พอเห็นลูกศิษย์ระดับล่างมากมายมุงล้อม ใบหน้าหยิ่งยโสของถานเยว่พลันกลายเป็ยิ่งได้ใจ
นางเหลือบมองหลงอวี้อย่างดูแคลน “ ไอ้สวะ เ้าควรรู้ตัวั้แ่แรกแล้วว่าการหาเื่ข้าจะมีจุดจบย่ำแย่เพียงใด ตอนนี้เ้าเสียใจแล้วหรือยัง ”
หลงอวี้ยืนอย่างสงบนิ่ง จ้องถานเยว่กลับ “ ข้าต้องเสียใจด้วย? คำก็สวะ สองคำก็สวะ ทำไมเ้าไม่ลองดูเองล่ะ ดูสิว่าสวะอย่างข้าจะอัดเ้าจนนอนหมอบอยู่แทบเท้าได้หรือไม่ ”
เมื่อพูดจบ ฝูงชนต่างตะลึงงัน ใบหน้าของถานเยว่พลันปรากฏความโเี้
“ เ้าพูดเองนะ! ”
ถานเยว่มีสีหน้าอำมหิต พลันก้าวเท้าไปทางหลงอวี้ ตั้งท่าจะลงมือ
หานเจี้ยนที่ยืนอยู่ด้านหลังนางยังไม่เคลื่อนไหว เห็นได้ชัดว่าเชื่อมั่นในพลังของถานเยว่ การจัดการกับหลงอวี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับนาง
เขามองหลงอวี้ด้วยสีหน้าเย้ยหยันและพูดขึ้น
“ ศิษย์น้องถานเยว่ เมื่อครู่นี้ศิษย์พี่ถานเจียนมอบยุทธภัณฑ์ให้เ้าชิ้นหนึ่ง เ้าลองใช้ดูว่ามีอานุภาพเช่นไร ”
ถานเยว่กระแทกเสียงเ็า “ แค่ไอ้สวะนี่ ไม่ต้องใช้ยุทธภัณฑ์หรอก! ”
บทสนทนาของทั้งสองทำให้ผู้คนรอบข้างจำนวนไม่น้อยตื่นตะลึง
ยุทธภัณฑ์ ยุทธภัณฑ์อย่างนั้นหรือ!
สำหรับผู้ฝึกวรยุทธ์ หากกล่าวว่าระดับพลังฝึกปรือคือพื้นฐาน เช่นนั้นวิทยายุทธ์และยุทธภัณฑ์ก็เปรียบได้กับปัจจัยสำคัญที่ขาดไม่ได้ในการยกระดับพลังการต่อสู้
วิทยายุทธ์นั้น เพียงเข้าสู่วิถีวรยุทธ์ได้ สร้างลมปราณในร่างกายเป็ ก็สามารถฝึกฝนได้แล้ว ถ้าเป็วิทยายุทธ์ขั้นสูงล้ำ ก็ยิ่งแสดงอานุภาพในการต่อสู้ได้ยิ่งกว่าเดิม
ส่วนยุทธภัณฑ์นั้น ช่างทำอาวุธเป็คนสร้างขึ้น เป็สิ่งที่ช่วยให้ลมปราณในตัวผู้ฝึกวรยุทธ์สำแดงพลังได้แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม ยุทธภัณฑ์อาจเป็ได้ทั้งอาวุธหรือเครื่องป้องกัน หรืออาจเป็อุปกรณ์ต่อสู้แบบพิเศษ และเช่นเดียวกับวิทยายุทธ์ยิ่งมีคุณภาพสูงก็ยิ่งแสดงพลังของผู้ฝึกวรยุทธ์ออกมาได้มากเท่านั้น
ในลัทธิสยบฟ้า ลูกศิษย์ที่ยกระดับขึ้นเป็ลูกศิษย์ระดับสูงได้เท่านั้นถึงจะได้รับยุทธภัณฑ์เป็รางวัล ส่วนคนทั่วไปนั้นน้อยมากที่จะสามารถยุทธภัณฑ์ได้ ไม่คิดเลยว่าถานเยว่จะมีในหนึ่งชิ้นแล้ว
ตอนนี้หลงอวี้เริ่มมีสีหน้าตึงเครียด เขาเคยได้ยินเื่ยุทธภัณฑ์มานานแล้วเหมือนกัน
ตอนที่เฟิงเหยากลับบ้านมานำกระบี่เบาของเฟิงฉางเกอกลับไป นั่นก็เป็ยุทธภัณฑ์ชิ้นหนึ่งเหมือนกัน มันช่วยยกระดับพลังต่อสู้ให้แก่ผู้ฝึกวรยุทธ์ได้ไม่น้อย ขนาดตระกูลเฟิงยังมียุทธภัณฑ์ทั้งหมดรวมกันไม่ถึงสิบชิ้น แสดงให้เห็นว่ายุทธภัณฑ์นั้นมีน้อยมากเพียงใด
