หลงเซี่ยวอวี่ขยับมือที่ค้างอยู่กลางอากาศไปด้านหลัง ก่อนัักลไกลับในรถม้าอย่างเงียบๆ
ทันใดนั้น ไม่มีใครเห็นว่ารถม้าถูกคลุมด้วยม่านพลังโปร่งใส รถม้าทั้งคันถูกแยกออกจากโลกภายนอก
ในยามนี้ ยังคงได้ยินเสียงจากภายนอก และยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้ แต่หากมองจากภายนอกจะไม่สามารถมองเห็นและได้ยินเสียงจากภายในรถม้าได้
เมื่อเห็นมู่จื่อหลิงก้มหน้า ไม่พูดไม่จา ไม่สนใจตนเอง หลงเซี่ยวอวี่ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจ เขารู้อยู่แล้วว่าหญิงสาวตัวเล็กผู้นี้กำลังไม่มีความสุข
หลงเซี่ยวอวี่ส่ายหัวอย่างอดไม่ได้ ขยับเข้าหามู่จื่อหลิงให้ใกล้กว่าเดิม
ก่อนที่มู่จื่อหลิงเมินเฉยต่อเขาอีกครั้ง หลงเซี่ยวอวี่ก็ได้เข้ามาใกล้ตัวนางมากแล้ว ยื่นมือใหญ่แสนอบอุ่นของตนออกมา จับใบหน้าเล็กๆ ของนางอย่างเบามือ ไม่ปล่อยให้นางมีโอกาสขัดขืน เชิดหน้าของนางที่ก้มต่ำให้เงยขึ้นมา
เมื่อเห็นดวงตาที่เปียกโชกของมู่จื่อหลิง ใบหน้าเล็กปูดโปนออกมาน้อยๆ ั์ตาโศกเศร้า หัวใจของหลงเซี่ยวอวี่ก็อ่อนลงทันที ความรู้สึกหงุดหงิดจากการที่นางจงใจหลีกเลี่ยงตนเองเมื่อครู่นี้จางหายไปในพริบตา!
มู่จื่อหลิงยังคงนิ่งเงียบ ่เวลาที่นางผสานสายตาเข้ากับดวงตาของหลงเซี่ยวอวี่ นางก็หลับตาลงโดยไม่รู้ตัว
ไม่มองเขา ห้ามให้เขาเห็นเด็ดขาด!
แต่นางไม่รู้ว่าเพราะการกระทำของนาง หยดน้ำที่แต่เดิมก่อตัวภายในดวงตาของนาง เมื่อนางหลับตาลง น้ำหยดนั้นได้ไหลลงมาจากหางตาของนาง ไหลไปยังระหว่างนิ้วของหลงเซี่ยวอวี่
หลงเซี่ยวอวี่รู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงน้ำตาอุ่นๆ ที่ไหลผ่านนิ้วของเขา ส่วนลึกของจิตใจที่ถูกนางทำให้อ่อนนุ่มร้อนราวถูกไฟเผา ความเ็ปจางๆ ปรากฏขึ้นในหัวใจ
เมื่อเห็นว่าถึงแม้มู่จื่อหลิงจะหลับตาลงแล้ว แต่น้ำตายังคงไหลลงมา หลงเซี่ยวอวี่รู้สึกประหม่าเล็กน้อยในทันที “เป็อย่างไรบ้าง? เมื่อครู่เจ็บไหม?”
