แต่ทว่า เขาไม่ได้เข้ามาในมหาวิทยาลัยนานแล้ว เขารู้สึกคิดถึงชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัยจริงๆ! แต่ตอนนี้เหตุการณ์มันเปลี่ยนแปลงไปแล้วนักศึกษาที่เคยแอบสัปหงกคนนั้น ตอนนี้กลับจะยืนอยู่บนแท่นบรรยายเพื่อบรรยายให้กับนักศึกษามหาวิทยาลัยคนอื่นๆมันช่างเป็เื่ที่น่าสนใจจริงๆ!
ผ่านไปไม่กี่นาที ออดเริ่มเรียนก็ดังขึ้น
หลี่ชิงเมิ่งเป็คนเดินเข้ามาให้ห้องเรียนก่อนหลังจากนั้นหลินเยว่ก็เดินตามท่านฉางไท่เข้ามา
ขณะที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องเรียนนั้นสายตาของนักศึกษาทุกคนต่างมองมาที่หลินเยว่เป็จุดเดียวในสายตาของพวกเขาแฝงไปด้วยความคาดหวัง มีความชื่นชม มีความสงสัย มีการเหยียดหยามและมีความรู้สึกอื่นๆ อีกมากมาย
ท่ามกลางสายตาเหล่านี้หลินเยว่ก็ยังคงเป็ตัวของตัวเองเช่นเคย เขามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอยู่ตลอดเวลาตอนนี้เขาได้เข้าสู่สถานะของผู้บรรยายเรียบร้อยแล้ว
“ผมจำได้ว่าเมื่อครึ่งเดือนก่อน ในห้องเรียนแห่งนี้ผมได้สอนบทเรียนบทหนึ่งให้กับพวกคุณ ได้เล่าเื่ราวของคนคนหนึ่งที่น่ามหัศจรรย์เขาสามารถทำในสิ่งที่พวกคุณทั้งหมดในที่แห่งนี้ทำไม่สำเร็จ หลังจากที่ผมบรรยายแล้วก็มีนักศึกษาหลายคนรู้สึกไม่เชื่อ รู้สึกอยากจะเห็นคนสุดยอดที่ผมเอ่ยถึงเช่นนี้ว่ามีหน้าตาเป็อย่างไรด้วยตาของตนเองอยากจะเห็นว่าเขามีสามเศียรหกกร สามารถทำได้ทุกอย่างหรือไม่เขาจะมีความเก่งสุดยอดตามที่ผมเอ่ยถึงจริงๆ หรือเปล่า วันนี้ ผมได้พาเขาคนนั้นมาแล้วทุกคนต้อนรับเขาสิ”
คำพูดของท่านฉางไท่ทำให้นักศึกษาที่ฟังอยู่ต่างหลุดหัวเราะแต่เมื่อพูดถึงตอนสุดท้ายนักศึกษาทุกคนจึงต่างปรบมือต้อนรับการมาถึงของหลินเยว่อย่างอบอุ่น ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้เกิดจากความรู้สึกจากใจจริงก็ตาม
ท่านฉางไท่หันหน้าไปหาหลินเยว่เพื่อส่งสัญญาณให้เขาหลินเยว่จึงพยักหน้ารับแล้วจึงเดินขึ้นไปบนแท่นของผู้บรรยาย
หลินเยว่ยืนอยู่หน้าชั้นพร้อมรอยยิ้มอย่างเยือกเย็นและไม่สะทกสะท้านเขาโค้งคำนับเล็กน้อยให้กับนักศึกษาทุกคน เมื่อเสียงปรบมือหยุดลง เขาจึงยิ้มพร้อมพูดขึ้น“ตอนนี้ทุกคนก็คงเห็นแล้วว่าผมไม่ได้มีสามเศียรหกกร”
เพียงประโยคนี้ประโยคเดียวก็สามารถทำให้ทุกคนหัวเราะออกมาแม้กระทั่งใบหน้าของหลี่ชิงเมิ่งก็มีรอยยิ้มเล็กน้อย
“และผมก็ไม่ได้ทำได้ทุกอย่าง เพราะหากผมสามารถทำได้ทุกอย่างจริงๆแล้วล่ะก็ ผมก็คงไม่ได้มายืนอยู่ที่นี่เพื่อแนะนำตนเองหรอกนะ ผมคงจะโอนเงินทั้งหมดจากธนาคารสวิสUBS AG มาเข้าในบัญชีของตัวเองหลังจากนั้นผมก็คงจะไปหาเกาะเล็กๆ สักแห่งในมหาสมุทรแปซิฟิกแล้วก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ที่นั่นแล้วล่ะ...ผมเป็แค่คนธรรมดาคนหนึ่งธรรมดาจนถึงขนาดที่ในทะเบียนบ้านและบัตรประจำตัวประชาชนของผมมีเพียงชื่อนามสกุลอันเรียบง่ายคือหลินเยว่ ต่อจากนั้นก็คือ ชาวฮั่น และที่สำคัญที่สุดก็คือจนบัดนี้ยังมีสถานะโสด......”
