แสงอันอบอุ่นเฉกเช่นฤดูใบไม้ผลิสาดส่องภายในถ้ำ หลังจากหวังิเสร็จสิ้นภารกิจ ซุนจิ้งก็แนบชิดอิงกายอยู่ในอ้อมแขนของเขา
“หวังิ ข้าให้ทุกอย่างกับเ้าได้ แต่เ้าห้ามทรยศข้า” ซุนจิ้งกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน
“ไม่มีทาง นับจากนี้เ้าก็คือผู้หญิงของข้าหวังิ” หวังิกล่าวพลางดวงตาฉายแววได้ใจ เขาหวังิ้าผู้หญิงคนใดก็มักได้มาเสมอ และยิ่งได้เห็นซุนจิ้งอยู่ในอ้อมแขนด้วยสภาพเช่นนี้ เขาก็ยิ่งพึงพอใจ ครู่ต่อมาหวังิกับซุนจิ้งกลับไปหาไป๋หลิงและเย่เฟิง
“ศิษย์พี่ ข้าทะลวงแล้ว!” ซุนจิ้งกล่าวด้วยความดีใจขณะอยู่ข้างกายหวังิ
ในเวลาหนึ่งวัน นางไม่เพียงแต่ทะลวงการบ่มเพาะ แต่นางยังได้สานสัมพันธ์กับผู้ชายในดวงใจ นางจึงอดอารมณ์ดีไม่ได้
ไป๋หลิงตาแข็งทื่อพลางตัวสั่นสะท้านขณะมองซุนจิ้งพร้อมกล่าว “ศิษย์น้อง เ้าเสียตัวให้เขาแล้ว!”
เมื่อเห็นว่ารอยตาาดแดงที่ระหว่างคิ้วของซุนจิ้งหายไป ไป๋หลิงก็เข้าใจได้ในทันที
“ความสัมพันธ์ของข้ากับหวังิแน่นแฟ้น ศิษย์พี่ควรดีใจแทนข้าสิ ไยมีปฏิกิริยาเช่นนี้เล่า?” ซุนจิ้งขมวดคิ้วด้วยท่าทีไม่พอใจ นางไม่ปฏิเสธเื่ที่ตัวเองเสียความบริสุทธิ์ให้หวังิราวกับเป็เื่สมเหตุสมผล
“ศิษย์น้อง เ้าลืมกฎของสำนักแล้วหรือ? หากไม่ได้เป็คู่ครองอย่างเป็ทางการก็ไม่อนุญาตให้เสียความบริสุทธิ์ให้ใครอื่น เ้าทำเช่นนี้เห็นสำนักเป็ตัวอะไร?” ไป๋หลิงซักถามด้วยเสียงเย็นเยือก ในใจนาง สำนักคือผู้สูงส่ง
“ฮ่า ๆ ๆ!” ซุนจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็แค่นเสียงหัวเราะพร้อมกล่าวขึ้น “หวังิทั้งดีเลิศและยังช่วยข้าทะลวงการบ่มเพาะ หรือศิษย์พี่มองไม่เห็น? อีกอย่างพวกเรามีใจรักกัน หากทางสำนักกังขา เช่นนั้นข้าจะถอนตัวและแต่งเข้าตระกูลหวัง แต่ข้าไม่เข้าใจ ท่านคือศิษย์พี่ของข้า เห็นข้ามีความสุข ท่านไม่ดีใจก็ช่างปะไร แต่ไยต้องมีท่าทีเช่นนี้ด้วย? หรือศิษย์พี่อิจฉาข้า?”
