เหวหลากสีเผยความน่าหวาดหวั่นไร้ที่มา ทั้งเปลวเพลิงสีแดงลอยตัว ทั้งกระแสน้ำวนสีฟ้า สัตว์อสูร ิญญา และปีศาจทั้งหลาย สิ่งเหล่านี้ล้วนน่าตื่นตาตื่นใจ
หนิงเทียนเดินบนดอกจื่อเถิงอย่างช้าๆ มันไม่ต่างจากการเดินบนแผ่นน้ำแข็งบางๆ หัวใจของเขาจึงสั่นเทาด้วยความกลัว
ลมคำรามจากเหวลึกและธารวาโยโหมกระหน่ำ สะพานแขวนแกว่งไกวไปมาราวจะบอกว่าหากพลาดเพียงนิดเ้าจะร่วงหล่นลงไป
ฮั่วเถี่ยฮั่นรับหน้าที่ติดตามหนิงเทียน เถาวัลย์นิลดำของเขามีข้อได้เปรียบและเหมาะสมที่สุด ณ ขณะนี้
เหลียนจิ้นพึมพำ “หลังจากได้พู่กันมาแล้ว เราต้องสู้กันอย่างยุติธรรม ไม่เช่นนั้นข้าจะยิงเขาให้ร่วง”
ฟางจวิ้นกล่าวว่า “ไม่มีปัญหา ข้าเห็นด้วย”
ฝานชิงและฮั่วเถี่ยฮั่นต่างพยักหน้า จากนั้นเถาวัลย์นิลดำก็เคลื่อนไหวทันที
ในฐานะอสูรระดับสามขั้นสูงจึงไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับพลังของเถาวัลย์นิลดำเลย
แต่เหวนั้นแปลกประหลาดมาก มีสายฟ้าสว่างวาบบนดอกจื่อเถิง ทันทีที่เถาวัลย์นิลดำเข้ามาใกล้ มันก็สั่นะเืด้วยพลังอัสนีและสูญเสียกำลังไป
“สถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก เ้าเถาวัลย์นี่เชื่อไม่ได้เลย ข้าลงมือเองดีกว่า” เหลียนจิ้นกล่าวกับหูเถี่ยซิน แล้วะโลงไปบนดอกจื่อเถิง
สายฟ้าคำรามลั่นพร้อมฟาดใส่เขา ทำให้เขาชาไปทั้งตัวจนต้องกัดฟัน เงาของต้นไม้ลอยอยู่ข้างกาย คลื่นลมหมุนรอบร่าง ปิดกั้นสายฟ้าฟาด และทำให้เขาก้าวได้อย่างมั่นคง
นี่คือการใช้ขอบเขตผนึกดารา เมื่อผสานกับการป้องกันของเกราะต้นไม้ ย่อมลดความเสียหายลงได้
ขนาดเหลียนจิ้นยังต้องใช้ความพยายามอย่างเต็มกำลังเพื่อก้าวต่อไป เช่นนี้แล้วหนิงเทียนทำได้อย่างไร?
