หลินฟู่อินขมวดคิ้ว นึกสงสัยว่าเวลานี้ใครมาเคาะประตู จึงได้วางของในมือแล้วเดินไปเปิดรับ
ทันทีที่เปิดออกก็เห็นสตรีวัยกลางคนสวมชุดสาวใช้สีน้ำตาล มวยผม คนยกมือขึ้นปรบหลายครั้ง “ไอ้หยา แม่นางหลิน ในที่สุดข้าก็เจอท่านแล้ว!”
“หมัวมัวท่านนี้คือ?” หลินฟู่อินเห็นอีกฝ่ายแต่งตัวดูดีก็ทราบได้ว่าคงเป็สาวใช้ของตระกูลร่ำรวยสักแห่งจึงเรียกอีกฝ่ายว่าหมัวมัว
“เื่นี้ ข้าทำงานอยู่ในจวนของนายท่านเฝิงเ้าค่ะ” หมัวมัวรีบแนะนำตัวทันที “ข้ารับใช้เฝิงฮูหยิน เื่นี้เป็หลี่ฮูหยินแนะนำฮูหยินมาเป็พิเศษ เมื่อวานข้าไปที่หมู่บ้านหูลู่ก็พบท่านป้าหลี่ที่บ้านของแม่นางบอกว่าท่านอยู่ในเมือง ข้าจึงเดินทางไปยังบ้านของท่านหมอหลี่ สอบถามหลี่ฮูหยินก็ได้ความว่าแม่นางซื้อบ้านในเมือง ข้าจึงได้มาที่บ้านหลังนี้เ้าค่ะ”
ฟังๆ ดูก็ได้รู้ว่าที่แท้คนไข้ที่หลี่ฮูหยินแนะนำเดินทางมาถึงหน้าประตูบ้าน ก็รีบให้หมัวมัวเข้ามาด้านในทันที “หมัวมัวเชิญเข้ามาคุยกันก่อนเ้าค่ะ”
หมัวมัวเดินยังไม่ทันจะเข้าบ้านดีก็คุกเข่าให้หลินฟู่อินเสียก่อน “แม่นางหลิน โปรดเมตตาช่วยฮูหยินของข้าด้วยเถอะเ้าค่ะ!”
หลินฟู่อินคิ้วขมวด รีบยื่นมือออกไปประคองอีกฝ่ายลุกขึ้นทันที “หมัวมัวลุกขึ้นมาคุยกันก่อนเ้าค่ะ! ข้ายังเด็กนัก คุกเข่าจากท่านนี้ข้ารับไว้ไม่ได้เ้าค่ะ”
“ข้าสกุลเหมียวเ้าค่ะ เ้านายในบ้านสกุลเฝิงเรียกข้าว่าเหมียวหมัวมัว เห็นแก่หน้าข้า เรียกข้าว่าเหมียวหมัวมัวเถอะเ้าค่ะ”
“เหมียวหมัวมัว” หลินฟู่อินเรียกตามจริงๆ จากนั้นถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ฮูหยินของท่านป่วยเป็อะไรกันแน่ เหตุใดหมัวมัวจึงดูเคร่งเครียดยิ่งนัก”
เื่นี้เกี่ยวพันถึงการช่วยชีวิตคน จะไม่เคร่งเครียดได้อย่างไร
“เื่มันยาวเ้าค่ะ ฮูหยินทนมานาน…” เหมียวหมัวมัวทอดถอนใจ
ดูเหมือนสาวใช้คนนี้จะสนิทสนมกับฮูหยินที่ตัวเองรับใช้ไม่น้อยเลย
“เหมียวหมัวมัวเข้าไปดื่มชาสักถ้วย แล้วค่อยๆ เล่าให้ข้าฟัง ในเมื่อกำลังรักษาย่อมบอกอาการป่วยให้ข้าฟังได้ หากเหมียวหมัวมัวบอกสาเหตุของอาการได้จะยิ่งดีเข้าไปอีก” หลินฟู่อินค่อยๆ พยุงนางไปยังห้องรับรอง
เหมียวหมัวมัวเล่าให้หลินฟู่อินฟังไปตลอดทาง
ที่แท้นายท่านเฝิงเป็พ่อค้าขายผ้าไหม บ้านบรรพบุรุษอยู่ที่หมินโจว เมืองทางใต้ของต้าเว่ยที่อยู่ติดทะเล ทำกิจการค้าผ้าไหมมาหลายชั่วอายุคน