ก่อนพูดจบ เขาเหยียดนิ้วหัวแม่มือออกไป ค่อยๆ เช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาจากหางตาของนางด้วยปลายนิ้วอย่างนุ่มนวล
ทุกคนในใต้หล้ารู้ว่าฉีอ๋องเกลียดผู้หญิงมากที่สุด สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือผู้หญิงร้องไห้
แต่ในยามนี้ ไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวตัวเล็กต่อหน้าเขา ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้ฉีอ๋องรู้สึกรังเกียจหรือขยะแขยง แต่ยังทำให้หัวใจของฉีอ๋องบีบรัดแน่น ความรักและความสงสารในใจทำให้รู้สึกแย่
ไม่มีใครรู้ว่าน้ำตาของมู่จื่อหลิงร่วงหล่นด้วยเหตุผลใด แม้ว่าจะไม่สมเหตุสมผลก็ตาม อาจจะเกิดจากความโกรธอย่างเอาแต่ใจ แต่ฉีอ๋องกลับยังคงรู้สึกเป็ทุกข์อย่างมากโดยไม่มีเหตุผลเช่นกัน
ไม่มีใครรู้ว่าฉีอ๋อง กลัวน้ำตาของมู่จื่อหลิง ทุกหยาดน้ำตาของนางที่หลั่งริน มันทำให้ใจของเขาเ็ปมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับถูกกรีดจนเืไหลออกมา
มู่จื่อหลิงยังคงเม้มริมฝีปากแน่นและไม่พูดสิ่งใด
เนื่องจากคำพูดที่ห่วงใยและการกระทำที่อ่อนโยนของหลงเซี่ยวอวี่ นางจึงรู้สึกถึงมันได้อย่างชัดเจนทั้งที่ดวงตายังปิดสนิท ทำให้ความเ็ปกลับมาอีกครั้งอย่างช้าๆ
ดวงตาแสบร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าในอีกพริบตาเดียว น้ำตาจะไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ยามนั้นมู่จื่อหลิงรู้สึกถึงเพียงความคับข้องในใจ ซึ่งกำลังไต่ระดับขึ้นไปอย่างไม่สิ้นสุด
หลังจากนั้น ความเ็ปตรงคางที่ค่อยๆ หายไปก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งในพริบตา ความเ็ปนั้นก็ยังขยายออกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ...
มู่จื่อหลิงไม่รู้ว่านางเป็อะไร ยิ่งหลงเซี่ยวอวี่รู้สึกเศร้าใจกับนางมากเพียงใด นางก็ยิ่งรู้สึกผิดมากเท่านั้น นางยิ่งอยากแสดงอารมณ์ต่อหน้าเขาอย่างไร้ยางอาย
เขาเคยอยากสังหารนางมาก่อน รุนแรงยิ่งกว่าครั้งนี้
ก่อนหน้านี้เพราะเขาจะสังหารนาง นางก็มีความคับแค้นใจเช่นกัน แต่ยามนี้ความคับแค้นใจได้จางหายไปจนหมด
นางเคยเ็ปมาก่อน หนักหนาสาหัสกว่าครั้งนี้หลายเท่า
ก่อนหน้านี้เพราะนางเคยได้รับาเ็มาก่อน เจ็บมาก แต่กลับไม่มี ‘ความเ็ป’ อย่างเช่นในยามนี้
เขาเคยอ่อนโยนกับนางและเคยเป็ห่วงนางเช่นกัน...
ก่อนหน้านี้นางรู้สึกะเืใจกับความห่วงใยของเขา แต่ยามนี้นางกลับไม่มีความรู้สึกนั้นเลย กลับกันนางรู้สึกว่าการได้รับความห่วงใยจากเขาเป็เื่ปกติที่เขาควรรู้สึก
แม้ว่าในอดีตนางจะทำผิดถูกอย่างไร นางก็จะฝังมันให้ลึกลงไปในใจ ไม่ให้เขารู้ นางจะกัดฟันและอดทน ค่อยๆ สลายอารมณ์ในใจของตนจนกระทั่งมันทุเลาลงเอง ไม่ให้เขาค้นพบมันได้
แต่ยามนี้?
