มิกาเอลยกมือส่งเพื่อรอเธอ ที่กำลังจัดชุดตัวเองไปมา นาเซียส่งยิ้มให้อย่างดีใจ เขามองท่าทางของเธอพลางรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย เพราะรอยยิ้มนี่หมายถึงการที่เธอได้กลับมาพักอยู่ที่คฤหาสน์ดาร์เรลชั่วคราว
“ขอบคุณนะคะ” น้ำเสียงเล็ก ๆ เอ่ยขอบคุณพร้อมเกาะแขนกำยำของเขาไว้มั่น มิกาเอล้าแน่ใจว่าเธอจะไม่หนีเขาไปไหนได้ และเธอจะต้องปลอดภัยหากมีใครบางคนมาก่อกวน
“ดูแลดัชเชสให้ดี ข้ากลับก่อนถึงเวลาข้าจะมารับ” มิกาเอลหันไปกล่าวกับอัศวินสองนายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นาเซีย อัศวินที่มีเพียงหมายเลขไม่มีชื่อเอ่ยเหมือนอัศวินทั่วไป ซึ่งนั่นหมายความว่าเขาคือสายลับของมิกาเอล นาเซียฉีกยิ้มให้แก่เขาอีกครั้งก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อมอบรอยจูบแก่เขา
“หากเ้าทำเช่นนี้ ข้าจะไม่อยากปล่อยเ้าไว้แล้วนะ” แขนแกร่งรวบเอวไว้แน่น นาเซียได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ
“แค่สองสัปดาห์เท่านั้นเองค่ะ”
“สองสัปดาห์นานเกินไป ข้าให้เพียงสามวันเท่านั้น” เอ่ยจบร่างสูงโน้มจูบหน้าผากเธอเล็กน้อยก่อนจะหันหลังกลับไปที่รถม้าทันที ไม่รอให้เธอได้กล่าวพูดอะไรต่อ
“เอาแต่ใจชะมัด” นาเซียบ่นพึมพำก่อนจะเดินเข้าด้านใน โถงทางเดินที่ ปูด้วยหินอ่อนสีขาวสะอาดตัดขอบสีทองดูหรู ข้างชั้นบันไดมีฮาร์ปสีทองตัวใหญ่วางไว้ ดูเหมือนว่านาเซียจะไม่ได้เป็ผู้เล่นมัน เพราะในความทรงจำ ไม่มีส่วนไหนที่จะทำให้เธอนึกภาพนั้นออก
“ดัชเชส้าชำระกายเลยหรือไม่คะ” เสียงทักแหบๆ ของหญิงสูงวัยเส้นผมสีขาวที่ดัดม้วนเป็ลอนยกขึ้นเหนือบ่า นางยกมือขยับแว่นตาที่ใส่เล็กน้อย นาเซียหันมายิ้มตามมารยาท
“ค่ะ...” นาเซียตอบเลี่ยงบทสนทนา มิสลาร่าเป็เพียงคนเดียวในคฤหาสน์นี้ที่เธอรู้สึกกลัว เพราะนางนั้นเป็หัวหน้าแม่บ้าน และยังเป็แม่นมของมารดานาเซีย และตัวเธอ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสายตาที่มองมาที่เธอทุกครั้งดูเหมือนสงสัยเธออยู่ตลอดเวลา นาเซียเลี่ยงที่จะไม่สนทนากับ มิสลาร่าบ่อยนัก และสาวใช้ที่อายุน้อยกว่าเธอจะถูกส่งมาปรนนิบัติแทน
นาเซียยืนมองสวนด้านข้างที่มีแสงไฟประดับไว้จนสว่าง สวนที่เต็มไปด้วยดอกลาเวนเดอร์ กลิ่นของมันช่วยทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย เธอมีเวลาเพียงแค่สามวันเท่านั้นที่จะต้องรู้ความลับที่นาเซียบอกเธอ
“อากาศเย็นมากแล้ว คุณหนูกลับเข้ามาด้านในเถิดคะเดี๋ยวจะไม่สบายได้” นีร่าที่ยืนอยู่ด้านหลังรีบบอกด้วยความเป็ห่วง
“เธอไปนอนเถอะ เดี๋ยวเราเข้านอนเอง” นาเซียตอบก่อนจะหันกับมายังสวนเช่นเดิม แสงไฟเคลื่อนไหวอยู่ด้านนอก อานิชโตเพิ่งจะได้กลับมาบ้านอีกครั้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก นาเซียยืนเคาะประตูห้องทำงานอานิชโตจากด้านนอก ก่อนจะได้ยินเสียงของคนด้านในตอบ
“เข้ามาซิ..เซีย” เขาน่าจะรู้ว่าเป็เธอ นาเซียมองใบหน้าที่ดูซูบผอมลงไปอย่างเห็นได้ชัด แววตาของเขาก็ดูโรย ๆ อานิชโตถอดเสื้อโค้ชสีดำออกก่อนจะส่งให้บัตเลอร์วิดัลที่อยู่ใกล้ ชายแก่โค้งรับก่อนจะเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ นาเซียมองใบหน้าด้านข้างของเขาที่ดูเหนื่อยล้า
“งานหนักเลยหรือคะ” นาเซียถามเมื่ออานิชโตย่อตัวลงเก้าอี้หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่
