บทที่ 3 ทดลองทำสบู่
ข้อเรียกร้องของนางไม่เพียงแต่แก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่ยังเป็การวางแผนสำหรับอนาคต! นาง้าเวลา ้าอาหารเพื่อฟื้นฟูร่างกายนี้ และ้าความปลอดภัย นี่คือการเจรจาต่อรองที่สมบูรณ์แบบที่สุดในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด
หัวหมู่จ้าวแม้จะเจ็บใจจนแทบกระอักเื แต่เมื่อเทียบกับความตายแขวนอยู่ตรงหน้า เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น "ได้! ข้าตกลงตามนี้ทุกอย่าง! แต่ถ้าเ้าตุกติก...ละก็"
"ถ้าข้าตุกติก น้องชายข้าก็ต้องตาย แล้วท่านคิดว่าข้าจะปล่อยให้ท่านมีชีวิตอยู่ดูความ สำเร็จของตัวเองรึ?" นางตัดบทด้วยประโยคที่เฉียบคมจนอีกฝ่ายพูดไม่ออก "ไปให้พ้น! ก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนใจ!"
ราวกับได้ยินเสียงอภัยโทษจากยมบาล หัวหมู่จ้าวไม่พูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป เขารีบฉุดกระชากลากถูลูกสมุนและหมอเฉินให้ออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงความเงียบและถุงเงินที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นดิน
เมื่อแน่ใจแล้วว่าพวกมันไปจนลับสายตา ลู่เมิ่งก็ทรุดฮวบลงกับพื้น เรี่ยวแรงทั้งหมดหายไปในพริบตา นางหอบหายใจอย่างหนัก เหงื่อกาฬไหลท่วมตัว ร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
[ระดับความเครียดลดลง... แต่สภาพร่างกายของโฮสต์อยู่ในภาวะอ่อนเพลียรุนแรง]
"ข้ารู้..." นางพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะฝืนใจลุกขึ้นคว้ารากหวงเหลียนทั้งหมดเท่าที่จะ หาได้และเก็บถุงเงินที่หนักอึ้งนั้นไว้อย่างดี นี่คือทุนรอดชีวิตของนางกับน้องชาย
นางพยุงร่างที่ใกล้จะแหลกสลายกลับมาถึงกระท่อมด้วยความทุลักทุเล ภาพแรกที่เห็นคืออาเป่ายังคงนอนซมไม่ได้สติ ใบหน้าแดงก่ำจากพิษไข้ ลมหายใจแ่เบาราวกับจะดับมอดได้ทุกเมื่อ
ความเ็ปและความอ่อนล้าทั้งหมดมลายหายไปทันที ถูกแทนที่ด้วยความเป็ห่วงจนจับขั้วหัวใจ นางรีบเข้าไปวัดไข้ที่หน้าผากน้องชาย
"เทียนฉี่ รายงานอาการ!"
[อุณหภูมิร่างกาย 40.1 องศาเซลเซียส... อัตราการรอดชีวิตลดลงเหลือ 1.8%]
"เหลือเวลาไม่มากแล้ว!"
นางไม่รอช้า จัดการก่อไฟในเตาดินเก่าๆ ด้วยความยากลำบาก มือที่สั่นเทาทำถ่านหินร่วงหล่นไปหลายครั้ง แต่ในที่สุดเปลวไฟสีส้มก็ลุกโชนขึ้น มอบทั้งแสงสว่างและความหวังให้แก่กระท่อมที่มืดมิด
ไม่นานนัก เสียงฝีเท้าและเสียงสบถอย่างไม่พอใจก็ดังขึ้นที่หน้าประตู ลูกสมุนคนหนึ่งของหัวหมู่จ้าวโยนห่อผ้าใบใหญ่เข้ามาอย่างแรง มันคือเครื่องมือปรุงยาของหมอเฉินตามที่นาง้า
นางไม่สนใจท่าทีหยาบคายนั้น รีบแกะห่อผ้าออกอย่างรวดเร็ว ดวงตาของนักวิทยาศาสตร์เปล่งประกายขึ้นมาทันที แม้มันจะเป็เพียงเครื่องมือโบราณ แต่ในสายตาของนาง มันคือเครื่องมือช่วยชีวิตชั้นยอด!
นางใช้ถ้วยบด บดรากหวงเหลียนส่วนหนึ่งอย่างละเอียดที่สุด ใช้เครื่องชั่งที่ทำจากไม้และตุ้มถ่วงหินชั่งตวงส่วนผสมอย่างแม่นยำตามที่เทียนฉี่ คำนวณให้ นี่ไม่ใช่การปรุงยาตามตำราโบราณ แต่เป็การสกัดสารออกฤทธิ์ด้วยภูมิปัญญาแห่งอนาคตในข้อจำกัดของยุคสมัย!
