การฝึกฝนวรยุทธ์ในสามระดับแรกนั้นง่ายที่สุด ในขณะที่การฝึกฝนวรยุทธ์ระดับที่สี่เป็คอขวด หลายๆ คนมักถูกขังอยู่ที่ระดับนี้ และไม่สามารถทะลวงผ่านได้
หลัวเลี่ยก็ต้องเผชิญกับคอขวดนี้เช่นกัน
ในสามระดับก่อนหน้านี้ หลังจากการทะลวงแต่ละครั้งจะมีความรู้สึกว่าระดับถัดไปอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ครั้งนี้หลังจากก้าวเข้าสู่วรยุทธ์ในระดับที่สามแล้ว ก็ยังไม่มีความรู้สึกดังกล่าว แต่กลับรู้สึกลึกๆ ว่ายังห่างไกลจากวรยุทธ์ในระดับที่สี่มาก
“อ่า!”
“ช้าเกินไปแล้ว”
หลัวเลี่ยถอนหายใจและส่ายหัวด้วยความผิดหวัง
ขณะนี้เป็เวลายามอิ๋น[1] รอบๆ เงียบสงบและมืดสนิท มีเพียงพระจันทร์ข้างแรมที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าส่องแสงสลัวๆ
หลิวหงเหยียนและเสวี่ยปิงหนิงยังไม่หลับ พวกนางกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ และเมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจของหลัวเลี่ย พวกนางก็มองไปทางเขาพร้อมกัน
“ถ้ารู้ว่าช้า เ้าก็ควรยอมแพ้” หลิวหงเหยียนเอ่ย
“เป็เื่ปกติที่จะช้า อัจฉริยะอย่างเจียงจื่อหยาและเหวินจงเองก็ใช้เวลาถึงสิบปีเพื่อก้าวถึงระดับที่ห้า และทั้งสองยังกล่าวในภายหลังว่า พวกเขาใช้เวลาถึงครึ่งปีฝึกฝนเคล็ดวิชาั์ถึงจะก้าวเข้าสู่ระดับแรก เ้าเพิ่งฝึกฝนได้ไม่ถึงหนึ่งวัน เป็ไปไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงพลัง หากไม่ยอมแพ้เสียตอนนี้ ในอนาคตเ้าจะพบว่ามันจะยิ่งช้าลงกว่านี้” เสวี่ยปิงหนิงกล่าวคำมากมายออกมาในลมหายใจเดียว
“ปิงหนิงกล่าวได้ถูกต้อง” หลิวหงเหยียนเกลี้ยกล่อมเช่นกัน “เคล็ดวิชาั์ยากเกินไปสำหรับพวกเรา”
เป็ไปไม่ได้ที่จะรู้สึกถึงพลัง?
