“ใคร? นั่นใคร?”
ไม่ว่าใครถ้าอยู่ในถ้ำที่เงียบสงบในป่าลึกแล้วได้ยินเข้ากับเสียงคนพูดภายในหัวของตนเองก็ต้องสะดุ้งใกลัวด้วยกันทั้งนั้น เย่ชิงหานตอนนี้ก็ไม่ต่างกัน เขารีบะโลุกขึ้นอย่างลนลานสายตาระแวดระวังภัยมองไปโดยรอบ สีหน้าตื่นตระหนกใกลัวราวกับถูกผีหลอก
“ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นก็ได้ ลูกพี่นี่ข้าเอง...เสี่ยวเฮย!”
ในขณะที่เย่ชิงหานกวาดสายตามองไปโดยรอบอย่างมั่วๆ และเตรียมตัวที่จะออกไปส่องดูภายนอกถ้ำ เสียงนั้นก็ดังขึ้นมาอีก เสี่ยวเฮย? เสี่ยวเฮยไหนวะ?
ในใจเย่ชิงหานครุ่นคิดอย่างงุนงง ทันใดนั้นจึงหมุนตัวกลับไปมองสัตว์อสูรที่มีขนาดเท่าลูกวัวที่อยู่ด้านหลัง เขาต้องตกตะลึงอ้าปากค้างชี้นิ้วออกไปพูดอย่างตะกุกตะกัก “เสี่ยว...เสี่ยวเฮย เป็เ้าหรือที่พูด?”
“ใช่แล้วลูกพี่! ข้าคือเสี่ยวเฮย ข้าสามารถส่งกระแสเสียงติดต่อกับท่านผ่านทางิญญาได้”
มองดูหัวสุนัขที่ใหญ่โตของเสี่ยวเฮย มันยังทำท่าทางผงกหัวตอบรับ เย่ชิงหานใช้มือขยี้ดวงตาจากนั้นจึงสอดนิ้วข้างหนึ่งเข้าไปภายในปากแล้วกัดลงอย่างแรง
“อ๊าาา...”
จากนั้นภายในถ้ำพลันมีเสียงร้องดังขึ้นด้วยความเ็ปราวกับหมูโดนน้ำร้อนลวก...
.................................
ผ่านไปราวสิบนาทีเย่ชิงหานถึงได้เริ่มเข้าใจในเื่ราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ตนเองไม่ได้ฝันไป สัตว์อสูรของตนเองไม่ได้กลายเป็ภูติผีปีศาจ แต่เป็เพราะสัตว์อสูรของตนเองได้รับพลังทางเผ่าพันธุ์จึงสามารถใช้เคล็ดวิชาบางอย่างได้ และเนื่องจากว่าตนเองกับสัตว์อสูรมีพันธสัญญาแห่งิญญากันอยู่ ด้วยเหตุนี้เสี่ยวเฮยถึงได้สามารถส่งกระแสเสียงติดต่อกับตนเองได้โดยตรง
“เสี่ยวเฮยตามที่เ้าพูดมาคือ เ้าได้รับพลังทางเผ่าพันธุ์และเคล็ดวิชาลับส่วนหนึ่งมา แล้วเ้ารู้ไหมว่าเ้าเป็อสูรชนิดไหน? คุณภาพระดับเท่าใด?”
เย่ชิงหานนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้นสอบถามเสี่ยวเฮยถึงเื่ราวต่างๆ ภายในใจตื่นเต้นอย่างที่สุด แม้กระทั่งทักษะการพูดคุยที่ยากขนาดนี้เสี่ยวเฮยยังสามารถทำได้ คิดว่าระดับคุณภาพก็คงไม่ต่ำหรอกมั้ง อย่าบอกนะว่าเป็อสูรศักดิ์สิทธิ์จริงๆ?