สีหน้าของผู้เฝ้าชมล้วนมืดมน ท่าทีของหนิงเทียนช่างกวนใจพวกเขายิ่งนัก และไม่มีผู้ใดอยากให้เขามีชีวิตรอด
เหลียนจิ้นเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ สะพานแขวนแกว่งไปมา อสูรกรีดร้องท่ามกลางแรงลมราวกับมีสายตาจับจ้องอยู่
เงาต้นไม้ของเหลียนจิ้นสั่นไหว เขาััได้ถึงวิกฤตที่อธิบายไม่ได้ พลังที่มองไม่เห็นเข้าโจมตี ความกดดันทำให้เงารากบ่มเพาะแตกสลายครั้งแล้วครั้งเล่า และก่อให้เกิดความหวาดกลัว
หนิงเทียนเองก็รู้สึกไม่ต่างกันราวกับเขากำลังตกเป็เป้าหมายของปีศาจแห่งขุมนรก และอาจถูกโจมตีได้ทุกเมื่อ
ด้วยการใช้ยุทธศาสตร์ครอง์ หนิงเทียนเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาจนถึงขีดสุด กระดูกทั่วร่างส่งเสียงสนั่น เืลมพุ่งทะยานสูง หอกนาคามรกตในมือเต็มไปด้วยความเฉียบแหลม และไข่มุกอสูรหยินก็ลอยอยู่นอกร่างกาย
เมื่อก้าวไปข้างหน้าได้สิบห้าจั้ง เถาวัลย์เส้นหนึ่งก็พุ่งกระแทกเขาด้วยน้ำหนักถึงหมื่นจินจนร่างเขากระเด็นกลับไป ก่อนนักล่าจะเริ่มจู่โจม
เวลาต่อมาปราณกระบี่หมุนวนออกมาจากสายหมอก ลำแสงนั้นมุ่งตรงไปยังหัวใจ หว่างคิ้ว และหน้าท้องส่วนล่างของหนิงเทียน
หนิงเทียนคำรามอย่างดุร้าย แสงสีทองสาดส่องไปทั่ว ทันทีที่เขาเหวี่ยงหอกในมือ ก็เกิดเสียงกระแทกทำให้เขาถอยหลังไปอีกเจ็ดก้าว
ลมกระโชกอย่างเกรี้ยวกราด ิญญาปีศาจกรีดร้อง
เหลียนจิ้นใมากจนหยุดเดิน พร้อมกับฉายแววตาหวาดกลัว
เขายังอยู่ห่างจากหนิงเทียนหลายจั้ง ทว่าลมแรงที่โหมเข้ามาก็คละคลุ้งด้วยกลิ่นคาว ทั้งยังเปล่งรัศมีของอสูรระดับสาม
บงกชสีมรกตแกว่งไกว ใบบัวยืดยกทุกย่างก้าวของหนิงเทียนครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเหยียบพื้น
หนิงเทียนจับหอกไว้แน่นแล้วโบกพู่กันในมือขวา ปลายพู่กันหลากสีเต็มไปด้วยแสงแห่งจิติญญา หญ้าและดอกไม้ปรากฏขึ้น ก่อนจะกลายเป็สัตว์ประหลาดที่ท่องไปในสายลม
หนิงเทียนยังไม่คุ้นเคยมากนัก ดอกไม้และต้นไม้ที่วาดเป็ครั้งแรกล้วนมีสภาพไม่น่ามอง แม้กระทั่งรูปร่างก็ยังดูน่าอึดอัด
ไข่มุกอสูรหยินลอยไปข้างหน้า มันช่วยหนิงเทียนสำรวจเส้นทางและคอยแจ้งถึงการมีอยู่ของสิ่งแปลกปลอมในสายหมอก นั่นคือดวงตาคู่หนึ่งซึ่งมีสีแดงราวกับเืและสว่างไสวราวโคมไฟ
เมื่อเหลียนจิ้นเห็นเช่นนั้น เขาก็หันหลังกลับเข้าฝั่งทันที
“ยิงมันให้ตาย!” เมื่อไม่มีความหวังที่จะแย่งชิงแล้ว เขาจึง้ากำจัดหนิงเทียน
“ไม่ต้องห่วง รอดูเถิด” หูเถี่ยซินง้างธนูเตรียมยิง
