"ดูเหมือนว่าสิ่งที่ท่านผู้นำตระกูลหานพูดก่อนหน้านี้จะเป็ความจริง ทายาทรุ่นนี้ของตระกูลหานช่างมีพร์ที่ยอดเยี่ยม" การโจมตีครั้งแรกพลาดเป้าหมาย แม้ถังชิงยุ่นจะประหลาดใจมากแต่ก็คืนสติได้อย่างรวดเร็ว เขาหยุดยืนนิ่งไม่ได้สาดฝ่ามือเข้ามาโจมตีต่อ กลับกันทำเพียงแย้มยิ้มอย่างมีความหมายและจ้องมองหานโม่ด้วยแววตาลุกโชน
หานโม่มองตาของถังชิงยุ่น
"เหมือนว่าสิ่งนี้จะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับท่านผู้าุโ" สีหน้าของหานโม่เ็ามาก ั้แ่ถังชิงยุ่นเริ่มเคลื่อนไหว รอบกายของนางราวกับก้อนน้ำแข็งที่ปล่อยไอเย็นออกมาตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาคู่นั้นที่ไม่มีระลอกคลื่นใดๆ ราวกับเป็ก้อนน้ำแข็ง
เมื่อถังชิงยุ่นมองเห็นดวงตาเย็นะเืของหานโม่ ภายในใจของเขาก็เต้นระรัวขึ้นมาทันที
เขามีอายุมามากกว่าครึ่งชีวิตแล้วประสบการณ์ของเขานั้นไม่มีใครเทียบได้ แต่ถึงแม้ว่าจะมีประสบการณ์ความรู้อย่างกว้างขวาง แต่เมื่อสบตากับหานโม่แล้ว เขาก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง
เขาใกับกลิ่นอายเช่นนี้ของหานโม่ และภายในดวงตาก็เต็มไปด้วยความสนใจบางๆ ต่อหานโม่
"สาวน้อย ข้าขอถามเ้าหน่อย เมื่อคืนนี้เ้าอยู่ที่ไหนงั้นหรือ?" จิตสังหารของถังชิงยุ่นนั้นไม่ได้ลดลงเลย เขาใช้ความพยายามอย่างมากที่จะข่มมันเอาไว้
พอพิจารณาพฤติกรรมของหานโม่ที่แอบมาลอบฟังบทสนทนาของเขากับหานเฉินต้งแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างบุตรสาวและบิดาคู่นี้ต้องไม่ดีอย่างแน่นอน
หากเป็เช่นนั้น ถ้าเขานำหานโม่มาอยู่ข้างกายเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวเองเล่า นางถือว่าเป็เมล็ดพันธุ์ที่ดีได้อยู่
แม้ว่าเขาจะยังมองไม่ออกว่าการเคลื่อนไหวเพื่อหลบฝ่ามือของเขานั้นหานโม่ไปฝึกมาจากไหน แต่การกระทำเช่นนี้ระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของถังชิงยุ่นให้มากขึ้น
พอหานโม่เห็นว่าถังชิงยุ่นไม่ได้มีทีท่าว่าจะเข้ามาโจมตีต่อและเริ่มพูดคุยสนทนากับนาง ภายในใจก็บังเกิดความเย้ยหยันขึ้นมาทันที
ชายสารเลวผู้นี้ไม่ชัดเจนในแนวทางของตนเองเอาเสียเลย คิดจะวางแผนเจรจาพาทีตามมารยาทแล้วจึงใช้กำลัง [1] ห้ำหั่นทีหลังงั้นหรือ?
น่าเสียดายนักที่นางไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครเข้ามาเกลี้ยกล่อมได้ง่ายๆ
"ในยามว่างข้าชอบเดินเล่นไปรอบๆ จวนตระกูลหาน หากท่านอยากให้ข้าพูดออกมาตามตรงเมื่อคืนนี้ข้าก็เพิ่งได้ค้นพบบางอย่างที่น่าสนใจยิ่งนัก"
หลังจากที่หานโม่พูดออกมาเช่นนี้ รอยยิ้มอันชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
หากรอยยิ้มเช่นนี้อยู่บนใบหน้าของคนอื่นที่ไม่ใช่หานโม่ ถังชิงยุ่นจะรู้สึกว่าเป็เพียงรอยยิ้มของคนมากเล่ห์ผู้หนึ่งเท่านั้น แต่พอรอยยิ้มนี้เป็ของหานโม่ มันทำให้ผู้คนที่พบเห็นรู้สึกว่ามันช่างส่งเสริมภาพลักษณ์เ็าของนางให้ยิ่งโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
นี่คือหญิงสาวที่อวดดีและมั่นใจในตนเองยิ่งนัก!