“สัตว์อสูรก็คือมารอสูรทั่วๆ ไป เพียงแต่พิเศษกว่าตรงที่มีสติปัญญามากกว่าและสามารถรวมร่างกับเ้าของได้จึงถูกเรียกว่าสัตว์อสูร มารอสูรอย่างข้าในความทรงจำที่ได้รับมามีชื่อเรียกว่า ‘อสูรกลืนิญญา’ ส่วนจะอยู่ในคุณภาพระดับใดนั้นข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะในความทรงจำที่ได้รับมาจากพลังและวิชาความรู้ทางเผ่าพันธุ์ไม่ได้มีบอกไว้ แต่ข้าคิดว่าระดับคุณภาพไม่น่าจะต่ำกว่างูตัวใหญ่ที่เ้าว่าอย่างแน่นอน” เสี่ยวเฮยกะพริบตาปริบๆ พร้อมกับส่งกระแสเสียงบอกเย่ชิงหาน
“อสูรกลืนิญญา ชื่อฟังดูเท่ไม่เบานี่...ระดับไม่ต่ำกว่างูใหญ่ งูใหญ่อะไร? อย่าบอกนะว่าที่เ้าพูดหมายถึงัเขียวตัวนั้น?” เย่ชิงหานตาเบิกโพลงขึ้นในทันที มองเห็นเสี่ยวเฮยพยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ ภายในใจของเขาตื่นเต้นดีใจอย่างบ้าคลั่ง ไม่ผิดตามที่คาดไว้จริงๆ อสูรศักดิ์สิทธิ์...นี่มันระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ! แค่ลองนึกภาพว่าตนเองเป็คนที่สองของตระกูลที่มีสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ แค่นี้ก็ทำให้หัวใจของเย่ชิงหานรู้สึกพองโตอย่างที่สุดแล้ว
ต่อมาเย่ชิงหานคล้ายกับคิดอะไรขึ้นมาได้เขาเอามือถูกันไปมาแล้วเอ่ยถามขึ้น “แล้ว? ในฐานะที่เ้าเป็อสูรศักดิ์สิทธิ์ เ้ามีความสามารถพิเศษแบบสุดยอดอะไรบ้างไหม? อย่างเช่นบินได้เอย พ่นไฟเอย สังหารศัตรูในพริบตาเอย...?”
“ตอนนี้ยังไม่มี ทำได้เพียงแค่กลายร่างเท่าที่เห็นในตอนนี้ หลังจากกลายร่างระดับความเร็วจะเพิ่มสูงขึ้นอีกมาก” เสี่ยวเฮยส่ายหัวสุนัขของมันไปมาพร้อมกับคำตอบ
“เพิ่มสูงขึ้นมาก? ที่ว่ามากคือเท่าไร?”
“เร็วกว่าเมื่อก่อนประมาณหนึ่งเท่าตัว!”
“สุด...สุดยอด!”
หนึ่งเท่าตัว! เมื่อก่อนระดับความเร็วของเสี่ยวเฮยพอๆ กับผู้มีพลังฝีมือระดับแรกของขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ ตอนนี้ระดับความเร็วเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าตัว อย่างนี้ก็แสดงว่าระดับความเร็วของเสี่ยวเฮยในตอนนี้พอๆ กับผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตนักรบเลยสิ? อย่างนี้มันจะบ้าเกินไปแล้ว
“เพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างนี้ความหมายของเ้าก็คือ ตอนนี้เ้าข้ามผ่าน่ระยะอ่อนแอเข้าสู่่ระยะเติบโตแล้วใช่ไหม?” เย่ชิงหานนิ่งเงียบครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ยถามขึ้น ถ้าหากเสี่ยวเฮยเข้าสู่่ระยะเติบโตจริงตนเองก็สามารถกลับบ้านได้แล้ว เมื่อนึกถึงภาพของเงาร่างที่อ่อนแอและบอบบางร่างหนึ่งกำลังพิงกายอยู่ข้างประตูลานที่พักเล็กๆ เฝ้ารอคอยการกลับมาของตนเองอย่างใจจดจดจ่อทุกๆ วัน ภายในใจของเย่ชิงหานเกิดความรู้สึกอยากที่จะกลับบ้านให้เร็วที่สุด ยิ่งเป็เดี๋ยวนี้ได้ยิ่งดี
“เอ่อ...! ยังไม่ได้เข้าสู่่ระยะเติบโต ข้าคิดว่าหากได้กินแก่นผลึกมารอสูรเม็ดสีเขียวแบบเมื่อสักครู่อีกสักห้าเม็ดก็คงเพียงพอ"
“บ้าไปแล้ว เ้าคิดว่ามันคือมันเทศหรืออย่างไร? นั่นมันแก่นผลึกมารอสูรระดับห้าเชียวนะ กว่าจะได้มาสักเม็ดต้องลงแรงฆ่าผู้ล่าอย่างยากลำบาก อาศัยพลังฝีมือของข้าในตอนนี้ไปล่ามารอสูรระดับห้าก็เท่ากับเอาชีวิตไปทิ้ง!” ความรู้สึกของเย่ชิงหานในตอนนี้ราวกับถูกราดหัวด้วยน้ำเย็น พูดออกมาด้วยความขัดเคือง
เสี่ยวเฮยบิดคอไปมาไม่ได้ใส่ใจต่อคำพูดของเขา แล้วส่งกระแสเสียงไปว่า "ข้าทำได้ หลังจากที่ข้ากลายร่างระดับความเร็วของข้าเทียบได้กับมารอสูรระดับหก ฆ่ามารอสูรระดับห้าของกล้วยๆ"
“หืม?” เย่ชิงหานคิ้วกระตุกแล้วผุดลุกขึ้นในทันที โบกมือทำสัญญาณพร้อมกับพุ่งออกไปจากถ้ำ “แล้วจะรออะไรอยู่เล่า? รีบออกไปล่ามารอสูรระดับห้าตอนนี้เลย...”
