“เธอลงกลอนประตูทำไมกัน?”
หลิวฟางดึงประตูอย่างแรงอยู่สองที ทว่าไม่สามารถดึงประตูออกจากด้านในได้
ถูกขังไว้ในห้องโดยไม่ทราบสาเหตุ หลิวฟางรู้สึกกระวนกระวาย เซี่ยเสี่ยวหลานในความคิดของเธอคือบุคคลร้อยเหลี่ยมพันเล่ห์ คืนวันนั้นเริ่มด้วยเศษอาหาร อีกทั้งยังแทงถุงเืที่บรรจุเืไก่ ซึ่งทำให้เธอกับเหลียงปิ่งอันใแทบตาย เป็อุบายที่เคยเล่นมาแล้ว วันนี้คงไม่ทำอีกรอบสินะ?
เหลียงปิ่งอันกระแอมแห้งๆ “ที่นี่คือบ้านพักรับรองประจำเมือง ไม่มีใครทำเื่โง่เขลาที่นี่ได้ คุณร้อนรนอะไรกัน บางทีหลานอาจจะล้อเล่นกับพวกเราอยู่ก็ได้”
น้าหลี่มีสีหน้าบูดบึ้ง การพบปะระหว่างครอบครัวบ่าวสาวก็สามารถล้อเล่นได้?
เช่นนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานก็ค่อนข้างไม่รู้จักกาลเทศะเสียจริงๆ การแต่งงานถูกกำหนดอย่างเร่งรีบเหลือเกิน เธอเคยพบหน้าเพียงสองหน คิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมีกิริยาวาจาใจกว้างเปิดเผยทีเดียว นึกไม่ถึงเลยว่าเป็แค่ภาพลวงภายนอก
“ทุกคนนั่งลงเถอะ สหายปิ่งอันพูดถูก ที่นี่คือบ้านพักรับรองประจำเมือง ใครจะขังพวกเราไว้จริงๆ ได้กัน?”
หากนัดพบในถิ่นทุรกันดารรกร้าง ฝานเจิ้นชวนอาจพิจารณาเสียหน่อย ตัวเขาเองก็หวงแหนชีวิตมาก เกิดคนรักของเธอคิดสู้ตายกับเขาจริงจะทำอย่างไร แต่ถ้าอยู่ในบ้านพักรับรองประจำเมืองก็ไม่มีเหตุให้ต้องกังวลแล้ว สถานที่ที่กระทั่งเขายังยำเกรง ใครจะกล้าบุ่มบ่ามเล่า!
คนขับรถที่เขาพามานี้ สามารถรับมือกับคนสิบคนธรรมดาได้ด้วยตัวคนเดียว
ฝานเจิ้นชวนให้มารดาของเขานั่งที่นั่งประธาน และตนเองก็นั่งลงข้างๆ เช่นเดียวกัน
“สหายปิ่งอัน คุณมานั่งข้างผมเถอะ”
เหลียงปิ่งอันปลาบปลื้มล้นหลามจากการได้รับความเอ็นดู จะดีเพียงใดหากวันนี้เป็การพบหน้าก่อนแต่งงานจริงๆ ? ถ้าเซี่ยเสี่ยวหลานยอมแต่งงานกับฝานเจิ้นชวนอย่างมีความสุข เขาจะกลายเป็ ‘อาเขยน้อย’ ของฝานเจิ้นชวนทันที นั่งข้างฝานเจิ้นชวนแล้วอย่างไร อนาคตในภายภาคหน้ายังอีกยาวไกลนะ!
เหลียงปิ่งอันไม่เข้าใจเช่นกันว่าเซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจจะทำอะไร
ทุกคนมองอาหารที่ละลานตาเต็มโต๊ะ บนผนังห้องมีนาฬิกาทรงกลมแขวนอยู่ นาฬิกาติดผนังเดินวนติ๊กต่อกไปมา ได้ยินนานเข้าก็รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย
บริกรหญิงหัวใจเต้นตึกตัก
เธอไม่เคยทำเื่อย่างลงกลอนขังแขกไว้ในห้องจากด้านนอกมาก่อน เธอวิ่งลงไปชั้นล่าง จากนั้นก็ส่งกุญแจให้เซี่ยเสี่ยวหลาน
“หลังจากนี้ฉันไม่มีทางยอมช่วยเหลืออีกนะ ฉันเสียใจจริงๆ ที่รับปากคุณแล้ว!”