ทว่าทางใต้อันเป็แหล่งกำเนิดผ้าไหมมีพ่อค้าขายผ้าไหมเยอะเกินไป รุ่นพ่อของท่านเฝิงจึงมุ่งมายังทางเหนือของต้าเว่ย ภายหลังเมืองชิงเหลียนได้กลายเป็แดนกันชนระหว่างต้าเว่ยกับเป่ยหรง สกุลเฝิงฉวยโอกาสนี้ย้ายมาอยู่ที่ชิงเหลียน กิจการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็กลายเป็พ่อค้าผู้มั่งคั่งโด่งดังของเมืองชิงเหลียน
นายท่านเฝิงเป็บุตรชายคนที่สามของสกุลเฝิง มารดาแท้ๆ เป็อนุภรรยา เขาจึงเป็ลูกอนุ บ้านภรรยาหลวงไม่ยอมรับ ในยามที่นายท่านผู้เฒ่าจากไป ฮูหยินผู้เฒ่าจึงไล่ลูกอนุที่ยังไม่แต่งงานกับมารดาบังเกิดเกล้าของเขามายังเมืองชิงหยาง เพราะในบรรดาร้านค้าของสกุลเฝิงนั้น มีเพียงร้านขายผ้าไหมในเมืองชิงหยางที่เล็กที่สุด กระแสน้ำก็ย่ำแย่ที่สุด
หลังจากลำบากมานานปี ในที่สุดนายท่านเฝิงคนนี้ก็หาเงินได้ เขาพบหนทางค้าขายกับชาวเป่ยหรง จึงเปลี่ยนจากร้านค้าผ้าไหมเล็กๆ กลายเป็กิจการใหญ่โต เปิดร้านผ้าไหมถึงสามร้าน ไม่เพียงทำเงินจากชาวเมืองชิงหยาง แต่ยังเจรจากับชาวเป่ยหรงให้ผ้าไหมทั้งหมดจะส่งจากชิงหยาง โดยร้านค้าทั้งสามทำหน้าที่เป็โกดังเก็บสินค้าไปในตัว
กิจการของนายท่านเฝิงดีขึ้นทุกที มารดาผู้ชราของเขาเห็นบุตรชายอายุมากยังไม่แต่งงาน จึงจัดแจงงานแต่งให้ ภรรยาก็คือเฝิงฮูหยินผู้นี้
มารดาของเฝิงฮูหยินเป็ตุลาการที่ประสบความสำเร็จผู้หนึ่ง ยามนี้เป็ผู้พิพากษาที่เมืองหลินฉือ ดังนั้นเฝิงฮูหยินก็นับว่าเป็สตรีที่มาจากครอบครัวบัณฑิตคนหนึ่ง แน่นอนว่ามารดาของนายท่านเฝิงให้ความสำคัญกับที่มาของฮูหยินยิ่งนัก
เพราะบุตรชายทั้งสองของบ้านใหญ่ที่อยู่ในเมืองชิงเหลียนต่างก็แต่งกับบุตรสาวพ่อค้า จึงนับได้ว่าเื่นี้บ้านของนายท่านเฝิงเหนือกว่าบ้านหลัก
แต่สิ่งที่ทำให้นายท่านเฝิงและมารดาผิดหวังคือแต่งงานมาหกปี ฮูหยินกลับไม่ตั้งครรภ์ แม่สามีที่เฝ้าหวังอยากอุ้มหลานจึงทำการใจั์มอบอนุภรรยาหน้าตางดงามสองคนให้นายท่านเฝิงเพื่อขยายกิ่งก้านสาขา แต่นายท่านและมารดาต่างก็ต้องผิดหวังอีก เมื่ออนุทั้งสองแต่งมาสามปียังไม่มีบุตรเช่นเดียวกัน
คู่แม่ลูกสกุลเฝิงรู้สึกว่าที่เป็เช่นนี้เพราะเฝิงฮูหยิน กล่าวว่าเฝิงฮูหยินเป็ดาวหายนะและคิดจะหย่านางให้ได้
ชีวิตของเฝิงฮูหยินในบ้านเฝิงนับว่าลำบากไม่น้อยเลย
ได้ยินเช่นนี้ หลินฟู่อินก็พอจะทราบแล้วว่าปัญหานี้อยู่ที่นายท่านเฝิง แต่น่าเศร้าที่ในแคว้นชายเป็ใหญ่เช่นต้าเว่ยนี้ ขอเพียงพบปัญหาไม่มีบุตร ทุกคนก็จะเอาแต่คิดว่าเป็ความผิดสตรีที่ไม่อาจออกไข่!
