่ของบันไดคอนกรีตมีมากสุดไม่เกิน 24 ขั้น เส้นด้ายที่ตรึงอยู่ตรงระหว่างทางเดินนั้นสลักซับซ้อนขดเป็รู อย่างไรก็ตาม เส้นด้ายเ่าั้ก็ยังปรากฏช่องว่างมากมายให้ลอดผ่านไปได้ บริเวณที่ผ่านได้ยากที่สุดก็คือส่วนตรงกลาง จากนั้นบริเวณทางออกก็มีกับดักอยู่ไม่น้อย
จิติญญาผูกพันเจตนาออกแบบให้เป็เช่นนี้ เพื่อหลอกล่อให้เสิ่นิเข้าไป จะได้ดักโจมตีจากด้านใน
เขาซ่อนกล้องไว้ที่รอยแตกของซีเมนต์แห่งหนึ่ง ขนาดเล็กเท่าก้อนสำลี ซ้ำยังใช้ฟิลเตอร์สีเดียวกับปูนซีเมนต์เพื่อบดบังและหลีกเลี่ยงการสะท้อนแสงอีกด้วย
จิติญญาผูกพันนั่งยองๆ ดักรออยู่ที่ประตูทางเข้า ของชั้นสองห่างออกมา 20 เมตร เขาจับจ้องไปที่จอแสดงผลบนข้อมือ เขาเฝ้าดูเสิ่นิใช้ไฟฉายส่องเพื่อขึ้นบันไดมา และเมื่อเขาเริ่มทดลองลอดผ่านกับดัก การไล่ล่าก็เริ่มต้นขึ้น
เสิ่นิแนบแผ่นหลังชิดกับกำแพงคอนกรีต เขาก้าวขึ้นบันไดทีละขั้น เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ทำตัวเหมือนกับฟองน้ำอันอ่อนนุ่ม เมื่อเขาปิดตาลง สมองของเขาก็นึกภาพทางเดิน ตำแหน่งของกับะเิทั้งหมด มุมของเส้นด้าย มันแม่นยำถึงขั้นหน่วยมิลลิเมตร
เขาใช้เวลามองเพียง 2 วินาที แต่กลับกระจ่างขึ้นในใจ จิติญญาผูกพันรับรู้ได้ถึงความร้ายกาจของเหล่านิรวาน แต่ชายชราก็ยังไม่รู้ว่าเหล่านิรวานนั้นยังแบ่งประเภทเป็แบบบำเพ็ญตบะและแบบนิพพานได้อีก นิรวานบำเพ็ญตบะจะดำรงอยู่ในโลก ปฏิบัติตนอยู่ใน่เวลานิรวาน ทรหด แปลงกาย แต่ยังไม่จบสิ้นโครงการ เป็กลุ่มคนซึ่งยังเริงระบำอยู่ในอเวจี แต่นิรวานที่นิพพานแล้วนั้นคือกลุ่มคนที่กลับมาจากขุมนรกแล้ว
มีเพียงนิรวานที่บำเพ็ญตนถึงขั้นสุดยอดแล้วเท่านั้นที่จะกลายสภาพสู่ระดับนิพพานได้ เสิ่นิเองก็อยู่ในระดับสุดยอดนั้น
แค่เพียง 15 วินาทีเท่านั้น เสิ่นิสามารถวาดภาพเส้นทางในหัวของเขาซึ่งจะใช้เวลาลอดผ่านภายใน 3 วินาทีได้ แต่เขากลับไม่ได้เคลื่อนไหวในทันที และนั่นทำให้นายพรานผู้โง่เง่าเกิดความสงสัย บางทีเขาอาจจะเปลี่ยนเส้นทาง? บางทีเขาอาจจะใช้ทางอื่นเพื่อขึ้นมา?
