บทที่ 13
ผมคว้าเสื้อเชิ้ตสีกรมที่แขวนอยู่ในตู้มาใส่ ส่วนกางเกงยังคงใส่ตัวเดิม หลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้วเราก็นั่งเล่นกันต่อบนดาดฟ้าอีกชั่วโมง พอกลับมาเอาของที่ห้อง คุณตัวดื้อของผมก็ไล่มาอาบน้ำเพราะเห็นเหงื่อที่ชุ่มอยู่เต็มหลัง อากาศอบอ้าวที่เพิ่งเกิดขึ้น่ทุ่มกว่า ๆ ทำให้คนขี้ร้อนอย่างผมโดนบ่น คุณเขาไล่ให้ผมมาอาบน้ำก่อนไปส่งที่บ้าน
ทั้งที่ปฏิเสธว่าไม่เป็อะไร แต่เขากลับบอกว่าอยากให้รู้สึกสบายตัวมากกว่านี้ เขากลัวผมจะหงุดหงิดถ้าปล่อยให้ตัวเหนียวเหนอะหนะ เ้าตัวรู้ดีว่าผมจะไม่กลับคอนโดทันที และเป็อย่างที่เขาคิดจริง ๆ หลังจากไปส่งเขาที่บ้านแล้วผมจะแวะไปที่ร้านต่อเลย
ผมรีบแต่งตัวเพราะกลัวคุณเขาจะรอนานจนเกินไป สีหน้าของเขาดูเหนื่อยอ่อนจนเห็นได้ชัด ตัวดื้อของผมคงอยากจะนอนพักเต็มทีแล้ว ผมหยิบโทรศัพท์กับกระเป๋าสตางค์ที่วางอยู่บนหัวเตียงเสร็จก็เตรียมจะออกจากห้อง ทว่ารูปของเขาตอนอยู่ในซุ้มรับน้องที่ถูกใส่กรอบตั้งวางไว้ที่ชั้นข้างเตียงทำให้ผมหวนนึกถึงความทรงจำใน่เวลานั้น…
‘เออ กูเลี้ยวเข้ามอแล้ว’
[เร็ว ๆ เลยไอ้ฟ้า อาจารย์มาแล้ว]
‘เออ’
ผมหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าลานจอดรถ แต่ผู้หญิงสูงอายุคนหนึ่งทำให้ต้องหยุดรถกะทันหัน เธอกำลังเดินออกมาจากลานกว้างโดยไม่ได้มองรถ ผมเดาว่าคุณยายคนนี้คงไม่เคยมาที่นี่ เพราะสีหน้ามึนงงและท่าทางสับสนของเธอบอกอย่างนั้น ผมปลดเข็มขัดเตรียมจะลงไปหาเธอ แม้เวลาของตัวเองแทบไม่เหลือแล้ว แต่ถ้าผมไม่ช่วยแล้วใครจะช่วย
‘คุณยายค้าบ ~ จะไปไหนครับเนี่ย?’
‘ยายจะไปนั่งพักที่โรงอาหารจ้ะ มันอยู่ตรงไหนเหรอจ๊ะ?’
‘ตรงโน้นเลยครับคุณยาย เดี๋ยวรักพาไปนะครับ’
ประตูรถที่แง้มเปิดเพื่อจะลงจากรถถูกดึงปิดเมื่อคุณยายได้รับความช่วยเหลือจากเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ดูจากเสื้อโปโลสีเขียวที่เขาใส่ทำให้รู้ว่าเป็รุ่นน้องในคณะ ผมมองตามคนตัวเล็กที่ประคองคุณยายเพื่อพาออกไปจากตรงนี้ แต่ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินพ้นหน้ารถไป รุ่นน้องคนนั้นก็ก้มศีรษะให้เป็เชิงขอบคุณที่ผมจอดรอให้ทั้งคู่ได้เดินไปก่อน
ในตอนนั้นผมไม่ได้ก้มศีรษะตอบกลับเพราะรู้ดีว่าเขาไม่สามารถเห็นผมผ่านฟิล์มที่ค่อนข้างมืด และผมก็รู้ว่าตัวเองเอาแต่จ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มที่เปื้อนสีเต็มไปหมด ปลายจมูกรั้นถูกแต้มด้วยสีแดงเป็วงกลม แก้มขาวทั้งสองข้างมีขีดสามขีดเป็สีฟ้าคล้ายหนวดแมว และการมัดจุกผมข้างหน้าทำให้เห็นหัวใจสามดวงเล็ก ๆ สีชมพูอยู่กลางหน้าผาก
ผมไม่รู้ว่าจะนิยามให้คนตรงหน้าเป็อะไร ตอนแรกที่เห็นจมูกสีแดงและหนวดสีฟ้าคิดว่าเขาเหมาะจะเป็ลูกแมว แต่หัวใจสามดวงบนหน้าผากทำให้ต้องคิดใหม่ ผมไม่เคยเจอผู้ชายที่มีหน้าตาน่ารักเท่านี้มาก่อน และคงเป็เพราะรูปร่างเล็ก ๆ ของเขาเลยทำให้ยิ่งน่าเอ็นดูเข้าไปใหญ่ แต่ทุกความคิดพลันหยุดลงเมื่อรอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้น
ในขณะที่ทุกความคิดหยุด ทว่ายังมีบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ในร่างกาย มันวิ่งจากสมองลงไปสู่หน้าอกข้างซ้าย แล้วจู่ ๆ สิ่งนั้นก็ทำให้หัวใจของผมเต้นแรง ผมรีบละสายตาจากคนตรงหน้าเมื่อมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายพลางคิดว่าเมื่อคืนผมอาจจะดื่มแอลกอฮอล์มากไปจนส่งผลให้ร่างกายหลั่งสารบางอย่างออกมา
ผมไม่รู้ว่ามันเป็สารอะไร
แต่มันทำให้หัวใจเต้นแรงอีกครั้ง…
ผมขับรถไปจอดหลังจากที่รุ่นน้องคนนั้นพาคุณยายเดินออกไปจากลานจอดรถแล้วก่อนเหลือบตามองรอยสักที่ใต้ท้องแขนของตัวเองที่เพิ่งไปสักก่อนเปิดเทอมได้ไม่กี่อาทิตย์ รอยแดงรอบตัวอักษรภาษาจีนที่มีความหมายว่า ‘รัก’ ช่วยย้ำเตือนว่าเมื่อไม่นานมานี้ผมกำลังจะหมดศรัทธาในความรัก ผมตัดสินใจสักคำว่ารักเพราะอยากให้มันช่วยเตือนความจำว่าครั้งหนึ่งผมเคยเชื่อในความรัก
อาจจะเป็เพราะความรักที่จบลงเลยทำให้ผมไม่อยากมีความรักอีก ผมไม่อยากรู้สึกแย่หรือมีบางอย่างขาดหายไปจากชีวิต เหตุผลนี้ทำให้ผมพยายามตีตัวออกห่างจากความรักจนเริ่มเชื่อว่าบางคนอาจจะใช้ชีวิตได้โดยปราศจากความรัก และผมก็เชื่อว่าตัวเองสามารถอยู่ได้โดยไม่มีความรัก แม้แต่แยมที่เคยรักมาก ๆ ในตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่ความผูกพันในรูปแบบเพื่อนเท่านั้น
