กลุ่มเซินถูเจ๋อทั้งสามคนนั้นอดทนต่อความร้อนได้ ทั้งยังมีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งซึ่งมีเกราะคุ้มกาย พลังงานความร้อนที่กระทบนั้นเลยมีเพียงเล็กน้อย ดังนั้น พวกเขาสามคนจึงมาถึงปลายทางได้อย่างง่ายดาย
เดิมเซินถูเจ๋อคิดว่าอาจจะต้องรอสักสิบนาทีถึงจะเข้าสู่รอบต่อไปได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่า จะมีคนตามมาได้เร็วขนาดนี้
เิหยูเยียนเองก็หันมามองดูิอวี่เหมือนกัน
เซินถูเจ๋อสังเกตเห็นพอดี เขาคิดว่าตนเองนั้นโดดเด่นที่สุดแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าิอวี่จะกลายเป็ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าคนแรกที่มาถึง และเหมือนจะได้รับความสนใจจากเิหยูเยียนด้วย มันทำให้เขาไม่พอใจ
“เร็วดีนิ ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าเท่านั้นเอง แต่สามารถมาถึงที่นี่ได้เร็วขนาดนี้ เ้าไม่เลวเลยนะ พยายามเข้าล่ะ”
เิหยูเยียนมองมาที่ิอวี่และยิ้มให้กับเขา เป็มารยาทที่ทำให้คนเห็นรู้สึกสบายใจ
เห็นท่าทีของเิหยูเยียนแล้ว ไม่ว่าจะเป็เซินถูเจ๋อหรือถังเฉินก็มีท่าทางที่ดูเปลี่ยนไป เิหยูเยียนเหมือนจะมีมารยาทแบบนี้กับทุกคน?
“ขอบคุณพี่หยูเยียนที่ชม” ิอวี่ก็ตอบกลับมาแบบมีมารยาทเช่นกัน
“หือ?”
เิหยูเยียนถามขึ้นมาด้วยความสงสัย “เ้ารู้ชื่อกับอายุของข้าหรือ?”
เิหยูเยียนมีชื่อเสียงอย่างมากในหลายๆ ราชวงศ์ การรู้ชื่อนางจึงไม่แปลก แต่นางทำอะไรเรียบง่าย ไม่เคยป่าวประกาศอายุของตัวเองออกไปเลย การที่ิอวี่เรียกนางว่า “พี่” มันทำให้นางรู้สึกแปลกใจ ในสายตาแล้วิอวี่ไม่น่าจะรู้อายุของนาง
ิอวี่อึ้งไป จากนั้นก็ส่ายหน้าด้วยความจนใจ “ก่อนหน้านี้เราเจอกันที่พื้นที่รกร้าง พี่สาวของท่านอีกสองคนยังเคยแนะนำตัวทำความรู้จักกันอยู่เลย ข้าชื่อิอวี่ ท่านลืมไปแล้วหรือ?”
“ิอวี่ ... ”
เิหยูเยียนขมวดคิ้วอยู่ครู่หนึ่งนางถึงจะนึกออก ก่อนหน้านี้ที่ชายแดนราชวงศ์เทียนชาง นางกับิอวี่เหมือนเคยเจอกันมาก่อนจริงๆ
เพียงแต่นางลืมิอวี่ไปแล้ว
ไม่ใช่เพราะิอวี่หน้าตาธรรมดาเลยทำให้คนหลงลืมได้ง่าย แต่เิหยูเยียนนั้นเจอผู้ชายโดดเด่นมามากมาย เมื่อเวลานานไป หลายต่อหลายคนนางก็จำไม่ได้แล้ว แล้วก็ไม่อยากจำด้วย
“อ๋อ ข้านึกออกแล้ว ขอโทษด้วยนะ ก่อนหน้านี้ข้ามัวแต่คิดเื่อื่นอยู่ ดังนั้น ... ” เิหยูเยียนยิ้มแล้วก็ขอโทษ
“ไม่เป็ไร มีวาสนาอย่างไรก็ได้เจอกันอีก”
ต่อให้เป็โพธิสัตว์ก็ยังมีความโกรธ ความรู้สึกถูกคนหลงลืมแบบนี้ิอวี่ไม่มีทางอารมณ์ดีแน่ ในเมื่อเิหยูเยียนไม่ได้คิดอยากจะรู้จักเขา ิอวี่เองก็ไม่อยากจะไปเข้าหา ดังนั้นเขาเลยตอบกลับไปแบบส่งๆ แล้วยืนอยู่ข้างๆ และเริ่มดูดลมปราณโดยรอบเพื่อฟื้นฟูกำลังกาย
สิ่งที่เกิดขึ้นทุกอย่างมันเป็เื่เล็กน้อย ิอวี่ต้องรักษาสถานะสูงสุดเอาไว้ มีเพียงแบบนี้เท่านั้น การทดสอบในด่านต่อไปเขาถึงจะมีโอกาสผ่านไปได้!