ชีวิตของเฝิงฮูหยินลำบากจริงๆ
โชคดีที่ครอบครัวของเฝิงฮูหยินมีที่มาที่ไปแข็งแกร่ง หาไม่คงโดนนายท่านเฝิงทิ้งไปนานแล้ว!
“เช่นนั้นฮูหยิน้าให้ข้าไปดูอะไรหรือเ้าคะ?” หลินฟู่อินขมวดคิ้ว หากไปพบแล้วอีกฝ่ายยังตั้งครรภ์ไม่ได้ก็คงจะผิดหวังกันเปล่าๆ
เหมียวหมัวมัวปาดน้ำตาออกจากใบหน้าชรา ทว่ายังคงร่ำไห้ “แม่นางหลิน ช่วยหาวิธีรักษาฮูหยินของข้าด้วยเถอะเ้าค่ะ ดูว่าเป็ที่ฮูหยินมีลูกไม่ได้ใช่หรือไม่ หากฮูหยินไม่อาจมีลูกได้จริงๆ เช่นนี้คนคงไม่มีกระทั่งโอกาสจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วเ้าค่ะ!”
เฝิงฮูหยินกับหมัวมัวคนนี้เข้าใจผู้คน ต่างก็มองออกว่าหากสกุลเฝิงสิ้นไร้บุตรย่อมกลายเป็ปัญหาของนายท่านเฝิง
หลินฟู่อินหวั่นไหว ถามเหมียวหมัวมัว “เช่นนั้นนายท่านเฝิงปรึกษาหมอหลี่หรือยังเ้าคะ?”
ได้ยินเด็กสาวถามเช่นนี้ สีหน้าของหมัวมัวก็ดูประหลาดขึ้นมา แต่หลินฟู่อินยังคงรอคำตอบจึงได้ส่ายหน้า ริมฝีปากขยับเบ้ลง น้ำเสียงไม่ชอบใจนัก “ฮูหยินของข้าเองก็พูดอ้อมๆ หลายครั้งแล้ว แต่นายท่านกลับดุด่าฮูหยินเสียทุกครั้ง โมโหเป็บ้าเป็หลัง หากข้าไม่เข้าไปห้ามไว้ เกรงว่าฮูหยินจะโดนทุบตีจนตายไปหลายครั้งแล้วเ้าค่ะ!”
ครั้งใดที่คิดเื่นี้ขึ้นมา เหมียวหมัวมัวก็รู้สึกหนาวะเื
แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่ายังคงมี “ตอนหลังฮูหยินเกลี้ยกล่อมจนนายท่านไปหาท่านหมอหลี่ ปรากฏว่าอนุนางหนึ่งทราบเข้าจึงนำไปแจ้งฮูหยินผู้เฒ่า ฮูหยินผู้เฒ่าบันดาลโทสะใส่ฮูหยินทันที ตวาดด่าฮูหยินดังลั่นยังไม่พอ ยังข่มขู่ฮูหยินว่าจะเชิญครอบครัวฝั่งฮูหยินมาตัดสิน ฮูหยินจึงกลัวจนไม่กล้าพูดเื่นี้อีกเ้าค่ะ”
หลินฟู่อินฟังที่เหมียวหมัวมัวพูดเื่เหล่านี้ก็พานให้รู้สึกหัวใจหนักอึ้ง สงสารเฝิงฮูหยินไม่น้อย คนตามหาตัวนางเพื่อให้พิสูจน์ว่าสุขภาพตัวเองไม่มีปัญหา แต่อันที่จริงเื่นี้กลับไม่อาจหาปัญหาจากต้นตอ
ต่อให้เป็หมอบุรุษเข้ามาวินิจฉัยว่านายท่านเฝิงผู้นั้นมีบุตรไม่ได้จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปเล่า? กระแสเสียงผู้คนก็ยังไม่เข้าข้างฝ่ายฮูหยินอยู่ดี มีแต่จะเย้ยหยันนายท่านเฝิงว่าไร้ความสามารถ ผลสุดท้ายหากนายท่านเฝิงทนรับเสียงจากชาวบ้านไม่ไหว ก็จะนำมาลงที่ฮูหยิน