ผมเลยเลือกเลิก…เลิกเชื่อว่าจะรักใครได้อีก
ทว่าหัวใจที่เต้นแรงเมื่อกี้ทำให้ย้อนถามตัวเองอีกครั้ง แท้จริงแล้วผมหมดศรัทธาในความรักจริง ๆ หรือแค่กลัวเ็ปถึงได้เลือกเชื่ออย่างนั้น บางทีผมอาจจะปล่อยให้เื่ในอดีตกดทับหัวใจจนชาเหมือนไม่รู้สึกอะไร แต่ลึก ๆ แล้วหัวใจยังรอต้อนรับใครบางคนอยู่ และความจริงผมอาจจะอยากให้ใครบางคนมาช่วยจัดการกับความรู้สึกกลัวที่สะสมมานานจนตกตะกอนอยู่ภายในใจ
แค่ใครสักคนที่เข้ามาขจัดตะกอนความรู้สึกพวกนี้ให้หายไป
แล้วช่วยเอาความรักกลับมาวางไว้ที่เดิม…
จากผ่านเหตุการณ์ที่ได้เจอรุ่นน้องคนนั้นไปได้สองอาทิตย์ ผมก็ต้องยอมรับว่าเอาแต่คิดถึงรอยยิ้มของเขา มันเป็ภาพติดตาที่ไม่สามารถสลัดทิ้งได้ เสียงของเขาที่ดังวนอยู่ในหัวก่อนนอนยังพอมีวิธีจัดการ แค่เปิดเพลงเสียงดังก็สามารถกลบได้แล้ว ทว่าภาพจำขณะผมหลับตาไม่สามารถหาอะไรมาลบออกได้เลย
สุดท้ายผมก็เลิกฝืนตัวเองแล้วออกตามหาเขา ถึงวันนั้นเขาจะไม่ได้แขวนป้ายชื่อ แต่ดีที่เขาใส่เสื้อคณะเลยทำให้หาตัวได้ไม่ยาก แค่แอบมาดูที่ซุ้มรับน้องตอนเย็นก็เจอตัวแล้ว
ผมถึงได้รู้ว่าเขาชื่อ ‘ที่รัก’
ไม่รู้เป็เพราะป้ายชื่อที่ถูกรุ่นพี่วาดหัวใจดวงเล็ก ๆ ให้เต็มไปหมดด้วยความเอ็นดูหรือเพราะชื่อน่ารัก ๆ ของเขาถึงทำให้ผมเผลอยิ้มออกมาตอนเห็นครั้งแรก
‘เลิกเรียนแล้วไปไหนต่อวะไอ้ฟ้า? ไปแดกชาบูกับพวกกูเปล่า?’
‘กูต้องรีบไปร้าน คืนนี้มีลูกค้าวีไอพีเยอะ’
‘โอ้โฮ ขยันแบบนี้เอาเงินไปเก็บไว้ไหนครับเพื่อน’
‘แซวมันมากเดี๋ยวก็โดนด่าหรอกไอ้เหี้ยบอล’
‘แหะ ๆ อย่าด่ากูนะเพื่อนฟ้า กูแค่แซวขำ ๆ’
‘เออ กูไปก่อน ไว้เจอกันพรุ่งนี้’
‘บาย’
เมื่อได้เห็นครั้งแรกแล้ว ครั้งที่สองและสามจึงตามมา ตอนนี้ไม่รู้เป็ครั้งที่เท่าไหร่แต่ผมก็ยังรีบสาวเท้าเดินมาที่ลานจอดรถใต้ตึกแล้วขึ้นไปนั่งรอบนรถสักพักเพื่อให้แน่ใจว่าพวกมันสี่คนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว มีแค่ไอ้บอลคนเดียวที่ต้องเข้าซุ้มรับน้องทุกเย็นเพราะมันอยู่ฝ่ายกิจกรรม หลังจากที่แน่ใจว่าอีกสามคนไม่อยู่ในมหาลัยและไอ้บอลเข้าซุ้มไปแล้ว ผมถึงจะลงจากรถแล้วเดินไปประจำอยู่ที่ใต้ต้นหูกวางตรงข้ามกับซุ้มรับน้อง แม้จะอยู่ไกลไปสักนิดแต่ผมยังสามารถเห็นกิจกรรมรับน้องได้ มีบางครั้งที่ต้องถอยห่างจากต้นหูกวางมาอีกเพราะไอ้บอลมันตาดี
่แรกผมยังไม่เชื่อว่าตัวเองสนใจเขา และคิดว่าไม่น่าจะเป็ไปได้ที่จะตกหลุมรักที่รัก เพราะผมไม่เคยชอบผู้ชายมาก่อน ผมพยายามหาเหตุผลที่รอยยิ้มของเขาทำให้หัวใจเต้นแรง แต่ก็ไม่ได้คำตอบเลยคิดเอาเองว่าเพราะผมไม่เคยเจอผู้ชายที่มีหน้าตาน่ารักและรอยยิ้มสดใสขนาดนี้ อะไรแปลกใหม่ที่ได้เจออาจจะทำให้เกิดความรู้สึกบางอย่างเพียง่เวลาหนึ่งเท่านั้น ไม่นานมันก็จะหายไป
ทว่ามีความรู้สึกขัดแย้งขึ้นในตัวผม นั่นคือความคิดที่ว่าผมกำลังโกหกตัวเองอยู่ หากเขาเป็เพียงสิ่งแปลกใหม่ที่ทำให้เกิดความรู้สึกบางอย่างแล้วจะหายไปในไม่ช้า ผมจะอยู่ได้โดยไม่คิดถึงเขา หลังจากนั้นผมเลยหยุดทุกอย่าง ไม่ไปแอบดูเขาที่ซุ้มคณะ พยายามไม่คิดถึงเขา แม้ผมจะอยู่ได้แต่ภาพต่าง ๆ ที่ฉายชัดขณะหลับตาทำให้ผมรู้ว่ากำลังฝืนตัวเองอยู่
ผมยังคิดถึงเขาตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา…
คิดถึงตอนที่เขาออกมาเต้นเพลงฮิปโปแล้วหัวเราะกับเพื่อน ๆ ตอนที่เขายกมืออาสาจะพาเพื่อนผู้หญิงที่ไม่สบายไปห้องพยาบาล ตอนที่เขานั่งร้องเพลงเสียงดังในแถว ตอนที่เขายกมือไหว้คุณลุงที่เก็บจานอาหารในโรงอาหาร ตอนที่เขานั่งคุยกับเพื่อนในเวลาที่รุ่นพี่ปล่อยพัก ตอนที่เขายืนรอข้าวกะเพราหมูกรอบไข่เจียวหน้าร้านอาหารตามสั่ง ตอนที่เขาวิ่งหน้าตาตื่นขึ้นบันไดเลื่อนแทนลิฟต์เพราะมาสาย และเป็ในตอนนั้นที่ผมได้คำตอบ…
มันเป็ไปได้
ผมตกหลุมรักเขาเข้าให้แล้ว
พอผมมั่นใจว่าตัวเองตกหลุมรักเขาแน่ ๆ อาการตกหลุมรักก็เล่นงานผมอย่างหนัก มันทำให้ผมคิดถึงเขาไม่ได้พัก ผมจะต้องมาแอบเฝ้าเขาทุกเย็นอย่างเช่นวันนี้ หน้าที่ของคนแอบรักอย่างผมคือเฝ้ามองเขาอยู่ห่าง ๆ มีบุหรี่เป็เพื่อนคู่ใจ และมีต้นหูกวางเป็ที่ระบาย ถ้าวันไหนไอ้บอลจับแก้มหรือแตะตัวน้องบ่อย ๆ ต้นหูกวางก็จะฟังผมด่าเยอะหน่อย แต่ถ้าวันไหนน้องแค่ถูกเรียกออกมาเต้นแล้วให้กลับไปนั่งเหมือนเดิมโดยไม่โดนไอ้บอลจับแก้ม ผมก็จะสูบบุหรี่เงียบ ๆ ได้อย่างสบายใจ