“นิดหน่อย...อารอนคงอ้อนให้เ้ามาอยู่ที่นี่สินะ” เขายกมือประสานเท้าคางมองมาที่เธอพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก
“ความจริงอารอนอยากให้น้องอยู่ใน่พักร้อน”
“ท่านดยุกอนุญาตอย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ค่ะ....” นาเซียส่ายศีรษะ ก่อนก้มมองมือที่กำลังเขี่ยกันไปมาเบา ๆ ความจริงที่เธอมาพบอานิชโตก็เพื่อที่จะถามถึงห้องลับของคฤหาสน์ ดาร์เรล เพราะมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ นาเซียจำได้ราง ๆ ในความทรงจำของเธอแต่นึกไม่ออก เพราะในตระกูลนี้มีเพียงเอิร์ลดาร์เรล และอานิชโตที่เป็ว่าที่ผู้สืบทอดเท่านั้นที่รู้
“ดูเหมือนเ้าจะมีเื่ขอร้องสินะ” อานิชโตถามดูเหมือนเขาจับท่าทางของเธอได้ นาเซียเงยหน้ามองก่อนจะเอ่ยเสียงเบา ๆ อย่างไม่มั่นใจ
“ฉันเพียงนึกถึงความทรงจำที่ดูเหมือนจะลางเลือนไปนานแล้ว ห้องลับของดาร์เรล” นาเซียตัดสินใจเอ่ยมันออกไป แต่อานิชโตก็ยังคงจ้องมองเธออยู่อย่างนั้นราวไม่แปลกใจ
“เ้ากำลังจะบอกว่า เ้าอยากให้พี่พาไปที่ห้องนั้นอีกหรือ” เขาจำได้ตอนที่นาเซียเพิ่งจะได้เจ็บขวบ เธอไม่อยากไปเรียนเื่มารยาทที่พระราชวังเขาจึงพาเธอมาซ่อนที่ห้องลับ มันคือห้องนอนเก่าของมารดาของพวกเขา อานิชโตมองดวงตากลมอย่างนึกสงสาร คงเพราะเธอแต่งงานออกไปจากตระกูล คงทำให้เธอนึกถึงความลำบากของการเป็ดัชเชส
“ใช่ค่ะ...” นาเซียตอบชัด อานิชโตยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ได้สิ” พูดจบร่างผอมสูงก็ลุกจากเก้าอี้เดินออกมาจับมือเธอเดินมายังโถงกลาง ก่อนจะเดินไปที่ห้องหนังสือ อานิชโตไล่มือไปที่หนังสือบนชั้นก่อนจะหยุดตรงเล่มหนึ่ง ด้านในมีกุญแจสีทองยาวตัวใหญ่ซ่อนอยู่ ก่อนที่เขาจะเบี่ยงตัวเขาซอกเล็ก ๆ ของชั้น เพียงไม่กี่นาทีชั้นหนังสือก็ถูกเลื่อนออกไป นาเซียยืนมอง ห้องกว้างที่มีฝุ่นหนา กลางโถงมีเตียงนอนคลุมด้วยผ้ากำมะหยี่สีแดง เสาเตียงทั้งสี่ถูกแกะสลักประดับด้วยอัญมณีอย่างประณีตอย่างบรรจงสวยงาม ภาพหนึ่งพุ่งมาที่ศีรษะของเธอ มันเป็เด็กน้อยที่กำลังวิ่งไปหาคนบนเตียง ดวงตาสีหมอกและเส้นผมสีดอกเลาดูอบอุ่นกำลังยกมือรอเด็กน้อย นาเซียก้มหน้าลงก่อนที่น้ำตาจะไหลลง หากนี่คือความทรงจำของร่างนี้ ภาพที่เห็นคงเป็เื่ราวของนาเซียในตอนที่มารดาเธอยังคงอยู่ อานิชโตยกนิ้วมือเช็ดคราบน้ำตาที่แก้มของเธอพร้อมยกลูบศีรษะเธออย่างปลอบโยน
“ถ้าเ้า้าเข้ามาห้องนี้เมื่อไหร่ มาได้เสมอเซีย” อานิชโตเอ่ย เขามองเห็นภาพความไร้เดียงสาของน้องสาวของเขาอีกครั้งในแววตาเธอ ซึ่งมันก็นานมากแล้ว เพราะหลังจากที่มารดาพวกเขาจากไป ราชินีก็ได้ประกาศเื่การจะหมั้นบุตรชายของนางกับนาเซีย แม้จะเป็เื่ที่ใหญ่แต่นาเซียก็ยังยืนยันที่จะทำตาม เธอเอาแต่คร่ำเคร่งกับการเรียนมารยาท และประวัติศาสตร์ของแคลบอร์นอย่างไม่หยุดพัก จนเมื่อองค์รัชทายาทได้พาเลดี้เซลีนมาเปิดตัวต่อราชวงศ์ นาเซียก็เอาแต่ร้องคร่ำครวญแม้เขาจะช่วยอะไรเธอไม่ได้ แต่ใช่ว่าเขาจะไม่สนใจ เขายังจำได้ตอนที่เห็นทหารกำลังลากน้องสาวของเขาไปที่สวนในคืนเฉลิมฉลอง ตอนนั้นเขาตั้งใจที่จะวิ่งตามไปช่วย แต่เห็นว่าดยุกกาบริเอลได้อุ้มนางไปเสียก่อน ก่อนที่ทหารด้านหน้าปราสาทรับรองจะห้ามตนเข้าไป เขาแทบอยู่ไม่ติดจึงได้ขอร้องให้องค์จักรพรรดิจัดการอะไรสักอย่างแก่ดยุกกาบริเอลผู้ที่เหี้ยมโหดเช่นเขา ไม่คิดว่าดยุกกาบริเอลจะเอ่ยขอพระราชทานงานแต่งงานหลังจากที่นางยังไม่ทันได้ออกมาจากปราสาทรับรองเลยด้วยซ้ำ