จี้หย่าจับสังเกตทุกรายละเอียดบนใบหน้าของเซี่ยเสี่ยวหลาน
เด็กสาวคนนี้เจอเธอแล้วมีแต่ความสงสัยและใ ทว่ากลับไม่มีความตื่นตระหนกแต่อย่างใด แม้แต่ความประหม่าก็ไม่มีปรากฏให้เห็นสักนิด
หนิงเสวี่ยเจอเธอยังมีความรู้สึกประหม่าเผยออกมาให้เห็น เด็กสาวอายุไม่ถึงยี่สิบปี ยามอยู่ต่อหน้าจี้หย่าแม้จะพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกเพียงใดก็ไม่มีทางที่จะเล็ดลอดสายตาเธอไปได้ แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับไม่มีความประหม่าเลยสักนิด เด็กสาวคนนี้นิ่งเกินไป และสวยเกินไปหน่อย มิน่าจี้เจียงหยวนถึงไม่ยอมคบกับหนิงเสวี่ย เด็กหนุ่มในวัยยี่สิบต้นๆ ่เวลานี้เป็่ที่ฮอร์โมนพลุ่งพล่านมากที่สุด เห็นสาวสวยก็จะหน้าแดงใจสั่น สิ่งเหล่านี้คือปฏิกิริยาตามธรรมชาติ
เซี่ยเสี่ยวหลานสวยหาตัวจับยาก จี้หย่าใบหน้าประดับรอยยิ้ม แต่ในใจกลับประเมินเซี่ยเสี่ยวหลานั้แ่หัวจรดเท้าแล้ว
สวยแค่ไหนก็ไม่ผ่าน หนิงเสวี่ยต่างหากคือคนที่เหมาะเป็คู่ครองของลูกชายเธอที่สุด
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้เลยว่าแม่ของจี้เจียงหยวนอยากถามอะไร เซี่ยเสี่ยวหลานรู้ตัวดีว่าตนกับจี้เจียงหยวนไม่ได้มีอะไรกัน แน่นอนว่าแม่ของจี้เจียงหยวนดูไม่เหมือนคนไร้เหตุผลแบบติงอ้ายเจิน และไม่เหมือนสะใภ้ใหญ่เฉินที่หมู่บ้านชีจิ่ง
“คุณน้า ้าคุยอะไรกับฉันหรือคะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนหัวไว จี้หย่าสวมรองเท้าส้นเข็ม เดินนานๆ แล้วจะไม่รู้สึกเมื่อยหรือ อีกอย่างอากาศ่สองวันนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ถึงวันนี้ฝนจะไม่ตกทว่ายังคงมีลมพัด อากาศแบบนี้หลังเลิกเรียนควรรีบกลับหอพักให้เร็วที่สุด หรือไม่ก็ไปทบทวนบทเรียนที่ห้องสมุดเสีย พื้นที่ในร่มช่วยกันลม ส่วนเสื้อขนเป็ดช่วยกันความหนาวได้เช่นกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานอยากรีบคุยกับจี้หย่าให้จบ เธอจะได้กลับห้องเสียที!
ความจริงเซี่ยเสี่ยวหลานค่อนข้างทำให้จี้หย่าเสียแผน อยู่ดีไม่ว่าดี เธอจะคุยกับเซี่ยเสี่ยวหลานเื่อะไรเล่า?
