ร้านของป้าใหญ่ขายจำพวกสัตว์ปีกเป็หลักในลานบ้านของพวกเขามีไก่ เป็ด และห่านอยู่ไม่น้อย ทั้งยังมีพวกของชำขายอยู่บ้างแต่ไม่มากนักในร้านมีผู้คนเดินกันอยู่เนืองแน่น ดูท่าว่าน่าจะขายดีมาก
“คุณหนูดูสิเ้าคะ นั่นเสี่ยวเหมาเอ๋อร์นี่เ้าคะ?” ชุนหงชี้ไปยังเงาร่างเล็กในร้านของป้าใหญ่
“ใช่จริงๆ ด้วย” กู้เจิงเองก็เห็นว่าเป็เสี่ยวเหมาเอ๋อร์ดูเหมือนเ้าหนูเสี่ยวเหมาเอ๋อร์จะมาช่วยทำงานในร้านท่าทางของเขาดูคล่องแคล่วขยันขันแข็ง
เมื่อท่านป้าใหญ่เห็นพวกนางก็วางงานในมือแล้วเอ่ยทักทายอย่างกระตือรือร้น “อาเจิงมาได้ยังไง? รีบเข้ามาสิเข้ามา”
“ท่านป้าใหญ่ทำงานให้เสร็จก่อนก็ได้เ้าค่ะ ข้ามาหาท่านป้ารองเลยถือโอกาสมาหาท่านเพื่อเรียนดีดลูกคิดไปด้วยเลย แต่ดูท่านจะยุ่งมากเอาไว้เสร็จงานแล้วค่อยว่ากันเ้าค่ะ” กู้เจิงยิ้ม
เสี่ยวเหมาเอ๋อร์จํากู้เจิงกับชุนหงได้เขาเข้ามาคารวะทักทายก่อนจะไปทำงานต่อจากเด็กที่เคยสดใสตามวัยกลับกลายเป็เงียบขรึมขึ้นเด็กน้อยคนนี้ดูเหมือนจะโตขึ้นมากหลังจากเสียพ่อแม่ไป
“จะยุ่งตอน่เช้ากับเที่ยงนี่ล่ะ ตอนนี้ก็แค่ขายของเล็กๆ น้อยๆเท่านั้น ไม่ได้ยุ่งอะไร” ป้าใหญ่กวักมือเรียกกู้เจิงให้เข้าไปด้านในภายในร้านใหญ่มากและกั้นเป็สองห้อง ด้านนอกเอาไว้วางของขายส่วนด้านในใช้เป็ที่เก็บสินค้า
กู้เจิงเห็นในห้องเก็บของมีเตียงตั้งอยู่ด้วยนางจึงไม่กล้าเดินเข้าไปข้างใน เพราะดูเหมือนจะเป็พื้นที่ส่วนตัว
“นั่นเป็เตียงของเสี่ยวเหมาเอ๋อร์น่ะ” ป้าใหญ่กล่าวขึ้น เมื่อเห็นกู้เจิงลังเลที่จะเดินเข้าไปในห้อง “ครอบครัวของเด็กคนนี้ยากจน หลังจากพ่อแม่ตายก็ไม่ได้เรียนหนังสือหัวหน้าตระกูลเลยมาถามข้าว่าในร้านพอจะมีงานให้เขาช่วยได้ไหมข้าเลยตอบตกลงให้เ้าหนูนี่มาช่วยทำงานเล็กๆ น้อยๆนี่ก็ว่าจะให้ค่าแรงให้เขาได้มีเงินไปซื้อของที่อยากได้บ้าง”
“เ้าหนูเสี่ยวเหมาเอ๋อร์ช่างน่าสงสารจริงๆ” ชุนหงทำจมูกฟุดฟิดเหมือนจะร้องไห้เื่ของเสี่ยวเหมาเอ๋อร์ทำให้นางอดคิดถึงเื่ของตัวเองไม่ได้ถึงแม้นางจะไม่ได้กำพร้าพ่อแม่ แต่ครอบครัวก็ยากจนมากจนต้องขายนางมาเป็บ่าวรับใช้นางเองยังถือว่าโชคดีมากที่ได้เจอหวังซู่เหนียงกับคุณหนู ทว่าเสี่ยวเหมาเอ๋อร์กลับไม่มีใครรับอุปการะเลย
กู้เจิงก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
“เ้ามีลูกคิดแล้วหรือ?” ป้าใหญ่เห็นกู้เจิงนำลูกคิดติดตัวมาด้วยจึงทักขึ้น
“ท่านแม่เป็คนเตรียมไว้ให้เ้าค่ะ”
ท่านป้าใหญ่พยักหน้าพอใจ “ที่จริงการดีดลูกคิดนั้นง่ายมาก เ้าแค่ต้องจำสูตรคำนวณให้ได้และฝึกใช้มันให้คล่อง ไม่นานเ้าก็จะคิดเป็พวกเราไปเรียนที่บ้านป้ารองของเ้าดีกว่า เ้าบอกว่ามีธุระมาหานางด้วยไม่ใช่หรือ?”
