สามีที่มารดาจะหาให้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าถ้าไม่ใช่คนที่อายุมากแล้วก็ไม่แคล้วเป็คนป่วย
เซี่ยอวิ๋นคิดแล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจ
“แม่คะ รอให้หนูเรียนจบม.ต้นก่อนไม่ได้เหรอคะ ถ้าหนูมีใบรับรองหนูก็จะหางานทำได้ และต่อให้แต่งงานออกไป หนูก็ยังหาเงินมาให้แม่แสดงความกตัญญูต่อแม่ได้” เธอรีบอ้อนวอนผู้เป็มารดา
คิดจะชะลอเื่นี้ออกไปอย่างนั้นหรือ!?
หวางลี่ลี่มีหรือจะรู้ไม่ทันความคิดของบุตรสาว เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “ไม่ได้ ฉันให้เวลาแกสิบวัน ถ้าแกหาคนที่มีปัญญาให้สินสอดหนึ่งร้อยหยวนกับฉันได้ ฉันก็จะยกแกให้เขา แต่ถ้าเลยสิบวันแกยังหาไม่ได้ ฉันก็จะไปขอให้คนรู้จักช่วยหาให้ พอถึงตอนนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์แม่ลูกก็แล้วกัน”
เวลานี้เซี่ยอวิ๋นรู้สึกเสียใจทีหลังเหลือเกิน ตอนนั้นเธอน่าจะฟังคำของคุณป้าข้างบ้าน ยอมให้อาหารและธัญพืชแก่อีกฝ่ายเพื่อแลกกับการช่วยเลี้ยงดูน้องชาย
ทว่าน้องชายเธอตายไปแล้ว มาเสียใจเอาตอนนี้นับว่าช้าเกินการณ์ เมื่อลองมองย้อนกลับไป เหตุใดตอนนั้นเธอถึงได้งกและโง่เขลานัก
เธอเอาแต่กลัวว่าที่บ้านจะไม่มีอาหารและธัญพืชเพียงพอให้กินในฤดูหนาว หากเป็แบบนั้นที่บ้านมีหรือจะยังมีที่ให้เธออยู่อีก แต่เมื่อเื่ดำเนินมาถึงตอนนี้ ตอนนั้นเธอห่วงอาหารและธัญพืชเ่าั้ไปเพื่ออะไรกัน
ยิ่งคิดถึงเื่ที่เกิดขึ้นเซี่ยอวิ๋นก็ยิ่งน้อยใจ เมื่อเข้านอนด้วยใจที่เต็มไปด้วยความกังวล คืนนั้นเธอจึงหลับไม่ค่อยสนิท ถูกฝันร้ายรบกวนตลอดทั้งคืน
ในความฝัน เธอเห็นผู้ชายหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งยิ้มพรายพร้อมกับย่างสามขุมเข้ามาหา “สาวน้อย นับจากนี้เธอเป็ของฉัน…”
“ไม่…”
ผู้ชายหน้าตาอัปลักษณ์คนนี้คือสามีที่มารดาหาให้ เธอหันหลังวิ่งหนีทันที โดยมีผู้ชายคนนั้นวิ่งตามมา
วิ่งหนีมาได้สักครู่ เซี่ยอวิ๋นก็ออกอาการเหนื่อยหอบ แม้จะวิ่งมาได้ไกลมากแล้ว แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังตามมา ก่อนจะพูดกับเธอด้วยใบหน้าดุร้ายเหี้ยมเกรียม “ต่อให้เธอวิ่งหนีไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียว ฉันก็จะตามไปเอาตัวเธอกลับมา”
เซี่ยอวิ๋นรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก อยากจะตายเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป
“แม่คะ แม่ใจร้ายเกินไปแล้ว” น้ำตาเธอไหลนองหน้าขณะตัดพ้อผู้เป็มารดา แต่ไม่ทันจะได้ฝันอะไรมากกว่านั้น เสียงกรีดร้องพลันปลุกเธอให้ตื่นเสียก่อน
เซี่ยอวิ๋นกระเด้งลุกขึ้นมานั่งด้วยความใจนหัวใจแทบจะกระดอนออกมานอกอก ทั้งตัวท่วมไปด้วยเหงื่อ เธอหันมองไปรอบๆ ด้วยใบหน้าที่ยังคงตระหนกไม่หาย
เธอเอามือลูบอกเพื่อปลอบให้ตัวเองใจเย็นลง เมื่อครู่นี้ได้ยินเสียงร้อง หรือมีเื่อะไรเกิดขึ้น?
