ขณะที่หลัวฉีลี่กล่าววาจานี้เป็ด้วยใจปรารถนาดีรู้สึกว่าถ้าซูจิ้งเถียนชอบก็ให้นางไปไม่เป็ไร
แต่น่าเสียดายที่นางไม่ฉลาดพอ วาจานี้ผ่านเข้าหูซูจิ้งเถียนเพียงกลัวว่ายิ่งเหมือนเสียดสี
รอนางกลับไปถึงบ้านค่อยให้คนส่งชุดกระโปรงให้?
ต่อให้ตอนนี้นางถอดออกมาให้ซูจิ้งเถียนนั่นก็เป็ชุดที่นางเคยใส่
ถ้าซูจิ้งเถียนต้องเก็บเสื้อผ้าที่คนอื่นเคยสวมใส่มาใช้หน้าของซูจิ้งเถียนจะอยู่ที่ไหน? หน้าของจวนอัครมหาเสนาบดีเล่าอยู่ที่ใด!
สีหน้าซูจิ้งเถียนเปลี่ยนไปนางได้มองท่าทางดูถูกของหลัวฉีลี่อยู่ในสายตามานานแล้วแต่เพื่อประโยชน์โดยรวมจึงฝืนอดทนไว้
บัดนี้หลัวฉีลี่ถึงกับกล้าที่ให้นางเก็บเสื้อผ้าที่คนเคยใส่มาแล้วแทบรังแกคนมากเกินไปแล้ว
ซูจิ้งเถียนกัดฟัน แกล้งทำเป็สงสัยขมวดคิ้วขึ้นมาซะเลย“เจตนาดีของคุณหนูหลัว ใจข้ารับไว้แล้ว ไม่จำเป็ต้องส่งมา จวนอัครมหาเสนาบดีไม่ขาดแคลนเสื้อผ้าชุดสองชุดนี้แต่ชุดกระโปรงบนร่างคุณหนูหลัวชุดนี้ข้าดูคุ้นตานักในเมืองหลวงมีเพียงชุดนี้ชุดเดียวจริงหรือ?”
นางจงใจกล่าวเสียงดัง ทุกด้านล้วนเป็ญาติผู้หญิงของเหล่าขุนนางที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงวันสมภพของพระสนมหวินยามปกติก็ชอบซุบซิบนินทาดูคึกคัก เห็นมีละครสนุกขนาดนี้ รีบมุงเข้ามาแล้ว
ได้ยินวาจาของซูจิ้งเถียนแฝงการเสียดสีชั่วพริบตาใบหน้าของหลัวฉีลี่จมดิ่งลงไปทันที
เห็นรอบด้านมีคนมากมายมุงดูขนาดนั้นอีกไม่ยอมเสียทีในท่วงท่าภูมิฐาน จึงยกระดับเสียงสูงขึ้นอีกหลายส่วนให้รู้แล้วรู้รอด“วาจาของคุณหนูสี่หมายความว่าอะไร อย่าว่าแต่กระโปรงชุดนี้ของข้า ในเมืองหลวงกระทั่งทั่วแคว้นซ่งก็ยากที่จะหาชุดที่สองได้”
โง่เขลาเหมือนหมู แววดูิ่เหยียดหยามกระแสหนึ่งพาดผ่านดวงตาซูเฟยซื่อไปอย่างรวดเร็วนี่กลัวว่าคงเป็หนึ่งในแผนการของซูจิ้งเถียนด้วย
ซูจิ้งเถียนจะให้หลัวฉีลี่เน้นว่าชุดนี้มีเพียงหนึ่งเดียวในที่สาธารณชนหลังจากนั้นค่อยบอกออกมาอีกว่าเสื้อผ้าที่นางกับหลัวฉีลี่ใส่เป็แบบเดียวกันราวกับแกะ
นี้ไม่เพียงแต่ทำให้หลัวฉีลี่อับอายต่อหน้าทุกคนแต่ยังสามารถทำให้หลัวฉีลี่เกลียดนางมากขึ้นด้วย
ตามที่คาด เสียงพูดของหลัวฉีลี่เพิ่งจบลงซูจิ้งเถียนรีบะโขึ้นมาราวกับเข้าใจกระจ่างในทันใด “ไอ้หยา ข้าคิดขึ้นมาได้แล้วมิน่าข้ารู้สึกว่ากระโปรงชุดนี้คุ้นตา พี่สาม ท่านมาเร็วๆ กระโปรงชุดนี้มิใช่เหมือนกันกับที่ท่านสวมวันนี้หรือ”
ซูจิ้งเถียนจงใจเน้นคำหลังเหล่านี้ ยังมองไปที่ซูเฟยซื่อ
แววตาของทุกคนพลันถูกนางดึงดูดทันที มองตามไปยังซูเฟยซื่อด้วย
มองคราวนี้ ทุกคนต่างสูดอากาศเย็นคำหนึ่งแล้วหลัวฉีลี่เพียงรู้สึกตรงหน้าวูบทันทีเกือบจะเป็ลม
ยังเหมือนกันราวกับแกะจริงๆ
เพียงเห็นกระโปรงยาวทั่วร่างซูเฟยซื่อเป็สีชมพูอ่อนแบบเดียวกับนางใช้ดิ้นเงินปักเป็ลายเส้นคู่เกี่ยวรัดพันกันเชิงกระโปรงด้านล่างยังมีลูกไม้ที่ทำจากผ้าแพรซ้อนกันเป็ชั้นๆฝีมือประณีตย่อมไม่อนุญาตให้ว่าได้
นอกจากนี้ ผิวของซูเฟยซื่อขาวผ่องเป็ยองใย ตาคิ้วดั่งวาดไว้เสริมด้วยสีชมพูไม่เพียงไม่เห็นถึงรสนิยมพื้นๆแต่ยังมีความรู้สึกดุจนางฟ้าจุติจาก์มายังโลกมนุษย์