ภายใน 30 วินาที ความสงสัยของจิติญญาผูกพันก็พุ่งถึงขีดสุด เขาละสายตาจากจอภาพบนข้อมือและยก HK417 เปลี่ยนไปเล็งที่ขอบหน้าต่างของอาคาร
ในขณะเดียวกันนั้น เสิ่นิเบิกตาโพลง จู่ๆ เขาก็หมุนตัวพุ่งเข้าสู่ทางเดิน ก้าวแรกที่เขาเหยียบลงบนขั้นบันได ร่างของเขาก็เคลื่อนไหวไปราวกับลอยสู่อวกาศอันปราศจากแรงโน้มถ่วง เวลาหยุดนิ่งให้เขา โลกทั้งใบหยุดหมุนให้เขา นี่คือเวทีของเสิ่นิ ท่ามกลางขั้นบันไดอันมืดมิดซึ่งเขามองไม่เห็น เท้าของชายหนุ่มเหยียบย่างไปบนกำแพงที่วางตำแหน่งเอาไว้ล่วงหน้าโดยมีหน่วยวัดเป็มิลลิเมตร เพื่อยืมแรง 0.1 นิวตันเป็แรงหนุนกลับ ปล่อยให้ร่างโบยบินไปตามวิถีทางที่กำหนด
ร่างอ่อนไร้กระดูก หดตัว เปลี่ยนรูปร่าง ทะลวงผ่านรูด้ายอันซับซ้อน มีแค่ลมเพียงเล็กน้อยจากการเคลื่อนที่ของเสิ่นิเท่านั้นที่สามารถทำให้เส้นด้ายพลิ้วไหวได้
การแปลงกาย 13 ขั้นตอน เสิ่นิไม่ได้ตกถึงพื้นเลย เขาใช้เวลาแค่เพียง 3 วินาทีก็ปรากฏตัวอยู่ที่ทางเข้าชั้น 2 แล้ว
จิติญญาผูกพันซึ่งเพิ่งจะปักหลักใหม่ เมื่อรู้ตัวก็หันกลับมาเล็งที่เสิ่นิในเวลาเดียวกัน แต่เสิ่นิกลับเหนี่ยวไกเร็วกว่า
“ปัง! ปัง!” ะุสองนัด นัดหนึ่งเล็งที่ช่องว่างระหว่างชิ้นส่วนของแผ่นกันะุบนหน้าอกของจิติญญาผูกพัน อีกนัดหนึ่งพุ่งเข้าไปที่เบ้าตาขวา
ที่น่าเสียดายก็คือ ไม่เพียงะุจะเจาะไม่เข้าหน้าอก ะุที่เข้าตาขวาก็ตกลงเช่นกัน เนื่องจากตอนนี้จิติญญาผูกพันสวมเกราะป้องกันเต็มยศ ไม่เพียงแต่จะติดเกราะกันะุทั้งร่าง ศีรษะก็ยังสวมหมวกกันะุ G2 รุ่นใหม่ของทหารสหรัฐฯ หมวกนิรภัยที่เขาสวมอยู่สามารถต้านทานการจู่โจมจากไรเฟิลลำกล้อง 7.62 มม. ได้ โล่กันะุก็สามารถต้านการยิงต่อเนื่องได้ ส่วนที่เปราะบางที่สุดเห็นจะเป็แว่นซึ่งเป็กระจก แต่ด้วยอานุภาพของปืนลูกโม่ของเสิ่นิ จึงทิ้งไว้ได้แค่เพียงรอยร้าวรูปใยแมงมุมก็เท่านั้น
“เวร...” เสิ่นินึกถึงตอนที่เป็นิรวานบำเพ็ญตบะ อย่างน้อยเขาก็มี่เวลานั้น โดยทั่วไปแล้วคู่ต่อสู้ของเขาไม่ได้แต่งตัวเหมือนกับ Iron Man แม้จะแต่งตัวแบบนี้ เขาก็ยังสามารถใช้อาวุธอันฟั่นเฟือนทำลายจนกระทั่งมันกลายเป็เศษเหล็กได้ ไม่ได้อัปยศเช่นตอนนี้