เซี่ยเสี่ยวหลานยิ้มแย้ม “คุณกังวลอะไร ไม่ได้ติดป้ายชื่อเสียหน่อย คนอื่นจำคุณไม่ได้หรอก ล้างหน้าแล้วก็แสร้งทำเป็ไม่เคยเกิดเื่อะไรขึ้น ในห้องคือญาติของฉันเอง ฉันแค่หยอกพวกเขาเล่น อีกสักครู่จะไปเปิดประตูแน่นอน”
บริกรหญิงลูบคลำใบหน้า การแต่งหน้าแบบนี้ ไม่เหมือนรูปลักษณ์ปกติของเธอโดยสิ้นเชิง
เธอตกลงช่วยธุระนี้ของเซี่ยเสี่ยวหลาน เพราะทั้งสองรู้จักกันตอนหลานเฟิ่งหวงเปิดกิจการก่อนหน้านี้ ผู้ที่ไม่้าค่าตอบแทน 20 หยวนต่อวันและขอแค่ถุงน่องคู่เดียวก็คือบริกรหญิงคนนี้นี่เอง เซี่ยเสี่ยวหลานให้ถุงน่องแก่เธอ 10 คู่ในคราวเดียว รวมถึงบัตรที่บอกว่าลดราคา 20% ใน ‘หลานเฟิ่งหวง’ หนึ่งใบ บริกรหญิงจึงยินยอมพาฝานเจิ้นชวนและคณะเข้าไปในห้องรับรองที่กำหนด จากนั้นก็ลงกลอนประตูจากด้านนอก
แน่นอนว่าหลังจากมอบกุญแจให้เซี่ยเสี่ยวหลานแล้ว ‘การซื้อขาย’ ระหว่างทั้งสองก็เสร็จสมบูรณ์ บริกรหญิงหลบลี้หนีไปอย่างรวดเร็ว
หูหย่งไฉอยากปิดหูเหลือเกิน
“เธอต้องพูดเื่นี้ต่อหน้าฉันด้วยหรือ? เสี่ยวหลาน พวกเราสองคนเป็สหายเก่าแก่กันแล้ว เธอทำแบบนี้ อาจทำให้ฉันตกงานก็ได้...”
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะรับผิดชอบหางานใหม่ให้พี่เอง เงินเดือนสูงกว่าปัจจุบันของพี่อย่างต่ำสามเท่า เพียงแต่ไม่มีสถานประกอบการน่ะ พี่ยินดีหรือไม่?”
หูหย่งไฉสำลัก
เขาจะไปทำอะไรกับอาชีพที่ไม่มีหน่วยงานเป็หลักแหล่งกัน!
ทว่าเงินเดือนสูงกว่าสามเท่า เขารู้สึกสนใจจริงๆ
หูหย่งไฉไม่ได้โง่ การกล้าร่วมมือกับเซี่ยเสี่ยวหลานทำเื่ที่เสี่ยงสูญเสียงานเช่นนี้ นั่นก็เพราะเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานจัดการบ้านจูจนหมอบในขณะที่ตนเองไม่เป็อันตรายแม้แต่ปลายเส้นผมมิใช่หรือ ติงอ้ายเจินถูกตัดสินจำคุก ทว่าบ้านจูไม่มีความเคลื่อนไหวใดเลย หูหย่งไฉคิดว่าบ้านจูคงยอมรับการปราชัยโดยสมบูรณ์แล้ว บ้านจูยังสู้ไม่ได้ แล้วฮ่องเต้เ้าถิ่นจากเขตเหอตงจะสู้ไหวหรือ?