นางต้มน้ำจนเดือดพล่าน ใส่สมุนไพรบดลงไปควบคุมอุณหภูมิไม่ให้สูงเกินไปเพื่อรักษาสรรพคุณของยา กลิ่นขมของหวงเหลียนลอยฟุ้งไปทั่วกระท่อม มันเป็กลิ่นที่น่าสะอิดสะเอียนสำหรับคนทั่วไป แต่สำหรับลู่เมิ่งในยามนี้... มันคือกลิ่นหอมของความหวัง
เมื่อยาได้ที่แล้ว นางค่อยๆ รินยาที่มีสีเหลืองเข้มราวกับทองคำออกมา เป่ามันจนอุ่น แล้วค่อยๆ ประคองศีรษะของอาเป่าขึ้นมา
"อาเป่า... ดื่มยานะคนดี... ดื่มมันเข้าไปแล้วเ้าจะหาย" นางพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่เคยพูดมาในชีวิตนี้ ค่อยๆ ป้อนยาที่ขมปร่าเข้าปากน้องชายทีละช้อน
เด็กน้อยขมวดคิ้วด้วยความขม แต่ก็ยอมกลืนลงไปแต่โดยดี อาจเพราะสัญชาตญาณ หรืออาจเพราะััได้ถึงความรักและความห่วงใยจากพี่สาว
หลังจากป้อนยาเสร็จ ลู่เมิ่งก็เช็ดตัวให้น้องชายอีกครั้ง นางนั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ ไม่ยอมห่างสายตา เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า... หนึ่งเค่อ... สองเค่อ...
จนกระทั่งแสงแรกของรุ่งอรุณสาดส่องเข้ามาทางรอยแตกของกระท่อม...
"อืม..."
เสียงครางแ่เบาหลุดออกมาจากริมฝีปากของอาเป่า เปลือกตาของเขาขยับเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ปรือขึ้นช้าๆ
ดวงตาที่เคยขุ่นมัวจากพิษไข้ของอาเป่า บัดนี้แม้จะยังอ่อนล้า แต่ก็เริ่มฉายแววสับสนและรับรู้ เขามองเพดานที่ผุพังอย่างเลื่อนลอย ก่อนจะหันมาสบตากับพี่สาวที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างๆ
"พี่... พี่หญิง..."
เสียงของเขายังคงแหบแห้ง แต่ไม่ได้ขาดห้วงและแ่เบาเหมือนเมื่อคืนอีกต่อไปแล้ว
วินาทีนั้น โลกทั้งใบของลู่เมิ่งที่เคยเป็สีเทาและหนักอึ้ง พลันสว่างวาบขึ้นมาทันที กำแพงแห่งความเข้มแข็งที่นางสร้างขึ้นพังทลายลงในพริบตา น้ำตาที่อัดอั้นไว้ไหลทะลักออกมาอย่างไม่อาจควบคุมมันไม่ใช่น้ำตาแห่งความสิ้นหวังอีกต่อไป แต่เป็น้ำตาแห่งความยินดี...แห่งการปลดปล่อย
"อาเป่า! เ้าฟื้นแล้ว! เ้ารู้สึกเป็อย่างไรบ้าง!" นางโผเข้าไปกุมมือน้องชายไว้แน่น ััได้ว่าความร้อนจากร่างกายของเขาลดลงอย่างเห็นได้ชัด
[กำลังสแกน... อุณหภูมิร่างกาย 38.1 องศาเซลเซียส... อัตราการเต้นของหัวใจเริ่มคงที่... อัตราการรอดชีวิตเพิ่มขึ้นเป็ 35.7%... คำเตือน ยังไม่พ้นขีดอันตราย แต่พ้นภาวะวิกฤตแล้ว]
ลู่เมิ่งยิ้มออกมาทั้งน้ำตา "ดี... ดีจริงๆ ..."
