โม่วกว่างไม่เคยเห็นสัตว์ร้ายที่เย่อหยิ่งเช่นนี้มาก่อน
ทันทีที่เขาเอ่ยคำว่า ‘สัตว์ร้าย’ ขนของเ้าแมวอ้วนราวกับหมูก็ฟูฟ่อง คล้ายว่าเขาไปขโมยปลาแห้งของมันมาอย่างไรอย่างนั้น ทั้งยังพุ่งตรงเข้ามาหาเขา
ความปราดเปรียวและทรงพลังไม่สมกับขนาดตัวของมัน วิทยายุทธ์ที่แสนภาคภูมิใจของโม่วกว่าง ยามนี้กลับแพ้ราบคาบ เขาถูกเ้าแมวอ้วนกัดจนหัวหมุน ช่างน่าขายหน้าถึงบรรพบุรุษเสียจริง!
เ้าแมวดุร้าย ข่วนหน้าเขาด้วยอุ้งเท้าอีกข้าง มนุษย์โง่ วันนี้แมวอย่างข้าจะสั่งสอนความเป็คนให้เ้าเอง!
รอยข่วนบนใบหน้าของโม่วกว่างสร้างแรงอาฆาตแค้น เขาดึงกระบี่ที่เหน็บไว้ข้างเอวจนเกิดเสียง
โม่วกว่างไม่อาจแตะเ้าแมวอ้วนได้แม้แต่น้อย แม้จะฝึกฝนมานานหลายสิบปีก็ตาม คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนี้กล้าลงกระบี่ใส่เ้าแมวอ้วน สีหน้าของชิวอวี่เปลี่ยนไปทันใด เขารู้ดีว่าใครอยู่ในร่างของแมวตัวนี้!
มีแสงสีเขียวสว่างวาบในแววตาของเ้าแมวอ้วน
ราวกับว่าชิวอวี่ใจนกลายเป็คนโง่ ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อนใดๆ เมื่อเห็นว่าโม่วกว่างกำลังจะฟันเ้าแมวอ้วนด้วยกระบี่
“โม่วกว่าง หยุดนะ!” ชิวอวี่ะโ
จู่ๆ โม่วกว่างก็มีสติกลับคืนมา เขาจึงอยากที่จะหยุดกระบี่ ทว่า มันสายเกินไปกว่าจะหยุดแล้ว
เ้าแมวอ้วนตัวนี้ต้องตายแน่!
ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ ทันใดนั้น ชิงอีลุกขึ้น ทุกคนต่างคาดการณ์ว่าสถานการณ์ตรงหน้าน่าจะคลี่คลาย เพราะนางอยู่ห่างเพียงไม่กี่ก้าวจากตัวโม่วกว่าง จากนั้น นางก็ยกเท้าเตะโม่วกว่าง
โม่วกว่างกระเด็นกระแทกกับเสาฝั่งตรงข้าม จุดชี่ไห่[1]ปั่นป่วนประหนึ่งว่าถูกช้างเตะ และคิดว่าตนเองกำลังกระอักเืออกมา
ชิวอี่ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก
คนอื่นอาจมองไม่เห็น ทว่า ชิวอวี่ที่ถูกเปิดดวงตาหยินหยางแล้ว ในตอนที่กระบี่ของโม่วกว่างฟันลงมา อาจดูเหมือนว่าเ้าแมวอ้วนไม่ขยับ แต่มีชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดเครื่องแบบผู้พิพากษาเสื้อคลุมแดงง้างกระบี่อยู่เหนือศีรษะของโม่วกว่าง
หากกระบี่เล่มนั้นฟันลงมาบนตัวเ้าแมวอ้วน คนที่ตายคือโม่วกว่างเป็แน่!
ใน่เวลาที่สำคัญนั้น ชิงอีเตะโม่วกว่างออกไป หนุ่มน้อยชุดแดงก็กลับเข้าไปในร่างของเ้าแมวอ้วนเช่นกัน
“เ้าอยากตายหรือไร?”