เซี่ยอวิ๋นหันไปดูเวลา ตอนนี้ใกล้จะเช้าแล้ว เธอรีบตั้งสติ สวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกจากห้อง ก่อนจะพบว่ามารดานอนอยู่บนพื้นหน้าประตูบ้าน
“แม่คะ เป็อะไรไปคะ” เธอรีบวิ่งเข้าไปหามารดาเพื่อจะช่วยพยุงขึ้นมา ทว่าสายตากลับเห็นอะไรบางอย่างอันน่าสะพรึง
เบื้องหน้าคือผ้าห่อตัวทารกซึ่งเธอรู้สึกคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก ทั้งมันยังถูกแบออก ทำให้เห็นศพเด็กทารกด้านในที่กำลังเน่าเปื่อย
เดิมทีก็เป็เด็กที่ผอมจนหนังหุ้มกระดูกอยู่แล้ว เวลาครึ่งเดือนผ่านไปก็ยิ่งแห้งจนเห็นกระดูกทุกท่อนได้อย่างชัดเจน ิัเริ่มเปื่อยยุ่ย อีกทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้ง
แม้สภาพของศพจะเปลี่ยนแปลงไปมาก หากเซี่ยอวิ๋นก็จำได้ในทันทีว่าในห่อผ้าคือเซี่ยเฉินซี น้องชายต่างบิดาที่เธอปล่อยให้อดข้าวจนตายนั่นเอง
“กรี๊ดดด…”
เสียงกรีดร้องยาวดังก้องไปทั่ว
เื่ที่เกิดขึ้นนี้ย่อมเป็ฝีมือเซี่ยโม่กับซ่งมู่ไป๋ นี่คือขั้นสองของแผนที่พวกเขาวางไว้ ส่วนขั้นแรกคือให้หวางลี่ลี่กับเซี่ยอวิ๋นแตกคอกัน
สองแม่ลูกให้คนไปทำร้ายน้องชายของเธอ เซี่ยโม่เลยอยากให้ทั้งสองคนได้รับรู้รสชาติของการถูกเล่นงานเสียบ้าง
เสียงกรีดร้องครั้งแรกคุณป้าข้างบ้านไม่ได้ยิน แต่เสียงกรีดร้องครั้งที่สองนั้นได้ยินอย่างชัดเจน
คุณป้าข้างบ้านอดสงสัยไม่ได้ว่า สองแม่ลูกคู่นี้เป็อะไรกันอีก
หรือบางทีสองแม่ลูกอาจจะตีกันเอง?
เธอปลุกคนในบ้าน ก่อนจะเดินนำพลพรรคที่รักการสอดรู้สอดเห็นไปดูที่บ้านตระกูลเซี่ย
ทุกคนมุ่งตรงไปยังบ้านตระกูลเซี่ยอย่างระมัดระวัง
แต่เมื่อพวกเขาเห็นศพเด็กตรงกลางลานหน้าบ้าน พร้อมสองแม่ลูกที่นอนเป็ลมไม่ได้สติอยู่ไม่ไกลกัน ทุกคนนิ่งอึ้งไปในทันที
ใครเป็คนขุดศพเด็กขึ้นมาหลอกสองแม่ลูกคู่นี้?