หลัวเลี่ยแสดงสีหน้าแปลกใจ อัจฉริยะที่น่าทึ่งที่สุดใช้เวลาถึงครึ่งปีในการฝึกฝนวรยุทธ์ระดับแรก แต่เขาไปถึงระดับที่สามของการฝึกฝนในระยะเวลาที่น้อยกว่าหนึ่งวัน ดังนั้นดูเหมือนว่าการฝึกฝนของเขาจะไม่ได้ช้าเลย
“อย่าท้อนะ” หลิวหงเหยียนเห็นท่าทางของหลัวเลี่ยแล้ว นางคิดว่าเขากำลังลำบาก เลยเอ่ยปลอบใจ “ข้าเคยลองฝึกฝนมาก่อน ใช้เวลากว่าหนึ่งเดือนถึงจะรับรู้ได้ถึงพลัง และในตอนนั้นก็มีคนที่เคยฝึกฝนมาแล้วคอยอธิบายตำราเทียนหลงเซียงให้ข้าฟัง เ้าไม่รับรู้ถึงพลังก็ไม่ต้องอารมณ์เสียไป อย่าเสียเวลากับเคล็ดวิชาั์เลย มา เ้านั่งลง พี่สาวจะสอนการฝึกตำราหนานหลี่ของตระกูลเ้าให้เ้าเอง ด้วยการฝึกนี้เ้าจะรู้สึกถึงพลังได้อย่างรวดเร็วแน่นอน”
หลัวเลี่ยพูดในขณะที่นั่งลง
ทั้งสามคนนั่งขัดสมาธิบนพื้นเป็รูปสามเหลี่ยม
“พี่หงเหยียน ข้า...” ในขณะที่หลัวเลี่ยกำลังจะพูด เขาก็เห็นใบหน้าสวยงามที่แต่เดิมไม่ยี่หระของหลิวหงเหยียน จู่ๆ ก็แสดงท่าทางประหลาดใจ และทันใดนั้นก็นั่งตัวตรง ทั้งตัวของเขาเปล่งแสงที่น่าอัศจรรย์ ดวงตาเรียวยาวและมีเสน่ห์คู่นั้นฉายแสงที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้หลัวเลี่ยมองไปข้างหลังด้วยความงุนงง และพบว่าไม่มีอะไรอยู่ข้างหลังเขา เมื่อเขาหันกลับมาอีกครั้ง เขาก็เห็นหลิวหงเหยียนกำลังมองมาที่เขา
เสวี่ยปิงหนิงไม่ได้สังเกตอะไรในตอนแรก แต่ใน่เวลาสั้นๆ นางก็จ้องมองที่หลัวเลี่ย ด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อเหมือนหลิวหงเหยียน
“ข้าหล่อขึ้นหรือ?”
หลัวเลี่ยััใบหน้าของเขา เมื่อพูดแล้วก็ไปหากระจกมาส่องดู
สายตาของหญิงสาวทั้งสองเลื่อนไปที่แมลงที่บินอยู่
ขณะนี้เป็เวลาเช้าตรู่ มีแมลงจำนวนมากอยู่บนูเา แต่ด้วยความที่หลิวหงเหยียนและเสวี่ยปิงหนิงมีพลังระดับสูง ดังนั้นโดยธรรมชาติแล้วสามารถป้องกันแมลงไม่ให้เข้าใกล้ร่างกายของพวกนางได้
แต่พวกนางเพิ่งสังเกตว่าแมลงเหล่านี้เพียงบินอยู่รอบๆ หลัวเลี่ยในระยะครึ่งเมตรเท่านั้น โดยไม่ได้เข้าใกล้มากกว่านี้
คนธรรมดาไม่สามารถทำเช่นนี้ได้
และหลัวเลี่ยก็ไม่ได้มีคุณสมบัติใดๆ ที่จะกันแมลงเหล่านี้
เป็เช่นนี้ได้อย่างไร?
เสวี่ยปิงหนิงกล่าว “ในการฝึกวรยุทธ์ หากฝึกด้วยวิธีฝึกทั่วไป เมื่อถึงระดับเก้าจะสามารถกันแมลงไม่ให้เข้าใกล้ได้ หากฝึกด้วยวิธีฝึกทักษะขั้นสูงทั้งสิบ เมื่อถึงระดับหกจะสามารถกันแมลงไม่ให้เข้าใกล้ได้ และหากฝึกด้วยตำราเทียนหลงเซียง เมื่อถึงระดับสามจะสามารถกันแมลงไม่ให้เข้าใกล้ได้”
“เ้าฝึกฝนแค่เคล็ดวิชาั์” หลิวหงเหยียนเอ่ยต่อ “และยังฝึกไม่ถึงหนึ่งวัน ดังนั้นเ้าไม่มีทางฝึกถึงระดับสามได้ หลัวเลี่ย บอกข้ามา เ้าได้ฝึกวิธีอื่นหรือไม่”
เสวี่ยปิงหนิงก็จ้องไปที่หลัวเลี่ยเช่นกัน
ทัศนคติของหญิงสาวทั้งสองทำให้หลัวเลี่ยกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ในตอนนี้ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเขาฝึกตำราเทียนหลงเซียง
“ถ้าข้าจะบอกว่า ข้าฝึกเคล็ดวิชาั์ได้ไม่ถึงหนึ่งวันก็ไปถึงระดับสามแล้ว พวกเ้าจะเชื่อหรือไม่” หลัวเลี่ยกล่าว
“ไม่เชื่อ!”