สาเหตุของเื่นี้คือบุรุษไม่อาจมีลูก สิ่งที่รอคอยสำหรับภรรยากลับเป็สถานการณ์เลวร้าย แม้จะไม่ถูกทอดทิ้งแต่ยังคงโดนบุรุษผู้นั้นกับมารดาทรมานอยู่ร่ำไป
“แม่นางหลินเ้าคะ ฮูหยินของข้าได้ยินจากท่านหมอหลี่ว่าท่านเก่งกาจด้านโรคสตรีที่สุด ช่วยมาที่จวนตระกูลเฝิง วินิจฉัยอาการฮูหยินของข้าได้หรือไม่?” เหมียวหมัวมัวอ้อนวอน
หลินฟู่อินไม่อยากใส่ใจเื่ในมุ้งของชาวบ้านเท่าไรนัก นางไม่เคยคิดเลยว่าหมอหลี่จะเอานางไปแนะนำให้คนไข้สตรีจนคนแรกที่มาเคาะประตูบ้านใหม่กลายเป็คนไข้เช่นนี้
แต่ว่าหากนางไม่ไปจริงๆ ก็ทนไม่ได้ เพราะถึงจะมีโอกาสสูงที่ต้นตอของปัญหาอยู่ที่นายท่านเฝิง แต่หากไม่พบหมอ ไม่วินิจฉัย ไม่รักษาจะพูดได้อย่างไรว่าสิ้นหวัง นอกจากนั้นหากครั้งนี้นางไม่ไปก็คงต้องทุบป้ายชื่อหมอหญิงของนางแล้ว ป้ายนี้เพิ่งจะตั้งได้ไม่เท่าไรกลับต้องพังไปเช่นนี้?
“เหมียวหมัวมัว ข้าจะไปกับท่านเ้าค่ะ” หลินฟู่อินไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ งานเดิมของนางเกี่ยวพันกับการสืบบุตรหลาน นางเชื่อมั่นว่าอย่างไรก็ต้องมีวิธีการแน่ มีเพียงต้องไปดูจึงจะรู้ว่าช่วยได้หรือไม่!
“ขอบคุณแม่นางหลิน ขอบคุณแม่นางหลิน ขอให้พระโพธิสัตว์อวยพรเ้าค่ะ!” เห็นว่านางรับปาก เหมียวหมัวมัวก็ดีใจเสียจนะโตัวลอย จับมือหลินฟู่อินแน่นไม่ยอมปล่อย
หลินฟู่อินกล่าวว่าต้องไปเอาล่วมใส่ยาของตนก่อนแล้วจะตามไปจวนตระกูลเฝิงภายหลัง เหมียวหมัวมัวจึงยอมปล่อยมือ
โชคดีที่นางพกล่วมยามาเผื่อไว้ พอหยิบอุปกรณ์แล้วก็ตามเหมียวหมัวมัวไปยังจวนตระกูลเฝิงทันที
จวนตระกูลเฝิงตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมือง ตัวจวนภายนอกดูไม่เตะตาเว้นเสียแต่พื้นที่ที่ดูกว้างขวาง แต่เมื่อก้าวเข้าไปข้างใน หลินฟู่อินก็รู้สึกราวกับได้เข้าสู่สวนส่วนตัวของบ้านคนทางใต้
สวนภายในกว้างขวาง การจัดวางภายในคือสิ่งที่น่าประหลาดใจ ทางลมที่กระจายทั่วถึง ทุกมุมล้วนเป็สีเขียวอร่าม หินทุกก้อน ต้นไม้ทุกต้น ดอกไม้ทุกดอก กระทั่งใบหญ้าล้วนแต่จัดออกมาเหมือนสวนในเจียงหนานอย่างไรอย่างนั้น
หลินฟู่อินอดมิได้ให้ะเืใจ สกุลเฝิงนี่รวยจริงๆ สร้างสวนเช่นนี้ขึ้นมาได้ ราคาต้องไม่น้อยแน่ ไม่พูดถึงว่าพอเข้าบ้านมาแล้ว การตกแต่งทุกมุมก็เผยให้เห็นบรรยากาศของความร่ำรวย
สิ่งที่ทำให้หลินฟู่อินสนใจที่สุดคือจวนตระกูลเฝิงนี้มีข้าไพร่อยู่เยอะมาก เพียงเดินผ่านซุ้มดอกไม้ก็พบข้าไพร่ไม่ต่ำกว่าสิบคนแล้ว