“ยิงเสร็จหรือยัง? ตาฉันล่ะ!” จิติญญาผูกพันเหนี่ยวไก HK417 เครื่องจักรสังหารเข้าสู่โหมดการทำงานอัตโนมัติ แรงสะท้อนจากะุปืนะเืไปทั้งร่าง จนกระทั่งชายชราผละถอยหลังไปในแนวราบ แสงไฟที่ปลายกระบอกปืนสาดส่องไปทั่วพื้นที่ชั้น 2 อันดำมืดมิด
เสิ่นิไม่มีโอกาสแม้จะสู้กลับ ก่อนที่ชายคนนั้นจะเหนี่ยวไก เขาก็หมุนตัววิ่งไปยังเสาต้นที่ใกล้ที่สุด
ะุเจาะทะลุเสาปูน เจาะเข้าเสื้อเกราะจนเละเป็โจ๊ก
“ตูม! ตูม! ตูม!” เสียงะเิเลือนลั่นไปทั่วทางเดิน มันรุนแรงจนกระทั่งทำเอาเสิ่นิปลิวลอยจากพื้น แต่เขาก็ยังคงต้องควบคุมร่างให้วิ่งต่อไปยังเสาต้นอื่นอย่างบ้าคลั่ง
ก่อนที่ะุซึ่งไล่ตามมานั้นจะตัดผ่านหน้าเขา ในที่สุดเขาก็วิ่งมาจนถึงจุดอับสายตาของจิติญญาผูกพัน แต่นั่นเป็เพียงจุดบอดลวงตาเท่านั้น
“ออกมาสิ! ไอ้ลูกกะหรี่นิรวาน! ออกมาฆ่าฉันสิ!” จิติญญาผูกพันคำรามในขณะที่ยังคงเหนี่ยวทริกเกอร์ไว้ ะุเจาะเสาคานรับน้ำอย่างต่อเนื่อง ปูนกระจัดกระจาย แม้แต่เหล็กเส้นด้านข้างก็ยังถูกะุยิงจนกระจุยออกมาัักับอากาศอย่างโเี้ ปลอกะุหล่นกระจายอยู่ใต้ฝ่าเท้าของจิติญญาผูกพัน ควันลอยพวยพุ่ง ระบายโทสะของชายเฒ่า
เสิ่นินอนราบอยู่บนพื้นราวกับถูกฝังอยู่ในเศษซาก ก่อนจะลดศีรษะมองไปยังหน้าท้องของตน เหล็กเส้นท่อนหนึ่งเสียบคาอยู่ด้านใน เืสีแดงสดย้อมอยู่บนเสื้อยืด เสิ่นิดึงแท่งเหล็กนั้นออกมาโดยที่ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ เขาพันหน้าท้องด้วยสก๊อตซ์เทปที่พกติดตัวมา
“พูดสิเสิ่นิ แกตายหรือยัง?” จิติญญาผูกพันสืบเท้าเดินไปยังเสาต้นนั้นพลางยิงไปอีก 5 นัดติด
ขณะที่ะุอีกลูกตกลงบนพื้นคอนกรีตห่างออกไป 8 เมตร จู่ๆ เสิ่นิก็ลุกขึ้นเหมือนกับซากศพ เขาละออกจากแผลแล้วเล็งปืนไปยังจิติญญาผูกพันซึ่งกำลังเดินเข้ามา ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ภายใน 1 วินาที ะุทั้งสี่นัดพุ่งเข้าไปที่ขอบเกราะกันะุบนอกของเขา ต่อให้เป็เกราะกันะุที่แข็งแกร่งที่สุด ถูกยิงขนาดนี้ ก็เจ็บได้เหมือนกัน
จิติญญาผูกพันถูกยิงกระทั่งล่าถอยหลังไปสองก้าว เขายกปากกระบอกปืนขึ้น “ตายซะเถอะ!” ในขณะที่เขาเหนี่ยวไก เขากลับพบว่า ะุนั้นถูกยิงออกไปหมดแล้ว