สองแม่ลูกคู่นี้ก็เหลือเกิน กลัวจนถึงขั้นเป็ลมเสียได้ ทั้งที่เป็ศพของลูกชายน้องชายตัวเองแท้ๆ
ทุกคนเข้าไปปลุกสองแม่ลูก
“รู้ไหมว่าใครเป็คนขุดศพเด็กขึ้นมา” คุณป้าข้างบ้านถามอย่างสงสัย
ทั้งสองคนส่ายหน้ารัวๆ ด้วยสีหน้าตระหนกกลัว
“หรือเพราะเด็กรู้สึกไม่ได้รับความเป็ธรรมก็เลยขึ้นมาจากหลุมมาทวงความยุติธรรม? ได้ยินว่าเด็กที่เสียชีวิตแบบนี้จะเฮี้ยนมาก…” พูดจบคุณป้าข้างบ้านรีบเอามือปิดปากตัวเองก่อนจะแก้ตัว “เมื่อกี้นี้ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น”
ก่อนหน้าเซี่ยอวิ๋นเพิ่งจะฝันร้ายมา เวลานี้ยังต้องมาใกับศพเด็กอีก เดิมทีในใจก็รู้สึกหวาดกลัวอยู่แล้ว พอได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งพรั่นพรึงกว่าเก่า สองตาเห็นแต่ภาพศพเด็กลอยวนเวียนไปมา ทั้งยังมีเสียงเยียบเย็นดังขึ้นว่า “เอาชีวิตผมคืนมา…”
“อย่าเข้ามานะ ไม่ใช่ฉัน…” เส้นสติของเซี่ยอวิ๋นขาดผึง เธอร้องโวยวายออกมาทันใด
คุณป้าเพื่อนบ้านเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยถาม “น้องลี่ลี่ คงไม่ใช่ว่าที่เซี่ยอวิ๋นใกลัวขนาดนี้เพราะมีชนักติดหลังหรอกนะ”
หวางลี่ลี่รับรู้ได้ถึงความร้ายแรงของเื่นี้ สีหน้าเธอเปลี่ยนไปทันที หากคนอื่นรู้ถึงเื่นี้ ต่อให้หาสามีให้บุตรสาวได้ ฝ่ายนั้นจะยอมจ่ายค่าสินสอดหนึ่งร้อยหยวนให้เธอหรือ
“เธออย่าพูดเหลวไหล เซี่ยอวิ๋นแค่เป็พวกขี้กลัวก็เลยใกลัวมากกว่าคนทั่วไปเท่านั้น อีกเดี๋ยวแกก็ดีขึ้น” เธอรีบพูดแก้สถานการณ์
“แล้วเธอคิดจะทำยังไงต่อไป จะปล่อยศพเด็กเอาไว้แบบนี้เหรอ” คุณป้าข้างบ้านถามต่อ
“รบกวนพี่ชายเธอขุดหลุมฝังศพเด็กกลับไปเหมือนเดิมให้หน่อยได้ไหม ถ้าได้ฉันก็ขอขอบคุณมาก” หวางลี่ลี่ตอบ
“น่าหัวเราะ แค่คำว่าขอบคุณก็จะให้พวกเราช่วยฝังศพเด็กกลับไปเหมือนเดิมให้ ฝันไปหรือเปล่า นี่มันกินแรงกันชัดๆ ไม่คิดจะให้เงินค่าจ้างสักนิดเลยเหรอ” คุณป้าข้างบ้านถามกลับด้วยประโยคประชดประชัน
หวางลี่ลี่ถึงค่อยรู้ตัวว่าพูดผิดไป ในชนบทไม่ว่าจะทำเื่ใดล้วนต้องให้เงินเป็ค่าจ้าง ไม่มีใครยอมทำอะไรให้โดยไม่มีสิ่งตอบแทน
“แต่เธอก็รู้ว่าฐานะครอบครัวฉันตอนนี้เป็ยังไง ที่บ้านไม่มีเงินอีกแล้ว”
“ไม่มีเงิน แต่เธอก็ยังมีอาหารกับธัญพืชไม่ใช่เหรอ” คุณป้าข้างบ้านสวนกลับทันควัน