เพียงแต่ ท่าทีของิอวี่ในสายตาของเิหยูเยียน มันเหมือนการเสแสร้งทำตัวสูงส่ง
นางเจอผู้ชายที่ทำแบบนี้มานักต่อนักแล้ว แต่ว่าไม่มีประโยชน์ เิหยูเยียนไม่หลงกลแน่ หรือพูดอีกอย่างก็คือนางไม่ได้สนใจในตัวของิอวี่เลย
พอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ในสายตาของเซินถูเจ๋อนั้นก็เหมือนจะได้ใจ ก่อนหน้านี้เขายังกังวลอยู่เลยว่าเิหยูเยียนจะไปสนใจิอวี่ แต่ก็ได้เห็นแล้วเห็นว่านางแทบจะไม่ได้อยากสนใจิอวี่เลย
แต่พอลองคิดอีกทีมันก็ต้องเป็อย่างนั้นอยู่แล้ว ิอวี่ต่อให้เป็คนโดดเด่นที่สุดในหมู่ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้า แต่เขาก็ยังมีแค่ขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้า ในด้านพร์ ยังเทียบพวกเขาไม่ได้เลย
ผู้หญิงหัวสูงอย่างเิหยูเยียน จะไปมองผู้ชายที่มีพลังฝีมือต่ำกว่านางได้อย่างไร? นางไม่มีทางสนใจิอวี่แน่ มีแค่ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งอย่างเขาเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิเข้าเป็ตัวเลือกของเิหยูเยียน
พอคิดได้แบบนี้ก็เหลือบปลายตาไปมองเิหยูเยียนอีกครั้ง นางงดงามราวกับเทพธิดา ใบหน้าอันสวยงาม ผิวพรรณที่เรียบเนียน ที่เหมือนแค่เป่าก็สามารถแตกออกได้แล้ว บนตัวของนางยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ โชยมาอีก รูปร่างก็สมส่วน ภายใต้ชุดสีแดง มีหน้าอกที่อวบอิ่ม ทรวดทรงองเอวก็ได้รูป ขาเรียวยาวสวย ...
นางเอาผมทัดหูโดยไม่รู้ตัว ริมฝีปากของนางดูนุ่มนิ่ม ดวงตาเป็ประกาย สายตาไม่มีความยั่วยวนใดๆ เลย แต่กลับกันมันดูไร้เดียงสา ดูเป็ผู้หญิง ทำให้คนรู้สึกสบายใจและสดชื่น
ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็แบบนั้น แต่ความสง่างามและความเร่าร้อนบนเรือนร่าง มันทำให้นางดูเซ็กซี่อย่างมาก กลายเป็จุดดึงดูดที่ไม่ว่าใครก็ไม่อาจละสายตาไปได้
เซินถูเจ๋อมองดูจนกลายเป็จ้อง ถึงแม้เปลือกนอกของเขาจะดูนิ่ง แต่ในใจของเขานั้นหวั่นไหวอย่างมาก
เขาแอบตัดสินใจเลยว่า วันนี้เขาจะต้องแสดงให้ดีที่สุดต่อหน้าเหล่าผู้าุโเพื่อกลายเป็คนที่โดดเด่นคนนั้น เขาจะต้องใช้วิธีการที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง เพื่อทำให้สมบัติล้ำค่าที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ยอมรับในตัวเขาให้ได้
“โอ๊ย!”
ในเวลานี้ ด้านหน้าตรงบริเวณทะเลเพลิงก็มีเสียงร้องดังขึ้น เหมือนมีลูกไฟลูกหนึ่งกลิ้งมาถึงปลายทางและชนเข้ากับผนังหินจนเกิดเสียงดัง
คนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือถังซื่อหรงนั่นเอง
“เฮ้อ ... เฮ้อ ... ” ถังซื่อหรงลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก สีหน้าของเขาถูกแผดเผาจนไหม้เกรียม หัวของเขาแตกจนเืไหล มีควันโขมง และมีกลิ่นเนื้อไหม้โชยมาด้วย ...
“ ... เ้าไม่เป็ไรใช่ไหม?”