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่ใช่มือสังหารประเภทที่คุ้นเคยกับการปลิดชีพศัตรูซึ่งๆ หน้า นอกจากทักษะการยิงปืนที่ไม่เลวแล้ว ความเข้าใจในอาวุธปืนก็ยังถือว่าอยู่ในระดับธรรมดา ยังไปไม่ถึงจุดที่สามารถนับจำนวนะุผ่านความรู้สึกทางร่างกายได้อย่างแม่นยำ ยิ่งไม่มีทางคำนวณได้เหมือนกับเสิ่นิที่นับผ่านเสียงปืน
เสิ่นิซึ่งะโขึ้นจากพื้นและหันตัวเปิดรังเพลิงออก เขาปั่นรังเพลิงด้วยความเร็วเพื่อเอาปลอกะุออกมา ในขณะที่เขาหันกลับมาและเล็งปืนจากด้านหลังเสา ะุแมกใหม่ก็บรรจุเรียบร้อยแล้ว
จิติญญาผูกพันเปลี่ยนแมกไม่ทันแล้ว เขาจึงหยิบปืนพกกึ่งอัตโนมัติ USP ขึ้นมาแทน ปัง! ปัง! ปัง! เขายิงไปยังเสิ่นิ มือสังหารทั้งสองยิงใส่กันในระยะไม่ถึง 10 เมตร เสิ่นิเป็ฝ่ายรุก ะุทุกนัดทำเอาจิติญญาผูกพันเจ็บจนจุกอก แต่การยิงของชายชรานั้น เสิ่นิกลับเคลื่อนตัวหลบได้ตลอด
แม้ว่าจิติญญาผูกพันจะรู้ว่าเขากำลังตกที่นั่งลำบากแต่ก็ไม่ได้ย่อท้อ เขาเคลื่อนกายไปยังระเบียงและคว้าเชือกที่ห้อยลงมา เขายิงอุปกรณ์บนศีรษะด้วยมือเดียว ก่อนจะพุ่งตัวขึ้นสู่ชั้น 5 เหมือนกับลูกธนู สิ่งที่คานน้ำหนักเขาขึ้นไปคือะเิต่อต้านรถถัง 3 ลูกซึ่งถูกผูกเอาไว้
เสิ่นิรีบหลบตัวที่หลังเสาอีกครั้ง เสียงดังปัง เปลวไฟพุ่งมาจากระเบียงชั้นสอง พื้นดำเกรียม โชคดีที่อาคารแห่งนี้ยังสร้างไม่เสร็จ ไม่อย่างนั้นคงเละเป็โจ๊ก ไม่รอดแน่
“เฮ้อ เอาใหม่” เสิ่นิถอนหายใจพร้อมลุกขึ้นยืน เขาเปลี่ยนะุและเดินไปยังบริเวณทางเดินที่ไม่โดนะเิ
“ฉันจะฆ่าแก ฉันฆ่าแกแน่!” ที่ด้านนอกของชั้น 5 จิติญญาผูกพันนั่งลงบนพื้นพลางเปลี่ยนะุแมกใหม่ มือของเขาสั่นระริก ใบหน้าที่อยู่ภายใต้หมวกนิรภัยเปียกโชกไปด้วยเหงื่อซึ่งมีคราบเืสดปนอยู่ด้วย ความโศก ความโกรธ ความกลัวของชายชราปะปนกันไปหมด สถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่ไม่ใช่สภาพแวดล้อมซึ่งมือสังหารระดับเขาจะรับมือไหว
เสิ่นิหาเขาพบอีกครั้งราวกับปีศาจ เขาใช้ปืนลูกโม่ 05 ยิงใส่ชายชราไม่ปล่อยไม่ว่าจะเป็อย่างไร จิติญญาผูกพันยังคงสาดะุ ทำลายล้างทุกสิ่งจนพังพินาศ กำแพงปูน เสาค้ำ เหล็กเส้น พื้น ไม่มีอะไรทนต่อแรงปะทะดังกล่าวได้เลย
แต่เหตุใดะุถึงไม่สามารถตามเงาของเสิ่นิได้ทัน ชัดเจนว่าปากกระบอกปืนอยู่ใกล้เขามาก ราวกับร่างเขามีสนามแม่เหล็ก ผลักดันให้ะุกระเด็นออกไปได้ หรือว่ามันคือเวทมนตร์? เป็คาถาที่เหล่านิรวานเขาใช้กัน?
