“ข้ารู้พวกเขาจะรังเกียจที่เ้าเป็บุรุษบำเรอ แต่ภายในใจของข้า เ้าคงจะรู้ดี แต่ไหนแต่ไรมาเ้ามิใช่เลยข้าเพียง้าอยู่กับเ้า แม้ว่าเ้าจะเป็เช่นนั้นจริงๆ ข้าย่อมไม่ใส่ใจ”
“แต่ในความเป็จริงแล้วยามนี้หน้าที่ของข้าถือเป็บุรุษบำเรอจริงๆ องค์หญิงสาม ระหว่างข้ากับท่านเป็ความสุขเพียง่หนึ่งเท่านั้นอย่าได้ถลำลึกมากเกินไป หากถลำลึกมากเกินไปท่านจะพ่ายแพ้ ในโลกของความรู้สึกอย่าเล่นกับมันโดยไม่คิดสิ่งใด”
เขายิ้มร้ายพลางพูดกล่อม
“อืมอา…ไม่เอาสิ ที่รัก เ้าฟังที่ข้าพูดสิ เื่นั้น แม้เ้าจะเป็บุรุษบำเรอ แม้เ้าจะมาหลอกลวงข้าข้ายอมรับได้ ผู้ใดให้ข้ารักเ้าจริงๆ กันเล่า ชาตินี้ทั้งชาติ ข้าคิดแต่จะอยู่กับเ้าขอแค่เ้าไม่รังเกียจข้า ที่รัก…”
ดวงตาชุ่มชื้นของนางจ้องไปที่เขาริมฝีปากแดงขยับ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความหลงใหล แฝงไว้ด้วยความลุ่มหลงสำหรับท่าทางเช่นนี้ของเขา ตู้ซินถงทำเพียงยิ้มอ่อนอย่างมีเสน่ห์
อย่างไรเสียองค์หญิงไม่ได้รู้เลยแม้แต่น้อยว่าตัวเขานั้นมีนามว่าอะไร
นางในตอนนี้ยอมรับแค่บุรุษที่อยู่ข้างกายของนางคนนี้ ยิ่งเขาแสดงท่าทีไม่ใส่ใจเท่าใดยิ่งทำให้นางรู้สึกว่าบุรุษคนนี้รักนางจริงๆ เพราะเขามักจะเผยความเสียใจ สิ้นหวังทั้งยังมีความไร้ประโยชน์ออกมา…
ดังนั้นทั้งหมดจึงแสดงได้แค่ว่าเขารักนางมากเพียงใด จึงสิ้นหวังมากเช่นนี้ บุรุษบำเรอคนหนึ่งบุรุษที่ไม่ได้รับการให้เกียรติจากคนอื่นๆ ชีวิตของเขา เกรงว่าจะถูกกำหนดให้อยู่กับการถูกหัวเราะเยาะ
แต่นางรักในความงดงามที่ไร้ประโยชน์นี้จริงๆมักจะรู้สึกว่า บนตัวของเขามีเสน่ห์มากกว่าปกติ
แม้จะปวดไปหมดทั้งตัวแต่มองบุรุษที่นั่งถือจอกสุรามองฟ้าอยู่ตามลำพังนอกหน้าต่างแล้ว องค์หญิงสามจึงตัดสินใจแล้วว่าจะต้องไปพูดกับเสด็จพ่อเื่ของพวกนาง
“เข้ามาเปลี่ยนชุดให้ข้าที”
หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูปองค์หญิงสามเดินทางไปราชวังของแคว้นผีข่า หลังจากตู้ซินถงได้รับข่าวจากองครักษ์เงาก็หัวเราะเย้ยหยัน
“เป็โง่อีกคนแล้วสินะวันนี้ข้าหลอกลวง วันหลัง เขาก็มาหลอกลวงข้า...”