หากวันนี้ไม่ตามเหมียวหมัวมัวมา หลินฟู่อินคงเชื่อไม่ลงว่าพ่อค้าในเมืองเล็กๆ จะสามารถร่ำรวยได้เพียงนี้
นางเคยอ่านบทประพันธ์ที่กล่าวถึงชีวิตของคนโบราณ ชีวิตของท่านอ๋องทั้งหลายก็คงจะราวๆ นี้กระมัง
ภายหลังหลินฟู่อินถึงได้รู้ว่านางประเมินสกุลเฝิงสูงไปหน่อย เนื่องจากนายท่านเฝิงกับมารดาถูกขับไล่ออกจากบ้านหลัก ทั้งคู่จึงได้มีปมในใจ สองแม่ลูกกล่าวสาบานว่าจะต้องมีชีวิตที่ดีกว่าบ้านหลักนั่นให้ได้ จึงได้สรรหาความหรูหราทั้งหลายมา แต่หากนับเงินในคลังของสกุลเฝิงแล้วก็ยังมีเงินไม่มากเท่าของบ้านหมอหลี่เลย
เหมียวหมัวมัวหยิบเศษเงินออกจากกระเป๋าอยู่หลายต่อหลายครั้งตลอดทาง เพื่อให้เหล่าคนเฝ้ายามหุบปากให้สนิท
ฮูหยินกับสาวใช้ที่โดนทุบตีสองคน แม้คนเ่าั้สัญญาจะหุบปาก ทว่าอย่างไรก็ยังแอบคุยเื่หลินฟู่อินอยู่ดี
หลินฟู่อินตามองจมูก จมูกมองใจ ใบหน้ามีเพียงความสงบนิ่ง
เดินเลี้ยวไปอีกสองครั้งถึงประตูวงพระจันทร์ พวกนางเข้าไปยังบริเวณเรือนหลังของสกุลเฝิง
“แม่นางหลิน จริงอยู่ที่จวนแห่งนี้ไม่ใช่ครอบครัวใหญ่ ภายในยังมีพวกอนุภรรยาตัวร้ายทั้งสองอยู่ เพื่อหลบเลี่ยงสายตาพวกนาง ข้าจึงได้จงใจนำท่านเดินผิดทางหลายครั้ง แม่นางหลินอย่าตำหนิข้าเลยนะเ้าคะ”
เมื่อก้าวเข้าสู่เรือนของฮูหยิน เหมียวหมัวมัวจึงได้ผ่อนลมหายใจโล่งอก อธิบายให้หลินฟู่อินฟัง
ฟังจากน้ำเสียงแล้วสามารถบอกได้ว่าคนรังเกียจอนุภรรยาของบ้านเฝิงมากจริงๆ จึงเดาได้ว่าบางทีอนุภรรยาเหล่านี้คงรังแกฮูหยินด้วยกระมัง
หลินฟู่อินส่ายหน้ากล่าวปลอบ “ไม่เป็ไรเ้าค่ะเหมียวหมัวมัว”
หมัวมัวมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า แล้วถอนหายใจอีกครั้ง “โชคดีที่หลี่ฮูหยินแนะนำแม่นางหลินให้ฮูหยินของข้า หาไม่แล้วคงมิได้เข้ามาเรือนในง่ายดายเพียงนี้”
ที่จริงเื่นี้หมายความว่าโชคดีที่หลินฟู่อินเป็สตรี หากเป็หมอบุรุษ ผู้อื่นคงคิดกันไปแล้วว่าจะเกิดเื่อะไรขึ้น
หลินฟู่อินพยักหน้า แต่ละบ้านต่างก็มีปัญหาของตัวเองกันทั้งน้น
ในตอนนั้นเอง เด็กสาววัยสิบหกสิบเจ็ดปีในชุดสีเขียวสดใสคนหนึ่งก็เดินออกมา เห็นเหมียวหมัวมัวนำหลินฟู่อินเข้ามา ใบหน้าของนางก็ฉายแววยินดี รีบก้าวเข้ามาจับมือเหมียวหมัวมัวแล้วมองหลินฟู่อิน “เหมียวหมัวมัว ผู้นี้คือแม่นางหลินใช่หรือไม่?