ดีที่คณะของผมรับน้องกันไม่โหดมาก ไม่อย่างนั้นความคงแตกไปนานแล้วว่าผมแอบชอบน้อง เพราะถ้ามีใครมาทำรุนแรงกับเขามากจนเกินไป ผมคงไม่ยืนดูเฉย ๆ
แต่เพราะทุกอย่างยังอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้เลยทำให้ผมแอบมองเขาโดยไม่เข้าไปยุ่งมาหลายเดือนแล้ว ผมยอมรับว่าไม่กล้าเข้าไปจีบเขาเพราะกลัวโดนจะปฏิเสธกลับมา ผมไม่เคยลืมว่าเราทั้งสองต่างเป็ผู้ชาย เพราะสิ่งนี้เลยทำให้ทุกอย่างยากขึ้นไปอีก เื่ของความรู้สึกมันละเอียดอ่อนและซับซ้อนจนยากเกินจะอธิบาย
ผมไม่สามารถอธิบายให้ทุกคนเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง
แต่ผมบอกได้แค่ว่าผมรู้สึก…
หากใจเราตรงกันก็คงจะดี แต่ถ้าทุกอย่างง่ายขนาดนั้น ผมคิดว่าโลกนี้คงไม่มีคนเสียน้ำตา เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าความรักครั้งนี้ของผมเป็เื่ยาก ผมต้องคิดให้ถี่ถ้วนทุกอย่างก่อนจะทำอะไรลงไป รวมถึงการที่ผมเก็บเื่นี้เป็ความลับไม่บอกใครสักคนก็เพื่อปกป้องเขาจากอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง
ถึงรู้ว่ามันยากที่จะเป็ไปได้
แต่ผมจะพยายาม
พยายามทำให้เขาตกหลุมรักผมในสักวัน
ผมไม่รู้ว่าการทำให้ใครบางคนมาตกหลุมรักเรานั้นเป็เื่ยากแค่ไหน แต่จากที่ผมตกหลุมรักเขาแล้วเหมือนมันเป็เื่ง่าย เพราะเขาใช้เพียงแค่รอยยิ้มและความเป็เขาเท่านั้น…ผมก็ตกลงไปในหลุมของเขาจนหาทางออกไม่เจอ แต่ต่อให้เจอทางออกผมก็ไม่ไปจากเขา
เพราะั้แ่ที่ผมได้ตกหลุมรักเขา โลกใบเดิมของผมก็เปลี่ยนไป ที่รักทำให้โลกของผมมีมากกว่าแค่สีขาวและดำ เขาทำให้ผมรู้ว่าชีวิตมีอะไรมากกว่าแค่เรียนและทำงาน เขาทำให้ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าในตอนกลางวันทั้งที่ผมไม่เคยชอบมันเลย เขาทำให้ผมยิ้มได้มากขึ้นจนเริ่มรู้สึกเคยชิน เขาทำให้ผมกลับมาเชื่อในคำว่ารักอีกครั้งและอยากเป็คนที่ดีขึ้นเพื่อความรักครั้งนี้ เขาเป็กำลังใจให้ผมในวันที่รู้สึกเหนื่อยจนแทบไปต่อไม่ไหว
ที่รักทำให้ผมทั้งหมดนี้…โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย
และนั่นเป็ความทรงจำที่มีค่าที่สุดที่ผมเก็บซ่อนไว้เป็อย่างดี ภาพความทรงจำตอนที่ผมเจอคุณเขาครั้งแรกยังแจ่มชัดอยู่ในหัว และเมื่อนึกย้อนถึงภาพต่าง ๆ ตอนที่ผมเริ่มตกหลุมรัก เสียงอ่อนโยนของเขาจะดังก้องอยู่ในโสตประสาทคล้ายผมได้กลับไปอยู่ใน่เวลานั้นอีกครั้ง
ตอนนี้ผมไม่ต้องดูรูปนี้และทวนความทรงจำเพื่อช่วยคลายความคิดถึงแล้ว เพราะคุณคนที่ผมคิดถึงทุกวันเขากำลังนั่งรอผมอยู่ข้างนอก ผมส่ายหน้าเบา ๆ กับตัวเองที่หลุดยิ้มออกมาอย่างกลั้นไม่ได้ ผมคงดีใจมากเกินไปที่ได้เลื่อนขั้นเป็คนสนิทถึงได้ทำให้ยิ้มไม่หุบ
เขาคงไม่รู้ว่าหัวใจของผมเต้นแรงแค่ไหนตอนที่…
ตอนที่เส้นขอบฟ้ากับสุดขอบทะเลมากัน
ตอนที่เลื่อนขั้นเป็คนสนิท
และตอนนี้มันก็ยังเต้นแรงอยู่
ผมเดินออกมาจากห้องเพื่อจะพาคุณเขาไปส่งที่บ้าน แต่ภาพที่เห็นทำให้ผมต้องหลุดยิ้ม คุณคนดื้อที่ใส่เสื้อแขนยาวสีขาวกับกางเกงสแล็กสีครีมกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนโซฟา ผมหยุดยืนมองคนตัวเล็กก่อนจะตัดสินใจเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อโทรหาดอม
เหตุผลที่ผมจะบอกเพื่อนคือไม่อยากปลุก ขอให้เขาได้นอนต่อสักพักแล้วจะไปส่ง แต่เหตุผลที่แท้จริงของคนแอบรักที่โลภมากอย่างผมคืออยากนั่งมองเขาต่ออีกสักพัก วันนี้ผมอาจจะขอมากเกินไปคล้ายได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ
แต่…ครับ ผมยอมรับ
เวลาอยู่กับคุณท้องทะเล…เท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ
[ถึงไหนแล้วไอ้ฟ้า?]
“กูเข้าไปอาบน้ำ ออกมาน้องหลับว่ะ”
[แล้วมึงอาบน้ำทำไม? แล้วทำไมน้องหลับ…นี่อย่าบอกนะว่า…]
“หยุดเลยไอ้เหี้ย กูไม่ได้เลวขนาดนั้น”
[ใจหายหมดไอ้สัด นึกว่าได้ใจพอเห็นกูเปิดทางให้]
“…”
[ถึงกูจะรู้ว่ามึงชอบน้องมานานแล้ว แต่พี่อย่างกูไม่ยอมปล่อยให้มึงผ่านด่านง่าย ๆ หรอกเว้ย]
ผมหัวเราะเพราะเสียงหยอกล้อของมัน ก่อนเอ่ย “กูเหงื่อออกเยอะ น้องก็เลยไล่ให้ไปอาบน้ำก่อนไปส่ง แต่กูคงอาบน้ำนานไป เขาเลยเผลอหลับไป”
[โห แล้วถ้าตื่นเที่ยงคืนจะทำไง…เยอะไปแล้วนะไอ้ฟ้า หวังเยอะนะมึงอะ]
“รู้ทันไปหมด แต่ไม่เคยทันเมียตัวเอง”
[อย่าพูดแบบนั้น…เรียกว่าแกล้งโง่ให้เขาสบายใจ]
“ขออีกหนึ่งชั่วโมง”
[…]
“ได้ไหมวะ?”