ซุนจิ้งพูดจาเฉียบคม ทำให้หัวใจของไป๋หลิงเย็นเยียบขึ้น ศิษย์น้องคนเก่าของนางไปไหนแล้ว
“หากศิษย์พี่อิจฉาข้าก็พูดมาตรง ๆ ข้าจะได้ให้หวังิรับท่านเป็เมียน้อย แล้วข้ากับท่านจะแต่งเข้าตระกูลหวังพร้อมกัน ถึงเวลานั้นท่านจะได้ยกระดับพลังและดีกว่าอยู่กับเศษสวะนี่ ท่านควรคิดทบทวนให้ดี ๆ” ซุนจิ้งกล่าวด้วยสีหน้าได้ใจราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของตัวเอง
“ไร้ยางอาย!” ไป๋หลิงดุด่าซุนจิ้งพลางตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ ศิษย์น้องของนางเปลี่ยนไป นางจึงเอ่ยเช่นนั้นออกมา
ซุนจิ้งบอกว่าจะให้ไป๋หลิงเป็เมียน้อย แต่หวังิกลับเงียบกริบ มีเพียงท่าทีเช่นนั้นที่บ่งบอกถึงความคิดของเขาหวังิ เขาคือลูกหลานสายตรงแห่งตระกูลหวัง มีภรรยาหลายคนย่อมเป็เื่ปกติ และทุกอย่างก็สมเหตุสมผล
“ศิษย์พี่ ท่านไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี! ข้าแค่อยากสนับสนุนท่าน ให้ท่านได้มีโอกาสปีนป่ายสู่ที่สูง ทว่าท่านไม่เพียงแต่ไม่สนใจมัน แต่ยังทำท่าทีเ็าใส่ข้า ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเศษสวะนั่นมีดีอะไร แต่หวังิให้ข้าได้ทุกอย่าง” ซุนจิ้งกล่าว นี่ทำให้ไป๋หลิงตัวสั่นเทาอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“อ้อ! ข้าเข้าใจแล้ว ศิษย์พี่คงจะติดใจเศษสวะนี่สินะ” คำพูดของซุนจิ้งรุนแรงขึ้น
“เ้า...” ไป๋หลิงหน้าซีดลง
“พอได้แล้ว!” ขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น นาทีต่อมาพวกเขาหันไปมองเย่เฟิงที่เงียบอยู่นาน ซึ่งตอนนี้เย่เฟิงมีท่าทีเฉยชาอย่างน่ากลัว เพราะการกระทำที่ไร้ยางอายของซุนจิ้งทำให้เขาเกิดโทสะ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนคนหนึ่งจะพูดจาก้าวร้าวได้ถึงเพียงนี้ อีกอย่างการที่นางเสียตัวให้ผู้ชายก็เป็เื่ส่วนตัว แต่ยังจะดึงคนอื่นเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย การกระทำเช่นนี้ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก ในสถานการณ์เช่นนี้ใครทนได้ก็ทนไป แต่เขาเย่เฟิงทนไม่ได้!
“สวะอย่างเ้า้าพูดอะไร? เ้าคิดว่า ณ ที่แห่งนี้เ้ามีสิทธิ์พูดงั้นหรือ?” แววตาของซุนจิ้งเผยประกายเย็นเยือก ตอนนี้นางอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 8 ก็ยิ่งไม่เห็นเย่เฟิงอยู่ในสายตา
“คนต่ำต้อย หุบปากเดี๋ยวนี้!” ไอเย็นปะทุออกจากร่างเย่เฟิง และด่าทอซุนจิ้งด้วยความโมโห
“เ้าทำตัวเองก็ช่างปะไร แต่ยังจะดึงคนอื่นเข้าไปเกี่ยวด้วย ความไร้ยางอายของเ้าเกินจินตนาการข้ามาก เ้ายังไม่รู้สึกตัวอีกหรือว่าปากเ้ามันสกปรกมากเพียงใด!” เย่เฟิงกล่าวพลางแสยะยิ้ม
“เ้า...” ซุนจิ้งหน้าแดงก่ำ นางไม่คิดว่าจะถูกเศษสวะหยามหน้า
“สวะ เ้าอยากตายนักเหรอ?” หวังิมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นะเืพร้อมไอสังหารปะทุออกจากร่าง “คำพูดของเ้าทำให้ข้าอยากฆ่าเ้านัก แต่ข้าจะให้โอกาสเ้าโดยการทำลายการบ่มเพาะเองซะ จากนั้นไปขอโทษจิ้งเอ๋อร์ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเ้า หาไม่แล้วเ้าคงรู้ถึงผลที่จะตามมา”
ซุนจิ้งไม่ห่างจากหวังิ แต่มองเย่เฟิงด้วยสายตาเยาะเย้ยราวกับมองคนตายอย่างไรอย่างนั้น สิ่งที่นางซุนจิ้งเลือกไม่ผิด ให้เย่เฟิงทำลายการบ่มเพาะและขอโทษนางย่อมเป็เื่ดีที่สุด