ใบหน้าของฝานชิงมืดมนและเยือกเย็น เขาปรามหูเถี่ยซินด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ฝั่งตรงข้ามของเหวนี้อาจเป็พื้นที่หลักของแดนลับ หากเรา้าไปที่นั่นก็ต้องผ่านด่านนี้ ซึ่งเด็กนั่นสามารถช่วยเราสำรวจเส้นทางได้ คงเสียเปล่าหากยิงเขา”
ฟางจวิ้นลูบคางแล้วพยักหน้า “สมเหตุสมผล ต้องมีการสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่ซ่อนอยู่ในพื้นที่หลักของแดนลับเป็แน่ หากเราสามารถหาทางข้ามเหวได้ เราจะพบความเจริญรุ่งเรืองเมื่อถึงยามนั้น”
เหลียนจิ้นค่อนข้างไม่พอใจ เขาอยากฆ่าเด็กนั่น แต่เขาก็รู้ดีว่าการเก็บอีกฝ่ายไว้จะมีประโยชน์มากกว่า
บนดอกจื่อเถิง หนิงเทียนพยายามดิ้นรนก้าวไปข้างหน้า แม้จะมีิญญาปีศาจโจมตีไม่ขาดสาย และแต่ละครั้งล้วนน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ
ไข่มุกอสูรหยินมีการยับยั้งที่ยอดเยี่ยม ทั้งยังเสริมด้วยหอกและพู่กันิญญา ทำให้หนิงเทียนสามารถต้านทานการโจมตีได้ชั่วคราว
ภายใต้แรงกดดันมหาศาล จิติญญาการต่อสู้ของหนิงเทียนพุ่งสูงขึ้น กล้ามเนื้อและกระดูกคำรามลั่น เขาสะบัดพู่กันในมือพร้อมภาพิญญาที่ปรากฏขึ้นในใจ
“ศาสตร์จิตรกรรมิญญา รูปร่างประกอบด้วยการผสานของวัตถุดิบ แต่ละวัตถุดิบประกอบด้วยจิติญญา เมื่อจิติญญาเข้าสู่ภาพฝัน วัตถุดิบจากดอกไม้ส่งผลให้กายและิญญาสดใส หยินและหยางกระจัดกระจาย ความเป็จริงและจินตนาการเกี่ยวพันกัน...”
ความสามารถแสนอัศจรรย์นี้เรียกว่าจิตรกรรมิญญา ซึ่งแบ่งออกเป็ห้าขั้นตอน ได้แก่ การวาดรูปร่าง การแต่งแต้มกระดูก การดึงวาดิญญา การดึงผสาน และการเติมเต็มความว่างเปล่า
นี่คือทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์ ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงไม่รู้จบ ตราประทับแห่งรูปแบบถูกจารึกไว้ในแผนที่จิติญญาของเส้นลมปราณแรก
ตอนนี้หนิงเทียนกำลังวาดภาพอย่างทุลักทุเล เขาถูกบังคับให้วาดและเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง แต่เมื่อการโจมตีเริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ทักษะการวาดภาพของเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
เหล่าพฤกษาซึ่งลอยออกมาจากปลายพู่กันมีพลังเทียบเท่าิญญาอสูรระดับหนึ่ง ทั้งยังสามารถสร้างความสับสนให้การมองเห็นด้วย
หนิงเทียนขณะนี้เต็มไปด้วยพลัง หอกในมือซ้ายและพู่กันในมือขวาผสานกับกายาสุวรรณะนิรันดร์ และเปิดการโจมตีด้วยพลังทั้งหมดที่มี
บงกชสีมรกตโอบล้อมหนิงเทียน ใบบัวผุดขึ้นตามรอยเท้าช่วยลดความกังวลและไม่พลาดเป้าหมาย