[ไม่รู้ คุยกับเบบเอาเอง…อะ คุณ ไอ้ฟ้าโทรมาต่อเวลาอีกแล้ว]
ผมส่ายหน้าอยากจะด่าเพื่อนสนิทที่ไม่กล้าตัดสินใจเอง มันจะต้องขออนุญาตแฟนสุดที่รักก่อนตลอด เบบรู้เื่ที่ผมแอบชอบคุณเขาทั้งหมดแล้วเพราะไอ้ดอมยอมคลายความลับหลังจากถูกเค้นถามวันที่จัดปาร์ตี้บาร์บิคิว นั่นทำให้ผมรู้สึกประหม่าเวลาได้คุยกับเบบเพราะรู้ดีว่าหวงน้องชายขนาดไหน
“…”
[ว่ายังไงหมื่นฟ้า?]
“คุณเขาหลับอยู่ เราไม่อยากปลุก…เราขอให้เขาได้นอนต่ออีกสักชั่วโมงได้ไหม?”
[ถ้าไม่ได้ล่ะ?]
“ก็ต้องปลุกแล้วพาไปส่ง”
[เอาจริง ๆ เราไม่อยากให้อยู่ต่อหรอก]
“…”
[แต่ก็เห็นใจคนแอบรัก…อีกชั่วโมงเดียวพอนะ]
“โอเค”
[สัญญาว่าจะไม่ลักหลับน้องเรา]
“อือ”
[โอเค ไม่มีต่อเวลาอีกแล้วนะ]
“ครับ”
ผมวางสายแล้วเอาโทรศัพท์เก็บใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินมานั่งลงที่พื้นข้างหน้าเขา ผมยิ้มพลางคิดว่าจะลักหลับคุณตัวดื้อลงได้ยังไง เพราะตอนเขาหลับน่ารักมากขนาดนี้ แค่ได้นั่งมองไปเรื่อย ๆ ก็มีความสุขมากพอแล้ว
แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้สึกเื่อย่างนั้น ผมก็เป็คนธรรมดาคนหนึ่ง เวลาที่ได้อยู่ใกล้คนที่รักมาก ๆ มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าอยากทำอย่างอื่นนอกจากแค่พูดคุย ผมอยากกอด อยากหอม อยากจูบ อยากทำอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง แต่ถ้าผมเลือกจะสนองความ้าของตัวเองโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร
ถ้าทำแบบนั้นผมคงรักแค่ตัวเอง ไม่ได้รักคุณเขาจริง ๆ หรอก
และเพราะว่าผมรักคุณเขาจริง ๆ ผมถึงได้เลือกทำทุกอย่างทางอ้อม ผมสารภาพรักเขาผ่านเนื้อเพลง บอกรักเขาผ่านชื่อเพลง และจูบเขาผ่านกระป๋องโค้ก ตอนที่ผมทำทุกอย่างไปนั้น แม้จะไม่ใช่การสื่อให้รับรู้ตรง ๆ แต่มันก็ทำให้หัวใจของผมเต้นเร็ว
จนถึงตอนนี้ที่ผมอยากจะจูบที่ปลายจมูกของเขา แต่ก็ทำได้แค่เอานิ้วชี้ไปเกลี่ยที่ปลายจมูกรั้นเบา ๆ ต่อให้อยากหอมหน้าผากเขามากแค่ไหน ผมก็ทำได้แค่เอามือปัดผมที่หล่นมาปรกหน้า
แต่ทุกอย่างไม่ใช่การฝืนใจหรือต้องอดทน
ผมเต็มใจที่จะทำและอยู่แบบนี้
ผมจะรอ…แม้สุดท้ายจะทำไม่ได้มากไปกว่านี้
แต่ผมก็จะอยู่…ยืนอยู่ที่เดิมตลอดไป
ผมนั่งมองเขาอยู่ที่โซฟาได้หลายสิบนาทีโดยไม่ลุกไปไหน การที่ได้เห็นเขาอยู่กับโซฟาตัวนี้ทำให้ผมหวนนึกถึง่เวลาหนึ่งที่ทำให้ผมทรมานอย่างแสนสาหัส ผมยังไม่เคยลืมความรู้สึกเ็ปในวันนั้นเพราะมันช่วยย้ำเตือนให้ผมรู้ว่ากว่าจะรักเขาได้หมดใจจนถึงทุกวันนี้ ผมต้องก้าวข้ามผ่านความรู้สึกที่หลากหลาย และแม้ว่ามันจะเ็ป แต่ผมก็ไม่คิดจะลบมันออกไปจากความทรงจำเลย…
‘ไอ้ฟ้า พรุ่งนี้มีพรีบ่ายนะเว้ย’
‘เตือนตัวมึงเองเหอะ’
‘เออ มึงแหละไอ้เหี้ยบอล ตัวมาสายเลย’
‘เลิกด่ากูแล้วไปรับแฟนมึงเหอะเชี้ยดอม’
‘เออ กูไปก่อน’
‘วันนี้ทำไมไอ้ฟ้าดูอารมณ์ดีวะ?’