“เป็แม่นางหลินจริงๆ เ้าค่ะ” เหมียวหมัวมัวยิ้ม
“ข้ารอแม่นางหลินอยู่เลยเ้าค่ะ รีบมาทางนี้เถอะเ้าค่ะ ฮูหยินรออยู่นานแล้ว” เด็กหญิงกล่าวทันที
เหมียวหมัวมัวพยักหน้าแล้วจึงแนะนำ “แม่นางหลินเ้าคะ ทางนี้คือชุนหรงที่รับใช้อยู่ข้างกายฮูหยินเ้าค่ะ”
ที่แท้อีกฝ่ายก็เป็สาวใช้ข้างกายของเฝิงฮูหยิน หลินฟู่อินจึงพยักหน้าให้ “แม่นางชุนหรง”
ชุนหรงเขินอายเล็กน้อย ตอบรับคำ
ทั้งสองเดินอยู่ข้างหลินฟู่อิน ก่อนจะเข้าไปในห้องของเฝิงฮูหยิน
ฮูหยินของบ้านเฝิงผู้นี้อายุสามสิบสองปี ใบหน้าดูซูบตอบ ดูกังวลใจยิ่งกว่าเหมียวหมัวมัวเสียอีก นางนอนบนเตียงไม้สลัก มีผ้าปักลายสีแดงเข้มวางบนหน้าผาก หนังตาตก ดวงตาไร้ประกาย
เมื่อหลินฟู่อินเห็นอีกฝ่ายเช่นนี้ก็ยืนยันความสงสัยของตัวเองได้แล้ว
“ฮูหยินเ้าคะ ข้าเชิญแม่นางหลินมาแล้วเ้าค่ะ ท่านต้องร่าเริงขึ้นนะเ้าคะ” เหมียวหมัวมัวรีบเข้าไปอยู่ข้างกายเฝิงฮูหยิน มองใบหน้าของสตรีผู้ใจสลายบนเตียง
เมื่อได้ยิน ดวงตาของเฝิงฮูหยินก็มีประกายขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นจึงยกศีรษะขึ้นมองหลินฟู่อิน เห็นอีกฝ่ายอายุเพียงสิบสามสิบสี่ปี แม้จะเคยได้ยินหลี่ฮูหยินพูดมาตั้งนานแล้ว แต่ในใจก็ยังไม่ค่อยเชื่อนัก
“แม่นางหลินมาแล้ว” นางยกมุมปากขึ้นด้วยความยากลำบาก สองแขนพยายามพยุงกายลุกขึ้น ทั้งเหมียวหมัวมัวและชุนหรงต่างก็รีบเข้าไปช่วยพยุงนางทันที เหมียวหมัวมัวค่อยๆ สอดหมอนสีน้ำเงินเข้มใบใหญ่รองหลังให้เฝิงฮูหยินอย่างระมัดระวัง
เฝิงฮูหยินลุกขึ้นนั่งได้ก็ถอนหายใจยาว มองหน้าหลินฟู่อิน “ให้แม่นางหลินหัวเราะแล้ว ร่างกายข้าย่ำแย่ลงทุกที…”
ยังไม่จบประโยค เหมียวหมัวมัวก็พูดขัดทันที “ฮูหยินจะพูดเป็ลางเช่นนี้ไม่ได้นะเ้าคะ ร่างกายท่านดีมาก เพียงแต่โมโหมากเกินไปเท่านั้น แม่นางหลินมาประเดี๋ยวท่านก็ดีขึ้นแล้วเ้าค่ะ”
หลินฟู่อินเดินเข้าไปพร้อมล่วมยา ชุนหรงหูตาไวรีบดึงเก้าอี้มาไว้ข้างเตียง หลินฟู่อินจึงได้นั่งลงแล้วจึงกล่าวกับเฝิงฮูหยิน “ฮูหยินไม่จำเป็ต้องวิตกจนตัวเองลำบากหรอกเ้าค่ะ ข้าขอจับชีพจรท่านก่อนนะเ้าคะ”