แต่จะมาหาเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่แปลก หนิงเสวี่ยไม่ยอมพูด แค่จี้หย่าถามเด็กนักศึกษาในมหาวิทยาลัยนิดหน่อยก็ได้ความแล้ว จี้เจียงหยวนเป็คนดังพอสมควรในมหาวิทยาลัย เซี่ยเสี่ยวหลานเองก็เช่นกัน หนุ่มสาวหน้าตาดีแค่คุยกันไม่กี่คำคนก็จำได้ จี้หย่าสุ่มถามไม่กี่คนก็ได้เื่แล้ว
“เจียงหยวนพูดถึงเธออยู่บ่อยๆ ฉันเลยอยากมาเจอสักครั้ง สิบกว่าปีมานี้เขาโตที่ต่างประเทศ ฉันกลัวเขาจะปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่จีนไม่ได้ โชคดีที่เขามีเพื่อนสนิทอย่างเธอ”
เสียงของจี้หย่าฟังแล้วไพเราะมาก
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานกลับรู้สึกขนลุกซู่
เพื่อนสนิทของจี้เจียงหยวนไม่ใช่สยฺงไป่เหยียนหรอกหรือ สองคนนั้นตัวติดกันทั้งวัน อย่างไรก็คงไม่ใช่เธอแน่นอน เื่เข้าใจผิดเช่นนี้จำเป็ต้องอธิบายให้กระจ่าง
“ที่จริงพวกเราอยู่คนละคณะกันค่ะ ปกติต่างคนต่างยุ่งอยู่กับการเรียน ฉันกับเพื่อนนักศึกษาจี้แค่เคยเข้าร่วมการซ้อมเดินขบวนฉลองวันชาติด้วยกันเท่านั้น ครั้งล่าสุดที่คุยกันคือตอนไปแข่งขันภาษาอังกฤษเมื่อวานที่มหาวิทยาลัยจิงเม่า เพื่อนนักศึกษาจี้ได้รับความนิยมมากที่มหาวิทยาลัย คุณน้าลองถามใครสักคนในนี้ก็คงรู้ ดังนั้นคุณน้าไม่จำเป็ต้องห่วงว่าเพื่อนนักศึกษาจี้จะปรับตัวไม่ได้หรอกนะคะ”
ปรับตัวไม่ได้อะไรกัน จี้เจียงหยวนยังยอมไปแข่งภาษาอังกฤษอย่างไม่อิดออดเลยมิใช่หรือ
เด็กเก่งแต่หัวแข็งอย่างหนิงเสวี่ยบอกว่าไม่แข่งก็คือไม่แข่ง มหาวิทยาลัยยังทำอะไรไม่ได้เลย
ทว่าเพื่อนนักศึกษาจี้เจียงหยวนกลับยินดีที่จะทำเพื่อหมู่คณะ ความเป็ห่วงที่จี้หย่าบอก เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เชื่อสักนิดเดียว และเธอก็ค่อนข้างรำคาญคนพูดจนอ้อมค้อมเช่นนี้ ไม่รู้ว่าไปได้ยินข่าวลืออะไรมา ไม่ไปถามหาความจริงกับจี้เจียงหยวน แต่กลับมาถามเธอถึงมหาวิทยาลัยเสียได้
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ใช่เด็กอมมือ ที่พูดเพียงประโยคสองประโยคก็จะสามารถหลอกถามเธอได้!
ที่กวนฮุ่ยเอ๋อถามได้เพราะว่าเธอเป็แม่ของโจวเฉิง เซี่ยเสี่ยวหลานกำลังคบหาอยู่กับโจวเฉิง เมื่อกวนฮุ่ยเอ๋อรู้สึกข้องใจย่อมมีสิทธิที่จะถาม
ส่วนแม่ของจี้เจียงหยวนนั้นอย่าหวังเลย เซี่ยเสี่ยวหลานขอยืนอยู่ฝั่งเดียวกับทังหงเอิน เธอเป็คนเถรตรง ‘ช่วยแต่คนสนิท’ เท่านั้น พวกเขาสองคนหย่าร้างกันเพราะอะไรเซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้ แต่เซี่ยเสี่ยวหลานรู้แค่ว่าตอนนี้ทังหงเอินยังครองตัวโสด และสิบกว่าปีที่ผ่านมาคนที่ไม่ยอมให้ทังหงเอินติดต่อกับลูกชายในไส้ก็คือจี้หย่า