ไข่มุกอสูรหยินลอยวนรอบตัว เมื่อััได้ว่ามีอสูรที่ทรงพลังกำลังเข้ามาใกล้ มันก็ลอยออกไปอย่างเร่งรีบ ซึ่งบีบบังคับให้อสูรจากเหวลึกที่ทรงพลังให้ล่าถอยอย่างช้าๆ
หนิงเทียนใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทว่ากลับมีเปลวไฟแผดเผาและกระแสน้ำวนเข้าปะทะบ่อยครั้ง ทำให้เขาลอยออกไปจนเกือบร่วงหล่น
เหวแห่งนี้ช่างน่ากลัวและยากที่จะคาดเดา แม้ฝานชิง เหลียนจิ้น และคนอื่นๆ จะล้มเลิกความคิดที่จะยิงเขา แต่ก็ยังมีอันตรายอีกมากกำลังรออยู่ข้างหน้า
ครึ่งชั่วยามต่อมา หนิงเทียนรีบวิ่งเข้าไปในสายหมอก เสียงคำรามของอสูรร้ายะเืทั่วนภากว้างไกล และดังก้องทั่วทุกสารทิศ ซึ่งทำให้ฝานชิง เหลียนจิ้น ฟางจวิ้น และคนอื่นๆ สั่นสะท้านด้วยความกลัว
“ทางที่ดีที่สุดคือให้เด็กนั่นตายอยู่ที่นี่ ไม่เช่นนั้นภายภาคหน้าเราอาจ่ชิงไม่ทันและไม่ได้สิ่งใดกลับมา”
ใบหน้าของฮั่วเถี่ยฮั่นเคร่งขรึม ท่าทีของหนิงเทียนน่าใเกินไป หากเขาเติบโตขึ้น คนอื่นคงกลายเป็เพียงตัวตลกโง่เขลา
“วางใจได้เลย หากผ่านไปไม่ได้เขาก็ต้องตายอยู่แล้ว แม้เขาจะมีโชคมากพอให้ผ่านไปได้ อย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ไม่จำเป็ต้องกังวลแต่อย่างใด”
เหวแห่งนั้นเต็มไปด้วยกระแสวายุและสายอัสนี อัคคีเหมันต์ปิดกั้นเส้นทาง อีกทั้งอสูร จิตอสูร คลื่นลม และสายฟ้าฟาดยังปรากฏอย่างต่อเนื่อง ถ้าไม่ใช่เพราะไข่มุกอสูรหยิน หนิงเทียนก็คงถูกฝังไปนานแล้ว
ใบไม้ปลิวว่อนราวอาวุธลับ ใบหญ้าไหวเอน ปราณกระบี่ราวสายรุ้ง เถาวัลย์เหวี่ยงอย่างดุร้ายราวแส้ยาว กลิ่นหอมของมวลบุปผาน่าพิศวง ทว่าภายในกลับมีพิษร้ายแฝงอยู่
หนิงเทียนม้วนตัวเคลื่อนไปมาท่ามกลางเหว ร่างหลุดร่วงจากสะพานแขวนหลายครา ทั้งยังตกสู่ความเวิ้งว้างครั้งแล้วครั้งเล่า เสื้อผ้าของเขาขาดรุ่งริ่ง รอยแผลกระจายทั่วร่าง ทว่าเขายังคงต่อสู้ดิ้นรนที่ประตูนรก
โชคดีที่การฝึกทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์สำเร็จแล้ว หญ้าและดอกไม้ลอยขึ้นไปในอากาศจากปลายพู่กัน พร้อมช่วยพยุงร่างเขาขึ้นไปและส่งกลับคืนสู่สะพาน ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เขาไม่ล้มตาย
สองชั่วยามต่อมา หนิงเทียนก็เร่งรีบไปยังส่วนที่ลึกที่สุดของเหว ทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์เข้าสู่ขั้นตอนที่สอง นั่นคือการแต่งแต้มกระดูก โดยดอกไม้ ต้นหญ้า ต้นไม้ และเถาวัลย์ที่เขาวาดล้วนมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าิญญาอสูรระดับสอง ซึ่งสามารถช่วยเหลือเขาในการป้องกันและโจมตีได้