นางรีบนำยาที่อุ่นไว้มาป้อนให้น้องชายอีกครั้ง แม้อาเป่าจะทำหน้าเบ้ด้วยความขม แต่เมื่อเห็นน้ำตาของพี่สาว เขาก็ยอมดื่มมันจนหมดแต่โดยดี
"พี่หญิง... ท่านไม่ได้นอนเลยหรือ?" อาเป่าถามพลางยกมือเล็กๆ ที่สั่นเทาขึ้นมาเช็ดน้ำตาให้พี่สาวอย่างแ่เบา
การกระทำเล็กๆ น้อยๆ นั้นราวกับน้ำอุ่นที่ชโลมลงบนหัวใจที่เหน็บหนาวของลู่เมิ่ง มันทำให้นางตระหนักว่าการต่อสู้ทั้งหมดที่ผ่านมานั้นคุ้มค่าเพียงใด นางส่ายหน้าเบาๆ ส่งยิ้มที่อ่อนโยนที่สุดให้น้องชาย "พี่ไม่เป็ไรแค่เ้าหายดี พี่ก็มีแรงสู้กับคนได้ทั้งโลก แล้ว"
นางประคองให้น้องชายนอนลงอีกครั้ง "นอนพักเสียนะ ยิ่งพักผ่อนมากเท่าไหร่ เ้าก็จะยิ่งหายเร็วขึ้นเท่านั้น"
ไม่นานนัก อาเป่าก็ผล็อยหลับไปอีกครั้งด้วยฤทธิ์ยาและความอ่อนเพลีย แต่ครั้งนี้ ลมหายใจของเขาสม่ำเสมอขึ้น ใบหน้าที่เคยแดงก่ำก็เริ่มกลับมามีสีซีดปกติแล้ว
หลังจากป้อนยาให้อาเป่าและเห็นว่าไข้ของเขาลดลงแล้ว ความโล่งใจจึงถาโถมเข้ามา
นางมองไปรอบๆ กระท่อมอีกครั้ง มองก้อนไขมันสัตว์ที่แขวนอยู่บนขื่อ...
"เทียนฉี่ วิเคราะห์ส่วนประกอบของไขมันสัตว์นี่ซิ"
[กำลังสแกน... เป็ไขมันจากสุกร มีกรดไขมันอิ่มตัวสูง... สามารถนำไปทำสบู่หรือใช้เป็เชื้อเพลิงได้]
"สบู่..." คำนี้จุดประกายความคิดของนางขึ้นมาทันที! มันคือหนทางแห่งการเอาตัวรอดที่ยั่งยืน!
ในยุคสมัยที่ผู้คนใช้เพียงขี้เถ้าหรือถั่วซักล้างในการทำความสะอาด ซึ่งมีฤทธิ์กัดกร่อนและไม่สะดวกในการใช้งาน หากนางสามารถผลิตสบู่ก้อนที่มีฟองนุ่มนวลและชำระล้างสิ่งสกปรกได้ดีกว่า มันจะต้องขายได้ราคาอย่างแน่นอน! ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็สินค้าที่จำเป็ สามารถขายได้ในวงกว้าง ไม่จำกัดแค่คนป่วยเหมือนยา
นี่คือหนทางที่จะทำให้นางและน้องชายหลุดพ้นจากความยากจนได้อย่างยั่งยืน!
ปัญหาคือ การทำสบู่ต้องใช้ด่างที่เข้มข้น ซึ่งได้จากการนำขี้เถ้ามาละลายน้ำแล้วกรอง แต่น้ำด่างขี้เถ้าแบบโบราณนั้นควบคุมความเข้มข้นได้ยากและมีสิ่งเจือปนเยอะ
แต่สำหรับนักเคมีอย่างนาง นี่ไม่ใช่ปัญหาเลย!
นางเริ่มลงมือทันที นำขี้เถ้าจากเตามาละลายน้ำในหม้อดินอีกใบ ทิ้งไว้ให้ตกตะกอน แล้วค่อยๆ รินเฉพาะส่วนน้ำใสออกมา เทียนฉี่ช่วยนางคำนวณความหนาแน่นและความเข้มข้นโดยประมาณจากการสังเกต การลอยตัวของเมล็ดพืชที่นางโยนลงไปทดสอบ
จากนั้น นางนำไขมันสัตว์มาเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ จนกลายเป็น้ำมันใส แล้วค่อยๆ เทน้ำด่างที่เตรียมไว้ลงไปช้าๆ พร้อมกับคนอย่างสม่ำเสมอด้วยกิ่งไม้ นี่คือขั้นตอนที่เรียกว่า Saponification หรือปฏิกิริยาการเกิดสบู่ ซึ่งต้องอาศัยทั้งความร้อนและเวลาที่เหมาะสม
ขณะที่นางกำลังง่วนอยู่กับการทดลองครั้งสำคัญ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นที่หน้าประตู เป็เสียงเคาะเบาๆ อย่างมีมารยาท ไม่ใช่การถีบประตูเหมือนเมื่อคืน
ลู่เมิ่งหันไปมองอย่างระแวดระวัง ก่อนจะเห็นลูกสมุนคนเดิมของหัวหมู่จ้าวยืนทำหน้า เจื่อนๆ พร้อมกับตะกร้าอาหารใบใหญ่ในมือ