คำพูดของหลินเยว่ก็ทำให้ทุกคนที่ฟังอยู่ต่างหัวเราะและปรบมือขึ้นมาอีกครั้งนักศึกษาชายที่ค่อนข้างชอบเฮฮาบางคนก็ส่งเสียงเฮขึ้นซึ่งก็เป็การสร้างบรรยากาศหัวเราะอย่างคึกคักภายในห้องเรียนมากขึ้น
รอจนกระทั่งเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือหยุดลงหลินเยว่จึงพูดต่อ “ส่วนสำหรับเื่การผ่าธูปที่อาจารย์กล่าวไว้ ผมต้องขอชี้แจงในเื่เหล่านี้ก่อนข้อแรก นี่เป็เื่ที่ธรรมดามากเื่หนึ่ง ขอแค่คุณยืนหยัดต่อไปและพยายามเอาชนะตนเองในทุกๆ วัน คุณก็จะสามารถผ่าโดนธูป 6 ดอกในการลงมีด 10 ครั้ง หรืออาจจะทำได้มากยิ่งกว่านี้ ข้อที่สองการผ่าธูปเป็การสิ้นเปลืองเงินมาก ผมผ่าธูปทุกวันจนส่งผลให้ราคาธูปแถวบ้านผมขึ้นราคาแล้ว......”
“ฮ่าๆ......”
“แปะๆ......”
เกิดเสียงหัวเราะและเสียงปรบมือดังขึ้นทั่วทั้งห้องอีกครั้ง
เมื่อเสียงหัวเราะค่อยๆ เงียบลงก็มีนักศึกษาชายคนหนึ่งลุกขึ้นยืนด้วยตนเอง เขามองหลินเยว่นิ่ง “รุ่นพี่หลินเยว่ผมคิดว่ารุ่นพี่คงจะยินดีให้ผมเรียกเช่นนี้ถึงแม้ว่ารุ่นพี่จะไม่ได้เป็นักศึกษาของมหา’ลัยที่นี่”
นักศึกษาชายที่ลุกขึ้นยืนคนนี้ไม่ว่าจะมองที่ท่าทางหรือการแต่งตัวก็ดูเหมือนเป็พวกเด็กเกรียนประเภทนั้นและคนที่ร้องเฮเมื่อสักครู่ก็เป็เขาเช่นกัน
หลินเยว่พยักหน้า มันเป็เพียงคำเรียกเท่านั้นเองเขาจึงพูดตอบพร้อมยิ้มเล็กน้อย “การที่ได้ยินพวกคุณเรียกผมว่ารุ่นพี่ผมก็รู้สึกภาคภูมิใจอยู่เหมือนกัน เพราะตอนที่ผมเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยเป็เวลา 4ปีนั้นกลับไม่เคยได้ยินใครเรียกผมว่ารุ่นพี่เลยสักครั้งเมื่อก่อนเคยคิดว่ามันคงจะกลายเป็เื่ที่น่าเสียดายเื่หนึ่งคาดไม่ถึงว่าวันนี้ ณ มหาวิทยาลัยคุนิแห่งนี้กลับกลายเป็จริงขึ้นมา”
และก็เกิดเสียงหัวเราะดังทั่วห้องขึ้นมาอีกครั้ง