“ใช่เ้าค่ะ ข้าจะมาจ้างอากุ้ยทำฐานไม้ให้เ้าค่ะ” กู้เจิงตอบ
“อากุ้ยไปช่วยงานทางฝั่งบ้านภรรยาของเขาน่ะ อีกวันสองวันถึงจะกลับมา” ป้าใหญ่พูดพลางพาพวกกู้เจิงเดินเข้าไปข้างใน
กู้เจิงกับชุนหงเดินตามป้าใหญ่ออกมาทางด้านหลังด้านหลังของร้านเป็ลานเล็กๆ มีบ้านอยู่สามหลัง หนึ่งในนั้นเป็บ้านของลุงรองเสิ่น
ป้ารองกำลังนั่งสนทนากับเพื่อนบ้านพร้อมกับปักผ้าไปด้วยไม่รู้ว่าคุยเื่น่าขำขันอะไร ถึงได้ดูมีความสุขปานนั้นนางเหลือบเห็นกู้เจิงกับคนอื่นๆ จึงรีบลุกขึ้นทักทาย “พี่สะใภ้ใหญ่ อาเจิงก็มาด้วยหรือ”
“นี่คือลูกสะใภ้ของเ้าสี่หรือ คุณหนูใหญ่แห่งจวนป๋อเจวี๋ยคนนั้นใช่ไหม? "
“งดงามมากจริงๆ” สายตาของเพื่อนบ้านมองกู้เจิงด้วยความชื่นชม
“พวกเ้าไม่รู้อะไรเสียแล้ว ครั้งแรกที่ข้าพบลูกสะใภ้เ้าสี่ข้ารู้สึกเหมือนกับนางเป็เทพเซียนบน์ลงมายังโลกมนุษย์เลยล่ะ” ป้ารองพูดอวดด้วยรอยยิ้มสดใส
กู้เจิงรีบทักทายทุกคนอย่างเป็มิตร
บ้านของลุงรองเสิ่นไม่ได้ใหญ่โตนัก นอกจากเครื่องเรือนที่จำเป็ต้องใช้ก็ไม่มีอะไรพิเศษอีกแม้ว่าเครื่องเรือนเหล่านี้จะถูกทำขึ้นจากไม้ที่ไม่มีราคาแต่ก็ยังพอดูออกว่าทำขึ้นอย่างประณีตมาก น่าจะเป็ฝีมือของลุงรอง
ป้ารองชงชาน้ำตาล* มาให้พวกนางพลางพูดกับป้าใหญ่ว่า “พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าชงชาน้ำตาลมาให้ท่านแล้วนะ”
(* เป็ชาชนิดหนึ่งที่มีชาเขียวเป็ส่วนประกอบหลักมีสรรพคุณในการทำให้กระเพาะขับถ่ายดีและให้พลังงาน)
“ข้าเคยดื่มชาน้ำตาลแค่ตอนเป็เ้าสาว วันนี้ได้กลับมาดื่มอีกครั้งทำให้หวนนึกถึงสมัยสาวๆ"
ทุกคนต่างหัวเราะ
กู้เจิงให้ชุนหงมอบภาพวาดให้ท่านป้ารอง และอธิบายจุดประสงค์ที่มา
“เ้าเป็คนวาดหรือ?” แม้ว่าป้ารองจะไม่ใช่ช่างไม้แต่สามีและลูกชายของนางล้วนเป็ นางจึงพอนึกออกอยู่ว่ากู้เจิง้าฐานไม้แบบใด “วาดได้สวยจริงๆ ลุงรองของเ้าไปทำงานต่างถิ่นถ้าเขาเห็นภาพวาดของเ้า จะต้องชอบมันมากแน่รออากุ้ยกลับมาแล้วข้าจะให้เขาทำให้เ้า”
“ไม่ต้องรีบนะเ้าคะ ให้อากุ้ยค่อยๆ ทำไปยังมีเวลาอีกหลายวันเ้าค่ะ” กู้เจิงพูดยิ้มๆงานในส่วนที่ต้องเย็บปักนั้นต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยครึ่งเดือนถึงจะทำเสร็จ
ป้าใหญ่เสิ่นหยิบลูกคิดในมือของกู้เจิงวางลงบนโต๊ะแล้วพูดกับป้ารองว่า “ตอนบ่ายนี้ข้าจะสอนการดีดลูกคิดให้อาเจิงที่นี่”