ถังชิงยุ่นสามารถมองคนออกได้อย่างแม่นยำ เพียงแค่เขาได้สนทนากับหานโม่เพียงไม่กี่คำ เขาก็คล้ายจะรู้จักลักษณะนิสัยของหานโม่ทั้งหมดแล้ว
เป็ที่แน่นอนแล้วว่านางคงรู้เื่ระหว่างเขากับเว่ยซื่อ มันไม่ใช่ความลับอีกต่อไป!
เมื่อถังชิงยุ่นแน่นอนในความคิดของตนเอง จิตสังหารที่ถูกระงับเอาไว้ก็พวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่ได้เสียเวลาพูดเื่ไร้สาระอีกต่อไป ร่างทั้งร่างพุ่งเข้าจู่โจมหานโม่ราวกับนกต้าเผิงเหนี่ยว [2] ทันที
หานโม่ที่ไม่เคยลดความระมัดระวังลงเลยั้แ่โดนจู่โจมครั้งแรก เมื่อนางเห็นถังชิงยุ่นเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งก็รีบถอยออกมาด้านข้างอย่างรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของถังชิงยุ่น
อย่างไรเสียประสบการณ์และการฝึกฝนของถังชิงยุ่นก็เหนือชั้นกว่าหานโม่มากนัก หานโม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับการใช้พลังลมปราณและไม่เคยต่อสู้กับผู้ฝึกตนมาก่อน จึงไม่อาจบอกได้ว่าถังชิงยุ่นเป็ยอดฝีมือระดับใดกันแน่ แม้ว่าความเร็วของนางจะสูสีกับเขา แต่นางก็ประเมินระดับของความสามารถในการใช้พลังลมปราณของถังชิงยุ่นต่ำเกินไป
ในขณะที่นางกำลังหลบหลีก การโจมตีครั้งที่สองของถังชิงยุ่นก็ตามมาติดๆ ทันที
ระดับความเร็วของถังชิงยุ่นก็ดูเบาไม่ได้ แม้ว่าหานโม่จะรู้ตัวแล้วว่าฝีมือของนางยังห่างชั้นนัก แต่นางก็ไม่อาจเร่งความเร็วของตัวเองให้มากกว่านี้ได้ ในขณะที่นางกำลังวางแผนเพื่อตั้งรับการโจมตีของถังชิงยุ่นนั้น แหวนโค่งเจียนที่อยู่บนนิ้วมือของนางก็เปล่งแสงสีทองออกมา
ถังชิงยุ่นเคลื่อนตัวมาอยู่หน้าของหานโม่แล้ว อีกเพียงแค่ฝ่ามือเดียวก็จะสังหารหานโม่ได้ในทันที ทันใดนั้นก็มีกำแพงสีทองปรากฏขึ้นเป็เกราะกำบังอันแข็งแกร่งอยู่เบื้องหน้าของหานโม่ ถังชิงยุ่นโจมตีเข้าไปที่ "กำแพง" นั้นทันที โดยไม่คาดคิดร่างทั้งร่างของเขาถูกเหวี่ยงจนลอยออกไปไกล
ช่างเป็เวลาที่ประจวบเหมาะ มีเสียงพูดคุยดังออกมาจากในห้องโถงใหญ่ ถังชิงยุ่นมีความสามารถในการได้ยินดีมาก เขาจำได้ทันทีว่ามันเป็เสียงของหานเฉินต้ง ถังชิงยุ่นรู้ว่าเขาไม่มีโอกาสให้ลงมืออีกแล้ว จึงสะบัดแขนเสื้อแรงๆ ด้วยความกรุ่นโกรธแล้วใช้ฝ่ามือกุมหน้าท้องของตัวเองก่อนจะะโหายไป
หานโม่เห็นว่าถังชิงยุ่นจากไปแล้ว นางก็ทรุดตัวลงบนพื้นทันที
การโจมตีของถังชิงยุ่นเมื่อครู่นี้ช่างอันตรายนัก แม้ว่าแสงสีทองที่ออกมาจากแหวนโค่งเจียนจะทำหน้าที่คล้ายกำแพงสกัดกั้นการโจมตีได้เกือบทั้งหมดก็ตาม แต่การโจมตีของถังชิงยุ่นนั้นเป็การใช้พลังลมปราณเพียงอย่างเดียว บางส่วนผ่านกำแพงสีทองมาได้จนหานโม่รู้สึกว่าบริเวณทรวงอกของนางกำลังถูกฉีกกระชากออก
ภายในลำคอของนางมีทั้งของคาวและหวานกำลังพุ่งขึ้นมา หานโม่อดทนอย่างสุดกำลัง เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้ากำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ นางก็กัดฟันอดทนความเ็ปพลางใช้แรงเฮือกสุดท้ายเพื่อะโหายไปจากตรงนี้
ทันทีที่ร่างของหานโม่หายไป หานเฉินต้งก็เดินออกมาจากประตูบานใหญ่ของห้องโถง
ข้างกายของเขามีสาวใช้อยู่หนึ่งคน หานเฉินต้งกวาดตามองไปรอบๆ แล้วถามด้วยน้ำเสียงเ็าว่า "เ้าบอกว่าได้ยินเสียงการต่อสู้กันที่นี่ไม่ใช่หรือ?"
