ร้านขนมหวานที่มีโต๊ะจัดไว้สำหรับลูกค้าคนสำคัญ มีเพียงแห่งเดียวในอาณาเขตเวย์มง ซึ่งหาไม่ได้แล้วในจักรวรรดินี้ เพราะอาณาเขตเวย์มงเป็เขตที่เจริญก้าวหน้า ร้านอาหาร และร้านขนมหวานที่มีโต๊ะสำหรับลูกค้าย่อมต้องแลกมาด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นแล้วลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็ชนชั้นสูงเสียหมด
“ลอร์ดต้องจองนานแค่ไหนคะถึงได้มานั่งชั้นบนสุดของร้าน” นาเซียนั่งหันหน้าไปทางหน้าต่างมองผู้คนที่อยู่ด้านล่าง เธอเพียงเอ่ยแซวเบเนดิกที่ดูกำลังประหม่า จริง ๆ แล้วเธอชอบเมืองนี้ไม่น้อย เพราะการที่ได้ยืนมองแสงสะท้อนของน้ำทะเลมันช่างทำให้จิตใจเธอรู้สึกสงบ
“ขอเพียงเลดี้ชื่นชอบ ผมสามารถพาเลดี้มาบ่อย ๆ ได้นะครับ”
“ไม่เป็ไรค่ะ เพราะฉันต้องช่วยงานคุณลุงที่ร้าน”
“เลดี้เพิ่งมาอยู่ที่เมืองนี้สินะครับ”
“ค่ะ” นาเซียยกถ้วยชาจิบเพียงเล็กน้อย แต่เธอกลับหลงลืมไปเสียสนิทว่าท่าทางของเธอล้วนเป็ที่สังเกตเบเนดิกไม่น้อย
“ดูเลดี้คงเคยอยู่กับชนชั้นสูงมานะครับ” เบเนดิกยกโถชารินเพิ่มให้แก่เธอ นาเซียรีบขยับตัวเล็กน้อยด้วยความใ เธอเผลอเคยชินกับการนั่งดื่มชาอยู่ในที่ส่วนตัวแบบนี้ ‘อ่า…ความคุ้นเคยนี่มันน่ากลัวจัง’ นาเซียรอบมองชาสีแดงในแก้วพลางนึกต่อว่าตัวเองที่ยังคงจดจำท่าทางนาเซียคนก่อนเสียเคยชิน
“ไม่หรอกค่ะ พอดีว่าฉันเคยแอบเห็นพวกขุนนางมานั่งดื่มบ่อย ๆ เลยอยากลองเลียนแบบท่าทางแบบนั้นดู โฮ่ โฮ่” นาเซียยกมือป้องริมฝีปากในขณะที่ทำทีหัวเราะออกมา
"ขนมหวานที่สั่งได้แล้วค่ะ" บริกรหญิงของร้านเดินเข็นรถพร้อมถาดขนมหวานกลิ่นหอมโชยมาเข้าโต๊ะก่อนที่นางจะจัดวางไว้อย่างเป็ระเบียบ
“ไม่ทราบว่าพอจะบอกดิฉันได้ไหมคะว่าใครกันคือผู้ที่ทำให้ลอร์ดเข้าใจฉันผิดได้” นาเซียเปลี่ยนเื่ แต่ก็อดที่จะลองสอบถามเกี่ยวกับตระกูลดาร์เรลไม่ได้ เพราะเธอ้าที่จะรู้สถานการณ์ของดาร์เรล และท่าทางของเบเนดิกดูเหมือนจะรู้จักตระกูลดาร์เรลไม่น้อยเขาต้องรู้แน่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ดาร์เรลเป็เช่นไร
“อะ..ครับ…คือจริง ๆ ผมก็ไม่ได้สนิทกับเลดี้ท่านนั้นซะเท่าไหร่นะครับ” .. ‘ว่าแล้วเชียว ถึงไม่มีอยู่ในความทรงจำ’ นาเซียยิ้มอย่างผ่อนคลายแม้ในศีรษะของเธอกำลังนึกไตร่ตรองตาม
“เลดี้ที่เหมือนฉันนะหรือคะ”
“ครับ เลดี้ดาร์เรล ไม่สิตอนนี้นางเป็พระชายาองค์รัชทายาทแล้ว คือผมเป็อาจารย์สอนอยู่ที่อคาเดมี่จึงได้รู้จักกับคุณชายดาร์เรลและเห็นว่าเลดี้ดาร์เรลมักแวะมาพบลอร์ดอารอนบ่อย ๆ ”