สุราในมือถูกกระดกลงคอจู่ๆ ตู้ซินถงก็รู้สึกว่าชีวิตที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เขานั้นได้รับมันมามากพอแล้วจริงๆทันใดนั้น เขาพลันคิดถึงสตรีที่เหมือนคนบ้าขึ้นมาเล็กน้อยอยากพบนางขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
เขาลุกขึ้นอย่างไม่คิดก่อนจะเดินไปทางร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูป
ที่นั่นแม้จะเป็กระโจมต่อกันเป็แนว แต่กลับมีกระโจมอยู่หลายหลัง
เมื่อไปถึงหนิงเซียงกำลังเรียกลูกค้าอยู่กำลังพูดคุยกับเหล่าสตรีชนชั้นสูงพวกนั้น ทันทีที่เห็นเขาปรากฏตัวกะทันหัน นางพลันชะงักไปก่อนจะรีบสั่งงานกับพวกสาวใช้สีและคนอื่นๆหลังจากบอกลากับเหล่าสตรีชั้นสูงแล้ว นางเดินยิ้มไปทางตู้ซินถง
“เ้ามาได้อย่างไรกัน? ตอนนี้ที่นี่เหมือนจะไม่ให้เ้ามาได้นะ”พูดเสียงให้เบาลง ก่อนที่หนิงเซียงจะปรายตาไปมององครักษ์แคว้นผีข่าที่อยู่ไม่ไกลพวกนั้น
ตู้ซินถงเม้มปากแน่นไม่พูดสิ่งใด ใบหน้ายิ่งถมึงทึง น่ากลัวมากกว่าเดิม
“ฮ่าๆคุณชายท่านนี้ เชิญเ้าค่ะ แม้เสื้อผ้าของพวกเราส่วนใหญ่จะเป็ของสตรีแต่บางครั้งก็มีเสื้อผ้าของบุรุษบ้าง เชิญทางนี้เ้าค่ะ ทางนี้”
หนิงเซียงพูดเชิญไปทางกระโจมวัดตัว
องครักษ์พวกนั้นจะตามเข้ามาด้วยตู้ซินถงกลับพูดเสียงเย็น “เหตุใดหรือ ข้าจะมาวัดตัวลองเสื้อผ้า ยังต้องให้พวกเ้าไปรายงานองค์หญิงสามแล้วอย่างนั้นหรือ?”
องครักษ์สองคนที่จะเข้ามาด้วยได้ยินพลันใลงไปคุกเข่ากับพื้นทันที
“คุณชายไว้ชีวิตข้าด้วยเถิดไว้ชีวิตข้าด้วย พวกเราแค่ทำงานเท่านั้น เื่นี้คุณชายคิดอย่างไรก็ทำตามที่ท่านคิดเถิด” หัวหน้าองครักษ์รีบพูดให้จบและรีบลากสหายอีกคนออกไปด้วยอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นโอกาส
ล้อเล่นกันหรือคุณชายบำเรอคนนี้กำลังได้รับความโปรดปราณ หากพวกเขาไปมีเื่ด้วย คงจะได้มีเื่กับองค์หญิงสามเป็แน่
องค์หญิงสามคนนั้นแม้ใบหน้าจะงดงามราวดอกไม้ แต่จิตใจกลับเหมือนดังงู หากมีเื่กับนาง เขาคงต้องตายอีกทั้งเกรงว่าคนในครอบครัวก็ต้องถูกปะาให้ตายตามกันไปด้วย ดังนั้นองครักษ์ทุกคนจึงไม่กล้าเข้าไปด้านใน
หนิงเซียงจึงทำแค่แย้มยิ้มแล้วต้อนรับให้ตู้ซินถงเข้าไปด้านในกระโจมพอเข้ามาในกระโจม ตู้ซินถงหมุนตัวกลับมาจ้องนางนิ่ง
“อาเื่นี้ เ้าอยู่ที่นั่น เกิดเื่ใดขึ้นหรือ? หรือเกิดเื่ใหญ่ขึ้นใช่หรือไม่?” หนิงเซียงถามออกไปอย่างตะกุกตะกักไม่รู้เหตุใด วันนี้พอถูกบุรุษคนนี้จ้องเช่นนี้ นางกลับรู้สึกเหมือนจะถูกกิน…
ตู้ซินถงจ้องนางนิ่งไม่พูดจากับนางจนกระทั่งใบหน้าของคนถูกจ้องเริ่มมีสีแดงระเรื่อย้อมขึ้นมา หนิงเซียงเลิกคิ้วเท้าเอวจะโวยวายออกมา