.................................
ภายในป่าลึกที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าและเครือเถาวัลย์นานาชนิด
เวลานี้ ภายในหุบเขาเล็กๆ แห่งหนึ่ง ฉากการต่อสู้ที่น่าอกสั่นขวัญหายกำลังถูกดำเนินขึ้น
คู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเป็สุนัขจมูกราชสีห์ที่มีขนาดตัวเท่ากับลูกวัว อีกฝ่ายหนึ่งเป็แรดนอเดียวที่ขนาดตัวเท่ากับช้าง
แรดนอเดียว...มารอสูรระดับห้า ขนาดลำตัวยาวราวสี่เมตรสูงราวสองเมตร มีิัที่หนากล้ามเนื้อที่แน่นอวบใหญ่ หน้าผากมีนอยาวแหลมคมที่สามารถแทงทะลุได้กระทั่งเหล็กกล้า แรดนอเดียวนิสัยอ่อนโยนรักสงบ ขอแค่เพียงไม่เข้าไปวุ่นวายในอาณาเขตของมันก็จะไม่ทำให้มันโกรธฉุนเฉียว แต่เ้าสุนัขจมูกราชสีห์น่ารังเกียจที่อยู่ตรงหน้ากลับเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าของมันอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แถมยังมองมาด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยามทำให้มันโกรธจนถึงขีดสุด ดังนั้น มันจึงตัดสินใจที่จะสั่งสอนให้เ้าสุนัขจมูกราชสีห์น่ารังเกียจตัวนี้ให้รู้สำนึกเสียบ้าง มันลุกขึ้นใช้ขาหลังที่อวบใหญ่ทรงพลังตะกุยพื้นอยู่หลายครั้งก่อนที่จะส่ายหัวอันใหญ่โตหันไปทางเ้าสุนัขจมูกราชสีห์ จากนั้นแล่นตะบึงออกไปสุดกำลังราวกับกำแพงั์ที่พังทลายลงมา
มองดูเ้าสุนัขจมูกราชสีห์ที่ยืนโง่ๆ อยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนตัว แรดนอเดียวดวงตาเป็ประกายวาบผ่าน มันตัดสินใจว่าจะไม่ใช้นอที่แหลมคมของมัน จะใช้เพียงแค่ขนาดลำตัวที่ใหญ่โตบดขยี้เ้าสุนัขตัวน้อยที่กล้ามาท้าทายให้แหลกไปก็เพียงพอแล้ว
เสี่ยวเฮยมองดูแรดนอเดียวที่แล่นตะบึงตรงเข้ามาหาตนเองพร้อมกับฝุ่นที่ลอยฟุ้งตลบอบอวล สายตาพลันปรากฏแววเหยียดหยามขึ้น ขาทั้งสี่ดันพื้น ร่างกายเปลี่ยนเป็เงาเลือนรางสายหนึ่งเคลื่อนตัวหลบออกไปยังด้านข้างอย่างเหมาะเจาะก่อนที่แรดนอเดียวจะพุ่งมาถึงเพียงไม่กี่วินาที มันจึงอ้าปากกว้างปรากฏให้เห็นเขี้ยวฟันที่แหลมคมที่เรียงตัวอยู่ภายในปาก จากนั้นกัดลงไปยังบริเวณด้านหลังของแรดนอเดียวอย่างหนักหน่วงครั้งหนึ่ง
แคว่ก...
เสียงดังราวกับผ้าที่ถูกฉีกขาดออกจากกัน ละอองเืสาดกระเซ็นกระจายพุ่งขึ้นไปบนอากาศ ผิวเนื้อที่เหนียวและแข็งแกร่งของมันถูกเสี่ยวเฮยกัดขาดอย่างง่ายดายราวกับกัดเต้าหู้ที่อ่อนนุ่ม
“โฮก โฮก!”
