"อื้อๆ เมิ่งเฉิงเจ๋อบอกว่านี่คือสีผึ้งบำรุงผิวชั้นดีที่สุดในชางตาน เดี๋ยวกินข้าวเสร็จ อาบน้ำอาบท่าแล้ว ท่านก็ทาสักหน่อยเถอะ ท่านทาแล้ว ข้าค่อยเอาไปให้หลันฮวาทาต่อ"
เซวียเสี่ยวหรั่นทอยิ้มมองแผลเป็จางๆ บนใบหน้าของเขา แม้จะจางมากแล้ว แต่ก็ยังน่ารำคาญตาอยู่ดี
เหลียนเซวียนอึ้งงัน เหลือบตาขึ้นมองนาง แววตาลุ่มลึกฉายแววซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก
ตอนนี้เขายังไม่อยากกำจัดแผลเป็บนใบหน้า
แต่เห็นความกระตือรือร้นของนางแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ลง
เหลียนเซวียนรู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้า
"แฮ่ม ให้อูหลันฮวาใช้ไปก่อน ข้าไม่รีบ กลับถึงแคว้นฉีค่อยว่ากัน"
"จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า ใบหน้าของท่านก็สำคัญมาก ท่านอย่าถือว่าตนเป็บุรุษ จึงไม่ถนอมใบหน้าของตนเอง แผลนี้กลายเป็แผลเก่าไปแล้ว ยากที่จะรักษาให้หายได้ ท่านไม่รู้หรือไร"
เซวียเสี่ยวหรั่นจดจ้องรอยแผลจางๆ เหนือคิ้วของเขา มองอย่างไรก็ระคายตา แทบอยากเอายางลบมาถูแผลเสียให้ให้เกลี้ยง
"ข้ารู้" เหลียนเซวียนถูกนางจดจ้องจนหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก "วางใจเถอะ แคว้นฉีมีสีผึ้งบำรุงผิวดียิ่งกว่านี้ ไม่ทิ้งรอยแผลเป็อย่างแน่นอน"
เซวียเสี่ยวหรั่นดวงตาลุกวาว "จริงหรือ"
"ข้าเคยหลอกเ้าเมื่อไรกัน" เหลียนเซวียนอมยิ้มมองนาง
ดวงตาของเซวียเสี่ยวหรั่นกวาดมองใบหน้าของเขาสองสามรอบ
หลังจากตัดแต่งหนวดเครารุงรังเป็ระเบียบแล้ว ใบหน้าของเขาก็ยิ่งคมคาย คิ้วดาบเฉียงเข้าจอนผม ดวงตาล้ำลึก จมูกโด่งเป็สัน
แม้ว่าเคราจะยังหนาอยู่ แต่ก็ช่วยขับเสริมให้เครื่องเคราใบหน้าคมชัดยิ่งขึ้น แลดูมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นมาก ชวนให้คนไม่อยากละสายตา
นึกถึงยามพบเขาครั้งแรก ใบหน้านั้นชวนขวัญหนีดีฝ่อ เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกว่าเหลียนเซวียนเปลี่ยนไปมาก ราวกับลูกเป็ดขี้เหร่ถอดรูปกลายเป็หงส์ขาว
รอแผลเป็หายสนิทเมื่อไร คงกลายเป็หงส์ขาวที่หล่อเหลาสง่างามตัวหนึ่ง
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกบอกไม่ถูกว่าภายในใจรู้สึกเช่นไร
"เป็สตรีมองผู้อื่นเช่นนี้ไม่ถูกต้อง" เหลียนเซวียนซ่อนงำรอยยิ้มบนมุมปาก พลางตำหนิเสียงเบา
เซวียเสี่ยวหรั่นทำปากยื่น "งั้นข้าเอาไปให้หลันฮวาละนะ"
หมุนตัวเดินจากไปด้วยอารมณ์หดหู่
นางเป็อะไรไปอีกแล้วเล่า เมื่อครู่ยังดีๆ อยู่เลยมิใช่หรือ เหลียนเซวียนคลึงขมับ เหมือนคำคนโบราณว่าไว้ หัวใจสตรีเหมือนดั่งเข็มก้นมหาสมุทร