หนิงเทียนเห็นโลงศพจมอยู่ในก้นบึ้ง ศพขนาดใหญ่โผล่ขึ้นจากถ้ำที่ดูไม่ธรรมดา ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางวังวนสายธาร นอกจากนี้ยังมีลูกตาสีฟ้าอันตั้งมั่นท่ามกลางความว่างเปล่า สามารถทะลุทะลวงจิตใจคนและทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว
นิมิตต่างๆ ซ่อนอยู่ในสายหมอก และการมาถึงของหนิงเทียนก็เปรียบเสมือนก้อนหินเล็กๆ ที่ตกลงไปในสระน้ำ
ไข่มุกอสูรหยินฉายแสงประหลาด พร้อมปลดปล่อยความผันผวนอันน่าสะพรึงกลัว จิติญญาแสนดุร้ายคำรามในความเงียบ มันััได้ถึงการมีอยู่ของบางอย่างในขุมนรก
หนิงเทียนกระสับกระส่ายและรีบเร่งไปข้างหน้าอย่างสิ้นหวัง เหวลึกนี้น่ากลัวเกินไป ไม่ใช่สถานที่ที่ขอบเขตจิตหยั่งลึกควรมา
รอบด้านมืดสนิท รัตติกาลค่อยๆ มาเยือน
ฝานชิง ฟางจวิ้น เหลียนจิ้น และคนอื่นๆ รอเวลาจนค่ำ ยามนี้พวกเขาจึงไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์อีกด้านได้อย่างชัดเจน และหนิงเทียนก็เลือนหายไปแล้วเช่นกัน
“ผ่านไปหลายชั่วยามแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะตายไปแล้วนะ”
“เป็ไปตามที่คาดไว้ น่าเสียดายที่เหวนี้ยากเกินกว่าจะข้ามไปได้”
เมื่อมองูเาฝั่งตรงข้าม ศิษย์ทั้งเจ็ดคนจากสี่สำนักต่างเต็มไปด้วยความปรารถนา แต่ก็น่าเสียดายที่ภารกิจนี้ยากเกินไป
ในคืนที่มืดมิด คนทั้งเจ็ดก็เดินทางออกจากริมหุบเหว และอีกหนึ่งชั่วยามต่อมา หนิงเทียนก็ปรากฏตัวที่อีกฟากหนึ่งของเหวลึกอย่างเงียบๆ
เมื่อมองข้ามความเวิ้งว้าง หนิงเทียนก็แทบหมดแรงจากความเหนื่อยล้า หากไม่ใช่เพราะพลังศักดิ์สิทธิ์และความทนทานอันสูงส่งของกายาสุวรรณะนิรันดร์ ต่อให้ได้รับความช่วยเหลือจากทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์ แต่เขาก็ไม่มีทางทนได้นานถึงเพียงนี้
ในบริเวณที่สามของแดนลับ มีกลิ่นอายเข้มข้นกว่าในบริเวณที่สองประมาณสองเท่า
หนิงเทียนพักผ่อนอยู่ครึ่งชั่วยาม จากนั้นจึงลุกเดินไปในความมืด
ูเาแห่งนี้ทั้งเงียบเหงาและโดดเดี่ยว ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ใบหน้าของหนิงเทียนเคร่งขรึม ท่ามกลางสายลมยามค่ำคืนที่เย็นสบายกลับมีเสียงกระซิบข้างหู ทว่าทุกคราที่หันกลับไป รอบกายก็มีเพียงความว่างเปล่า
หนิงเทียนตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อเข้าไปในูเาใหญ่ลูกแรก และััได้ถึงการมีอยู่ของต้นไม้แห้งเหี่ยวบนยอดเขาทันที
“จิติญญาราวภาพฝัน ค่ำคืนนี้หวนคืนสู่บ้านเกิด คนพเนจรผันผ่านมา ิญญาควรถูกฝังไว้กับกระดูก” พลันเกิดเสียงปริศนาขึ้นในใจของหนิงเทียน ทำให้เขากลัวมากจนอ้าปากเตรียมกรีดร้อง
