้าง ยังนึกเผื่อแผ่มาถึงข้า!”
หวังเค่องุนงงไปครู่หนึ่ง ตนแบ่งส่วนของจางเจิ้งเต้าไว้ั้แ่เมื่อไหร่? พี่ใหญ่หมายถึงอะไรกันแน่?
พี่ใหญ่ล้วงเอาจดหมายออกมาฉบับหนึ่งก่อนยื่นส่งให้กับจางเจิ้งเต้าที่กำลังนิ่งค้าง
“นี่คือสิ่งที่พี่หญิงใหญ่ฝากฝังข้ามา นางบอกว่ามีคำพูดบางอย่างที่นางกระดากอายเกินไปที่จะกล่าวออกมาด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงได้แต่เขียนออกมาเป็ข้อความแทนใจ พร้อมฝากฝังให้ข้ามามอบให้ท่าน ตอนนี้ จดหมายฉบับนี้ได้ถึงมือท่านแล้ว ข้าก็วางใจ ขอตัว!” พี่ใหญ่คารวะให้กับทุกคนก่อนออกจากถ้ำไป
หวังเค่อและองค์หญิงโยวเยว่ต่างก็มองจดหมายในมือของจางเจิ้งเต้าด้วยแววตาประหลาดใจ
“พี่หญิงใหญ่เขียนจดหมายรักหาท่าน?” องค์หญิงโยวเยว่ถาม ดวงตาลุกวาว
“หรือว่าพี่หญิงใหญ่จะเข้าถึงบทบาทจนถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว?” หวังเค่อรำพึงอย่างไม่อยากจะเชื่อ
จดหมายรักจากพี่หญิงใหญ่? จางเจิ้งเต้านึกถึงหนวดบนริมฝีปากของพี่หญิงใหญ่แล้วก็ต้องตัวแข็งทื่อขึ้นมา จากนั้นก็เขวี้ยงจดหมายรักในมือลงกับพื้นอย่างแรง
“หวังเค่อ เ้าทำเกินไปแล้วนะ!” จางเจิ้งเต้าถลึงตาใส่หวังเค่อ
“นี่ไม่เกี่ยวกับข้า! เ้าจะไม่ลองอ่านเนื้อความจดหมายดูหน่อยหรือ” หวังเค่อส่ายหน้า
องค์หญิงโยวเยว่ที่อยู่ด้านข้างกลับเป็ฝ่ายเก็บจดหมายขึ้นมาเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว
“จางเจิ้งเต้า จากการแสดงละครร่วมกันของเรา ข้าก็มองออกได้ทันทีว่าเ้ามีความคิดอ่านต่อข้า แต่ว่านกเขาไหนเลยจะคู่ควรกับหงส์? เ้าจะมาชอบข้าไม่ได้ ข้าเองก็ไม่อาจชอบเ้าได้เช่นกัน! ดังนั้นข้าจึงได้เขียนจดหมายฉบับนี้มาเพื่อบอกให้รู้ว่าเ้าห้ามมีความคิดอ่านที่ไม่เหมาะสมเด็ดขาด! เ้าเป็คนดี เ้าจะต้องเจอคนที่ดีกว่าข้าแน่!”
จางเจิ้งเต้า “…!”
หวังเค่อ “…!”
องค์หญิงโยวเยว่ “…!”
[1] ในที่นี้หมายถึงญาติผู้ชายที่มีาุโกว่าทางฝ่ายหญิง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้