"หลันฮวา หลังอาบน้ำคืนนี้ อย่าลืมทาสีผึ้งบำรุงผิวนี้ด้วยล่ะ" เซวียนเสี่ยวหรั่นไปห้องของอูหลันฮวา
"ต้าเหนียงจื่อ สีผึ้งเช่นนี้ราคาคงแพงมากระมัง" อูหลันฮวารู้สึกไม่กล้าใช้
"แพง แต่ผู้อื่นให้มา อย่าคิดจะเอาไปขายเชียวล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะ
อูหลันฮวาเกาหัวยิก "ถ้าไม่อย่างนั้น ก็เอาไปให้หลางจวินทาหน้าเถอะเ้าค่ะ ใบหน้าของเขาก็มีแผลเป็เหมือนกัน"
"เขาบอกว่าไม่ต้อง ไปแคว้นฉีมียาดีกว่านี้ เ้าไม่ต้องไปกังวลแทน เขาเป็ชายชาตรี ใบหน้าจะหยาบกระดางบ้างก็ช่างเถอะ อีกอย่างก็ไม่ต้องใช้ใบหน้าหาเลี้ยงชีพสักหน่อย"
จู่ๆ เซวียเสี่ยวหรั่นพลันเกิดความรู้สึกไม่อยากให้ลูกเป็ดขี้เหร่กลายร่างเป็หงส์ขาวเสียแล้ว
ที่ห้องติดกัน เหลียนเซวียนกำลังจะยกพู่กันเขียนอักษรถึงกับมือสั่นน้ำหมึกหยดบนกระดาษขาวกลายเป็ด่างดวง
เมื่อครู่เพิ่งบอกให้เขารู้จักทะนุถนอมใบหน้า หันไปแวบเดียวกลับกลายเป็จะหยาบกระด้างไปบ้างก็ช่าง เช่นนี้ดูจะย้อนแย้งกันเกินไปแล้วกระมัง
เหลียนเซวียกุมหน้าผาก จิตใจของสตรียากแท้หยั่งถึง
"ต้าเหนียงจื่อ ท่านว่านายน้อยเมิ่งผู้นั้นจะใช้สีผึ้งบำรุงนี้ด้วยหรือเปล่า ผิวพรรณ์ถึงได้ดีเพียงนั้น" อูหลันฮวามองขวดกระเบื้องเล็ก ดวงตาเป็ประกาย
หากได้ผลดีเช่นนี้ นางจะทาให้ทั่วทั้งใบหน้า ส่วนาแที่ตัวก็ไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นขบขัน "นี่เป็ยาใช้ทาแผลเป็ ใบหน้าเ้าไม่มีแผลเป็สักหน่อย คนอย่างนายน้อยเมิ่งไม่ใช่พวกที่กินอิ่มไม่มีงานทำก็เอาแต่บำรุงผิวหน้า ผิวพรรณของเขาน่ะ ดีมาั้แ่เกิดแล้ว"
"ก็จริง คนหน้าตาดีผิวพรรณก็ย่อมต้องดีด้วย ต้าเหนียงจื่อก็เช่นกัน ทั้งหน้าตาสะสวยผิวพรรณก็งดงาม" อูหลันฮวาตระหนักได้ถึงความเป็จริง
"เหลวไหล หลันฮวาของเราก็งดงาม เพียงแต่ตากแดดจนคล้ำไปหน่อย ต่อไปหากไม่ค่อยโดนแดด ดูแลผิวให้ขาวขึ้นก็จะยิ่งงดงาม"
เครื่องเคราใบหน้าของอูหลันฮวาค่อนข้างห้าวหาญเหมือนบุรุษอยู่บ้าง แต่ใช่ว่าหน้าตาไม่ดี ขอแค่ผิวขาวขึ้นอีกหน่อย เซวียเสี่ยวหรั่นเชื่อว่าจะต้องสะสวยกว่าตอนนี้มาก
"ต้าเหนียงจื่อแกล้งยอข้าอีกแล้ว" อูหลันฮวาฉีกยิ้มกว้าง แม้จะรู้ว่าเป็การยกยอ แต่นางก็ยังมีเบิกบานใจ "นายน้อยเมิ่งหน้าตาหล่อเหลา ออกจากบ้านไปไหนล้วนถูกเหล่าแม่นางเป็กองทัพห้อมล้อม คนหน้าตาดีเกินไปบางครั้งก็น่ารำคาญ"
พวกนางมาอยู่ที่นี่หลายวัน ได้ยินข่าวเกี่ยวกับเมิ่งเฉิงเจ๋อไม่น้อย
เขาเป็เหมือนซูเปอร์ไอดอลแห่งเมืองชางตาน ไม่ว่าจะไปไหนก็เปล่งประกายไปทุกที่