‘แล้วก่อนมันจะเดินไป ทำไมมึงไม่ถามล่ะเชี้ยทิม’
แม้จะเดินออกมาจากตรงนั้นแล้ว แต่ผมยังได้ยินเสียงพวกมันคุยกันอยู่ สิ่งที่ไอ้ทิมสงสัยเป็เื่จริง สาเหตุที่วันนี้ผมอารมณ์ดีเพราะผมตั้งใจจะไปขอไลน์ที่รัก ผมคิดทบทวนอยู่หลายวันก่อนจะตัดสินใจทำแบบนี้ อาทิตย์นี้เป็อาทิตย์สุดท้ายก่อนจะปิดภาคเรียน ผมจะไม่ได้เจอเขาเกือบสองเดือน
ตลอดระยะเวลาที่เฝ้าเขาอยู่ห่าง ๆ ผมพยายามจะเข้าไปทำความรู้จักกับเขาตลอด ทว่าการเริ่มทำความรู้จักกับใครสักคนเป็เื่ยากสำหรับผมพอสมควร ผมคิดคำกล่าวทักทายก่อนนอนทุกคืน แต่พอจะต้องเข้าไปทักเขาจริง ๆ ก็ไม่กล้าพอ ผมกลัวเขาจะไม่ประทับใจในตัวผม
ผมรู้ว่ามันแปลก…
แปลกที่รักไปตั้งเยอะแล้ว แต่เพิ่งจะทำความรู้จักกัน
แต่เชื่อผมเถอะ…เราสามารถรักใครคนหนึ่งได้ทั้งที่ไม่เคยคุยกับเขา
ถ้าคุยกันต่อหน้าเป็เื่ยาก การคุยกันผ่านตัวอักษรคงจะช่วยทำให้เรารู้จักกันได้ง่ายขึ้น เมื่อคิดได้แบบนั้นผมก็รวบรวมความกล้าเพื่อขอไลน์เขา ไอ้บอลเพิ่งเล่าให้ฟังว่า่นี้รุ่นพี่กับรุ่นน้องแลกไลน์กันเยอะเพราะเอาไว้ปรึกษาเื่เรียน วิธีนี้จะไม่ทำให้เขาสงสัยในตัวผมมาก ถึงเขาจะสงสัยแต่อย่างน้อยก็ไม่มากพอจะจับได้ว่าผมแอบชอบ แล้วผมก็จะค่อย ๆ สานความสัมพันธ์กับเขา
ผมมานั่งที่ใต้ต้นหูกวางเหมือนเดิม รอให้พวกรุ่นน้องทำกิจกรรมเสร็จก่อนถึงจะเข้าไปขอไลน์เขา ทว่าวันนี้ผมนั่งไม่ค่อยติดเก้าอี้ไม่สักเท่าไหร่ อาจจะเป็เพราะตื่นเต้นมากไปถึงได้ลุกเดินไปมาไม่หยุด ผมเลยต้องหาอะไรทำเพื่อจะได้หยุดความตื่นเต้นนี้ และการเข้าไปส่องเฟชบุ๊กของเขาคงทำให้จิตใจสงบลงได้
ที่รักเปิดเฟชบุ๊กเป็สาธารณะเลยทำให้ผมรู้ความเคลื่อนไหวของเขา และการหาเฟชบุ๊กเขาไม่ใช่เื่ยากเพราะมีไอ้บอลเป็เพื่อน เขาทำให้ผมกลับมาเล่นเฟชบุ๊กอีกครั้งหลังจากที่ปิดไปตอนเลิกกับแยม ผมคิดว่าหลังจากเรารู้จักกันแล้วจะขอเขาเป็เพื่อนในเฟชบุ๊ก ถึงตอนนั้นผมคงกดไลก์สเตตัสและรูปของเขาได้โดยไม่ต้องกังวลว่าเขาจะสงสัย แค่คิดว่าผมจะได้ก้าวเข้าไปใกล้เขาอีกนิดก็ทำให้ผมหลุดยิ้มออกมา
อย่างในตอนนี้ผมอยากกดไลก์รูปที่เขาลงเมื่อคืนตอนอยู่งานวันเกิดเพื่อน
แต่รอก่อน..เดี๋ยวไม่นานผมก็ทำได้แล้ว
ตอนนี้หัวใจของผมเหมือนลูกโป่งที่ถูกอัดแก๊สจนเต็ม มันพองโตลอยอยู่กลางอากาศ มันเป็ความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ ผมรู้แค่ว่ายิ่งมันพองโตก็ยิ่งมีความสุข…
แต่พอผมเลื่อนผ่านรูปล่าสุดมา
จู่ ๆ ลูกโป่งใบนั้นก็แตก
'ที่รัก In relationship with Mew'
มันไม่ได้แตกเพราะถูกอัดแก๊สความสุขมากจนเกินไป แต่มันถูกสถานะนั้นทิ่มแทงจนแตกคาหน้าอกข้างซ้าย ผมทำได้เพียงแค่จ้องมองประโยคนั้น แม้จะอยากหนีความจริงตรงหน้าสักแค่ไหน แต่ผมไม่อาจละสายตาจากมันได้เลย ไม่นานนักผลข้างเคียงจากการที่ลูกโป่งแตกก็เริ่มทำให้ปวดหนึบจนรู้สึกชาไปทั้งตัว
ผมเคยคิดว่าตัวเองจะยอมรับได้หากว่าเขาจะคบใครสักคนที่ไม่ใช่ผม แต่วันนี้ผมรู้แล้วว่าตัวเองคิดผิด ผมทำใจไม่ได้เลยสักนิด เพราะลึก ๆ แล้วผมยังหวังเสมอว่าตัวเองจะได้รอยยิ้มนั้น ทั้งหมดที่เกิดขึ้นคงโทษใครไม่ได้เพราะมันเป็เื่ของความรู้สึก แต่หากคิดทบทวนดูอีกที…เื่นี้มีคนทำพลาดจนได้รับโทษ
คน ๆ นั้นก็คือผม
ผมช้าไป…ไม่รู้ว่าช้ากว่าคนในใจเขากี่ก้าว
แต่ผมก้าวพลาดเอง…นี่คงเป็บทลงโทษของคนที่ไม่กล้าอย่างผม
หลังจากวันนั้นผมกลับมาพักใจก่อน ผมไม่ได้เข้าไปขอไลน์เขาแล้วปล่อยให้เวลาล่วงเลยจนปิดภาคเรียน ่นั้นผมพยายามทำใจให้ได้ คอยบอกกับตัวเองว่าต่อให้ไม่ได้อยู่ในฐานะคนรัก ไม่ว่าจะอยู่ฐานะอะไรในชีวิตเขาผมก็ต้องยอมรับ เพราะผมไม่สามารถตัดเขาออกไปจากชีวิตได้
และความรักในครั้งนี้ทำให้คิดอะไรได้บางอย่าง…
ไม่มีรักครั้งไหนที่เผื่อใจได้ ไม่มีรักครั้งไหนที่ไม่หวังจะ
เพราะขนาดผมเตือนตัวเองให้เผื่อใจ ขนาดผมเตือนตัวเองไม่ให้หวัง
ผมยังต้องทำใจนานขนาดนี้…
ผมใช้เวลาทั้งหมดไปกับการทำงาน จนบางวันแทบจะนอนที่ร้าน ไอ้เรียวสังเกตได้ถึงความผิดปกติก็คอยมาเค้นถามผม แต่สิ่งที่มันได้กลับไปคือความเงียบ ผมไม่ได้เล่าอะไรให้มันฟังจนสุดท้ายมันไปขอร้องให้แยมโทรมาถามผมแทน แต่แยมก็ไม่ได้คำตอบเช่นกัน นอกจากจะไม่ได้คำตอบกลับไปแล้ว กลายเป็เขาที่โดนถามกลับ
‘แยม เราเคยเห็นแยมถ่ายรูปคู่กับรุ่นน้องที่ชื่อมิวลงเฟชบุ๊ก’
[อ๋อ น้องมิว เป็รุ่นน้องตอนเรียนมัธยม…ตอนนี้เรียนอยู่มอฟ้านี่ รู้สึกว่าจะคณะเดียวกันด้วยปะ เห็นรูปอยู่อะ แต่่นี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลย]
‘อือ อยู่คณะเดียวกัน…เขานิสัยดีใช่ไหม?’
[…ฟ้าชอบน้องเหรอ? เรารู้สึกว่าน้องจะมีแฟนแล้วนะ]
‘ไม่ได้ชอบ แค่อยากรู้ว่าเขานิสัยดีไหม?’
[ดีนะ น่ารัก ใจดี เป็รุ่นน้องที่น่ารักคนหนึ่งเลย]
‘โอเค…’
[มีอะไรหรือเปล่าฟ้า?]