“ได้ เช่นนั้นเ้าก็สอนของเ้าไป ข้าจะออกไปทำงานเหมือนกัน” ป้ารองพูดพลางเดินออกไป
กู้เจิงดึงให้ชุนหงนั่งลง “ชุนหง เ้ามาเรียนด้วยกันกับข้า”
“ได้เ้าค่ะ”
ฝั่งหนึ่งเรียนรู้อย่างจริงจัง อีกฝั่งก็สอนอย่างจริงจังภายในห้องนั้นนอกจากเสียงพูดสอนแล้ว ก็เป็เสียงดีดกระทบกันของลูกคิด
เมื่อท่านป้ารองทำงานเสร็จกลับมา จึงเป็เวลาใกล้ค่ำแล้ว
“เ้าเรียนแล้วเป็ยังไงบ้าง” ป้ารองชวนคุย
“จำสูตรได้หมดแล้วเ้าค่ะ” กู้เจิงพูดอย่างมีความสุข
“อาเยี่ยนสอบได้ที่หก ทั้งยังมีตวนอ๋องคอยหนุนหลัง ต่อไปต้องได้เป็ขุนนางใหญ่แน่เ้าเรียนไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก” ป้ารองพูดพลางรินชาร้อนให้พวกนางไปด้วย
กู้เจิงยิ้มพร้อมกับเอ่ยว่า “ถึงจะไม่มีประโยชน์ แต่ข้าก็ยังอยากเรียนเ้าค่ะ และท่านป้าใหญ่ก็สอนได้ดีมาก”
ป้าใหญ่กล่าวด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “ถ้าชอบก็เรียน เรียนไปก็ไม่เสียหายพวกเราล้วนรอวันที่อาเยี่ยนจะได้เข้าไปสอบในวัง หากเขาได้รับคำชมจากฮ่องเต้ด้วยความสามารถของอาเยี่ยนต่อไปจะต้องได้เป็ขุนนางใหญ่อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นแม้แต่พวกเราก็จะพลอยได้อาศัยใบบุญตามไปด้วย”
พวกเขาเดินพูดคุยกันจนมาถึงร้านของป้าใหญ่ใน่พลบค่ำที่ร้านมีคนมาซื้อของแน่นขนัดขึ้นเสี่ยวเหมาเอ๋อร์ไม่ลุกลี้ลุกลนแม้แต่นิดเดียว แถมยังคล่องแคล่วมากอีกด้วยเขาคำนวณลูกคิดพลางหยิบไก่และเป็ดออกมาจากกรงเพื่อชั่งน้ำหนักขาย
“เสี่ยวเหมาเอ๋อร์เป็เด็กฉลาด เรียนรู้เร็วทุกอย่าง” ป้าใหญ่เอ่ยชม
“พี่เสิ่นเยี่ยน” อยู่ๆเสี่ยวเหมาเอ๋อร์ก็ะโไปทางหน้าประตู
เมื่อทุกคนมองไป ก็เห็นเสิ่นเยี่ยนกำลังเดินเข้ามา เงาร่างสูงโปร่งสีหน้าเรียบเฉย ความเ็าบนใบหน้าค่อยๆ คลายลงเมื่อเห็นญาติสนิทมิตรสหายหลังจากทักทายผู้าุโทั้งสองแล้ว สายตาก็หันมาที่กู้เจิง “ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ข้ามารับภรรยากลับบ้านขอรับ”
กู้เจิงไม่คิดว่าฉินเยี่ยนจะมารับนาง ความรู้สึกที่มีใครสักคนคอยเป็ห่วงเป็ใยช่างไม่เลวเลย
รอบตัวพวกนางมีควันลอยคละคลุ้งมีกลิ่นหอมของอาหารลอยโชยมาเป็บางครั้ง
เสิ่นเยี่ยนค่อยๆ ก้าวย่ำอย่างมั่นคงส่วนกู้เจิงเองก็เดินตามเขาช้าๆ อยู่ด้านหลัง บนถนนมีคนเดินอยู่ไม่มาก
ในจังหวะนั้นเอง จู่ๆ จังหวะก้าวเท้าของเสิ่นเยี่ยนก็พลันชะงักขึ้นเขาก้มหน้าลงมองมือเล็กที่สอดเข้ามาในอุ้งมือของเขา