"เขาหน้าตาดีมากจริงๆ เนตรหงส์อันเป็เอกลักษณ์เช่นนั้น เพียงกะพริบน้อยๆ ก็แลดูสูงศักดิ์ และมีเสน่ห์เย้ายวนในขณะเดียวกัน เห็นแล้วชวนให้เพลินตาเพลินใจ"
"ใช่ๆๆ ทั้งเรียวคิ้วกับดวงตาเรียวยาวเหมือนกันงดงามมาก ยามมองคนให้ความรู้สึกเหมือนั์ตาของเขามีดาวดวงน้อยๆ กำลังกะพริบวิบวับ"
"เ้าก็เห็นเหมือนกันหรือ ยิ่งยามที่เขายกหางตาขึ้นนะ โอ้โห ให้ความรู้สึกเหมือนดวงดาวมากมายกำลังเปล่งประกายเชียวล่ะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นกับอูหลันฮวาหันหน้าคุยกันอย่างออกรสถึงหน้าตาของเมิ่งเฉิงเจ๋อว่าหล่ออย่างไร มีเสน่ห์อย่างไร
"ป๊อก"
พู่กันถูกหักเป็สองท่อน ตกลงบนกระดาษขาวที่อาบย้อมไปด้วยหมึกสีดำ
สีหน้าของเหลียนเซวียนดำทะมึนจนกลายเป็สีหมึก
เพิ่งพบหน้าไม่กี่ครั้ง ก็เห็นว่าั์ตาของผู้อื่นเปล่งประกายเหมือนดวงดาวแล้ว
เหลียนเซวียนรู้สึกฉุนจัดจนจุกเสียดในอกแทบหายใจไม่ออก
ครั้งนี้พลาดไปจริงๆ ตนเองไม่ควรให้พวกนางไปส่งสารเลย
เนื้อหนังภายนอกของเมิ่งเฉิงเจ๋อแม้ไม่เลว แต่ในมุมมองของเขา ยังดูอ่อนแอเกินไป ขาดกลิ่นอายความห้าวหาญแบบบุรุษเพศ ไร้เสน่ห์ดึงดูดโดยสิ้นเชิง
ใครจะรู้สายตาของสตรีกลับแตกต่างจากบุรุษถึงเพียงนี้
ยามกลับมาเมื่อเช้า เซวียเสี่ยวหรั่นยังแสดงสีหน้าเฉยเมยยามเผชิญหน้ากับนายน้อยเมิ่งผู้นั้น เหลียนเซวียนจึงนึกว่านางไม่สนใจใบหน้าหล่อเหลาของเมิ่งเฉิงเจ๋อ
ใครเล่าจะคิด หลังจากพวกนางส่งสารกลับมา ท่าทีกลับเปลี่ยนไป
หรือว่า... สีผึ้งบำรุงผิวแค่ขวดเดียวก็ซื้อพวกนางได้แล้ว?
เหลียนเซวียนโมโหขบกรามกรอด ชณะคิดจะเรียกเซวียเสี่ยวหรั่นมาชำระความสักหน่อย กลับได้ยินทิศทางการสนทนาที่เปลี่ยนไป
"ถึงนายน้อยเมิ่งจะหน้าตาหล่อเหลา แต่ผู้ใดแต่งให้เขาคงน่าสงสาร"
"นั่นสิ หน้าตาดีเกินไป มักล่อภมรกับผีเสื้อให้ลุ่มหลงได้ง่าย ต่อไปเรือนหลังต้องไม่สงบสุขเป็แน่"
"หากฮูหยินของเขางดงามสู้เขาไม่ได้ ก็คงต้องกลุ้มใจตาย"
"โอย ต้องเห็นใบหน้าที่สะสวยกว่าตนเองทุกวัน ไหนเลยจะไม่กลุ้มใจ"
"ฮ่าๆ ใช่เลยเ้าค่ะ ต้าเหนียงจื่อ ท่านว่าใต้หล้านี้จะสักกี่คนที่หน้าตาดีกว่าเขา"
"อืม ข้าว่าต้องน้อยมาก ต่อให้มี ก็ไม่แน่ว่าจะแต่งกับเขา"
"ได้ยินว่าเขาอายุยี่สิบสามแล้ว ยังไม่แต่งงาน หรือว่าหาคนที่งดงามกว่าไม่ได้ ก็เลยไม่แต่งภรรยาเสียที"
"เป็ไปได้ สงสัยในเมืองชางตานจะไม่มีสตรีคนใดงามกว่าเขาละมั้ง"
อารมณ์หงุดหงิดในหัวใจของเหลียนเซวียนสลายกลายเป็หมอกควันในบัดดล
ชะรอยเขาคงต้องขัดเกลาดรุณีน้อยปากเปราะสองคนนี้ให้ดีเสียแล้ว จะได้ไม่นินทาผู้อื่นลับหลังอีก
มุมปากของเหลียนเซวียนโค้งขึ้นน้อยๆ อารมณ์กลับคืนสู่ปรกติ