อย่าดูถูกว่าหูหย่งไฉเป็เพียงคนจัดซื้อธรรมดา เขาเป็ถึงคนจัดซื้อของบ้านพักรับรองประจำเมือง ข้าราชการระดับผู้บริหารที่บ้านพักรับรองต้อนรับขับสู้ทุกวันจำนวนไม่ใช่น้อยๆ แค่ข้าราชการที่มาจากเขตเล็กๆ ทางบ้านพักรับรองไม่ได้แยแสพวกเขามากนัก
และต่อให้พลาดพลั้ง หากต้องเสียอาชีพนี้ไป จากนิสัยของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่มีทางทอดทิ้งเขาแน่นอน
สหายเหล่าหูกำลังเดิมพันด้วยอนาคตของเขาเหมือนกัน เขาทำตัวราวกับผู้สละชีพที่เห็นความตายเหมือนการกลับสู่แผ่นดินเกิด [1] ฝีมือการแสดงของเซี่ยเสี่ยวหลานยังห่างชั้นจากสหายหูหย่งไฉผู้เจนโลกอีกมาก จึงไม่ไปสนใจเขาอีก เธอเพียงคุยกับหลี่ต้งเหลียงและเก่อเจี้ยนเท่านั้น “ทั้งสองอย่าเกรงใจเป็อันขาด กินดื่มเต็มที่ มื้อนี้รับผิดชอบโดยผู้จัดการหู”
----------------------------------------
ในห้องรับรองส่วนตัวจัดอาหารไว้หนึ่งโต๊ะ ทำไมเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ขึ้นไปร่วมรับประทานน่ะหรือ เพราะเธอเกรงว่าพอเข้าไปแล้วจะอดกลั้นไม่ลงไม้ลงมือไม่ไหว อาหารชั้นเลิศเพียงใดก็คว่ำทิ้งได้ทั้งหมด
ขอให้หูหย่งไฉเตรียมไว้อีกโต๊ะก่อน หัวหน้าพ่อครัวของบ้านพักรับรองประจำเมืองมีฝีมือสุดยอด ตามปกติมาตรฐานอาหารของผู้ที่มาร่วมประชุมทุกคนคือหนึ่งหยวนต่อหนึ่งวัน หัวหน้าพ่อครัวจะทำเป็แค่อาหารประเภทหมั่นโถวเคียงโจ๊กจริงๆ หรือ? ฝีมือปรุงอาหารของหัวหน้าพ่อครัวประจำบ้านพักยอดเยี่ยมเป็อย่างยิ่ง อาหารมาตรฐานราคาหนึ่งประกอบโดยคนอื่นทั้งนั้น เขามีหน้าที่จัดอาหารงานเลี้ยงต่างหาก
มีบางโอกาสค่อนข้างพิเศษและ้าความพิถีพิถัน เช่นการรับรองผู้บริหารระดับสูงที่มาพัก ก็ต้องให้หัวหน้าพ่อครัวลงสนามด้วยตนเองมิใช่หรือ?
วันนี้รับสิทธิพิเศษจากหูหย่งไฉ เซี่ยเสี่ยวหลานได้ลิ้มลองฝีมือของหัวหน้าพ่อครัวจากบ้านพักรับรองประจำเมืองเช่นกัน
แม้อาหารเหอหนานไม่จัดอยู่ในอาหารแปดตระกูลใหญ่ [2] แต่ไม่ได้แปลว่ามันไม่อร่อย อาหารโดดเด่นประจำภูมิภาคของภาคกลางก็คืออาหารเหอหนานไม่ใช่หรือ ยกตัวอย่างปลาไนแม่น้ำหวง [3] ที่หัวหน้าพ่อครัวทำในวันนี้ เป็สุดยอดของอาหารเหอหนาน ปลาไนแม่น้ำหวงแบบดั้งเดิม ได้ลิ้มลองรสชาติในปี 84 แล้วเท่านั้น ภายหลังแม่น้ำปนเปื้อนมลพิษ ผสมปลาไนข้ามสายพันธุ์ แม้มีเงินพอรับประทานอาหารทะเลแช่แข็งจากฮอกไกโดได้ ก็ยากที่จะหาปลาไนแม่น้ำหวงดั้งเดิมสักตัวอยู่ดี
หลี่ต้งเหลียงกับเก่อเจี้ยนก้มหน้าก้มตารับประทานอาหาร
อีกเดี๋ยวพวกเขาอาจต้องออกแรงทำงานก็ได้ หากกินไม่อิ่มจะมีพละกำลังเสียที่ไหน
มาถึงซางตูสองวัน ไม่เคยถูกดูแลบกพร่องด้านอาหารการกินเลย โจวเฉิงเลี้ยงอาหารพวกเขา เซี่ยเสี่ยวหลานก็เลี้ยงอีก การพูดออกไปว่าทำงานเป็คนคุ้มกันให้เซี่ยเสี่ยวหลานมันฟังดูไม่ดีและไม่มีเกียรตินัก ทว่าสาระภายใน เช่น สวัสดิการต่างๆ กลับเป็ชิ้นเป็อันน่ะสิ! พวกเขาไม่เคยถูกปล่อยให้ท้องหิว แถมมีค่าตอบแทนอีกด้วย งานเช่นนี้สำหรับคนไม่มีวุฒิการศึกษาและทักษะงานนั้นหาได้ยากนัก