ความหมายที่เซี่ยเสี่ยวหลานอยากสื่อก็คือ ฉันกับลูกชายคุณไม่ได้เป็อะไรกัน แม้แต่เพื่อนสนิทก็ไม่ใช่ ถ้าสงสัยว่าลูกชายคุณมีแฟนที่มหาวิทยาลัยหรือเปล่า ก็ควรเอาเวลาไปสนใจนักศึกษาหญิงทั่วทั้งมหาวิทยาลัย ไม่ใช่มาดักรอเธอตอนเลิกเรียนแบบนี้
เด็กสาวคนนี้โอหังเกินไปแล้ว
ดอกไม้สดแม้จะงดงาม แต่กลับผลิบานตามใจชอบ ไม่เคยผ่านการตัดแต่งกิ่งก้าน [1]
จี้หย่ารู้สึกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานขาดการอบรมขั้นพื้นฐาน เธอตัดสินได้ทันทีว่าครอบครัวของเซี่ยเสี่ยวหลานคงมีฐานะที่ไม่ดีอย่างแน่นอน แม้ว่าเทียบกับนักศึกษาคนอื่นแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานจะไม่ได้ใส่ชุดกันหนาวเชยๆ พูดจามีมารยาท แต่ความเฉียบขาดไม่กลัวใครที่ส่งผ่านคำพูดของเซี่ยเสี่ยวหลานออกมาอย่างไม่ปิดบังนั้น... เมื่อใดที่มีคนไม่ยอมเป็ไปตามที่จี้หย่าคาดหวังไว้ เธอก็จะควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่อยู่
จี้หย่าอยากจุดบุหรี่มาสูบสักมวน แต่นึกขึ้นได้ว่าตนกำลังอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยหัวชิงเลยต้องฝืนทน น้ำเสียงของเธอเริ่มแข็งกระด้างยิ่งขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอพูดตามตรงเลยก็แล้วกัน อนาคตเจียงหยวนต้องกลับอเมริกา ฉันไม่อยากให้เขาใกล้ชิดกับเด็กสาวชาวจีนมากจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็เื่เข้าใจผิดหรือไม่ ฉันหวังว่าเธอจะรักษาระยะห่างกับเจียงหยวน ได้ยินว่าเธอเรียนคณะสถาปัตยกรรม เช่นนั้นคงรู้จักหนิงเสวี่ยสินะ ตระกูลจี้กับตระกูลหนิงมีสัมพันธ์อันดีต่อกันมานาน พวกเราสองตระกูลอยากให้เจียงหยวนกับหนิงเสวี่ยคบหาดูใจกัน อีกหน่อยพอเจียงหยวนกลับอเมริกา หนิงเสวี่ยก็จะไปเรียนต่อที่อเมริกาด้วย อนาคตของเจียงหยวนถูกวางแผนไว้หมดแล้ว มิตรภาพระหว่างเธอเป็แค่ระยะเวลาสั้นๆ ปีสองปีที่หัวชิงเท่านั้น... ฉันพูดแบบนี้เธออาจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่นี่คือความจริง เธอและเจียงหยวนอยู่คนละโลกกัน”
เซี่ยเสี่ยวหลานสูดหายใจลึก
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอพูดตามตรงเหมือนกันนะคะ โลกของคุณน้า ฉันก็ไม่แน่ว่าจะชอบเช่นกันค่ะ เพื่อนนักศึกษาจี้ไม่ใช่ผู้ชายในอุดมคติของฉันแม้แต่น้อย ฉันมีแฟนแล้ว หวังว่าคราวหน้าคุณจะไม่มาหาฉันแค่เพราะการคาดเดาที่แปลกประหลาดพวกนี้อีก!”