ิอวี่มองเห็นสภาพถังซื่อหรงก็ทำได้แค่อดทน เขาเกือบจะหัวเราะออกมาอยู่แล้ว
“ข้าจะเป็อะไรได้อย่างไร!”
ถังซื่อหรงพูดขึ้นมาทันทีเลยว่า “ถ้าข้าไม่วิ่งเร็วเกินไปจนสะดุด ก็คงไม่ต้องาเ็แบบนี้ ความกังวลพันอย่างในคนฉลาดคือเมื่อไหร่จะล้มเหลว ความกังวลพันอย่างของคนโง่คือเมื่อไหร่จะมีโอกาส นี่แหละหลักการ”
ถังซื่อหรงไม่เพียงปลอบใจตัวเอง แต่ยังเป็การทับถมิอวี่ด้วย
แต่พูดกันตามตรง ิอวี่ก็ี้เีจะไปสนใจอะไรด้วย เพราะสิ่งที่เขาสนใจไม่ใช่ถังซื่อหรง แต่เป็ผลการทดสอบและการได้รับการยอมรับจากเหล่าผู้าุโ
ดังนั้น ิอวี่จึงแค่ตอบรับ แต่ไม่ได้สนใจอะไรถังซื่อหรงเลย
ท่าทางที่เ็าแบบนี้ มันทำให้ถังซื่อหรงนั้นโกรธมาก!
หมายความว่าอย่างไร? ไม่สนใจข้า? แน่ล่ะ ข้ายอมรับ ด้านความอดทนต่อความร้อนเ้าอาจจะมีมากกว่า แต่อย่าคิดว่าแค่นี้ก็ถือเป็ความสามารถใหญ่หลวงอะไร หากลงมือต่อสู้กันจริงๆ แล้ว เ้าจะรู้ว่าข้าแข็งแกร่งแค่ไหน!
ด่านต่อไปก็คือเวลาที่ข้าจะทำให้เ้าได้รู้ว่าข้าร้ายกาจแค่ไหน!
ถึงแม้ถังซื่อหรงจะไม่ใช่ผู้มีความสามารถที่โดดเด่นที่สุด แต่อย่างไรเขาก็ยังเป็ดาวเด่นในราชวงศ์ของเขา เขารู้ว่าความสามารถของตัวเองเป็อย่างไรถึงได้ตัดสินใจแบบนี้
เพราะความมั่นใจนั้นมาจากความสามารถ
ในใจของเขามีความโกรธ ถังซื่อหรงหยิบยาบำรุงหนึ่งเม็ดมาจากแหวนเก็บของ และฟื้นฟูพลังงานในร่างกายอย่างเต็มที่
หลังจากผ่านอุปสรรคมานิดหน่อย ิอวี่ก็ยังยืนปรับสภาพร่างกายอยู่ที่เดิม เพื่อฟื้นฟูลมปราณที่เสียไปจากการฝ่าด่านเมื่อครู่มา
ภายในสองนาที มีผู้กล้าจำนวนไม่น้อยที่ฝ่าทะเลเพลิงมาจนถึงเส้นชัย บางคนก็สภาพดีหน่อย บางคนก็เหมือนกับพวกถังซื่อหรงที่ลมปราณปั่นป่วน ดูาเ็ไม่น้อยเลย
ในที่สุดก็ผ่านไปหนึ่งนาทีอย่างรวดเร็ว ฝั่งตรงกันข้ามของทะเลเพลิงนั้นมีผู้คนจำนวนกว่าหนึ่งพันคน แต่ว่าครั้งนี้เหมือนจะน้อยลงไปอีกเจ็ดร้อยกว่าคน!