เมื่อเทียบกัน ผิวของหลัวฉีลี่นั้นหม่นซีดไปมากคุณสมบัติทั้งห้ายังไม่งดงามประณีตเท่าของซูเฟยซื่อด้วย
เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งร่ำรวยอย่างชัดจนนางยังจงใจเพิ่มสร้อยไข่มุกที่ซับซ้อนกับอัญมณีไปบนกระโปรง ดูโดดเด่นยังรู้สึกว่าสวยงาม แต่ถ้าอยู่ด้วยกันกับซูเฟยซื่อที่งามดุจนางฟ้า นั่นก็เป็ของพื้นๆเสียยิ่งกว่าพื้น ทั่วร่างมาจากครอบครัวที่รวยชั่วข้ามคืนเป็ไร้รสนิยม
คนเทียบคน คนโกรธแทบตาย
เมื่อสักพักนางดันพูดอวดดีคุยเขื่องอย่างไม่ละอายว่าทั่วแคว้นซ่งทั้งหมดยังยากที่จะหาชุดที่สองออกมาได้
ตอนนี้ถูกตบหน้าทำให้นางอายจนแทบหาหลุมในพื้นดินสักแห่งมุดเข้าไป
เพลิงโกรธจู่โจมหัวใจ นางไม่สนใจเอกลักษณ์ฐานะอะไรอีกแล้ว
ยังไงๆ ซูเฟยซื่อก็เป็เพียงลูกอนุที่ไม่ได้รับความโปรดปรานของจวนอัครมหาเสนาบดีไม่ต้องหวั่นเกรงใดๆ ทั้งสิ้น
หลัวฉีลี่พุ่งเข้าไปตรงหน้าซูเฟยซื่อก็ชี้ไปที่จมูกของนางะโเสียงดัง “เ้า รีบถอดเสื้อผ้าออกมาให้ข้า ใครอนุญาตให้เ้าลูกอนุคนนี้สวมใส่เสื้อผ้าชุดของร้านจิ่งซิ้ว?”
ลูกอนุที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองมีไม่น้อย ด้วยวาจาเช่นนี้ถือว่าล่วงเกินไปหลายคนแล้ว
ซูเฟยซื่ออดไม่ได้ที่จะยกริมฝีปากขึ้นหัวเราะเ็า “อ้อ? ถ้าเช่นนั้นข้ากลับจะขอรับการสอนจากคุณหนูหลัวคราหนึ่งแล้วกฎแคว้นซ่งข้อใดที่บอกว่าลูกอนุไม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้าจากร้านจิ่งซิ้วได้?”
นางไม่หยุมหยิมสนใจคนเช่นหลัวฉีลี่ ขอเพียงคนไม่มายั่วนางนางก็ไม่หาเื่คนอื่น
ตอนนี้หลัวฉีลี่ได้ถูกยั่วจนมายืนตรงหน้า ถ้านางไม่ตอบโต้วันข้างหน้านางจะปักหลักได้อย่างไร
“นี่...” วาจาประโยคเดียวเล่นเอาหลัวฉีลี่เป็ใบ้พูดไม่ออกเล่นลูกไม้หน้าด้านๆ ซะเลย “ข้าบอกว่าไม่อนุญาต ก็คือไม่อนุญาต”
“วาจานี้ของคุณหนูหลัวหมายความว่ากฎระเบียบของแคว้นซ่งก็ควรให้เ้ามากำหนดหรือ?” ซูเฟยซื่อตอบอย่างใจเย็น
ฝูงชนมองเปรียบเทียบคนทั้งสองในสายตาอีกครั้งยิ่งรู้สึกว่าหลัวฉีลี่หยาบคาย รสนิยมต่ำ ไร้เหตุผลอย่างช่วยไม่ได้แต่ท่าทีซูเฟยซื่อดูไม่ธรรมดา
ได้เห็นแววตาชื่นชมของทุกคน ในใจซูจิ้งเถียนแอบโกรธ
ได้แต่ปลอบใจตนเองถ้าไม่อดทนจะเสียแผนการใหญ่ได้ให้ซูเฟยซื่อหลงระเริงไปก่อน รออีกสักพักนางก็จะรู้ว่าความตายเป็อย่างไรแล้ว
“ไม่ใช่ เ้าอย่าใส่ความให้ข้ามีราคี ข้าไม่ได้หมายความอย่างนั้น”หลัวฉีลี่ลนลานส่ายหน้า
กฎระเบียบนั่นเป็ซ่งหลิงซิวกับอวี้เสวียนจีจึงสามารถกำหนดได้มิใช่หรือนางเป็ลูกสาวขุนนางคนหนึ่งจะกล้าล้ำเส้นได้อย่างไร นี่ไม่ใช่ไม่รักชีวิตแล้ว
“ข้าใส่ร้ายเ้า? มีสายตาหลายคู่มองดูสิ่งที่เกิดขึ้น ข้าว่าข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น แม้ข้ามีใจใส่ร้ายป้ายสีเ้าแต่จะใส่ร้ายป้ายสีเ้าได้หรือ?” ซูเฟยซื่อยักไหล่กล่าวด้วยความไร้เดียงสา
นางยิ่งเป็แบบนี้ เพลิงโกรธในใจหลัวฉีลี่ก็ยิ่งเผาผลาญลุกโชน“ซูเฟยซื่อ เห็นชัดๆ ว่าเ้าคิดให้ร้ายข้า เ้าถอดเสื้อผ้าออกมาให้ข้าถอดออกมา...”