ท่านฉางไท่ที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดมองการแสดงออกของลูกศิษย์ของตนเองในตอนนี้ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อยตอนแรกท่านคิดว่าหลินเยว่จะยืนอยู่บนแท่นบรรยาย แนะนำตัวเองสั้นๆแล้วก็มุดตัวลงมาทันที คาดไม่ถึงว่าเมื่อเขาเริ่มพูด เขาก็สามารถสร้างบรรยากาศที่น่าสนใจได้ทันทีและก็ยังเป็คนควบคุมจังหวะการบรรยายทั้งหมดได้อย่างดี โดยไม่ถูกพวกนักศึกษาตัวแสบหลอกพาออกทะเล
ดวงตาคู่สวยของหลี่ชิงเมิ่งก็สะท้อนประกายแวววาวเธอมองหลินเยว่ด้วยสายตาที่แปลกไป
“รุ่นพี่ครับ ผมอยากจะถามรุ่นพี่หนึ่งคำถามตอนนี้รุ่นพี่สามารถผ่าธูปอย่างต่อเนื่องในครั้งเดียวได้ทั้งหมดกี่ดอกครับ”
เมื่อเสียงหัวเราะหยุดลง นักศึกษาชายจึงถามขึ้น
“เื่นี้คุณก็ต้องดูว่าเป็ธูปที่มีความยาวเท่าไรผมยังไม่เคยลองธูปที่มีความยาวหนึ่งเิเเลย”
“ถ้าเป็ธูปปกติล่ะครับ”
“13 ดอก”
หลินเยว่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
เป็น้ำเสียงราบเรียบ เบาและดูไม่ได้ใส่ใจมากนักแต่ทว่าน้ำเสียงนี้และจำนวนตัวเลขที่เอ่ยออกมาก็สามารถทำให้ทุกคนภายในห้องนี้เกิดอาการสั่นสะท้านไปทั้งร่างกายและจิตใจ
13 ดอก!!!
ช่างเป็ตัวเลขที่น่าทึ่งจริงๆ!
เมื่อครึ่งเดือนก่อนยังได้ยินว่าเขาผ่าต่อเนื่องเป็เวลา7 ดอกแต่ระยะเวลาสั้นๆ เพียงครึ่งเดือน เขากลับทำเพิ่มมากขึ้นได้เกือบหนึ่งเท่าตัว
ต้องมีความสามารถแบบไหนกันถึงจะทำให้เขาสามารถพัฒนาขึ้นได้มากเช่นนี้?
หรือว่าจะเป็ไปตามที่เขาพูดเมื่อสักครู่ คือการยืนหยัดและพยายามเอาชนะตนเองในทุกๆวันอย่างนั้นหรือ?
การยืนหยัดและการเอาชนะตนเองเป็คำที่ดูเรียบง่ายธรรมดาแต่ตัวเองจะสามารถทำได้หรือเปล่า?
นักศึกษาชั้นปี 1 ที่อยู่ในห้องนี้ต่างตกตะลึงจนต้องเอามือลูบหน้าอกพร้อมตั้งคำถามให้กับตนเองพวกเขาผ่าได้แค่ครึ่งดอกเท่านั้น มีบางคนที่สามารถผ่าได้ 1 ดอก อย่างมากที่สุดก็สามารถผ่าได้ 2 ดอกต่อเนื่องกัน และนี่ก็เป็ผลที่พวกเขาฝึกได้ในระยะเวลาเกือบหนึ่งปี
คนเราจะมีความแตกต่างกันขนาดนี้จริงๆ หรือ?