‘ไม่มีอะไรแล้ว เราขอไปทำงานก่อนนะ’
[โอเค อย่าหักโหมนะฟ้า มีอะไรก็โทรมาหาเราได้ตลอด]
‘ขอบคุณครับ’
ผมแค่อยากถามให้แน่ใจ…แค่อยากแน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำให้คนน่ารักของผมมีความสุขได้เหมือนกัน ผมยอมรับว่าผมไม่ใช่คนดีอะไร เพราะไม่เคยคิดยินดีสักครั้งที่เขาคบกัน แต่อย่างน้อย ๆ ผมก็ไม่ใช่คนเลวร้าย
เพราะก่อนนอนผมภาวนาให้เขาเสมอ…
ภาวนาให้ที่รักมีความสุขมาก ๆ กับรักครั้งนี้
ภาวนาให้ที่รักยิ้มเยอะ ๆ เหมือนเดิม
อย่างสุดท้ายที่ภาวนาก่อนนอนคือ…ผมขอไม่ให้เขาต้องเ็ปกับความรัก
ตลอดสองเดือนที่ปิดเทอมผมไม่ได้รับรู้เื่ของเขาเลย เฟซบุ๊กของผมถูกปิดลงอีกครั้ง ผมเอาแต่ทำงานที่ร้านเพื่อจะได้คิดถึงเขาน้อยลง แต่เมนูอาหารที่ผมสั่งกินทุกวันทำให้รู้ว่าผมไม่เคยคิดถึงเขาน้อยลงเลย
ผมสั่งข้าวกะเพราหมูกรอบไข่เจียวทุกวัน
ทุกครั้งที่กลับนอนคอนโดผมจะชอบเปิดรูปเขาที่แอบถ่ายไว้ดูเพื่อคลายความคิดถึง การกระทำนี้ช่วยให้ผมคิดถึงเขาน้อยลงได้ แต่มันก็ทำให้ผมทรมานมากขึ้นเช่นกัน
อย่างในตอนนี้ที่ผมเปิดดูรูปของเขาขณะนั่งอยู่บนโซฟาตัวโปรด อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะเปิดเทอมแล้ว ผมควรจะรีบทำใจให้ได้เร็ว ๆ เพื่อจะได้ทำความรู้จักกับเขาได้โดยไม่ให้เื่อื่นมาติดอยู่ในใจ
รู้จักในฐานะไหนก็ได้
แค่ต้องทำใจให้ได้…
หลังจากที่ดูรูปเขาได้สักพักผมก็เตรียมจะกดล็อกหน้าจอเพื่อไปอาบน้ำ ทว่าปลายสายที่โทรเข้ามาทำให้ผมต้องอยู่คุยด้วยก่อน
‘ว่าไงครับม้า?’
[อยู่ไหนลูก?]
‘วันนี้ฟ้ากลับมานอนที่คอนโดครับ’
[ลี้บ่นว่าฟ้าไม่ค่อยกลับบ้านเลย]
‘่นี้ที่ร้านลูกค้าเยอะครับม้า ฟ้าเลยยุ่ง ๆ ’
[ลูกครับ…เป็อะไรหรือเปล่าครับ?]
‘…’
[ฟ้า…]
‘ม้าครับ…เมื่อตอนต้นเทอม ฟ้าตกหลุมรักคน ๆ หนึ่ง’
[…]
‘ถ้าเขาไม่ใช่ผู้หญิง…ม้าจะรักเขาเหมือนที่ฟ้ารักได้ไหมครับ?’
[ม้าไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงนะครับ แต่การที่ฟ้าก้าวข้ามทุกความรู้สึกจนมั่นใจว่าตัวเองรักเขาได้ แม้ว่าเขาจะเป็ผู้ชายเหมือนกัน…แล้วทำไมม้าจะรักเขาไม่ได้]
‘…’
[ครั้งนี้…มันยากมากเลยใช่ไหมครับ?]
‘ครับ ม้า’
[แล้วตอนนี้เป็ยังไงบ้างครับลูก?]
หม่าม้าคงรู้ได้จากน้ำเสียงของผมถึงได้เอ่ยถาม ไม่มีใครรู้ใจผมเท่าหม่าม้าแล้ว
‘พังไม่เป็ท่าเลยครับม้า’
โลกของผมพังไปหมดเลย พอบอกหม่าม้าไปแบบนั้นผมก็รู้สึกว่ากระบอกตาร้อนผ่าวอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน แล้วมันมีก้อนบางอย่างวิ่งมาจุกอยู่ที่ลำคอจนทำให้ผมไม่สามารถพูดต่อได้
[ท้องฟ้าของหม่าม้า ไหวไหมครับ?]
‘…’
เป็ในตอนนั้นที่มีหยดน้ำไหลจากดวงตาตกลงสู่นาฬิกาเรือนโปรดของผม บนหน้าปัดกระจกเลอะหยดน้ำตาที่ผมไม่รู้ว่ามันไหลออกมาตอนไหน ผมยกมือขึ้นแตะบริเวณข้างแก้มของตัวเองและััเปียกชื้นบนฝ่ามือทำให้ผมรู้ว่า…
จริง ๆ แล้ว…ผมคงไม่ไหว
[ฟ้า…เจ็บก็ให้รู้ว่าเจ็บ หัวใจอยากจะเจ็บแค่ไหนก็ให้มันเจ็บไปลูก แต่ถ้ามันเจ็บจนไม่ไหวก็แค่หยุดพัก เราพักได้นะฟ้า ไม่จำเป็ต้องฝืนเข้มแข็งตลอดเวลา]
‘…’
[หม่าม้ารู้นิสัยฟ้าดี ฟ้าเป็ลูกคนโต ป๊าชอบสอนให้ฟ้าเข้มแข็ง ให้มีความรับผิดชอบ]
‘…’
[แต่มันเอามาใช้กับความรักไม่ได้หรอกลูก]
‘ฟ้าไม่เคยคุยกับเขาเลยครับม้า ได้แค่แอบมองเขาเท่านั้น…แต่ฟ้าก็เผลอรักเขาไปมากแล้ว’
[หม่าม้าเข้าใจแล้วครับ…ไม่แปลกเลยที่ฟ้าจะรู้สึกกับเขาขนาดนี้ เพราะครั้งนี้ฟ้าอนุญาตให้เขาเข้ามาในโลกของฟ้าเอง เราอนุญาตเท่ากับเราไม่มีกำแพง]
‘…’
[กับคนนี้…ฟ้าไม่มีกำแพงป้องกันความรู้สึกตัวเองเลย แล้วการที่ฟ้าเป็ฝ่ายเฝ้ามองเขาตลอดก็ทำให้ฟ้าซึมซับรับเขาเข้ามาเต็ม ๆ ฟ้าถึงได้รู้สึกมากไงครับ]
‘…’
[ตอนนี้เขาเป็อะไรในโลกของฟ้า?]
‘คุณเขาเป็กำลังใจ เป็รอยยิ้ม เป็ความสุข เป็ความเ็ป…’
[เป็ทุก ๆ อย่างของฟ้า]
‘…’
[หม่าม้าจะไม่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นโลกของฟ้าถึงได้พังขนาดนี้ แต่ม้าอยากบอกฟ้าว่า…สิ่งที่ยากที่สุดคือการก้าวข้ามผ่านความรู้สึกของตัวเอง และฟ้าผ่านมันมาได้จนมั่นใจแล้ว ต่อให้เจอเื่ที่หนักกว่านี้…ฟ้าจะผ่านมันไปได้]
‘…’
[และถ้าความรักครั้งนี้ไม่สมหวังจริง ๆ …ม้าอยากให้ฟ้าเข้าใจว่าถึงเราจะให้เขาเป็ทุกอย่างในโลกของเรา แต่ใช่ว่าเราจะได้เป็ทุกอย่างในโลกของเขาเหมือนกัน เพราะบางทีเขาอาจจะสร้างโลกใบใหม่กับใครบางคนอยู่…เราต้องทำใจยอมรับตรงนี้นะลูก]
‘ฟ้ากำลังทำใจยอมรับอยู่ครับ เื่ของความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้…ฟ้าเข้าใจดี’
[เพราะม้ารู้ว่าฟ้าเป็คนยอมรับความจริง ม้าถึงไม่ห่วงฟ้าเท่าไหร่]
‘…’
[ถ้าตอนนี้มันยากที่จะรับไหว ม้าอยากให้ฟ้าคิดถึงตอนแรกที่ตกหลุมรักเขา…ตอนนั้นฟ้ามีความสุขเพราะอะไรครับ?]