“บัด…”
นางยังไม่เคยถูกเล่นตลกเช่นนี้มาก่อนเส้นประสาทส่วนใดของบุรุษคนนี้กระตุกกัน
“อา…อื้อ…”
ทว่าวินาทีถัดมาหนิงเซียงกลับไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้อีกเพราะริมฝีปากของนางถูกอีกฝ่ายประทับลงมาเรียบร้อยแล้วจนกระทั่งร่างทั้งร่างอ่อนยวบ ทำได้เพียงโอบกอดเขาอย่างไร้ทางช่วย…
ลมหายใจของทั้งสองเกี่ยวรัดพันเข้าด้วยกันหลังจากผ่านไปได้ครู่หนึ่ง เสียงแหบของบุรุษคนนั้นก็ฮึดฮัดออกมา
“แม่คนบ้าจู่ๆ ข้าก็คิดถึงเ้าขึ้นมา”
หลังจากพูดประโยคนี้เสร็จไม่สนใจว่าสตรีที่อยู่ด้านหลังจะเป็เช่นไร เขากลับหมุนตัวออกไป
หนิงเซียงยืนตะลึงค้างอยู่ภายในห้องมองผ้าใบของกระโจมที่ยังพลิ้วไหวอยู่ ผ่านไปนานนางถึงยกมือขึ้นมาลูบริมฝีปากที่ตรงนั้นยังเจ็บอยู่เล็กน้อย
เื่ทั้งหมดเมื่อครู่เคยเกิดขึ้นแล้วจริงๆ
“บัดซบถูกเ้ากะเทยมาเล่นตลกแล้ว ถุยๆๆๆ ไอ้กะเทยบ้า จะต้องให้ข้าเจอเื่สนุกๆ แน่อ๊าก เหตุใดข้าถึงได้...” นางกัดฟัน อีกเดี๋ยวก็ยิงฟัน อีกเดี๋ยวก็มึนงง
“เ้าคนคนนี้ไปถูกสิ่งใดจี้ใจมาหรืออย่างไร? เหตุใดเขาถึงมาหาข้า? ก่อนเขาไปเหมือนจะพูดว่าจู่ๆ เขาก็คิดถึงข้า กรี๊ด เขายังพูดว่าข้าเป็คนบ้า ทุเรศเอ๊ย…”
“ตู้ซินถงเ้าตัวอันตรายเ้าสิคนบ้า บ้ามันทั้งบ้าน บรรพบุรุษสิบแปดรุ่นเป็คนบ้าให้หมด”
หลังจากด่าเสร็จสตรีคนนี้จึงเริ่มเป็กังวล
“ไอ๊หยาไม่ได้การแล้ว ได้ยินมาว่าองค์หญิงสามคนนี้เป็คนที่ร้ายกาจมากหากนางรู้ว่าตู้ซินถงมาหาข้า เขาจะไม่มีอันตรายหรือ?”
ครั้นคิดเช่นนี้นางจึงไม่สามารถนิ่งสงบได้
จากการทำงานมาทั้งวันสาวใช้สีพบเื่น่าหงุดหงิดคือ เ้านายที่ปกติมักจะเป็คนฉลาดมากตลอดวันนี้เอาแต่ทำผิดพลาด
ทั้งๆที่วัดขนาดให้ผู้อื่น แต่นางยังจะลากคนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ทั้งๆที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้า นางกลับลากคนคนนั้นไปวัดตัว…
“พอแล้วๆเ้านาย ท่านรีบไปพักเถิดเห็นสีหน้าของท่านแล้วก็รู้ว่าจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว”สาวใช้สีทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว จึงลากนางไปด้านข้าง
ร้อนใจจะตายแล้วเฉินเนี้ยนหรานก็ดันไม่อยู่บ้าน ยามนี้หนิงเซียงที่เป็เ้านายก็ยังกลับมาสติล่องลอยอีก
สาวใช้สีผู้น่าสงสารอยากจะให้ตนเองมีสิบแปดขาแล้วแยกไปทำงานจริงๆ
กิจการในร้านดีมากๆเสียจริง เงยหน้าขึ้นก็เห็นกับชุนเทียนที่แวบตัวไปด้านข้างอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ชุนเทียนเ้ากลับมาเดี๋ยวนี้ พูดมาว่าเมื่อครู่เ้าจะไปที่ใด?”