สมาชิกในครอบครัวของคุณป้าข้างบ้านมีด้วยกันหลายชีวิต อาหารและธัญพืชที่มีอยู่จึงแทบไม่พอยาไส้
เมื่อหันไปมองสะใภ้คนใหม่ของตระกูลเซี่ยที่เล่นงานลูกๆ ของภรรยาเก่า จนเด็กทั้งสองคนทนไม่ไหวต้องไปอาศัยอยู่บ้านคุณตาคุณยาย ทำให้ประหยัดอาหารและธัญพืชไปได้มาก
ตอนแรกเธอมีใจคิดช่วยดูแลเด็กทารกให้ แต่เด็กเซี่ยอวิ๋นนั่นกลับไม่ยอม เธอเลยเก็บความโกรธเอาไว้ ตอนนี้เป็โอกาสที่จะได้ระบายออกมาพอดี
หวางลี่ลี่จำใจต้องพยักหน้า “เมื่อกี้ฉันพูดไม่คิดเอง เธออยากได้อาหารกับธัญพืชเท่าไรล่ะ เดี๋ยวฉันให้”
“พูดแบบนี้หมายความว่าไง จะหาว่าฉันโกงเธองั้นเหรอ ค่าจ้างขุดหลุมฝังศพเขาคิดกันเท่าไร เอาไปแลกเป็อาหารกับธัญพืชได้แค่ไหนก็ให้ฉันมาแค่นั้น”
หวางลี่ลี่คิดแต่อยากจะฝังศพเด็กให้เร็วที่สุดจึงรีบพยักหน้าตกลง “ได้”
เวลานี้เองเซี่ยอวิ๋นมองหน้าคุณป้าข้างบ้านพร้อมกับโวยวายอย่างเสียสติ “แม่คะ เฉินซีต้องถูกคุณป้าทำร้ายจนตายแน่ๆ ที่เธอทำก็เพราะอยากได้อาหารกับธัญพืชของบ้านเรา”
“พูดอะไรของเธอ เฉินซีตายอยู่ในบ้าน ใครจะเข้าไปทำร้ายเด็กคนนั้นจนตายถึงในบ้านได้นอกจากตัวเธอเอง” คุณป้าข้างบ้านพูดด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว
เซี่ยอวิ๋นเอามือกุมหัว สองตาแดงก่ำ สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด “ไม่ใช่ฉัน ฉันเปล่า…”
ไม่ใช่แค่หวางลี่ลี่ที่เห็นถึงความผิดปกติ คุณป้าข้างบ้านรวมถึงคนในหมู่บ้านที่มารอชมเื่สนุกก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกตินี้เช่นกัน
หวางลี่ลี่รีบขอโทษขอโพยคุณป้าข้างบ้าน “เดี๋ยวฉันคำนวณค่าจ้างเป็อาหารและธัญพืชให้ เธอรีบเอาเด็กไปฝังเถอะ”
ทว่าเซี่ยอวิ๋นกลับยื่นมือมาจับมือมารดาเอาไว้พร้อมกับร้องห่มร้องไห้ “แม่คะ อย่าให้อาหารกับธัญพืชพวกเขานะ ไม่งั้นน้องจะหิว”
“เซี่ยอวิ๋น เลิกโวยวายได้แล้ว แกเข้าไปในบ้านไป”
หวางลี่ลี่ลากบุตรสาวไปขังไว้ในห้องนอน จากนั้นพาคุณป้าข้างบ้านไปเอาอาหารและธัญพืช รอดูจนกระทั่งศพบุตรชายถูกจับใส่ในรถเข็นแล้วเข็นออกไปฝัง เธอถึงค่อยแยกตัวออกมา
“ใครเป็คนขุดศพเด็กขึ้นมานะ หรือจะโผล่ขึ้นมาเอง ั้แ่กลับมาฉันยังไม่ได้เผากระดาษเงินกระดาษทองให้เฉินซีเลยนี่นา เฉินซีคงโกรธก็เลยขึ้นมาทวง…” เธอพึมพำกับตัวเองอย่างนึกสงสัย