ยามนี้ แค่เมื่อครู่เขาตำหนินางเพียงน้อยนิด เพียงเพราะนางเผลอทำคางกระแทก เพราะเขาเป็ห่วงนางมาก
เพราะความสงสารและพฤติกรรมที่เป็ห่วงเป็ใยของเขาในยามนี้ นางจึง้าปลดปล่อยความคับข้องใจและอารมณ์เล็กน้อยที่ซ่อนอยู่ในใจออกมา...นางอยากะเิอารมณ์ทั้งหมดออกมา
มู่จื่อหลิงกัดริมฝีปากล่าง หลับตาแน่น บีบน้ำตาออกจากดวงตา น้ำตาที่เอ่อล้นไหลอาบขนตาโค้งงอของนางจนเปียกชุ่ม
ขนตาโค้งงอเปียกโชกไปด้วยน้ำตา หยาดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่องจากดวงตาที่ปิดสนิท ประกอบกับคางที่ทั้งแดงและบวม สิ่งเหล่านี้ทำให้หลงเซี่ยวอวี่เป็ทุกข์อย่างยิ่ง
ในยามนี้มู่จื่อหลิงกำลังรู้สึกเกลียดความเอาแต่ใจของตน เกลียดความหยิ่งยโสจากการได้เป็ที่โปรดปรานของตนเอง
หากยังเป็เช่นนี้ต่อไป นางจะอดใจที่จะหวังพึ่งพาเขาไม่ได้อีกต่อไป
พึ่งพาเขา...นางไม่อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่กับการพึ่งพา หากวันหนึ่ง ต้องแยกจากกัน ไม่รู้ว่านางจะอยู่ต่อไปได้หรือไม่
เมื่อคิดถึงเื่นี้ มู่จื่อหลิงจึงลืมตาขึ้นมา ก้มหน้าลงต่ำ จงใจหลีกเลี่ยงดวงตาที่เศร้าหมองของหลงเซี่ยวอวี่ ยื่นมือออกไปโดยไม่รู้ตัว ด้วยอยากที่จะปัดมือใหญ่ของหลงเซี่ยวอวี่ที่กำลังแนบอยู่บนแก้มนางออกไป
โดยไม่คาดคิด แทนที่จะถูกมือเล็กๆ ของมู่จื่อหลิงปัดออก หลงเซี่ยวอวี่กลับคว้ามือเล็กของนางไว้ ก้มลงหยิบล่วมยาที่ถูกซ่อนไว้ออกมา
ล่วมยานี้เป็ล่วมยาที่ต้องปั๊มลายนิ้วมือของมู่จื่อหลิง
หลงเซี่ยวอวี่หยิบนิ้วหัวแม่มือของมู่จื่อหลิงขึ้นมา ก่อนที่มู่จื่อหลิงจะทันได้ตอบสนอง เขาก็ใช้นิ้วหัวแม่มือของนางกดตรงรอยนิ้วมือบนล่วมยาอย่างชำนาญ
จากนั้นล่วมยาก็เปิดออก
หลงเซี่ยวอวี่หยิบขวดยาสมุนไพรลดบวมออกมา
การเคลื่อนไหวนี้รวดเร็วและราบรื่นราวกับก้อนเมฆและสายน้ำไหลที่ไหลเอื่อย [1] การเคลื่อนไหวเสร็จสิ้นในคราวเดียวโดยไม่หยุดพัก ราวกับว่ามันเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตา
มู่จื่อหลิงตกตะลึงไปครู่หนึ่ง นางเลิกขนตาเปียกชื้นขึ้นโดยไม่รู้ตัว พยายามเงยหน้าขึ้นเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
แต่ก่อนที่นางจะเงยหน้าขึ้นเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น หลงเซี่ยวอวี่ก็ได้เปิดขวดยาสมุนไพรลดบวมแล้ว เทยาลงบนมือไม่คำนึงถึงกลิ่นฉุนที่เล็ดลอดออกมาจากขวดยา
จากนั้นปลายนิ้วอ่อนนุ่มของเขาแตะเข้ากับคางบวมแดงของมู่จื่อหลิง การเคลื่อนไหวนั้นอ่อนโยนและระมัดระวัง
“อย่าร้องไห้ เปิ่นหวางใส่ยาให้แล้ว อีกไม่นานก็หายเจ็บ” หลงเซี่ยวอวี่ลูบคางบวมแดงของมู่จื่อหลิงอย่างอ่อนโยน ด้วยเกรงว่าจะเผลอทำร้ายนาง
แต่เขากลับไม่รู้ว่า เพราะการเคลื่อนไหวของเขา...