กล่าวจบหลัวฉีลี่ก็พุ่งกระโจนเข้าใส่ซูเฟยซื่อราวกับผู้หญิงบ้าคิดดึงถอดเอาเสื้อผ้าบนร่างซูเฟยซื่อออกมา
แม้การเคลื่อนไหวของนางรวดเร็ว แต่การเคลื่อนไหวของซูเฟยซื่อไวยิ่งกว่า
หลบวูบเบาๆ ไปครา หลัวฉีลี่ก็ถลาออกห่างไปจากนางสะดุดล้มลงบนพื้นแล้ว
ไม่รู้ว่าเป็ใครส่งเสียงหัวเราะออกมาก่อน ทุกคนต่างหัวเราะตามออกมาทันที
หลัวฉีลี่ไหนเลยเคยถูกคนหัวเราะเยาะเย้ยขนาดนี้ในที่สาธารณะมาก่อนพลันอับอายจนใบหน้ากลายเป็สีตับหมู
กำลังจะลุกขึ้นมาคิดบัญชีกับซูเฟยซื่อ เพียงได้ยินเสียงแปลกใจของซูเฟยซื่อดังขึ้นมา“ไอ้หยา คุณหนูหลัว เสื้อผ้าชุดนี้ของท่านเป็สินค้ามือสองสินะทำไมสะดุดหกล้มไปคราเดียวก็ขาดเสียแล้ว?”
ขาดแล้ว? หลัวฉีลี่รีบก้มศีรษะลงเสื้อกระโปรงส่วนเอวของนางได้ขาดออกแล้วจริงๆ เผยผิวขาวๆ ออกมา
“กรี๊ด... ซูเฟยซื่อ ข้าไม่อภัยให้เ้าแล้ว”หลัวฉีลี่กรีดร้องเสียงแหลม วิ่งกลับเข้าไปในรถม้า สักพักรถม้าก็วิ่งยาวออกไปดูเหมือนจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ทันทีที่หลัวฉีลี่ออกไปในที่เกิดเหตุก็ะเิเสียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมาทันที
ที่แปลกคือ ซูจิ้งเถียนยังยิ้มภูมิใจด้วยดูเหมือนได้บรรลุเป้าหมายอะไรบางอย่างแล้ว
ซูเฟยซื่อขมวดคิ้วเล็กน้อยตามหลักทั่วไปแล้วซูจิ้งเถียนนำให้นางกับหลัวฉีลี่แต่งตัวในชุดแบบเดียวกันหรือเพียงคิดใช้มือของหลัวฉีลี่จัดการนาง
ตอนนี้หลัวฉีลี่หนีไปแผนการชั่วร้ายของซูจิ้งเถียนควรจะล้มเหลวจึงจะถูก ทำไมนางยังดูมีลักษณะเหมือนคว้าชัยได้เล่า?
หรือว่านี่ไม่ใช่เป้าหมายสุดท้ายของซูจิ้งเถียน? นางยังมีแผนอื่นอีก?
ซูเฟยซื่อจัดระเบียบความคิดของนางใหม่ แต่ไม่มีเบาะแสอะไรได้แต่ติดตามทุกคนเข้าวังแล้วค่อยว่ากัน
นางมีความรู้สึกแปลกประหลาดไม่ทราบสาเหตุชนิดหนึ่งวันนี้ต้องเป็การปะทะแข็งต่อแข็งที่มีอันตรายทุกย่างก้าว เดินพลาดก้าวเดียวก็เป็หายนะที่มิอาจกู้คืนได้
“ซางจื่อ เซ่าชิงใช่แอบติดตามอยู่ลับๆ หรือไม่?” ซูเฟยซื่อลดเสียงกระซิบถาม
ั้แ่ที่นางพาเซ่าชิงกลับไปยังจวนอัครมหาเสนาบดีเซ่าชิงก็ได้กลายเป็องครักษ์ลับของนางไปแล้ว สืบหาข้อมูล สะกดรอยทำทุกอย่างทั้งหมด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้