หูหย่งไฉตั้งหน้าตั้งตารับประทานด้วยอีกคน
ขบคิดมากเกินไปก็ไร้ประโยชน์ ถึงขนาดพัวพันในเื่นี้แล้ว คาดหวังเพียงแต่เซี่ยเสี่ยวหลานจะสามารถเอาชนะได้เท่านั้น
เขาไม่ได้พูดผิด สตรีผู้มีรูปลักษณ์เป็เลิศ ตอนแต่งงานก็สามารถเกิดใหม่ได้อีกหน—สิ่งที่คาดไม่ถึงคือ เซี่ยเสี่ยวหลานหาเป้าหมายเกิดใหม่พบแล้ว ทว่ากลับมีคนอื่น้าเข้ามาร่วมด้วย เฮ้อ พอมีอำนาจอยู่บ้างแต่ก็หน้าไม่อายเสียจริง แก่กว่าเซี่ยเสี่ยวหลาน 20 ปีเต็มๆ ยังกล้าบังคับคนเขาแต่งงานอีก
โจวเฉิงหน้าตาหล่อเหลา ชาติตระกูลไม่ต่ำต้อย อายุและรูปลักษณ์ก็เหมาะสมกับเซี่ยเสี่ยวหลาน ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เลือกโจวเฉิงและตกลงสมรสกับหนุ่มใหญ่อย่างฝานเจิ้นชวนแทน ไม่ใช่ว่าคุณสมบัติของฝานเจิ้นชวนย่ำแย่เหลือทน ทว่าหากเทียบกับโจวเฉิง หูหย่งไฉคิดว่าความเป็ไปได้ที่ตอนจบจะเป็โศกนาฏกรรมของฝานเจิ้นชวนนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นมากกว่า
เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังดูแลคนอื่นเป็พิเศษ ส่วนในห้องรับรอง ทุกคนได้กลิ่นหอมของอาหาร ท้องร้องโครกครากเช่นเดียวกัน
ตรงหน้าเหลียงฮวนได้วางปลานึ่งซึ่งเธอโปรดปรานที่สุดไว้หนึ่งจาน นึ่งไอน้ำ ใต้ปลารองด้วยต้นหอมกับขิง เมื่อนึ่งสุกแล้วก็เทน้ำส่วนเกินทิ้ง ราดด้วยซีอิ๊ว จากนั้นอุ่นน้ำมันในกระทะจนร้อน ราดน้ำมันร้อนขณะที่ปลายังไม่เย็น กลิ่นหอมของต้นหอมซอยกับขิงสับแผ่กระจาย เนื้อปลาอ่อนนุ่มแต่ไม่คาว... เป็อาหารชนิดหนึ่งที่ต้องรับประทานตอนร้อน ปลาที่นึ่งสุกเกินไปจะเนื้อร่วนแหลกทันทีที่ใช้ตะเกียบคีบ ปลาตายย่อมมีกลิ่นคาวทั้งนั้น และเนื้อปลาก็ไม่แน่น
ต้องเป็ปลาสดที่สุด ความร้อนพอดีที่สุด ถึงจะสามารถทำปลานึ่งรสชาติดีออกมาได้
เหลียงฮวนมองปลานึ่งอันสุดแสนโปรดปรานกำลังเย็นลงอย่างช่วยไม่ได้ จากหอมกลายเป็คาว ทว่ายังคงไม่มีวี่แววว่าจะรับประทานอาหารอยู่ดี เซี่ยเสี่ยวหลานเล่า? เธอเสียสติไปแล้วหรือ ขังทุกคนไว้ในห้องเพื่ออะไรกัน?
ฝานเจิ้นชวนเหมือนจะไม่อยากรออีกต่อไป
“กินกันเถอะ ไม่ต้องรอ...”
มีคนกำลังหมุนรูกุญแจอยู่ด้านนอก เสียงของเซี่ยเสี่ยวหลานถึงก่อนโดยที่เ้าตัวยังไม่โผล่มา
“ฉันยังไม่มาด้วยซ้ำ พวกคุณก็จะกินก่อนเสียแล้ว ฉันไม่จ่ายค่าอาหารโต๊ะนี้ให้หรอกนะ”
เชิงอรรถ
[1]视死如归 เห็นความตายเหมือนการกลับบ้าน หมายถึง เห็นความตายเป็เื่ธรรมดา
[2]八大菜系 อาหารแปดตระกูลหลัก คือ อาหารแปดกลุ่มหลักที่มีชื่อเสียงซึ่งมาจากแปดพื้นที่ มีลักษณะเฉพาะโดดเด่นของตนเอง ได้แก่ อาหารเสฉวน (川菜) อาหารซานตง (鲁菜) อาหารกวางตุ้ง (粤菜) อาหารเจียงซู (苏菜) อาหารเจ้อเจียง (浙菜) อาหารฝูเจี้ยน (闽菜) อาหารหูหนาน (湘菜) และอาหารอันฮุย (徽菜)
[3]黄河鲤鱼 ปลาไนแม่น้ำหวง คือ ปลาไน (ปลาชนิดหนึ่งในวงศ์ปลาตะเพียน) ในแม่น้ำหวง ตัวอวบใหญ่ เนื้อหนาแน่น รสชาตินุ่มลิ้น อุดมด้วยสารอาหาร หากปรุงแบบอาหารเหอหนานจะนำมาราดน้ำแดง