หญิงสาวทั้งสองตอบพร้อมกัน
หลัวเลี่ยงุนงง ตอนที่เขาพูดความจริงไม่มีใครเชื่อ แต่ตอนที่เขาโกหกว่าตนเป็ท่านอ๋องน้อยหลัวเลี่ย พวกเขากลับเชื่อ
เขายักไหล่ แบมือทั้งสอง และไม่พูดอะไร
หลิวหงเหยียนถามอย่างสงสัย “เ้าจริงจังหรือ?”
“จริงจังมาก” หลัวเลี่ยกล่าว
พรึ่บ!
โดยไม่ทันเห็นว่าหลิวหงเหยียนเคลื่อนไหวอย่างไร นางจึงมาอยู่ทางด้านซ้ายของหลัวเลี่ยได้ นางเอื้อมมือไปจับไหล่ของเขา แล้วส่งพลังงานหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของหลัวเลี่ยเพื่อตรวจสอบ
หลังจากนั้นใบหน้าของหลิวหงเหยียนก็แสดงความตื่นเต้น และเนื่องจากตื่นเต้นมากเกินไปผิวหน้าของนางจึงมีเืฝาดขึ้นอย่างมาก
“วรยุทธ์ระดับสาม เป็วรยุทธ์ระดับสามจริงๆ!” เสียงของนางสั่นเล็กน้อย
เสวี่ยปิงหนิงพูดพร้อมกับหายใจถี่ “มีเพียงการฝึกถึงระดับที่สามในเคล็ดวิชาั์เท่านั้นที่สามารถกันแมลงไม่ให้เข้าใกล้ได้ และยังทำให้สามารถทนความเย็นและความร้อนได้”
หลิวหงเหยียนดึงมือของนางออก “ใช่แล้ว เคล็ดวิชาั์เริ่มจากระดับที่สาม แต่ละระดับจะมีลักษณะเฉพาะของตนเอง การฝึกถึงระดับที่สามหมายความว่าจะทนความเย็นและความร้อน นอกจากนี้แมลงจะไม่สามารถเข้าใกล้ได้”
นางหยิบลูกปัดออกมากระเป๋าเฉียนคุณ
ความเย็นที่ไหลออกมาจากลูกปัดทำให้อุณหภูมิในบริเวณใกล้เคียงลดลงอย่างรวดเร็ว
หลัวเลี่ยประมาณการว่าคงจะสักสิบองศาเซลเซียส หลิวหงเหยียนถึงหยุดปล่อยพลังของลูกปัด แต่เขาเองก็ไม่รู้สึกถึงความเย็นเลย
นี่คือการทนความเย็นและความร้อน
ไม่ว่าจะหนาวจัดหรือร้อนแผดเผาก็ไม่มีผลกระทบต่อเขา
หญิงสาวทั้งสองเมื่อเห็นเช่นนี้ก็แน่ใจแล้วว่าหลัวเลี่ยได้ฝึกฝนถึงระดับสามในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน
หลังจากหลิวหงเหยียนเก็บลูกปัดแล้วก็หยิกตัวเอง พูดกับตัวเองว่า “เจ็บ นี่เป็เื่จริง ไม่ใช่ความฝัน”
ยังดีที่เสวี่ยปิงหนิงไม่ถึงขนาดหลิวหงเหยียน ด้วยมีนิสัยเ็า นางจึงทำเพียงขยี้ตาเพราะคิดว่ามองผิดไป
ใช้เวลานานกว่าหญิงสาวทั้งสองคนจะหายจากอาการใ หลิวหงเหยียนในฐานะของประมุข ด้วยบุคลิกที่นิ่งสงบของนาง จนถึงตอนนี้ยังไม่สามารถซ่อนความกลัวในใจของนางได้ ใช่แล้ว สำหรับพวกนาง ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน สามารถฝึกตำราเทียนหลงเซียงได้ถึงระดับสาม นับว่าน่ากลัวแล้ว