"เอ่อ...ท่านหัวหน้าให้ข้านำอาหารเช้ามาส่ง"เขาพูดพลางวางตะกร้าลงอย่างนอบน้อมแล้วรีบถอยห่างไปราวกับกลัวว่านางจะปล่อยพิษใส่
ลู่เมิ่งเปิดตะกร้าดู ในนั้นมีทั้งข้าวต้มร้อนๆ หมั่นโถวเนื้อนุ่ม และกับข้าวอีกสองสามอย่างที่ส่งกลิ่นหอมฉุย มันคืออาหารที่ดีที่สุดที่นางเคยเห็นนับั้แ่ทะลุมิติมา
นางไม่ได้แตะต้องมันทันที แต่ใช้เข็มเงินที่เ้าของร่างเดิมใช้เย็บผ้า (ซึ่งนางทำความสะอาดแล้ว) จิ้มลงไปในอาหารทุกอย่างเพื่อทดสอบพิษเบื้องต้น แม้จะรู้ว่าหัวหมู่จ้าวไม่น่าจะโง่พอที่จะวางยานางในตอนนี้ แต่ความรอบคอบคือสิ่งที่ จะทำให้นางรอดชีวิต
เมื่อแน่ใจว่าปลอดภัย นางจึงแบ่งข้าวต้มส่วนหนึ่งไปป้อนอาเป่าที่เพิ่งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนที่เหลือนางก็จัดการกินเสียเองอย่างรวดเร็ว ร่างกายที่หิวโซมานาน้าพลังงานอย่างเร่งด่วน
ตลอดทั้งวันนั้น นางทุ่มเทให้กับการทำสบู่และการดูแลน้องชายสลับกันไป นางทดลองผสมผงสมุนไพรบางชนิดที่หาได้รอบกระท่อมลงไปเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม อ่อนๆ แม้จะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่สบู่ก้อนแรกในชีวิตใหม่ของนางก็เริ่มก่อร่างขึ้นเป็ไขสีขาวขุ่นในหม้อทองแดง
เมื่อตะวันคล้อยต่ำ อาหารเย็นก็ถูกนำมาส่งเช่นเคย ชีวิตที่เคยอดมื้อกินมื้อ บัดนี้กลับมีอาหารดีๆ กินครบสามมื้อ นี่คืออำนาจที่ได้มาจากการใช้สติปัญญาข่มขู่ มันช่างหอมหวานแต่ก็แฝงไว้ด้วยอันตราย
คืนนั้น... หลังจากป้อนยาและอาหารเย็นให้อาเป่าจนหลับไปแล้ว ลู่เมิ่งก็นั่งลงข้างๆ เตาไฟ มองดูสบู่ที่เริ่มแข็งตัวในแม่พิมพ์ดินเหนียวที่นางทำขึ้นเอง
นางหยิบถุงเงินห้าสิบตำลึงขึ้นมา มันหนักอึ้งอยู่ในมือ เงินจำนวนนี้อาจจะมากพอให้ชาวบ้านธรรมดาอยู่ได้อย่างสบายไปหลายปี แต่นางรู้ดี... มันไม่เคยพอ
"เทียนฉี่ ยาถอนพิษที่ข้าต้องปรุงให้หัวหมู่จ้าว... ใช้ต้นทุนเท่าไหร่?"
[กำลังคำนวณ... หากอ้างอิงจากราคาตลาดของสมุนไพรทั่วไปที่ใช้ในการลวง... ต้นทุนอยู่ที่ประมาณสองตำลึง]
ลู่เมิ่งยิ้มหยัน "กำไรเกือบยี่สิบห้าเท่า แถมยังได้อาหารฟรีอีกเจ็ดวัน... การค้าที่ใช้ความกลัวเป็เครื่องมือช่างได้กำไรงามเสียจริง"
แต่ในใจนางรู้ดีว่านี่เป็เพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น นางไม่อาจใช้คำขู่เื่ยาพิษไปได้ตลอดชีวิต นางต้องยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ต้องสร้างอาณาจักรของนางขึ้นมา
นางมองไปที่ก้อนสบู่สีขาวขุ่น... แล้วมองไปยังน้องชายที่กำลังหลับใหลอย่างเป็สุข...
แววตาของนางทอประกายแห่งความหวังและความมุ่งมั่นอันแรงกล้า
"นี่เป็เพียงก้าวแรกเท่านั้น... อาเป่า" นางกระซิบกับความมืด "พี่หญิงจะเปลี่ยนไขมันสัตว์ที่ไร้ค่าพวกนี้ ให้กลายเป็ทองคำ จะเปลี่ยนกระท่อมผุพังหลังนี้ให้กลายเป็ปราสาท และจะเปลี่ยนชะตากรรมที่ถูกเหยียบย่ำของพวกเรา...ให้สูงส่งจนไม่มีใครกล้าแตะต้อง!"
เปลวไฟในเตาสะท้อนแววตาอันมุ่งมั่นของนาง ราวกับเป็แสงแห่งการเริ่มต้นของตำนานบทใหม่ที่กำลังจะสั่นะเืไปทั่วทั้งแผ่นดิน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้