เป็บ้าหรือเปล่า เธอกับจี้เจียงหยวนอยู่โลกเดียวกันหรือไม่แล้วอย่างไร? เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยคิดอยากอยู่โลกใบเดียวกับจี้เจียงหยวนเลยสักครั้ง อีกอย่างอยู่ที่ประเทศจีน แค่เื่พื้นฐานครอบครัว ตระกูลโจวก็นับว่าดีมากแล้ว ส่วนครอบครัวของจี้เจียงหยวนมีความเป็มาอย่างไรก็ยังไม่รู้ ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกว่าเป็ไปได้ยากที่ตระกูลของเขาจะมีหน้ามีตาในสังคมมากกว่าตระกูลโจว
เซี่ยเสี่ยวหลานเคยไปบ้านตระกูลโจวมาแล้วทั้งหมดสามครั้ง นอกจากถูกสองแม่ลูกโจวอี๋หาเื่จับผิด สมาชิกตระกูลโจวคนอื่นๆ ก็อัธยาศัยดีกันทั้งสิ้น
ไม่มีใครเป็เหมือนแม่ของจี้เจียงหยวน เอะอะก็บอกว่าอยู่คนละโลก เซี่ยเสี่ยวหลานรู้สึกอดกลั้นเหลือเกิน เธอไม่เคยรู้สึกต่ำต้อยเพราะชาติกำเนิดของตัวเอง เพราะอย่างไรครอบครัวคือสิ่งที่ไม่สามารถเลือกได้ แต่จะใช้ชีวิตอย่างไรขึ้นอยู่กับความพยายามส่วนบุคคล เ้าสัวที่ร่ำรวยขึ้นมาเพราะการปฏิรูปเศรษฐกิจ ก็ใช่ว่าเกิดในตระกูลที่ร่ำรวยอยู่แล้วกันทุกคน
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มคนที่อาศัยเทคโนโลยีในการสร้างเนื้อสร้างตัว ใช้ทักษะที่ดีกว่าคนอื่น มีความคิดสร้างสรรค์กว่าคนทั่วไป สร้างรากฐานทางการเงินที่มั่นคงให้กับคนรุ่นหลัง คนรุ่นใหม่ที่ก้าวมาเป็ผู้มั่งคั่งทางสังคมมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย ใครที่คิดว่าการอยู่เหนือกว่าผู้อื่นเพียงชั่วขณะเท่ากับได้รับชัยชนะตลอดกาล คนผู้นั้นต่างหากคือกบในกะลาตัวจริง
เซี่ยเสี่ยวหลานี้เีคุยกับกบในกะลาอย่างจี้หย่าให้เปลืองน้ำลาย
แม้แม่ของจี้เจียงหยวนแต่งตัวดีแค่ไหน ความจริงก็เป็เพียงติงอ้ายเจินฉบับอัปเกรดเท่านั้น
ติงอ้ายเจินคิดว่าสถานะทางสังคมของตระกูลจูนั้นสูงส่งมาก เด็กบ้านนอกอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานไม่คู่ควรกับลูกชายของเธอ
ส่วนแม่ของจี้เจียงหยวนพูดออกมาตรงๆ เลยว่าพวกเธออยู่คนละโลกกัน... คนเหล่านี้ไปเอาความคิดเพ้อเจ้อนี่มาจากไหน คิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานอยากจะแทรกเข้าไปในโลกของพวกเขามากนักหรือ?
พิลึกคนเสียจริงๆ เซี่ยเสี่ยวหลานโบกมือลาแล้ววิ่งจากไปทันที
จี้หย่ายืนนิ่งอยู่ที่เดิมพลางหายใจถี่ เธอคลำหาบุหรี่แล้วหยิบออกมาหนึ่งมวน ทว่าเพราะลมพัดแรงไป เธอจุดบุหรี่อยู่หลายครั้งแต่ก็ไม่ติด
ถ้าไม่ขุดคุ้ยเบื้องลึกเื้ัของนังเด็กคนนี้ให้หมดไส้หมดพุง ก็อย่าเรียกเธอว่าคนตระกูลจี้!
เชิงอรรถ
[1] ดอกไม้สดแม้จะงดงาม แต่กลับผลิบานตามใจชอบ ไม่เคยผ่านการตัดแต่งกิ่งก้าน หมายถึง คนที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนให้อยู่กรอบที่ชอบที่ควร
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้