“อย่างนี้นี่เอง”
“ครับ เห็นว่าตระกูลดาร์เรลสนับสนุนราชวงศ์จนได้ตำแหน่งเอิร์ลมา คงสนับสนุนไม่น้อยเลยนะครับ” เบเนดิกยกช้อนขึ้นตักน้ำตาลใส่ในถ้วยชาตัวเองก่อนจะคนไปมา
‘แน่ล่ะ…หากเทียบแผ่นดินของจักรวรรดิ กับงบที่ดาร์เรลสนับสนุนไป ก็ครึ่งอาณาจักรแล้ว’ นาเซียยังคงยิ้มให้เบเนดิก แต่ในความคิดเธอตอนนี้กำลังอดที่จะนึกบ่นไม่ได้
“แล้วน้องชายของเลดี้ดาร์เรลยังศึกษาอยู่ที่อคาเดมี่หรือเปล่าคะ” คำถามที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจนัก แต่เธอก็หวังว่าจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจ
“ตอนนี้ลอร์ดอารอนศึกษาเพิ่งจบการศึกษาไปแม้ก่อนจบลอร์ดอารอนจะไม่ได้มาที่อคาเดมี่เลยก็ตาม แต่ท่านอาจารย์ใหญ่เห็นว่าลอร์ดอารอนนั้นตั้งใจจะเป็อัศวินหลวงและได้ไปฝึกคัดเลือกอยู่ที่พระราชวังจึงให้จบการศึกษาร่วมกับเพื่อน ๆ ได้ครับ”
‘อารอนจบการศึกษาแล้วอย่างงั้นเหรอ’ แล้วนี่สถานการณ์ที่เมืองหลวงจะเป็ยังไงกัน แต่ในหนังสือพิมพ์ที่เธออ่านในทุก ๆ วันก็ไม่พบข่าวที่น่าจะเป็ไปได้ว่าตระกูลดาร์เรลถูกทำลาย
~ สองสัปดาห์ต่อมา ~
นาเซียทิ้งตัวนั่งมองท้องฟ้าสีครามด้านหน้าที่พักแรมครอบครัวเกรซี่ วันนี้เธออาสามาอยู่เฝ้าแทนเอเลน่าเพราะนางต้องไปซื้อของที่ตลาดกับแม็ก ลูกชายคนเล็กของครอบครัวเกรซี่ เธอแหงนหน้ามองก้อนเมฆที่ค่อย ๆ ลอยผ่านไปอย่างเชื่องช้า นกนางนวลหลายตัวบินวนไปมาราวกับกำลังเต้นระบำ นาเซียคลี่ยิ้มบาง ๆ ‘เนื้อหาคงกลับสู่ดังเดิมแล้วสินะ’ แม้จะรู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถหาวิธีกลับไปยังโลกเดิมได้ แต่ตอนนี้เธอก็รู้สึกสบายดี
“คุณโซเฟีย…เหนื่อยไหมคะ” เอเลน่าเดินมาพร้อมหอบถุงเสบียงสำหรับผู้มาพัก แมสวิ่งตามหลังมาพร้อมถุงสีน้ำตาลขนาดไม่ใหญ่นัก
“ผมซื้อมันฝรั่งมาให้พี่โซเฟียด้วยครับ” เด็กชายวัยแปดขวบชูถุงสีน้ำตาลที่ด้านในมีมันฝรั่งอบร้อน ๆ
“ขอบใจจ้ะแมส” นาเซียรับมาก่อนจะวางมันข้าง ๆ
“เดี๋ยวดิฉันขอไปเก็บของก่อนนะคะ คุณโซเฟียคงเหนื่อยแย่” เอเลน่าเดินเปิดประตูเข้าไปด้านในที่พักแรม นาเซียมองถุงมันฝรั่งพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ อย่างน้อยตอนนี้ก็มีคนนึกถึงเธอแล้ว
“อ่ะ..” นาเซียพลาดหยิบถุงมันฝรั่งจนทำให้ตกลงพื้น ‘แย่แล้ว’ นาเซียนึกอุทานก่อนจะก้มลงเก็บด้วยความเสียดาย
…..