พวกเขามองรุ่นพี่ที่ยืนอยู่บนแท่นบรรยายด้านหน้า...เขามีอายุมากกว่าตนเองไม่กี่ปีเท่านั้น ดังนั้น ทุกคนจึงต่างรู้สึกผิดหวังกับตนเองว่าทำไมพวกเขาจึงเป็เช่นนี้
เมื่อได้ยินตัวเลข “13” นี้ ท่านฉางไท่ก็เกร็งไปทั้งตัวนี่มันเพิ่งผ่านไปไม่กี่วันเท่านั้น มันเป็เพียงระยะเวลาสั้นๆแต่ลูกศิษย์ของเขากลับสามารถพัฒนาได้มากขนาดนี้ จาก 7 ดอกไปถึง 13 ดอก นี่มันไม่ใช่การเพิ่มขึ้นอย่างง่ายดายเลยแต่มันเป็ความเหน็ดเหนื่อยที่ต้องทรมานจิตใจเพิ่มขึ้นไม่รู้ตั้งกี่เท่าต่อกี่เท่า
เฮ่อฉางเหอส่งลูกศิษย์ที่ดีคนหนึ่งมาให้เขาจริงๆ!
ท่านฉางไท่รำพึงกับตัวเองอย่างเงียบๆดูเหมือนว่าท่านจะมองเห็นความหวังที่หลินเยว่จะสามารถฟื้นฟูการแกะสลักแบบโบราณให้กลับมาปรากฏสู่โลกใบนี้อีกครั้งอีกทั้งยังมีโอกาสพัฒนาให้ก้าวไกลมากยิ่งขึ้น หากหลินเยว่ทำเื่นี้ไม่สำเร็จแล้วจะมีใครสามารถทำได้อีกล่ะ?
หลี่ชิงเมิ่งก็มองหลินเยว่อย่างอึ้งๆสายตาของเธอสะท้อนความไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เมื่อยี่สิบวันก่อนเธอเพิ่งเป็ประจักษ์พยานถึงความแม่นยำและวิธีการลงมีดราวกับเทพของหลินเยว่ตอนนั้นเธอรู้สึกว่าตัวเลข “7 ดอก”ก็มีความหนักอึ้งราวกับูเาไท่แล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยฝึกผ่าธูปด้วยตนเองแต่ทว่าเธอได้ยินถึงความเหน็ดเหนื่อยและความยากลำบากจากรุ่นน้องมากมาย เธอจึงเข้าใจเป็อย่างดีว่ามันยากขนาดไหน
แต่ทว่าเพียงระยะเวลาสั้นๆ 20 วัน เขากลับยกระดับจากูเาไท่จนกลายเป็ยอดเขาเอเวอเรสต์
นี่เป็เหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อเหตุการณ์หนึ่งจริงๆ
แต่ทว่าเขากลับทำได้สำเร็จ!
และทำให้สายตาของเธอที่มองหลินเยว่จึงมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
หลังจากความตกตะลึงอันยาวนานได้ผ่านพ้นไปในที่สุดก็มีคนได้สติกลับคืนมา คนคนนี้ก็คือนักศึกษาหญิงคนหนึ่ง เธอลุกขึ้นยืนพร้อมถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน“ขอถามรุ่นพี่หน่อยค่ะ รุ่นพี่ทำอย่างไรถึงสามารถเริ่มฝึกจาก 1 ดอกหรืออาจจะครึ่งดอกแล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นจนถึงตอนนี้ที่สามารถผ่าได้ 13 ดอกต่อเนื่องกันในครั้งเดียวคะ?เท่าที่ฉันรู้มา มีคนจำนวนมากที่ต้องหยุดอยู่ที่ 1 ดอก 2 ดอกหรือไม่ก็อยู่ที่ครึ่งดอกเท่านั้นรุ่นพี่บอกพวกเราได้ไหมคะว่ารุ่นพี่ทำได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินคำพูดตอนท้ายๆ ของหญิงสาวคนนี้นักศึกษาชายทุกคนรวมทั้งเด็กเกรียนคนนั้นต่างก้มหน้าอย่างละอายใจ
ขณะที่พวกเขากำลังดีอกดีใจที่สามารถผ่าต่อเนื่องได้2 ดอกนั้นกลับมีคนที่สามารถผ่าได้สูงถึง 13 ดอกภายในเวลาสองเดือนแล้วพวกเขาจะไม่รู้สึกละอายใจได้อย่างไรล่ะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้