‘ แต่ท้ายที่สุด ยุทธภัณฑ์ก็เป็เพียงของนอกกาย พลังของผู้ฝึกวรยุทธ์ต่างหากที่เป็ของจริง ต่อให้ถานเยว่จะมียุทธภัณฑ์ ข้าก็ไม่รู้สึกว่าจะแพ้ให้กับนางเลย ’
หลงอวี้คิดในใจเช่นนั้น ขณะมองถานเยว่ที่ก้าวเท้าเข้ามา เขายังคงหนักแน่นไร้ความหวั่นไหว
เขาสังเกตเห็นว่า ทุกย่างก้าวของถานเยว่ลึกล้ำไม่เบา มันแฝงหลักการบางอย่าง นางเผยกระบวนท่าที่ใช้เท้าออกมาอย่างเงียบงัน
ถานเยว่มาลัทธิสยบฟ้าได้เพียงวันเดียว ไม่มีทางบรรลุวิทยายุทธ์ของลัทธิได้แน่ เช่นนั้นกระบวนท่านี้ต้องเป็วิทยายุทธ์ของตระกูลถานแน่นอน
‘ เคยได้ยินมาั้แ่สมัยที่อยู่ตระกูลเฟิงแล้วว่า ตระกูลถานมียอดวิทยายุทธ์ที่สืบทอดมาแต่โบราณสามท่า หนึ่งในนั้นคือกระบวนท่า ‘เท้าไร้รอย ’ ที่เป็วิทยายุทธ์ชั้นกลาง แต่ถ้าคนตระกูลถานเป็ผู้ใช้ จะมีความเร็วสุดขีด! ’
หลงอวี้จริงจังขึ้นมาทันที
แม้ถานเยว่จะมีวิถียุทธ์ขั้นสี่เท่าเขา แต่นางเคยฝึกปรือวิทยายุทธ์ของตระกูลมาก่อนแล้ว จึงไม่อาจดูถูกพลังต่อสู้ได้!
“ หึ ”
เมื่อถานเยว่ได้เห็นท่าทางระแวดระวังของหลงอวี้ ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆก่อนจะเท้าก้าวออกไปอย่างนุ่มนวล เลือนรางราวกับภาพมายา ในชั่วพริบตา เงาร่างสีแดงสมส่วนนั้นก็ได้เข้าประชิดตัวหลงอวี้ในพริบตา
“ ฝ่ามือทลายนภา! ”
ถานเยว่แผดเสียงพร้อมเหวี่ยงฝ่ามือออกไปอย่างดุร้าย หนึ่งฝ่ามือทลายนภาฟาดไปทางหลงอวี้แล้ว!
ฝ่ามือทลายนภา เป็วิทยายุทธ์ชั้นกลางอีกหนึ่งท่าในสามยอดวิทยายุทธ์ที่สืบทอดในตระกูลถาน นั่นย่อมต้องมีอานุภาพร้ายกาจอย่างแน่นอน
หนึ่งฝ่ามือที่ซัดเข้ามามีพละกำลังมากถึงหมื่นชั่ง เกินพละกำลังของตัวถานเยว่ที่มีวิถียุทธ์ขั้นสี่ไปถึงสองพันชั่ง เห็นได้ชัดว่าวิทยายุทธ์ชั้นกลางหนึ่งวิชาช่วยยกระดับพลังต่อสู้ของผู้ฝึกวรยุทธ์ได้มหาศาล!
เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามือของถานเยว่ที่รวดเร็วสุดขีด ขนาดหลงอวี้เตรียมตัวมาก่อนแล้ว ก็ยังคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะรวดเร็วปานนี้!
ยังดีที่เขาสั่งสมประสบการณ์การต่อสู้มามากมาย พอเห็นการโจมตีก็ตอบสนองได้ทันที
“ รวมลมปราณ! ”
ลมปราณภายในตัวเขาถูกรวบรวมไปที่บริเวณหัวไหล่อย่างรวดเร็ว เตรียมรับหนึ่งฝ่ามือของถานเยว่
ขณะเดียวกัน เขาได้ปล่อยเศษเสี้ยวจินตภาพที่บรรลุได้ออกมาอย่างเงียบงัน ตอนที่ฝ่ามือของถานเยว่ปะทะกับหัวไหล่ของหลงอวี้ เศษเสี้ยวจินตภาพก็เข้าปกคลุมถานเยว่ได้สำเร็จ
ปึก!