“เ้าเคยท่องยุทธภพหรือไม่” หลิวหงเหยียนถาม
หลัวเลี่ยคิดคำตอบไว้แล้ว กล่าวอย่างสบายๆ ว่า “ไม่รู้สิ ข้าจำได้รางๆ ว่ากินอะไรสักอย่างเข้าไป หลังจากนั้นก็ปวดหัวมาก แล้วก็จำอะไรไม่ได้แล้ว”
หลิวหงเหยียนไม่แปลกใจ มีคนมากมายที่ท่องยุทธภพ และการเดินทางลับๆ ของนางในครั้งนี้กลับพบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ยิ่งกว่า เพียงแต่นางไม่สามารถพูดออกไปได้ นางหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า “หลัวเลี่ย การท่องยุทธภพของเ้าอาจทำให้เ้ามีศักยภาพในการเป็เทพได้ ความสามารถดังกล่าวเป็สิ่งที่ดีมาก แต่ก็เป็หายนะครั้งใหญ่เช่นกัน เ้าเข้าใจไหม”
“ข้ารู้” หลัวเลี่ยพยักหน้าอย่างแรง เขาไม่ใช่คนโง่ ถ้าคนอื่นรู้เื่นี้ ด้วยความสามารถของเขา เขาจะกลายเป็ที่หมายหัว
“เ้าเข้าใจก็ดี จำไว้นะ นอกจากพวกข้าสองคนแล้ว ห้ามให้ใครรู้เื่นี้อีก แม้ว่าจะเป็คนที่เ้าไว้ใจมากที่สุดก็ตาม” หลิวหงเหยียนชำเลืองมองไปยังซูชิวเชิงหัวหน้าองครักษ์ที่อยู่ไกลออกไป
หลัวเลี่ยพยักหน้าอีกครั้ง
จากนั้นหลิวหงเหยียนก็โล่งใจ แต่เมื่อนางนึกถึงการฝึกฝนที่ไม่น่าเชื่อของหลัวเลี่ยก็สะกิดใจนาง ทำให้อยากรู้ว่าหลัวเลี่ยจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรอีก ดังนั้นนางจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ทุกคนยังไม่ง่วง การฝึกในระดับที่สี่เป็คอขวด และไม่สามารถที่จะทะลวงได้ง่ายๆ ข้ามีทักษะการต่อสู้ เ้ามาฝึกกับข้า พี่สาวจะชี้แนะเ้าเอง เช่นนี้วรยุทธ์จากตำราเทียนหลงเซียงจึงจะแข็งแกร่งขึ้น นี่จะเป็ประโยชน์อย่างยิ่งต่อเ้าหลังจากที่เ้ากลับถึงเมืองหลวงแล้ว”
“ตกลง” หลัวเลี่ยมีความสุขมาก เขารู้แล้วว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงคือการผสมผสานระหว่างทักษะการต่อสู้และการฝึกฝนพลัง “ถ้าอย่างนั้นขอพี่สาวโปรดให้คำชี้แนะแก่ข้า เพื่อที่ข้าจะได้ฝึกฝนทักษะการต่อสู้นี้โดยเร็วที่สุด อ่า ใช่แล้ว ทักษะที่จะสอนเป็ทักษะอะไรหรือ”
[1] ยามอิ๋น คือ 03.00 – 04.59 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้