สาวใช้ผู้นั้นไม่คิดว่าด้านนอกจะไม่มีผู้ใดอยู่เลย ร่างกายของนางก็สั่นสะท้านด้วยความกลัวและคุกเข่าลงทันที "เ้าค่ะนายท่าน เมื่อครู่นี้บ่าวได้ยินจริงๆ นะ เ้าคะ"
หานเฉินต้งตะคอกนางอย่างเ็า "นำนางไปลงโทษซะ"
เมื่อเอ่ยจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อเดินจากไป โดยไม่สนใจนางอีก
สาวใช้ผู้นั้นคู้ตัวลงร้องไห้บนพื้นด้วยความหวาดกลัว ไม่นานก็มีบ่าวชายสองสามคนมาลากตัวนางออกไป
หานโม่ที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้หน้าทางเข้าห้องโถงถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางรอจนไม่ได้ยินเสียงใดๆ จากรอบข้างอีกจึงคลานออกมาจากที่ซ่อนแล้วจึงเดินโซเซกลับไปยังเรือนของตัวเอง
หานโม่โชคดีที่นางเลือกเรือนพักอาศัยที่ดีที่สุดมา เรือนเหอเซียงไม่ได้อยู่ไกลจากห้องโถงใหญ่มากนัก แต่เนื่องจากในยามปกติหากไม่มีงานจัดเลี้ยงของตระกูลหรือไม่ได้ใช้รับรองแขกคนสำคัญจะไม่มีผู้ใดได้รับอนุญาตให้เข้ามาในบริเวณห้องโถงใหญ่ได้เลย ดังนั้นหานโม่จึงไม่เจอบ่าวรับใช้แม้แต่คนเดียวตลอดทาง
เพราะสภาพร่างกายของนางตอนนี้แค่เพียงใช้มือััเบาๆ ก็ะเืไปถึงภายในได้ หากบังเอิญพบใครมาหาเื่เข้า ตัวอย่างคนอย่างหานซินนางก็คงไม่สามารถปกป้องตัวเองได้
หลังจากที่ได้เผชิญหน้ากับถังชิงยุ่นมาแล้วนั้น หานโม่ก็ตระหนักถึงความแข็งแกร่งของพลังลมปราณได้อย่างแท้จริง
ก่อนที่จะเกิดใหม่แล้วทะลุมิติข้ามเวลามา สิ่งที่หานโม่เชื่อมั่นมากที่สุดคือความสามารถเมื่อชาติที่แล้วของนาง ดังนั้นจนถึงตอนนี้พลังลมปราณของนางยังคงติดอยู่ที่ระดับเสวียนเจ่อและไม่มีการเพิ่มขึ้นเลย แต่นางไม่ได้ใส่ใจที่จะเลื่อนระดับเลย นางคิดเพียงว่ามันยังไม่ถึงเวลา
แต่ตอนนี้หานโม่กลับเข้าใจแล้วว่า การใช้เพียงความสามารถของตัวเองในชาติก่อนได้อย่างคล่องแคล่วยังไม่เพียงพอ สิ่งที่นางยังขาดอยู่คือการฝึกฝนพลังลมปราณให้ชินมือ
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับนางในตอนนี้คือการพัฒนาระดับพลังลมปราณของตัวเอง
หาไม่แล้ว หากได้มีโอกาสประมือกับถังชิงยุ่นอีกครั้งนางคงจะไม่โชคดีเหมือนอย่างวันนี้แน่!
หานโม่ตั้งเป้าหมายไว้ในใจ
นางอยากจะแข็งแกร่งขึ้น!
แม้จะไม่รู้ว่าเป้าหมายนั้นแข็งแกร่งเกินไปหรือไม่ นางเห็นประตูเรือนเหอเซียงอยู่ไม่ไกลแล้ว มือของหานโม่กำลังจะแตะที่ประตูเรือนทันใดนั้นกลับรู้สึกว่าร่างกายของนางลดลงอย่างฉับพลัน แข็งขาของนางอ่อนแรงลงและดวงตาก็มืดสนิท
ในขณะที่นางกำลังรอรับความเ็ปจากการอ้อมกอดของพระแม่ธรณีอยู่นั้น สุดท้ายมันก็ไม่ได้เกิดขึ้น
หานโม่ลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงง นางก็มองเห็นใบหน้าที่คุ้นเคย
คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็เฉินเซวียน
........................................................................
เชิงอรรถ
[1] วางแผนเจรจาพาทีตามมารยาทแล้วจึงใช้กำลัง หมายถึง เจรจากันด้วยเหตุผลก่อน เมื่อล้มเหลวจึงใช้กำลัง
[2] นกต้าเผิงเหนี่ยว (大鹏鸟) หมายถึง นกที่มีขนาดใหญ่หรืออีกคำเรียกคือ ครุฑ