เพียงชั่วพริบตา น้ำตาในดวงตาของมู่จื่อหลิงก็ไหลออกมาอีกครั้ง เพียงพริบตาเดียวเขื่อนแตกแล้ว [2]
จากนั้นน้ำตาของนางราวกับเม็ดฝนโปรยปราย ร่วงหล่นทีละหยดทีละหยด...
หลงเซี่ยวอวี่ ท่านหยุดทำดีกับข้าได้ไหม?
ข้ากลัว กลัวว่าข้าจะพึ่งพาท่าน
ข้ากลัว กลัวว่าข้าจะไม่สามารถแยกจากท่านได้อีก!
หลงเซี่ยวอวี่ ท่านรู้หรือไม่?
แม้ในเวลานี้ข้าจะไม่อยากให้ท่านดีต่อข้า เพราะข้ากลัวว่าจะต้องพึ่งพาเพียงท่าน...แต่มันสายไปเสียแล้ว เพราะั้แ่เมื่อครู่นี้ ข้าก็อยากพึ่งพาเพียงแต่ท่านไปเสียแล้ว
หลงเซี่ยวอวี่ ข้าไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากท่าน ข้าควรทำอย่างไร?
หลงเซี่ยวอวี่ หลงเซี่ยวเจ๋อเคยกล่าวว่าท่านเกลียดการถูกรบกวนจากผู้หญิง
หลงเซี่ยวอวี่ หากข้ารบกวนท่าน ท่านจะเกลียดข้าไหม
......
น้ำตาที่ร้อนผ่าวของมู่จื่อหลิง ร่วงหล่นลงบนมือของหลงเซี่ยวอวี่ แผดเผาหัวใจของเขา หัวใจเขาเต้นแรงขึ้นอย่างเ็ป มันยิ่งทำให้เขาเศร้าใจยิ่งขึ้น
หลงเซี่ยวอวี่ยื่นแขนเรียวยาวออกมาโอบกอดมู่จื่อหลิงที่กำลังร้องไห้น้ำตานองหน้าไว้ในอ้อมแขนของเขา
เขากอดนางเบาๆ ลูบหลังนางด้วยมือใหญ่ของเขา กระซิบกล่อมนางเบาๆ
“ไม่เป็ไรแล้ว อย่าร้องไห้”
“มู่มู่คนโง่ หยุดร้องได้แล้ว...”
“เด็กดี หยุดร้องไห้ได้แล้ว...หืม?”
ั้แ่เล็กจนเติบใหญ่ นอกจากเสด็จแม่ เขาไม่เคยแตะต้องผู้หญิงคนไหนอีก นับประสาอะไรกับการเข้าใจหัวอกของผู้หญิง เขาไม่เข้าใจผู้หญิง นอกจากนี้เขาก็ไม่เข้าใจหญิงสาวตัวเล็กตรงหน้าเขาผู้นี้ที่ทำให้เขารู้สึกลำบากใจ
ดังนั้นในยามนี้ ทันทีที่หญิงตัวเล็กๆ ตรงหน้าเขาร้องไห้ ชั่วขณะหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าจะกล่อมนางอย่างไร เขาทำได้เพียงพูดคำไร้ความหมายเ่าั้ออกมา
แต่เขาไม่รู้ว่าเสียงปลอบโยนที่นุ่มนวลแ่เบาของเขา น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความทุกข์ ทุกถ้อยคำ ลอยเข้าหูของมู่จื่อหลิงโดยไม่ทันตั้งตัว
ทันใดนั้น น้ำตาของมู่จื่อหลิงก็ไหลลงมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง และในชั่วพริบตา ความคับข้องใจในใจทั้งหมดก็ถูกปลดเปลื้อง
มู่จื่อหลิงเงยหน้าขึ้นทั้งน้ำตา จ้องหลงเซี่ยวอวี่ด้วยท่าทางที่เหมือนจะโกรธมาก
ดวงตากลมโตจ้องเขม็งมาอย่างกะทันหันทำให้หลงเซี่ยวอวี่ซึ่งยังคงปลอบโยนมู่จื่อหลิงอยู่อย่างนุ่มนวลสะดุ้ง
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะทันได้โต้ตอบ
ในพริบตาต่อมา มู่จื่อหลิงสะอื้นไห้ก็บ่นอย่างเจ็บใจว่า “เมื่อครู่ข้าไม่ได้ตั้งใจจะปลุกท่าน ข้าไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนความฝันอันแสนหวานของท่าน เหตุใดท่านถึงยังอยากจะสังหารข้าอีก?”