ตอนนี้ เหลือผู้กล้าแค่หนึ่งพันคนเท่านั้น
นึกภาพไม่ออกเลยว่า บททดสอบแรกของสายเลี่ยนเหยียนกลับคัดคนออกไปมากขนาดนี้ ผู้กล้าพวกนั้นอาจจะมีความสามารถไม่ถึงขั้น หรืออาจจะไม่ได้มีความสามารถในด้านนี้แต่มีในด้านอื่นที่ไม่ใช่ธาตุไฟ แต่เพราะสาเหตุนี้พวกเขาถึงไม่เหมาะที่จะเข้าสำนักเทพอัคคีและถูกคัดออก
“ยินดีกับผู้กล้าหนึ่งพันยี่สิบเอ็ดคนด้วย เมื่อเข้าสู่ด่านที่สอง พวกเ้าก็จะรู้ถึงกฎในการทดสอบ ตอนนี้ เริ่มการทดสอบได้” เสียงของลู่เฟิงดังขึ้นมาอีกครั้ง และดังสนั่นไปทั่ว
ถึงแม้ทุกคนจะไม่เห็นเงาของลู่เฟิงเลย แต่พวกเขาก็เข้าใจดีว่าลู่เฟิงจับตาดูพวกเขาอยู่ตลอดเวลา
เขาเป็ผู้กล้าขอบเขตอมฤตขั้นที่ห้า สิ่งที่ทุกคนทำล้วนอยู่ในสายตาของลู่เฟิง ดังนั้น ถึงแม้ในถ้ำจะดูเหมือนไม่มีเ้าหน้าที่ตรวจสอบ แต่ทุกคนก็เหมือนรู้ดีแก่ใจ จึงแทบไม่มีใครกล้าเล่นลูกไม้อะไรเลย
ในเวลานี้ ผนังถ้ำค่อยๆ ผุดขึ้นมาจนเกิดเป็ปากถ้ำขนาดใหญ่!
ูเาลูกนี้เชื่อมต่อกับูเาลูกที่อยู่ถัดไป บททดสอบรอบที่สองก็จะเริ่มต้นขึ้นทีู่เาลูกที่สองนี้
ิอวี่ไม่ได้มีความลังเลใดๆ เขากับคนอื่นๆ เดินเข้าไปในถ้ำแห่งนั้น และในเวลานี้เอง ปากถ้ำด้านหน้าก็ผิดเพี้ยนไป ทุกคนถูกดูดเข้าไปในพื้นที่ที่แตกต่างจากเดิม
คนทั้งหนึ่งพันยี่สิบเอ็ดคน ทั้งหมดถูกพลังงานในพื้นที่แยกออกจากกัน แต่ละคนอยู่ในพื้นที่ของตัวเองทั้งหมดหนึ่งพันยี่สิบเอ็ดพื้นที่!
ิอวี่รู้สึกเวียนหัว ก่อนจะตกลงมาอยู่บนพื้น
เขามองไปรอบๆ ก็พบว่ามันเป็พื้นที่ปิดประมาณสามสิบตารางเมตรที่ทำจากหินสีดำ
ตรงกลางเพดานและผนังหินมีแก้วเปล่งแสงสีขาวออกมาทำให้ดูสว่างไสว
เส้นสีม่วงดำที่ล้อมรอบพื้นที่คับแคบก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน ดูเหมือนจะมีลำแสงพลังงานบางอย่างไหลอยู่ในนั้นด้วย
ิอวี่เปิดััแห่งิญญาขึ้นมาและมองสำรวจไปทั่วบริเวณ แล้วเขาก็ต้องใว่า ในพื้นที่แห่งนี้มันยังมีพื้นที่มิติอีกมากมายอยู่ และทั้งหมดก็ถูกแสงสีม่วงดำที่ว่านี้ห้อมล้อม
ในตอนนี้ิอวี่ถึงได้เข้าใจ แสงสีดำม่วงที่ว่าน่าจะเป็ลายเส้นอักขระ ซึ่งลายเส้นอักขระเหล่านี้ทำการแบ่งพื้นที่ออกเป็หลายส่วนทำให้ทุกคนอยู่ในมิติของตัวเอง ส่วนหินสีดำนั้นก็ไม่ใช่หินจริงๆ ทั้งหมด มันเป็แค่ของจำลองขึ้นมาเท่านั้น
คนกว่าหนึ่งพันคนสามารถถูกแบ่งได้อย่างละเอียดยิบและอยู่ในมิติที่มั่นคงมากแบบนี้ ปกติแล้วนี่เป็งานก่อสร้างที่ใหญ่มาก แต่สำนักเทพอัคคีกลับใช้มันเป็หนึ่งในเครื่องมือสำหรับการทดสอบ แสดงให้เห็นว่าสำนักเทพอัคคีไม่ธรรมดาเลย มันไม่ใช่สิ่งที่ราชวงศ์ของิอวี่จะทำได้เลย
“สวัสดี ยินดีต้อนรับสู่ด่านที่สอง” ทันใดนั้นเองก็มีเสียงๆ หนึ่งดังขึ้นมาในพื้นที่
“ใคร?”
ิอวี่มองไปด้วยความระวังก็พบว่าพื้นที่ด้านหน้านั้นมีแสงสีขาวปรากฏขึ้น และกำลังค่อยๆ เดินมาหาเขา