แม้จะถูกกัดเนื้อหายไปชิ้นหนึ่งแต่ก็ไม่ได้ทำให้แรดนอเดียวนึกกลัวขึ้นมาแต่อย่างใด แต่กลับเป็การกระตุ้นให้มันโมโหฉุนเฉียวยิ่งขึ้นกว่าเดิม มันรีบหมุนตัวกลับแล้วลดหัวของมันต่ำลงเผยให้เห็นนอที่แหลมคมแผ่พุ่งกลิ่นอายของความดุร้ายป่าเถื่อนออกมาปกคลุมไปทั่วหุบเขา จากนั้นจึงควบตะบึงพุ่งเข้าหาเสี่ยวเฮยอีกครั้งโดยทันที
สายตาของเสี่ยวเฮยยังคงเหมือนเดิมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย ยังคงเคลื่อนตัวหลบได้อย่างเหมาะเจาะพอดีใน่คับขัน ฉากเดิมๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เสี่ยวเฮยอ้าปากกัดลงไปอีกครั้งหนึ่ง ละอองเืสาดกระเซ็นกระจายพุ่งขึ้นไปบนอากาศพร้อมกับก้อนเนื้ออีกชิ้นหนึ่ง
“จุ๊ๆ! ทั้งความเร็ว ทั้งปฏิกิริยาตอบสนอง ไม่เสียทีที่เป็อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ ดูจากสถานการณ์แล้วเ้ามารอสูรระดับห้าตัวนี้คงทนได้อีกไม่นาน น่าเสียดายที่เสี่ยวเฮยยังไม่ได้ข้ามผ่าน่ระยะอ่อนแอ จึงสามารถกลายร่างได้เพียงหนึ่งครั้งต่อวันเท่านั้น หากนับรวมแก่นผลึกมารอสูรระดับห้าที่ได้จากแรดนอเดียวตัวนี้ รวมกันแล้วก็เพิ่งได้แค่สี่เม็ดเท่านั้นเอง ยังต้องรออีกวันถึงจะทำให้เสี่ยวเฮยข้ามผ่าน่ระยะอ่อนแอไปได้ ยังต้องรออีกวันถึงจะได้...กลับบ้าน!”
บนต้นไม้ใหญ่ภายในหุบเขา เย่ชิงหานใช้สายตามองลอดผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ที่หนาทึบดูการต่อสู้ของเสี่ยวเฮยกับแรดนอเดียวด้วยอารมณ์ที่ตื่นเต้น แต่ภายในใจก็ลอบทอดถอนใจออกมาเช่นเดียวกัน
ตามที่เสี่ยวเฮยบอก มันยังไม่ได้ข้ามผ่าน่ระยะอ่อนแอ ดังนั้นในหนึ่งวันสามารถกลายร่างได้แค่เพียงครั้งเดียวและคงอยู่เพียงสองชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้น ทุกๆ เช้าของทุกวัน หนึ่งคนหนึ่งอสูรเดินทางออกจากถ้ำมุ่งหน้าลึกเข้าไปภายในเทือกเขาอีกราวสิบกว่ากิโลเมตรเพื่อเข้าไปภายในเขตแดนส่วนลึก ภายในนี้มารอสูรระดับห้าค่อนข้างหาง่าย หลังจากเข้ามาถึงก็ใช้ความระมัดระวังเสาะหามารอสูรตัวที่แยกตัวหรือพลัดหลงจากฝูงอยู่ตัวเดียว เมื่อเสาะหาจนเจอเย่ชิงหานจะหลบฉากออกไปเพื่อหาที่ซ่อน ส่วนเสี่ยวเฮยลงมือจัดการฆ่ามารอสูรตัวนั้นให้สำเร็จแล้วรีบเดินทางออกจากเขตแดนส่วนลึกโดยเร็ว กลับมายังถ้ำที่พักเดิมของตน
วันนี้เป็วันที่สี่ สามวันที่ผ่านมาทั้งสองได้ออกล่ามารอสูรระดับห้ามีจิ้งจอกเงา แกะเนื้อสี่เขา ราชสีห์คลั่ง รวมกับแรดนอเดียวตัวนี้อีกก็จะได้แก่นผลึกมารอสูรระดับห้าสี่เม็ด จากนั้นค่อยออกล่ามารอสูรระดับห้าอีกเพียงตัวเดียวเสี่ยวเฮยก็จะสามารถก้าวเข้าสู่่ระยะเติบโตได้เป็ผลสำเร็จ
“ลูกพี่ จัดการเรียบร้อยแล้ว!”
ในขณะที่เย่ชิงหานกำลังใช้ความคิดอยู่นั้นเสียงของเสี่ยวเฮยพลันดังขึ้นในหัว เขาเงยหน้าขึ้นมองอย่างสะดุ้งใ ห่างออกไปไม่ไกลแรดนอเดียวนอนกองอยู่ที่พื้น เืสีแดงสดไหลออกจากปากที่อ้ากว้างของมัน ขาที่ใหญ่โตทั้งสี่สั่นกระตุกอยู่ไม่หยุด ดูจากสภาพแล้วไม่น่าจะมีชีวิตรอดเป็แน่แท้
ฟิ้ว...