ยามได้ยินข้อกล่าวหาร้ายแรงของมู่จื่อหลิง หลงเซี่ยวอวี่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็รู้สึกตัว
เขาถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเมื่อใดกัน เมื่อใดกันที่เขาดุนางเพียงเพราะความฝันของเขาถูกรบกวน
เขาอยากให้นางนอนกับเขาต่อ แต่เขาไม่รู้ว่า...หลงเซี่ยวอวี่รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก [3] เขายกหินขึ้นมาแต่กลับหล่นทับขาตนเองหรือ?
เมื่อเห็นหลงเซี่ยวอวี่มองนาง ยังคงไม่ไหวติงหลังจากได้ยินคำบ่นของนาง มู่จื่อหลิงจึงพองแก้ม บ่นต่อไปอย่างไม่พอใจ “หากท่านไม่คิดสังหารข้า ข้าจะไม่หนี หากท่านไม่คิดสังหารข้า ข้าก็ไม่ต้องหวาดกลัวว่าท่านจะขับไล่ข้าออกจากรถม้า หากท่านไม่คิดสังหารข้า คางของข้าก็ไม่ต้องถูกกระแทก หากท่านไม่คิดสังหารข้า ข้าก็...”
สุดท้ายก็หมดคำพูด มู่จื่อหลิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ว่าอย่างไรเื่นี้ก็เป็ความผิดของท่าน...”
ขับไล่ออกจากรถม้า? เส้นสีดำสามเส้นปรากฏขึ้นบนหน้าผากของหลงเซี่ยวอวี่ หญิงโง่ผู้นี้กำลังคิดอะไรอยู่?
แต่เขาไม่รู้ สิ่งที่ทำให้เส้นสีดำบนหน้าผากของหลงเซี่ยวอวี่ยิ่งเด่นชัดขึ้น ก็คือการเคลื่อนไหวต่อไปของมู่จื่อหลิง
หลังจากพูดจบ มู่จื่อหลิงรู้สึกว่าจมูกของนางคันเล็กน้อย จึงฝังใบหน้าเล็กของนางลงบนหน้าอกแกร่งของหลงเซี่ยวอวี่ ถูไปมาอย่างสิ้นหวัง...
ทันใดนั้น หลงเซี่ยวอวี่ก็รู้สึกถึงความเปียกและเหนียวเหนอะหนะที่หน้าอกของเขา
ดูเหมือนว่าจะรู้แล้วว่าสิ่งที่เปียกและเหนียวเหนอะหนะบนหน้าอกของเขาคืออะไร หลงเซี่ยวอวี่รู้สึกแย่ในทันที
หญิงผู้นี้จริงๆ เลย กลายเป็ว่า...หลงเซี่ยวอวี่กำลังจะเอื้อมมือไปยกหญิงตัวเล็กๆ ที่ยังคงฝังหน้าลงบนร่างของเขาออกมา เช็ดจมูกและน้ำตาของนางออกอย่างหมดหวัง
ในยามนี้ อารมณ์ที่ซับซ้อนในใจของฉีอ๋องไม่สามารถอธิบายเป็คำพูดได้อีกต่อไป
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ก้อนเมฆและสายน้ำไหลที่ไหลเอื่อย (行云流水般利索流畅) เป็วลี มีความหมายว่า การเคลื่อนไหวที่ลื่นไหลไม่มีสะดุด
[2] เขื่อนแตก (决堤) เป็คำอุปมา มีความหมายว่า ร้องไห้โฮ ร้องไห้อย่างหนักไม่ยอมหยุด
[3] หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก (哭笑不得) เป็สำนวน มีความหมายว่า กลืนไม่เข้าคายไม่ออกหรือพูดไม่ออกบอกไม่ถูก