หลงอวี้ถูกถานเยว่ซัดหนึ่งฝ่ามือ แต่เพราะรวบรวมลมปราณไว้จึงาเ็ไม่หนักมาก กระดูกไม่ได้แตกร้าวเหมือนตอนปะทะกับอู๋ชิง
เมื่อหนึ่งฝ่ามือไม่ได้ผล ถานเยว่ก็คิดดีดตัวถอยห่าง วิทยายุทธ์ของตระกูลถานเน้นไปที่ความว่องไว ฉะนั้นนางไม่มีทางฝืนปะทะกับหลงอวี้ต่อแน่
ตอนที่ออกกระบวนท่าเท้าไร้รอยซ้ำอีกครั้ง นางพบว่าร่างกายของตัวเองได้ถูกแรงกดทับแห่งฟ้าดินครอบคลุมไว้ ความรู้สึกแบบเดียวกับตอนที่อยู่ในหุบเขาสยบฟ้า นั่นทำให้ความเร็วของนางถูกลดทอนไปครึ่งหนึ่ง
หลงอวี้สบโอกาสแล้ว!
เขาแผดเสียงอย่างเกรี้ยวกราด ชกออกไปหนึ่งหมัด ผ่านใบหน้าของถานเยว่ไปอย่างฉิวเฉียด สายลมที่เกิดจากแรงชกกว่าแปดพันชั่งได้กรีดลงบนใบหน้านวลเนียนของนางจนเกิดเป็รอยเืลึกหนึ่งสาย
ตึกๆๆ!
ถานเยว่ถอยหนีอย่างเร่งร้อน พอยืนได้มั่นคงแล้วจึงเงยหน้ามองหลงอวี้อย่างโเี้
“ นี่เ้าบังอาจทำร้ายข้าหรือ! ”
“ เ้าเป็ฝ่ายลงมือกับข้าก่อน ทั้งยังรุนแรงและอำมหิต ใจคอจะไม่ให้ข้าป้องกันตัวบ้างหรือ? ”
หลงอวี้พูดอย่างเฉยชา
“ อีกอย่าง เ้าบอกว่าข้าเป็เศษสวะไม่ใช่หรือไง ทำไมตอนนี้ถอยไปเช่นนั้นล่ะ หรือเ้ายอมรับแล้วว่าตัวเองเป็สวะยิ่งกว่าข้า ”
เมื่อสิ้นเสียงไป ผู้คนรอบข้างต่างใจหายไปตามๆ กัน
ตอนที่หลงอวี้ปะทะกับถานเยว่มันช่างรวดเร็วราวกับประกายอัสนี แม้พวกเขาจะเป็ลูกศิษย์ระดับล่างเหมือนกันก็ยังมองตามไม่ทัน กว่าจะรู้ตัวก็เห็นถานเยว่ถอยกลับไปพร้อมกับรอยเืที่ปรากฏบนใบหน้าแล้ว
เห็นได้ชัดว่า การปะทะเมื่อครู่นี้ ถานเยว่เป็ฝ่ายเสียท่า!
ยิ่งตอนนี้นางกลายเป็ฝ่ายที่ถูกหลงอวี้พูดจาเย้ยหยัน ถานเยว่ยิ่งดูก็ยิ่งเห็นชัดว่าเสียเปรียบ!
ใบหน้าของถานเยว่ปรากฏจิตสังหารอันเยือกเย็น นางจ้องมองหลงอวี้อย่างเ็า
“ ดวงดีไม่เบานี่ แต่ข้าจะไม่ให้โอกาสใดๆ กับเ้าอีกต่อไปแล้ว! ”
เมื่อสิ้นเสียง ก็ปรากฏมีดสั้นยาวเจ็ดชุ่น1ในฝ่ามือของนาง บนคมมีดส่องประกายแสงสีเงิน สะท้อนอารมณ์อันชั่วร้ายของนาง
นางเรียกยุทธภัณฑ์ออกมาแล้ว!