น้ำเสียงเย็นะเืของหญิงสาวดังขึ้น ทำให้ทุกคนสั่นสะท้านโดยไม่รู้ตัว อากาศเย็นะเืแผ่จากฝ่าเท้าจนถึงศีรษะ
เ้าแมวอ้วนนอนตัวสั่นอยู่บนพื้น เมื่อครู่มันถูกโม่วกว่างกระตุ้นให้แสดงความเหี้ยมโหดออกมา จนคิดจะลงมือฆ่าจริงๆ ตอนนี้ความโกรธของชิงอีแพร่กระจายไปทั่วท้องฟ้า ิญญาที่น่าสะพรึงกลัวต่างรายล้อมอยู่รอบตัว เ้าแมวอ้วนก็กลัวจนิญญาเกือบจะหลุดออกไปจากร่าง
ในปรโลก ผู้ที่ไม่สนใจกฎเกณฑ์ที่สุดก็คือชิงอี ทว่า ผู้ที่ยึดมั่นในกฎมากที่สุดก็คือนางเช่นกัน
แม้ความเป็ความตายของมวลมนุษย์จะขึ้นอยู่กับความคิดของนาง แต่ใครกล้าที่ฆ่าคนโดยไม่เลือกหน้าต่อหน้านาง นั่นเป็ข้อห้ามข้อสำคัญของนางเช่นกัน
ประโยคเมื่อครู่เป็สิ่งที่ชิงอีพูดกับเ้าแมวอ้วน ทว่า ทุกคนไม่รู้ความจริงข้อนี้ จึงไม่นึกว่านางจะคุยกับเ้าแมว แต่คิดว่ากำลังถามโม่วกว่างอยู่
เหล่าราชองครักษ์ที่เพิ่งมีสติคืนมาจากความใที่โม่วกว่างถูกเตะจนตัวลอย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็ยิ่งทำให้พวกเขาอารมณ์เสีย มันก็แค่สัตว์ร้ายตัวหนึ่งเองไม่ใช่หรือ?
โม่วกว่างลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซ เก็บดาบเข้าฝัก ก่อนจะคุกเข่ากับพื้น “กระหม่อมทำให้องค์หญิงขุ่นเคือง กระหม่อมมีความผิด หลังจากกลับไปที่วังฝั่งตะวันออกแล้ว กระหม่อมจะขอให้องค์รัชทายาทลงโทษกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ”
ชิงอีหันหน้ามามองเขาอย่างเ็า
“เ้านี่ช่างตายยากเสียจริง” กล้าที่จะลงกระบี่กับผู้พิพากษาแห่งปรโลก ไม่ใช่ว่าเป็การรนหาที่ตายหรือไร?
โม่วกว่างกัดฟันและไม่ปริปากพูดอะไร เขายังคงโกรธเคืองชิงอี จนไม่คิดที่จะเก็บสีหน้าด้วยซ้ำ
ตามข่าวอื้อฉาวเื่นิสัยขององค์หญิงใหญ่แล้ว หากทำให้นางขุ่นเคืองละก็ เกรงว่าคงมีได้ตายสถานเดียว ถึงโม่วกว่างจะไม่กลัวตาย ทว่า เขาไม่อยากดึงเหล่าพี่น้องมาเกี่ยวข้องด้วย
เถาเซียงและต้านเสวี่ยรู้สึกประหม่า พวกนางไม่เคยเห็นชิงอีโกรธเท่านี้มาก่อน ขนาดตอนที่ถูกพวกคนชั่วลักพาตัวไปคุกใต้ดินที่วัดตงหวา อย่างน้อยใบหน้าของชิงก็ยังมีรอยยิ้มอยู่เลย
แต่ยามนี้...