ชุนเทียนอึกๆอักๆ ก้มหน้าบิดเสื้อผ้าหน้าแดง
“สาว…สาวใช้สีข้าแค่อยากจะไปหาขอทานที่อยู่ข้างกระโจม ได้ยินมาว่า ได้ยินมาว่า ขอทานป่วย ข้าอยากจะไปเยี่ยมเขา”
เอาเถิดเ้าชุนเทียนคนนี้ ไม่เพียงแต่โง่เท่านั้น จิตใจก็ยังคล้ายจะไม่ชัดเจนด้วยเมื่อไม่กี่วันก่อนเก็บสุนัขตัวหนึ่งกลับมา และไม่ยอมปล่อยมันไปเมื่อวันก่อนระหว่างทางขากลับก็หิ้วขอทานกลับไปด้วย ดูจากท่าทางของเขาแล้วตอนนี้ความคิดทั้งหมดคงจะไปอยู่ที่ตัวของขอทานแล้ว
สาวใช้สีตะคอกออกมาทันที
“ทำงานก่อนเ้านายบอกแล้วว่าให้ย้ายสินค้ากลับไปก่อน ไม่เช่นนั้นไม่มีข้าวทาน”
ชุนเทียนทำหน้าขมร้องเหอะเสียงเย็นไม่พอใจใส่สาวใช้สี หมุนตัวหยิบหมั่นโถวแล้วออกไป…
“กรี๊ดนี่มันเกิดสิ่งใดขึ้น?อู่เอ๋อร์เ้าพูดสิ นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เ้าพูดสิเ้าให้เขาทาน ให้เสื้อผ้าเขาใส่ และยังให้ข้าเลี้ยงหมาข้างถนน แต่เขาเล่าเขาปฏิบัติต่อข้าเยี่ยงไร?”
สาวใช้สีถูกทำร้ายจิตใจแล้วจริงๆ
ครั้งนี้อู่เอ๋อร์ไม่สามารถตามโจวอ้าวเสวียนไปได้เพราะเช่นนั้นจึงปวดใจอยู่่หนึ่ง ตอนนี้จึงมาทำงานเป็เสี่ยวเอ้อร์ที่ร้าน ยามนี้เห็นสาวใช้สีระบายความในใจออกมาเขาก็รู้สึกเห็นใจ
“เฮ้อแน่นอนสิ คนคนนี้ เป็คนใจร้าย เ้าพูดสิ ข้าอยู่กับคุณชายมาตั้งนาน แต่เขากลับไม่ได้สนิทกับข้าตอนที่มีชุนเทียนก็เอาแต่โอ๋ชุนเทียน หลังจากมีคุณชาย เขาก็รักแต่นายหญิงเ้าว่าข้าที่เป็คนติดตามเขามาั้แ่ยังเด็ก เหตุมดถึงได้เหมือนไม่มีคน้าอย่างนั้นเล่าตอนที่้าข้าก็เรียกอู่เอ๋อร์ ครั้นไม่้า คุณชายกลับบอกว่าให้ไปเฝ้าอยู่ด้านข้าง”
สาวใช้สีพยักหน้า“เื่นี้จริงๆ เชียว เ้าที่อยู่ตรงกลางน่าสงสาร...”
“ไอ๊หยาแม่นาง เ้าเป็คนเดียวที่เข้าใจข้า รู้ใจข้า เ้าเองก็เหมือนกันดูเหมือนจะน่าสงสารพอกันกับข้า เ้าดูสิ ตอนแรกตามนายหญิงหนิงเซียง ตอนนี้เหตุใดถึงมาติดตามนายหญิงแล้ว? ติดตามก็ช่างมันเถิดแต่พวกนางเหมือนไม่ได้เอาใจมาใส่ใจเลย เฮ้อ พูดไปพูดมา พวกเราต่างเป็ทาสที่ไม่มีผู้ใดรัก…”
“อู่เอ๋อร์เ้าพูดถูกมากนัก ข้าเองก็รู้สึก แต่ทั้งๆ ที่รู้ว่านายหญิงสองคนไม่ได้ให้ข้าเป็ที่หนึ่งในเศษเสี้ยวของใจแต่ข้าก็ยังดีกับพวกนาง ข้านี่นะ…”
“ไอ๊หยาแม่นาง ข้าเองก็เป็คนเช่นนี้ แม้ข้าจะบ่นกับเ้า แต่ข้าก็ดีแค่กับคุณชายคนเดียวเ้าดูข้าสิ หลายปีมานี้ แม้ภายนอกจะมีสิ่งยั่วยวนมากมาย แต่ข้ากลับไม่หวั่นไหวคิดแต่จะดีกับคุณชายของพวกเรา ส่วนเื่อื่นๆ ข้าไม่มีทางสนใจ...”
ทั้งสองคนยิ่งระบายความในใจออกมาจึงยิ่งพบว่าเื่ที่้าพูดของกันและกัน เหตุใดถึงได้มากมายเพียงนี้
คล้ายทั้งสองคนยิ่งพูดยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น