“งั้นหรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้มด้วยท่าทีเฉยชา
“ศิษย์น้องเย่ เ้ารีบไปเถอะ ที่นี่ข้าจะจัดการเอง หากล้มเหลว อย่างมากข้าก็แค่ตาย” ไป๋หลิงกล่าวอย่างร้อนใจ นางรู้ว่าความขัดแย้งนี้มิอาจแก้ไขได้ หากเย่เฟิงยังไม่รีบไป หวังิอาจฆ่าเย่เฟิงจริง ๆ ก็ได้ ซึ่งนางไม่้าให้เย่เฟิงเข้ามามีเอี่ยวด้วย ต่อให้นางตายก็ไม่อยากเห็นเื่เช่นนี้เกิดขึ้น
“ไม่เป็ไร!” เย่เฟิงปลอบใจไป๋หลิง เขาก็อยากดูว่าหวังิผู้นี้จะฆ่าเขาให้ตายด้วยวิธีไหน
แต่ขณะนั้นมีเสียงฝีเท้าดังมาจากบางแห่ง ครู่ต่อมามีกลุ่มคนปรากฏตัว คนเหล่านี้คือคนรุ่นเยาว์และมีลมปราณแกร่งกล้า สองคนที่เป็หัวหน้าอยู่จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายา
“เซิ่งจื่อ ดูนั่นสิ ผู้หญิงคนนี้ไม่เลวเลย” ชายหนุ่มคนหนึ่งมองซุนจิ้งพลางกวาดสายตามองอย่างไร้ความเกรงกลัว ซึ่งเป็อย่างที่ชายผู้นี้กล่าวไว้เช่นนั้น ซุนจิ้งมีรูปร่างยอดเยี่ยมและดูร้อนแรง มีเสน่ห์ต่อผู้ชายเป็อย่างมาก
ซุนจิ้งเผยสีหน้าไม่สู้ดีนัก คนเหล่านี้พูดจาหยาบคายออกมาอย่างไม่กระดากปาก
“อืม!” เซิ่งจื่อผู้นั้นพยักหน้าพลางมองซุนจิ้งด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย โดยเฉพาะสายตาที่ไปหยุดตรงเนินอกอันอวบอิ่มนั่น แววตายิ่งทอประกายเป็พิเศษ
“ข้าจองผู้หญิงคนนี้!” เซิ่งจื่อกล่าวด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย ในแดนทดสอบแห่งนี้สามารถทำสิ่งใดก็ได้
“พวกเ้าจะทำอะไร?” หวังิตาเผยประกายเยือกเย็น และเอาตัวบังที่ด้านหน้าซุนจิ้ง นี่ทำให้ซุนจิ้งรู้สึกอบอุ่นใจและคิดว่าตัวเองมองคนไม่ผิด
“จะทำอะไรน่ะหรือ? ก็เล่นสนุกกับผู้หญิงของเ้าไงล่ะ” ชายหนุ่มคนหนึ่งกล่าวอย่างโอหัง
“ฮ่า ๆ ๆ” หวังิแค่นเสียงหัวเราะพร้อมเผยสีหน้าผยอง “พวกเ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็ใครถึงกล้าพูดจาเช่นนี้กับข้า? ข้าจะให้เวลาพวกเ้าสามวินาทีไสหัวไปจากหน้าข้า หาไม่แล้วพวกเ้าต้องเจอกับเพลิงพิโรธของตระกูลข้า!”
“ใช่แล้ว หวังิเขาเป็ถึงนายน้อยตระกูลหวังแห่งเมืองหลวง ไม่ใช่คนที่พวกเ้าจะล่วงเกินได้! แต่หากล่วงเกินละก็ ถึงเวลานั้นพวกเ้าอาจตายไร้ที่กลบฝัง!” ซุนจิ้งกล่าวและเดินมาข้างหน้า นางใช้ฐานะของหวังิเข้ากดดันอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันฐานะของหวังิก็ทำให้นางรู้สึกภาคภูมิใจ
“เซิ่งจื่อ อีกฝ่ายบอกว่าพวกเขาคือคนของตระกูลหวังแห่งเมืองหลวง แล้วยังบอกให้พวกเราไสหัวไปจากหน้าพวกเขาภายในสามวินาที ท่านว่าควรจัดการเช่นไรดี?” มีชายหนุ่มสองสามคนได้ยินคำพูดของหวังิและซุนจิ้งก็หัวเราะขึ้นด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
“ตระกูลหวังแห่งเมืองหลวงงั้นหรือ?” ชายผู้ถูกเรียกว่าเซิ่งจื่อหรี่ตาลงเล็กน้อย
“ใช่แล้ว ตระกูลหวังแห่งเมืองหลวง เ้าคงจะกลัวแล้วสินะ!” ซุนจิ้งเผยท่าทีได้ใจ
“หักกระดูกผู้ชายและฆ่าทิ้ง แล้วพาตัวผู้หญิงคนนั้นไป!” เซิ่งจื่อผู้นั้นไม่ให้โอกาสซุนจิ้งพูด เขากระทั่งไม่ปรายตามองหวังิแม้แต่นิดเดียว ความโอหังเช่นนั้นราวกับว่าเขามีมาั้แ่เกิด
“เ้ากล้าหรือ!” หวังิเผยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก่อนจะปล่อยพลังออกมา
“เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่จะให้คนของตระกูลหวังอย่างเ้ามาข่มขู่ได้เยี่ยงไร? ตายซะเถอะ!” มีคนหนึ่งกล่าวดูแคลน
“เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่?” เย่เฟิงขมวดคิ้ว ซึ่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่เป็กองกำลังในภาคตะวันตกของอาณาจักรจ้าว ภายในนิกายมีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งยังเชี่ยวชาญเคล็ดวิชาย่ำหยินชดหยาง และพลังอำนาจไม่ด้อยไปกว่าสำนักแสงอรุณ
เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่มีฐานะสูงศักดิ์ วาจาโอหังย่อมเป็เื่ปกติ ดูจากพลังและพร์ของหวังิจะต้องต่ำต้อยอย่างแน่นอน แล้วคนอย่างเซิ่งจื่อที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดจะสนใจหวังิไปทำไม
ในขณะเดียวกันสามคนของนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ก็ปลดปล่อยพลัง ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาผู้นั้นใช้พลังฝ่ามือจู่โจมหวังิ หวังิกรีดร้องโหยหวนพร้อมร่างกระเด็นปลิวและกระอักเืออกมา ส่วนสายตาจ้องมองผู้ฝึกยุทธ์นิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่คนนั้นที่โจมตีเขาด้วยความใ แค่การโจมตีเดียวเขาก็รับไม่ได้ นั่นเพราะพลังระดับนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาหวังิจะต่อต้านได้
ซุนจิ้งตื่นใ พลังระดับนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่นางจะต่อต้านได้เช่นกัน และยิ่งไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมศึกนี้เสียอีก
หลังจากหวังิถูกโจมตี ทั้งสามคนจากนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ก็เดินมายังข้างตัวหวังิ จากนั้นมีชายผู้หนึ่งนำมีดยาวออกมากรีดลงบนขาข้างหนึ่งของหวังิ และลงมืออย่างโเี้
“อำมหิตยิ่งนัก!” หวังิเบิกตาโพลงด้วยความใและรู้สึกหวาดกลัว ดังนั้นเขาจึงหลบมีดยาวนี้ไปอย่างรวดเร็ว
“ได้โปรดช้าก่อน!” หวังิโบกมือส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายหยุดมือ สีหน้าเขาในเวลานี้ไร้ซึ่งความโอหังเฉกเช่นก่อนหน้านี้ หลงเหลือเพียงความหวาดกลัวที่มาจากจิติญญา เขารู้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองทำตัวยโสโอหังเพียงใด อีกฝ่ายต้องฆ่าเขาอย่างแน่นอน ต่อให้เขาเป็คนของตระกูลหวัง อีกฝ่ายก็ลงมือไร้ซึ่งความปรานีใด ๆ
“ทุกท่านโปรดฟังข้าก่อน” หวังิอ้อนวอนพร้อมเหงื่อซึมออกที่หน้าผาก
“ว่ามา” คนของนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่กล่าว
“ข้าหวังิมีตาหามีแววไม่ ล่วงเกินท่านเซิ่งจื่อมีโทษถึงตาย แต่โปรดอภัยให้ข้าด้วย” หวังิกล่าวพร้อมโค้งคำนับเพื่อขอร้องอีกฝ่าย
ซุนจิ้งหน้าแข็งทื่อ นางรู้ว่าหวังิกำลังถ่วงเวลาศัตรู เมื่อหาจังหวะได้ก็จะสังหารศัตรูทันที
“ผู้หญิงคนนั้นเป็อย่างไร?” คนของนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่เอ่ยถาม
“ท่านเซิ่งจื่อสนุกกับผู้หญิงคนนั้นได้ตามสบาย แต่ขอให้ท่านเมตตาชีวิตอันต่ำต้อยด้วย” หวังิตกลงที่จะให้อีกฝ่ายเล่นสนุกกับซุนจิ้ง นี่น่ะหรือแผนถ่วงเวลา? เห็นชัดว่าหวังิคิดเอาตัวรอดคนเดียวและตั้งใจทิ้งซุนจิ้ง
“หวังิเ้า...” ซุนจิ้งได้ยินเช่นนั้นก็ต้องตัวสั่นสะท้าน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้