ชิงอีจ้องเ้าแมวอ้วนที่อยู่บนพื้นด้วยสายตาเ็า ไม่มีความสุขใดๆ หลงเหลืออยู่แม้แต่น้อย สายตาเหมือนจะทำให้สรรพสิ่งตายด้วยความหนาวเย็น ทั้งยังสะกดิญญาของผู้คนอีกเช่นกัน
“สัตว์ที่ข้าเลี้ยง มีแค่ข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถฆ่าแกงได้ เ้าบอกว่าฉู่จื่ออวี้้ามัน ได้สิ! ข้าจะพามันไปส่งให้ถึงหน้าประตูเอง!” ชิงอีคว้าหลังคอของเ้าแมวอ้วน แล้วเดินออกไป
เถาเซียงและคนอื่นๆ รีบตามไป
“รองผู้บัญชาการ ท่านไม่เป็ไรใช่ไหม?” ราชองครักษ์รวมตัวกันรอบๆ โม่วกว่าง
เขาส่ายหน้า เมื่อเขากำลังจะตามไป ชิวอวี่ก็เดินผ่านมาอยู่ข้างเขา
“เ้าควรขอบคุณองค์หญิงที่ช่วยชีวิตเ้าไว้นะ” ชิวอวี่มองเขาอย่างเ็า และเดินตามหลังชิงอีไป
โม่วกว่างหัวเราะออกมา เพราะรู้สึกว่ามันไร้สาระ
นางช่วยชีวิตเขาไว้?
มันจะเป็ไปได้อย่างไรกันเล่า?
คนของตำหนักเชียนชิวล้วนแต่เป็บ้ากันทั้งนั้น กระทั่งชิวอวี่ที่เดิมเป็คนปกติ พอมาอยู่ที่นี่ก็พูดจาเพ้อเจ้อเช่นกัน
“ไปกันเถอะ ไปวังฝั่งตะวันออกกัน” โม่กว่างเม้มปาก แล้วพูดว่า “อีกประเดี๋ยวพวกเ้าไม่ว่าใครก็ห้ามพูดอะไรทั้งนั้น ข้าจะไปทูลขอรับโทษกับองค์รัชทายาทเอง”
“แต่...”
โม่วกว่างส่ายหน้า “ข้าใช้กำลังและชักกระบี่ในตำหนักเชียนชิวโดยไม่ได้รับอนุญาต ฝ่าฝืนกฎของวังหลวง ข้าสมควรถูกลงโทษ องค์หญิงใหญ่ทรงเป็คนเห็นแก่ประโยชน์ของตนเอง พวกเ้าอย่าได้อ้อนวอนแทนข้าเด็ดขาด เดี๋ยวจะถูกนางเกลียดเอาเปล่าๆ”
ชิงอีที่เต็มไปด้วยิญญาชั่วร้ายปรากฏตัวในวังฝั่งตะวันออก เมื่อเหล่าข้าหลวงในวังฝั่งตะวันออกเห็นถึงสีหน้าที่มืดมนจนน่ากลัวของนาง ต่างพากันตกตะลึงถ้วนหน้า ไม่รอให้ขันทีได้รายงาน ชิงอีก็ถีบประตูห้องโถงและเดินเข้าไป
ภายในท้องพระโรง นอกจากฉู่จื่ออวี้แล้วยังมีเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่หลายคนในราชสำนักอยู่ด้วย
เมื่อเห็นว่าชิงอีเข้ามาอย่างไร้มารยาทและหยาบคายเช่นนี้ พวกเขาต่างขมวดคิ้ว
“ถวายบังคมองค์หญิงใหญ่พ่ะย่ะค่ะ” คนเ่าั้ทำความเคารพอย่างลวกๆ พอเป็พิธี ไม่รอให้ชิงอีได้พูดขึ้นมา ฉู่จื่ออวี้ก็พูดว่า “เชิญทุกท่านออกไปก่อนเถิด”
เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่พากันลุกขึ้นและกล่าวลา เมื่อเดินผ่านชิงอีไปพวกเขาพากันเหลือบมองนาง พอออกนอกท้องพระโรงก็เริ่มกระซิบกระซาบกัน
“นางกำลังอุ้มแมวในข่าวลืออยู่ใช่ไหม?”