เย่ชิงหานะโลงมาจากต้นไม้ใหญ่ จากนั้นพุ่งทะยานออกไปด้วยความรวดเร็ว
เขามาหยุดยืนที่ตำแหน่งส่วนหัวของแรดนอเดียว แล้วจึงใช้กริชจัดการคว้านเอาแก่นผลึกมารอสูรและวัตถุดิบที่มีค่าส่วนอื่นๆ ด้วย แก่นผลึกมารอสูรสีเขียวเขาโยนให้เสี่ยวเฮยไป ทั่วทั้งร่างของแรดนอเดียวล้วนเป็วัตถุดิบที่มีมูลค่า แต่เย่ชิงหานไม่มีกำลังพอที่จะนำกลับไปได้ทั้งหมด ทำได้แค่เพียงนำนอที่อยู่บนส่วนหน้าผากของมันกลับไปด้วยเท่านั้น อย่างน้อยของสิ่งนี้นำกลับไปขายที่เมืองชางก็ได้ราคาหลายพันก้อนผลึกพลังอยู่เหมือนกัน
ของดี! ของดีอย่างแน่นอน! สดใสพร่างพราวราวกับงาช้าง
เย่ชิงหานประคองนอแรดไว้ในมือตรวจสอบดูอย่างละเอียด จากนั้นจึงเก็บไว้อย่างดีในห่อผ้าด้านหลัง ในขณะที่คิดอยู่ว่าจะตัดเลาะเอาหนังแรดไปด้วยดีหรือไม่นั้น เสี่ยวเฮยที่อยู่ข้างๆ ที่เพิ่งกินแก่นผลึกมารอสูรเสร็จพลันะโลุกพรวดพราดขึ้น สายตามองไปทางด้านขวาด้วยความดุร้าย ขนบนหัวที่ราวกับขนแผงคอของราชสีห์ล้วนตั้งชูชันขึ้น ลักษณะท่าทางราวกับว่ามันได้พบเจอกับสิ่งที่น่าหวาดกลัวเข้า
หืม? เกิดอะไรขึ้น?
เย่ชิงหานรับรู้ได้ถึงอาการที่ผิดแปลกไปของเสี่ยวเฮย หันไปมองทางด้านขวาด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่พบเจอกับสิ่งใด ทันใดนั้นเสี่ยวเฮยส่งกระแสเสียงมา "ลูกพี่รีบะโขึ้นมาบนหลังข้า ข้าััได้ถึงมารอสูรที่น่ากลัวตัวหนึ่งกำลังมุ่งตรงมาทางนี้ อย่างต่ำสุดคือมารอสูรระดับหก"
“ระดับหก?”
เย่ชิงหานเมื่อได้ยินขนลุกขึ้นมาทันที รีบะโขึ้นบนหลังเสี่ยวเฮยอย่างไม่รีรอใช้แขนทั้งสองกอดคอมันไว้แน่น เสี่ยวเฮยสองขาหลังออกแรงพุ่งทะยานออกไปยังนอกหุบเขาอย่างรวดเร็ว
“โฮก!”
ด้านหลังปรากฏเสียงแผดร้องคำรามดังขึ้น เสียงดังราวกับฟ้าดินจะพังทลายลงมา มันดังก้องกังวานอย่างยาวนานอยู่ภายในป่า
ในขณะที่รีบร้อนหนีออกมาเย่ชิงหานหันหัวกลับไปมองลอดผ่านหมู่เครือเถาวัลย์ที่บางตา เขามองเห็นมารอสูรลำตัวขนาดใหญ่กำลังแผดเสียงร้องออกมาด้วยความโกรธพร้อมกับวิ่งไล่ตามมายังทิศทางของตนเอง เกล็ดสีเขียวอ่อนฉายประกายเย็นะเืบวกกับเขี้ยวฟันสีขาวที่สะท้อนรับกับแสง ท่อนหางอวบหนาแข็งแรงที่กวัดแกว่งไปมา แผงหนามสีดำขลับขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังั้แ่บริเวณส่วนหัวยาวตลอดไปจนถึงปลายหาง เป็ภาพที่มองดูแล้วดุร้ายน่ากลัวอย่างถึงที่สุด
“มารอสูรระดับหก - สไปโนซอรัส รีบวิ่งเลยเสี่ยวเฮย ถ้าหากถูกมันตามทันพวกเราไม่รอดอย่างแน่นอน!”