‘ได้เห็นเขายิ้มครับ’
[จริง ๆ แล้วความสุขของฟ้าคือได้เห็นเขายิ้ม มันง่าย ๆ แค่นี้เองลูก…สุดท้ายแล้วไม่ว่าฟ้าจะอยู่ในฐานะอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการได้เห็นเขายิ้มได้ในทุก ๆ วันไม่ใช่เหรอครับ?]
‘…’
[ม้าเชื่อว่าต่อให้ฟ้าอยากจะเป็คนในใจเขามากแค่ไหน แต่ถ้ามันทำให้รอยยิ้มของคุณเขาหายไป…ถึงเวลานั้นฟ้าจะยอมเป็ทุกอย่างเพื่อทวงรอยยิ้มเขากลับคืนมา]
‘ขอบคุณนะครับม้า…ขอบคุณที่ทำให้รู้ว่าจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองยังไง’
[ไม่มีใครเก่งเกินความรักหรอกลูก]
‘…’
[แต่ถึงยังไงหม่าม้าก็ยังขอให้ฟ้าสมหวังนะครับ…สมหวังในที่นี้หมายถึงได้รู้จัก มีกันและกันอยู่ในชีวิต ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ตาม]
‘ครับ ม้า’
[สู้ ๆ นะครับลูก]
หลังจากที่ผมได้คุยกับหม่าม้าวันนั้นก็รู้สึกดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ผมสามารถคิดถึงเขาได้โดยไม่รู้สึกทรมาน และผมเริ่มทำใจได้บ้างแล้ว จนคิดว่าก่อนจะเปิดเทอมอาทิตย์หน้าผมอาจจะหายดีแล้วสามารถเข้าไปทำความรู้จักกับเขาได้
ความรักครั้งนี้สอนอะไรผมหลายอย่าง ทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วผมไม่เคยรู้จักความรักเลย และรักไม่เป็ด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์ของผมกับแยมที่จบลงเป็สิ่งช่วยยืนยันได้เป็อย่างดี ถึงผมจะรักแยมมาก แต่ตอนนั้นผมรักตัวเองมากกว่าจนทำให้เราต้องเลิกกัน ส่วนความรักครั้งใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นผมก็ยังรักไม่เป็อยู่ดี เพราะผมรักเขามากกว่าตัวเองจนทำให้เ็ป
ผมไม่รู้หรอกว่าความรักที่ดีนั้นเป็อย่างไร การรักให้เป็ต้องปฏิบัติแบบไหน แต่ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าผมต้องแบ่งความรักให้ตัวเองและใครบางคนเท่า ๆ กัน…
รักเขาให้เท่าที่รักตัวเอง
ความรักจำนวนนี้จะช่วยรักษาความสัมพันธ์ให้เป็นิรันดร์…
และเหมือนความรักอยากจะกลั่นแกล้งผมอีกครั้งหลังจากที่ทำใจยอมรับได้แล้ว ผมเตรียมตัวจะเข้าไปทำความรู้จักกับเขาเพราะมั่นใจว่าตัวเองรับได้ทุกสถานะที่เขาจะมอบให้ ทว่าก่อนเปิดเทอมสองวันรุ่นน้องที่ชื่อมิวมาดื่มที่ร้านผมพร้อมกับแยม ผมถึงได้รู้ว่าเขาสองคนเลิกกันได้สามวันแล้ว โดยที่รักเป็คนบอกเลิกด้วยเหตุผลที่ว่า…
‘เราพยายามแล้วมิว เราขอโทษนะที่ไม่สามารถรู้สึกกับมิวได้เกินกว่าเพื่อน…เราขอโทษ’
แยมถ่ายทอดเื่ราวทั้งหมดให้ผมฟังหลังจากมิวกลับไปแล้ว ผมถึงได้รู้ว่าที่รักตกลงคบกับมิวเพราะสถานการณ์บีบบังคับ แม้ที่รักจะเป็คนบอกเลิก แต่ผมคิดว่าทั้งสองคนคงรู้สึกแย่ไม่ต่างกัน และนอกจากความรักจะกลั่นแกล้งผมแล้วมันยังเล่นตลกกับผมอีก เพราะแยมขอให้เรากลับไปคบกันอีกครั้ง
‘เรารู้สึกว่าไม่มีใครเหมือนฟ้าอีกแล้ว ตลอดเวลาที่เลิกกันเราก็ไม่เคยคบใครจริงจังเลย…’
‘แยม…เราขอโทษ’
‘…’
‘ตอนนี้เรามีคนที่รักอยู่แล้ว’
‘…รักเหรอฟ้า’
‘รุ่นน้องที่เป็แฟนของมิว’
‘ฟ้า’
‘ใช่…เขาเป็ผู้ชาย และเราก็รักเขาไปแล้ว’
‘…’
‘ขอโทษนะที่ทำให้ผิดหวัง’
‘ที่ฟ้าถามว่ามิวนิสัยดีไหม? ...ที่จริงแล้วฟ้า…’
‘เราแค่อยากแน่ใจว่าเขาจะมีความสุข ถ้าได้คบกับคนดี ๆ ’
‘…’
หลังจากเปิดเทอมสองได้อาทิตย์กว่า ๆ ที่รักก็สนิทกับพันลี้ ความคิดที่ผมจะเข้าไปทำความรู้จักกับเขาเลยถูกเลื่อนออกไปอีก เพราะเขากลายมาเป็เพื่อนสนิทของน้องชายจึงทำให้ต้องคิดทุกอย่างให้รอบคอบมากขึ้นกว่าเดิม พันลี้เป็คนรักครอบครัวและเพื่อนมาก หากจะทำอะไรต้องมั่นใจว่าจะไม่ให้น้องเกิดความลำบากใจ
และเพราะเขาสนิทกับพันลี้ถึงทำให้ผมเริ่มมีความหวัง พันลี้ชอบคุยโทรศัพท์เสียงดังจนผมสามารถจับใจความเื่ที่คุยกับเพื่อน ๆ ได้หมด โดยส่วนมากจะเป็เื่ที่รุ่นพี่ผู้ชายมาจีบที่รัก น้องชายของผมทำหน้าที่เป็ไม้กันหมาได้ดีกว่าที่คิด มันขัดขวางทุกคนที่เขามาจีบที่รักแทนผมโดยไม่รู้ตัว
ผมเลยหายห่วง และตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่เฝ้าเก็บข้อมูลจากน้องชายทำให้ผมได้รู้ว่าที่รักเป็คนเปิดกว้างพอสมควร เขาไม่ปิดกั้นความรักในรูปแบบอื่นที่นอกเหนือจากชายหญิง เพราะจากที่ฟังพันลี้เล่าเื่ที่รักให้แม่นมฟังในครัวตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา พันลี้บอกว่าเพื่อนคนนี้ปฏิบัติกับทุกคนอย่างเท่าเทียมโดยไม่แบ่งแยก แม้จะรู้ว่าบางคนคิดกับตัวเองมากกว่าเกินกว่าเพื่อนหรือรุ่นน้อง แต่ไม่มีสักครั้งที่ที่รักแสดงพฤติกรรมไม่ดีใส่