“อ้วนเหมือนหมูเช่นนั้น ต้องเป็ปีศาจอย่างแน่นอน”
พวกชิวอวี่ ซึ่งรีบตามมาถึงที่นี่ต่างเหนื่อยหอบกันถ้วนหน้า พวกจิ๋วกุ่ยหน้าแดงก่ำเช่นกัน ในสายตาของพวกเขา องค์หญิงทรงเดินอย่างโกรธเกรี้ยว นางไม่ได้ก้าวเท้ายาวมากนัก ทว่า พวกเขาก็ยังตามไม่ทันอยู่ดี
ตอนแรกพวกเขาแค่ก้าวเท้ายาวๆ ตามมา แต่คิดไม่ถึงว่าจะต้องเปลี่ยนเป็วิ่ง!
ทั้งยังต้องวิ่งด้วยความแรงเต็มกำลัง เพื่อตามให้ทัน
สถานการณ์ของโม่วกว่างและคนอื่นๆ ก็ไม่ได้ดีไปกว่าพวกเขามากนัก พวกเขาสบตากันและกัน ทั้งหมดต่างนิ่งเงียบและไม่มีใครพูดอะไรออกมา
โม่วกว่างคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเดินตามเข้าไปในท้องพระโรง ในขณะที่เขากำลังจะสารภาพความผิด เขาก็เห็นชิงอียกเ้าแมวอ้วนในมือขึ้นมา และโยนมันใส่ฉู่จื่ออวี้
“ฝ่าา ระวังพ่ะย่ะค่ะ!”
โม่วกว่างรีบพุ่งเข้าไปโดยไม่รู้ตัว สัตว์ร้ายนั่นอาจจะร้ายกาจมาก หากมันทำร้ายองค์รัชทายาท... เอ่อ...
ฉู่จื่ออวี้รับเ้าแมวอ้วนเอาไว้ คล้ายว่ากำลังรับหินก้อนใหญ่ที่มีน้ำหนักหลายสิบกิโลกรัม จนมือแทบจะยกไม่ขึ้น ต้องใช้แรงเยอะมากในการยกเ้าแมวอ้วนขึ้น
เ้าแมวอ้วนอยู่ในมือของเขาอย่างสงบนิ่งราวกับตาย
ฉู่จื่ออวี้มองไปที่โม่วกว่างอย่างสงสัย “ระวังอะไร?”
โม่วกว่างถอยกลับไปอย่างอับอาย และคุกเข่าอย่างเงียบๆ
ฉู่จื่ออวี้รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ เขาจึงขมวดคิ้ว “มีเื่อะไรหรือ?”
“ประโยคนี้ เป็ข้าที่ควรถามเ้าหรือไม่?” ชิงอีจ้องเขาอย่างเ็า “เ้า้าชีวิตของแมวตัวนี้งั้นหรือ?”
สีหน้าของฉู่จื่ออวี้ดูไม่ดีขึ้นมาทันตา แค่สั่งให้โม่วกว่างไปพาเ้าแมวตัวนี้มา กลายเป็ชิงอีพาเ้าแมวตัวนี้มาส่งด้วยตนเองอย่างโกรธเป็ฟืนเป็ไฟเช่นนี้
เมื่อคิดทบทวนถึงนิสัยแย่ๆ ที่ไร้ซึ่งความเป็มนุษย์ของโม่วกว่างแล้ว...
เขาทำอะไรลงไปกันแน่?!
*************************
[1] จุดชี่ไห่ (气海) เป็จุดที่อยู่ใต้สะดือ ซึ่งเป็ทะเลของพลังลมปราณ