ยามนั้นเองที่กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตเริ่มเคลื่อนไหว หนิงเทียนอยากจะกรีดร้อง แต่กลับไม่มีเสียงใดเปล่งออกมา
หนิงเทียนใและรู้ได้ทันทีว่าเสียงนี้คือสิ่งผิดธรรมชาติ และถ้าเขาเปิดปาก เขาจะตายที่นี่
นี่คือคำสาปิญญาอิ้งซานในตำนาน แม้หนิงเทียนจะไม่รู้จักมัน แต่กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตก็ััได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เมื่อปิดปากแน่นแล้ว หนิงเทียนก็ถือหอกในมือซ้ายและกำไข่มุกอสูรหยินไว้ในมือขวา เขารู้สึกตื่นตัวยิ่งกว่าเดิมและมุ่งหน้าไปยังยอดเขา โดยแสร้งไม่ได้ยินเสียงที่ลอยเข้าหู
ูเาลูกนี้ใหญ่มาก หนิงเทียนพยายามปีนขึ้นไป้าอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งรุ่งสางจึงสามารถขึ้นไปถึงยอดและมองลงมาได้
หนิงเทียนยืดตัวแล้วมองพื้นที่แกนกลางของแดนลับ ที่นั่นมีซากปรักหักพังของเมืองโบราณ ทั้งยังมีนกั์ใหญ่กว่าร้อยจั้งบินเหนือท้องฟ้า และงูั์ยาวหลายพันจั้งหมอบราบอยู่บนพื้น
หนิงเทียนทั้งใและประหลาดใจ แดนลับแห่งนี้ตั้งอยู่บนูเาไป่หลิง นี่เป็สถานที่ที่ิญญาอสูรมารวมตัวกัน ไม่ควรมีมนุษย์อาศัยอยู่ แล้วเช่นนั้นจะมีซากเมืองโบราณได้อย่างไร?
หรือซากปรักหักพังนี้ไม่ได้สร้างขึ้นโดยมนุษย์?
ซากปรักหักพังเหล่านี้ปกคลุมไปด้วยพืชพรรณ มีเพียงกำแพงเมือง หอคอย และอาคารหินที่เผยสู่สายตาอย่างคลุมเครือ ขณะที่ร่องรอยอื่นๆ ถูกกลบฝังไว้ไปตามกาลเวลา
เหนือซากปรักหักพังมีน้ำตกที่ทอดลงมาจากฟากฟ้า ต้นไม้ใหญ่สูงหลายพันจั้งงอกทะลุชั้นนภาราวกับเมฆสีเขียวลอยเด่น ทั้งยังมีแม่น้ำใหญ่หลายสายไหลเอื่อยกลางอากาศ เหล่าพฤกษางอกกลับหัว และมีแมลงไล่ล่าหมู่ปลา
นอกจากนี้หนิงเทียนยังเห็นสายรุ้งห้อยกลับหัวอยู่เหนือเมืองโบราณ ซึ่งคอยช่วยค้ำจุนพระราชวังและมีอักขระนับไม่ถ้วนลอยคว้างกลางอากาศ
สถานที่แห่งนี้ทั้งลึกลับและน่ากลัว รูปปั้นหินขนาดใหญ่ตั้งอยู่รอบๆ ซากปรักหักพัง ซึ่งทั้งหมดเป็อสูรหินที่ดุร้าย
หนิงเทียนจมอยู่ในห้วงความคิด กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตในร่างยื่นใบอ่อนออกมา และสายฟ้าในตันเถียนก็เหวี่ยงสะบัดไปมาอย่างโกลาหล
ซากปรักหักพังดูเหมือนจะซ่อนบางอย่างเอาไว้ เมื่อหนิงเทียนตั้งสมาธิจ้องมองไปยังที่แห่งนั้น กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตก็ปล่อยคลื่นผันผวนที่ยากจะอธิบายออกมาทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้