….
“เจอตัวสักทีนะ…เซีย” เสียงทุ้มดังขึ้นตรงหน้าเธอ รองเท้าหนังสีดำขลับดูคุ้นตาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ นาเซียเอียงศีรษะมองดู
“ท่านดยุก?” หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความใ ‘เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน’ นาเซียใไม่น้อย เธอไม่คิดว่าจะได้พบมิกาเอลที่นี่ ในเนื้อหาไม่ได้บอกเลยว่าเขาจะมาที่เขตเวย์มงนี่ เพราะความเห็นที่ไม่ลงรอยกับไวเคาน์ทำให้มิกาเอลไม่เคยคิดที่จะมาแตะพื้นที่แผ่นดินของเวย์มงเลย
“เ้ามีความผิดใดกันถึงต้องหนีมาไกลเสียขนาดนี้” รอยยิ้มที่ยกมุมข้างริมฝีปากบางดูราวกำลังเยาะเย้ย เขามองร่างบางที่ดูซูบผอมไปอย่างผิดตา แต่ใบหน้าของนางยังคงงดงามเช่นเดิม มิกาเอลอยากจะเอามือตีตัวเองนัก ทั้งที่อยากจะพุ่งเข้าโอบกอดนางแท้ ๆ กลับเอ่ยคำไม่น่าฟังออกมา
“ฉันเปล่า องค์รัชทายาททรงมีเลดี้เซลีนอยู่แล้ว ฉันแค่ไม่อยากต้องเป็หุ่นเชิดของใครอีกต่อไปก็เท่านั้น” นาเซียเชิดหน้าตอบ
“หึ...คิดได้ด้วยรึ หากเ้าไม่อยากเป็หุ่นเชิด แล้วเหตุใดยังยอมรับการอภิเษกนั้นด้วยเล่า”
“ฉันไม่ได้เป็ผู้ขอร้องนี่คะ นั่นก็เพราะตระกูลของฉันต่างหาก” นาเซียเอียงหน้าหลบสายตาของเขา เธอรู้สึกว่าแววตาของมิกาเอลดูน่ากลัวเหมือนเขากำลังที่จะอ่านความคิดเธอจากแววตานั่น
“ข้าคิดว่าเ้าหนีเพราะเื่สัญญาแห่งเวทมนตร์เสียอีก” มิกาเอลยกยิ้มพร้อมก้าวเข้ามาชิด
แววตากลมกระตุกวูบ เธอพลาดแล้วสินะ เธอลืมนึกไปว่าสัญญาแห่งเวทมนตร์นั้นมีเพียงกาบริเอลเท่านั้นที่เคยมีสัญญานี้ นาเซียเอ่ยปฏิเสธไม่ออก เธอไม่สามารถหาข้อแก้ตัวนี้มาทดแทนได้ เพราะสิ่งที่เธอรู้ก็เพราะจากสิ่งที่เธอเคยอ่านมาแล้วทั้งหมด
“ฉันทำไปก็เพียงหวังดีกับท่านดยุกนะคะ”
“ไม่รู้ว่าดีหรือไม่ แต่เ้าจะต้องกลับไปพร้อมกับข้า” กล่าวจบมิกาเอลก็คว้ากระชากแขนของนาเซียเข้าหาตัวพร้อมโอบกอดเอวคอดของเธอไว้ ก่อนที่จะโยนหินเวทเคลื่อนย้ายลง