สิ่งที่เสิ่นิไม่มีวันบอกจิติญญาผูกพันก็คือตัวเขาน่ะแก่แล้ว เขาอาจจะเคยเป็มือสังหารที่ไม่เลว ขยันออกกำลังกาย แต่กาลเวลาก็ดึงให้เขาลงมาจากจุดที่สูงสุดอย่างไร้ความปรานี
ร่างที่แสนชราภาพไม่สมควรอยู่ในชุดเกราะที่หนักเช่นนี้ ไหนจะโล่อีก แบกน้ำหนักปืนกว่าสิบกิโลกรัมไล่ตามเป้าหมายผู้คล่องแคล่ว
ต่อให้ระยะใกล้ สมมติเสิ่นิห่างไปเพียง 2 ก้าว ปากกระบอกปืนต้องหมุนไปถึง 60 องศาเพื่อไล่เขาให้ทัน แต่ระยะห่างระหว่างพวกเขาคือ 200 เมตร ฉะนั้นการปรับมุมจึงไม่เกิน 1 องศา
เสิ่นิใช้าของความถดถอย ถดถอยจำนวนะุของจิติญญาผูกพัน อีกทั้งแรงกายแรงใจที่ถดถอย คนเ้าเล่ห์อย่างจิติญญาผูกพันจะทิ้งร่องรอยไว้ตามทางทุกชั้นที่หนีไป เขาสู้ไปถอยหนีขึ้นไป
กระทั่งถึงชั้นดาดฟ้าของอาคารรกร้างแห่งนี้ จิติญญาผูกพันเหนื่อยมาก ภายใต้หมวกนิรภัย เขาแทบหายใจไม่ออก เขาโยนหน้ากากทิ้งและหอบหายใจ เซี่ยวอี๋ซึ่งถูกมัดไว้ทั้งสองมือยืนหันหน้าเข้าหาทางออก เขาทิ้ง HK471 ลง จิติญญาผูกพันใช้เพียงแค่ปืนพกจ่ออยู่ที่ด้านหลังของเซี่ยวอี๋
เซี่ยวอี๋ไม่รู้ว่ามือสังหารคนนี้เพิ่งประสบอะไรมา แต่นั่นคงเป็ฝันร้ายที่ไม่มีใครอยากนึกถึง เธอรู้สึกได้ถึงมือที่สั่นจากกระบอกปืนที่อยู่ด้านหลัง และนั่นยิ่งทำให้เธอรู้ว่าเสิ่นิคงประทับองค์ปีศาจอีกแล้ว
“แม่สาว ตื่นเต้นไหม?” จิติญญาผูกพันใช้การพูดเพื่อบรรเทาจังหวะการเต้นของหัวใจ
“ไม่แม้แต่น้อย เพราะเขามาแล้ว” เซี่ยวอี๋กล่าวพร้อมอมยิ้ม
“ดูเหมือนว่าเธอจะชอบเขานะ ไม่เป็ไร ฉันจะช่วยสงเคราะห์ส่งให้เธอสองคนได้ไปนรก” ใบหน้าของจิติญญาผูกพันซึ่งเปรอะเปื้อนไปด้วยเืเผยรอยยิ้มอันชั่วร้ายออกมา
“แกคงลืมไปว่า...เขาคลานกลับมาจากขุมนรก”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้