“ ไหนเ้าบอกว่าไม่จำเป็ต้องใช้ยุทธภัณฑ์กับสวะอย่างข้ามิใช่หรือ ”
หลงอวี้พูดถากถาง
“ เ้ากลัวหรือไร ”
ถานเยว่กระแทกเสียงเ็า กำมีดยาวเจ็ดชุ่นที่ส่องประกายสีเงินในมือไว้แน่น พร้อมกับพูดอย่างลำพองใจ
“ หากเ้ามียุทธภัณฑ์ เ้าก็สามารถใช้ได้ แต่สวะอย่างเ้าจะมียุทธภัณฑ์ในได้อย่างไร! ”
นางพึ่งพาบารมีของถานเจียน พี่ชายตัวเองที่เป็ลูกศิษย์ระดับสูงมานานจนได้รับยุทธภัณฑ์มาชิ้นหนึ่ง ความมั่นใจของนางจึงเต็มเปี่ยมไม่ธรรมดา!
“ ในเมื่อเ้าบังอาจทำร้ายข้า เช่นนั้นข้าก็จะบดขยี้ตันเถียนของเ้าทิ้ง จะได้รู้ว่าจุดจบของผู้ที่ลบหลู่ข้าจะเป็เช่นไร! ”
หลังจากพูดจบ ถานเยว่ก็ก้าวเท้าอย่างรวดเร็วและเลือนรางอีกครั้ง เงาร่างสีแดงเคลื่อนไหวล้อมรอบหลงอวี้ปรากฏเป็เงาสีแดงละลานตา แสดงให้เห็นว่าถานเยว่นั้นรวดเร็วเพียงใด
‘ การไม่เคยฝึกวิทยายุทธ์ ทำให้ข้าเสียเปรียบมากจริงๆ...”
หลงอวี้คิดในใจ ใช้ดวงตาทั้งสองข้างที่แหลมคมดุจอินทรีย์กวาดมองทั่วทุกทิศ พร้อมตั้งรับทุกการเคลื่อนไหวที่จะถาโถมเข้ามา
“ ตาย! ”
ประกายแสงสีเงินสาดส่อง มีดสั้นเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้าหลงอวี้ นางเข้าประชิดตัวเขาได้ในพริบตา!
“ จินตภาพ กดทับ! ”
หลงอวี้ปล่อยจินตภาพออกมาทันที ทำให้ความเร็วของมีดสั้นเล่มนั้นลดลงจากนั้นเขาก็ชกออกไปหนึ่งหมัด ซัดใส่หลังคมมีดเล่มนั้นอย่างรุนแรง
ผู้ที่มีประสบการณ์การต่อสู้อย่างโชกโชนเท่านั้นถึงจะสามารถออกหมัดได้รวดเร็วแม่นยำถึงเพียงนี้
หมัดที่มีพละกำลังกว่าแปดพันชั่งซัดมีดจนเอียงไปอีกทาง แต่คลื่นพลังอันแหลมคมที่อัดแน่นอยู่บนมีดสั้นก็ทำให้หลงอวี้าเ็อีกครั้ง ิัตรงหมัดถูกคว้านออกไปหนึ่งชั้นเลยทีเดียว
หลงอวี้ไม่ใส่ใจ รีบฉวยโอกาสลงมือในตอนที่มีดของถานเยว่ถูกซัดจนเอียง ร่างกายและจิตใจของนางกำลังหวั่นไหว
เปรี้ยง!
เพียงฝ่ามือเดียวก็ซัดถานเยว่จนล้มลงกองกับพื้น ข้อมือข้างที่ถือมีดสั้นถูกหลงอวี้เหยียบลงมาเต็มแรง
“ ไอ้สวะ เ้าแพ้แล้ว ”
หลงอวี้ที่เหยียบข้อมือของถานเยว่นั้น แววตาปรากฏจิตสังหารขึ้นแวบหนึ่ง ทว่าเขาก็อดกลั้นไว้ได้
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาฆ่าถานเยว่!
ถานเยว่ที่ถูกหลงอวี้เหยียบข้อมือไว้ ดวงตาของนางตอนนี้ราวกับจะพ่นไฟออกมาได้
ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดล้วนตกอยู่ในสายตาของลูกศิษย์ระดับล่างทุกคนที่มุงดูพวกเขาพากันอ้าปากค้าง ตาแทบถลน ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเห็น!
ถานเยว่ คุณหนูใหญ่จากตระกูลถานที่มียุทธภัณฑ์ใน แถมยังได้ฝึกวิทยายุทธ์อันทรงพลังของตระกูล กลับพ่ายแพ้ให้กับคนที่ถูกนางเรียกว่า “เศษสวะ” เสียอย่างนั้น!
......
[1] หนึ่งชุ่นประมาณสามเิเ