“ท่านพี่” กู้เจิงยิ้มหวาน “ข้าเย็นมือเ้าค่ะ”
เสิ่นเยี่ยนรีนถอนสายตากลับ เขากอบกุมมือเล็กบอบบางของภรรยาไว้แน่นเอ่ยเสียงอืมแ่เบา “มือเ้าเย็นจริงๆ ”
ชุนหงที่เดินตามหลังเห็นคุณหนูและท่านบุตรเขยเดินจูงมือกันกลับบ้านก็เอามือปิดปากแอบกลั้นยิ้ม
เมื่อกลับมาถึงบ้านและกินอาหารเย็นกันเสร็จเรียบร้อยกู้เจิงได้หยิบสมุดบัญชีของเสิ่นเยี่ยนมาลองฝึกดีดลูกคิดดูนางใช้สูตรที่ได้เรียนรู้มาในวันนี้เสียงดีดลูกคิดนั้นให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเคาะคีย์บอร์ดและที่สำคัญการใช้ลูกคิดฝึกคิดคำนวณได้บริหารทั้งมือทั้งสมองของตนเองนางรู้สึกว่าไวกว่าใช้เครื่องคิดเลขเสียอีก
สองสามีภรรยาเสิ่นและชุนหงช่วยกันเผามันเทศอยู่ที่หลังบ้านซึ่งใกล้กับห้องนอนของกู้เจิงกับเสิ่นเยี่ยนดังนั้นพวกเขาจึงได้ยินเสียงลูกคิดอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
“นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าอาเจิงจะขยันขนาดนี้” นายหญิงเสิ่นแปลกใจ
ชุนหงพยักหน้าอยู่ข้างๆ “ั้แ่คุณหนูได้แต่งงานกับท่านบุตรเขยไม่เพียงแต่เริ่มช่วยทำงานบ้าน แต่ยังพยายามอ่านหนังสือและคัดลายมือทั้งยังเริ่มเรียนดีดลูกคิดเพื่อมาใช้ฝึกดูบัญชีสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็เพราะท่านบุตรเขยเ้าค่ะ” เมื่อก่อนคุณหนูเกลียดการเรียนหนังสือเป็ที่สุดเดิมทีร้านที่นายท่านมอบให้แน่นอนว่าต้องให้ซู่เหนียงจัดการดูแลนางไม่เคยคิดจะเรียนรู้มันเลยด้วยซ้ำทว่าตอนนี้กลายเป็ว่านางขวนขวายที่จะศึกษาเรียนรู้ทั้งยังเพิ่งเริ่มทำหลังจากได้แต่งงาน ชุนหงจึงยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับเสิ่นเยี่ยน
“ที่แท้ลูกสะใภ้ก็ชอบอาเยี่ยนมากขนาดนี้” นายท่านเสิ่นดีใจจนแววตาเป็ประกาย
นายหญิงเสิ่นใช้คีมคีบมันเทศในกองไฟพลิกกลับไปมาเมื่อเห็นมันเทศสุกได้ที่แล้ว จึงให้ชุนหงไปตามกู้เจิงกับบุตรชาย “ไปเรียกอาเจิงกับอาเยี่ยนมากินมันเทศได้แล้ว”
“เ้าค่ะ” ชุนหงเดินะโโลดเต้นจากไป
เห็นท่าทางลิงโลดของชุนหง นายหญิงเสิ่นก็อดยิ้มมุมปากไม่ได้ “ั้แ่อาเจิงแต่งเข้าบ้านเรามา ข้าก็รู้สึกอารมณ์ดีได้ทุกวัน”
“ใช่แล้วๆ ” นายท่านเสิ่นเห็นด้วย
เมื่อกู้เจิงกับเสิ่นเยี่ยนออกมาที่หลังบ้านก็เห็นมันเทศเผากองใหญ่
ทั้งครอบครัวกินมันเผาร่วมกันอย่างมีความสุขจนถึงดึกดื่น