พอได้ยินอย่างนั้นเลยทำให้ผมมีความหวังมากขึ้นอีก ผมไม่ได้เรียกร้องขอสถานะอย่างคนอื่น ๆ ที่หวังจะเขา เพราะฉะนั้นคงมีที่มากพอให้ผมยืน หลังจากนั้นผมขอเวลาให้ตัวเองได้เก็บข้อมูลของเขาอีกสักหน่อย ให้ได้ซึมซับนิสัยเขาอีกสักนิดก่อนที่จะเข้าไปในชีวิตเขา
ผมใช้เวลาศึกษาเขาอยู่ห่าง ๆ อีกประมาณหนึ่งเทอมจนแน่ใจว่าการเข้าไปทำความรู้จักกับเขาครั้งนี้จะไม่ผิดพลาด อย่างน้อย ๆ เขาจะต้องประทับใจในตัวผมบ้าง
เมื่อเปิดภาคเรียนใหม่ พี่ปีสามอย่างผมก็เตรียมจะเข้าไปทำความรู้จักกับเขาอย่างที่ตั้งใจไว้ แต่อาทิตย์นั้นที่รักดันป่วยเลยหยุดเรียนเกือบทั้งอาทิตย์ ผมได้แต่เฝ้าอาการเขาโดยแอบฟังพันลี้คุยโทรศัพท์ พอรู้ว่าเขาดีขึ้นแล้วจะมาเรียนได้ในอาทิตย์หน้าผมก็เตรียมตัวใหม่อีกครั้ง
แต่อาทิตย์นั้นอาจารย์สั่งให้พวกผมไปดูงานเกือบทั้งอาทิตย์ แผนทำความรู้จักของผมเลยถูกเลื่อนไปอีก ผมไม่ท้อใจแต่แค่คิดว่าชีวิตรักของคนอื่นจะยากเท่าผมไหม
ทว่ามีอยู่คืนหนึ่งที่ผมตัดสินใจกลับคอนโดหลังกลับจากดูงานที่หอศิลป์กับเพื่อนโดยไม่แวะไปเช็กความเรียบร้อยที่ร้าน เพราะอยากจะพักผ่อนให้เต็มที่หลังจากที่นอนน้อยสะสมมาหลายวัน ผมขับรถเลยร้านไปไกลหลายกิโลแล้วถึงได้เห็นสายเรียกเข้านับสิบสายของพันลี้ พอโทรกลับไปถึงได้รู้ว่าที่รักจะไปงานวันเกิดของรุ่นพี่ในคณะ ประวัติเ้าของวันเกิดที่ผมได้ยินมาหนาหูทำให้ต้องรีบวนรถกลับทันที
และเหตุการณ์ในวันนั้นก็เป็จุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมได้ทำความรู้จักกับเขา…
คุณท้องทะเลสร้างความทรงจำมากมายให้ผมโดยที่ไม่รู้ตัว ผมยอมรับว่าคุณเขาเก่งมาก ๆ เพราะตัวเล็กแค่นี้ แต่สามารถทำให้ผมที่ตัวโตกว่าตั้งเยอะทั้งยิ้มและร้องไห้ได้เพราะเขา ผมถอนนิ้วหัวแม่มือที่ััริมฝีปากของตัวดื้อออกแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะอุ้มเขาขึ้นมา คนในอ้อมกอดดิ้นและร้องอือในลำคอเล็กน้อย ผมหัวเราะให้กับท่าทางน่ารัก ๆ ของเขา
“เข้าไปนอนสบาย ๆ ในห้องพี่ฟ้านะครับตัวดื้อ”
“…”
คนที่หลับตาพริ้มอยู่ตอบรับด้วยการกระตุกยิ้มมุมปากคล้ายกำลังหลับฝันดีอยู่ ผมเลยถือวิสาสะพาคุณเขามานอนบนเตียงหกฟุตของผม พอวางร่างเล็กลงบนเตียงแล้วผมก็เดินไปหยิบกรอบรูปที่เป็รูปของเขาตอนปีหนึ่งเก็บใส่ลิ้นชัก ก่อนจะทิ้งตัวนอนลงข้าง ๆ คุณเขา ผมนอนตะแคงเอามือเท้าศีรษะมองคนตัวเล็กที่ตอนนี้หันหน้ามาหากัน
“รักมาก…รู้ไหมครับ?”
เพราะรู้ว่าเขาหลับสนิทถึงได้กล้าถามไปแบบนั้น ผมเอื้อมมือไปกุมมือเขาไว้ ก่อนจะแอบขโมยมือเรียวมาวางไว้ที่หมอนของผม พอเห็นว่าคุณเขาไม่มีวี่แววจะตื่นง่าย ๆ ผมก็ลูบััที่ข้อนิ้วนางขางซ้ายของเขาเล่นอย่างที่อยากทำ ในระหว่างที่ผมกำลังัันิ้วนางข้างซ้ายของคุณเขาอยู่นั้น เื่เล่าของป๊าในวันงานครบรอบแต่งงานเมื่อปีที่แล้วก็วนกลับมาอีกครั้ง…
‘ตอนสาว ๆ หม่าม้าแกมีคนจีบเต็มไปหมด ป๊าเป็เพื่อนสนิทที่แอบรักเขาก็ไม่รู้จะทำไง มีวันหนึ่งไปดูงานด้วยกัน ม้าแกหลับบนรถทัวร์ เพื่อนคนอื่น ๆ ก็หลับ ป๊าเลยแอบเอามือของม้าแกมาจูบ แต่ต้องจูบที่นิ้วนางข้างซ้ายนะ…ประมาณว่าขอจองไว้ก่อน เป็ความเชื่อของป๊าเอง ไม่ต้องเชื่อก็ได้นะฟ้า แต่ตอนนี้ก็มีลูกด้วยกันสองคน…’
ผมยังจำตอนที่ป๊าหัวเราะชอบใจได้อยู่เลย หม่าม้าที่เพิ่งรู้ว่าโดนขโมยจูบมือตอบหลับก็ตีแขนป๊าไม่หยุดเพราะอาย ไม่รู้ว่าผมจะเชื่อป๊าได้มากแค่ไหน แต่สุดท้ายผมก็ยกมือเรียวขึ้นมา…
และเป็ในตอนที่ผมจรดริมฝีปากลงบนนิ้วนางข้างซ้าย ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองเชื่อป๊าสุดหัวใจ หากการกระทำนี้ทำให้ผมได้คุณเขามาเป็คู่จริง ต่อให้มากกว่าโดนตีผมก็ยอม…
ผมจูบนิ้วนางข้างซ้ายของคุณเขาเพียงชั่วครู่ก่อนจะถอนริมฝีปากออก “ขอโทษนะครับที่พี่ฟ้าเชื่อป๊ามากไป”
“…”
“แต่พี่ฟ้าขอจองไว้ก่อนนะครับ”
“…”
แม้จะยอมรับได้ทุกสถานะที่คุณเขามอบให้
แต่ผมก็ต้องยอมรับอีกเช่นกันว่า…ลึก ๆ แล้วผมยังหวัง
“พี่ฟ้าอยากให้เราเป็ป๊าม้าที่แก่ไปด้วยกัน”
#กี่หมื่นฟ้า
TBC
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้