กล่าวจบ นางก็นำหมอนรองข้อมือออกมาแล้วขอให้เฝิงฮูหยินส่งแขนขวามาให้
ที่จริงเฝิงฮูหยินรู้ว่าร่างกายนางไม่ได้มีปัญหาใหญ่โตอะไร แต่นางโมโหบุรุษไร้หัวใจคนนั้นเหลือเกิน ทั้งยังอนุภรรยาสองคนนั้นที่ไร้ปรานีอีก
คนเ่าั้ต่างก็หาเื่ทำให้นางโมโหจนล้มป่วย กระทั่งยอดมนุษย์ที่ร่างทำจากเหล็กกล้าก็คงทนไม่ไหวกระมัง
หลินฟู่อินตั้งสมาธิจับชีพจรก่อนจะยืนยันข้อคาดเดาของตัวเองได้ เฝิงฮูหยินผู้นี้ไม่มีปัญหาทางกาย แต่เป็ความกดดดันทางจิตใจจนแน่นหน้าอก
เห็นหลินฟู่อินละมือ เหมียวหมัวมัวก็รีบถามด้วยความกังวลทันที “แม่นางหลิน ฮูหยินเป็ยังไงบ้างเ้าคะ?”
“ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เ้าค่ะ เพียงแต่เศร้าใจมานานเกินไป หัวใจโศกเศร้าจึงทำให้ร่างกายย่ำแย่ลง ข้าจะเขียนเทียบยาเอาไว้ให้ นำไปให้ร้านยาสกุลหลี่ดู ครบสามเทียบนี้แล้วข้าจะกลับมาดูอาการของฮูหยินเพื่อติดตามผลอีกครั้ง” น้ำเสียงของหลินฟู่อินเรียบรื่น มั่นใจ ทำให้ทั้งหมัวมัวและชุนหรงถอนใจยาวออกมาด้วยความโล่งอก
ร่างกายของฮูหยินไม่เป็อะไรเช่นนี้ดีแล้ว
“ต่อให้ตอนนี้ไม่เป็อะไร ทว่าอีกไม่ช้าเร็วก็คงต้องเป็” เฝิงฮูหยินส่ายหน้า รอยยิ้มขมขื่นปรากฏ จากนั้นน้ำเสียงก็ต่ำลง มองหน้าหลินฟู่อิน “แม่นางหลิน ร่างกายของข้ายังมีลูกได้หรือไม่?”
หลินฟู่อินถอนใจ คำถามนี้เองที่สตรีใส่ใจที่สุด แม้จะรู้ว่าไม่ใช่ความผิดตัวเองที่ไม่อาจมีบุตรก็ยังต้องถามให้ชัดเจน
“ฮูหยินไม่ต้องกังวลเ้าค่ะ แม้จะอายุมากกว่านี้ก็ยังสามารถมีบุตรได้ แต่ในตอนนี้ยังไงก็ควรดื่มยาบำรุงร่างกายก่อน”
“หมายความว่า… ที่ข้าไม่มีบุตรไม่ใช่ความผิดข้าจริงๆ ใช่หรือไม่?” เฝิงฮูหยินร้องออกมา น้ำตาก่อตัวขึ้นภายในดวงตา
ที่จริงนางก็อยากจะแอบไปยังร้านยาสกุลหลี่ให้ท่านหมอหลี่ช่วยดูให้สักครั้ง หมอหลี่ก็พูดเช่นเดียวกับหลินฟู่อิน แต่ความน่าเชื่อถือของหมอคนเดียวกับหมอสองคนนั้นมีน้ำหนักต่างกัน
ยิ่งไปกว่านั้นนางยังทราบว่าหลินฟู่อินได้คำชมจากหลี่ฮูหยินกับหวังฮูหยินไม่น้อยว่าด้านโรคสตรีนี้นางเก่งกาจทีเดียว
“ฮูหยิน ข้าได้เยินจากเหมียวหมัวมัวเื่สถานการณ์ของท่านมาแล้ว ข้า้าบอกท่านว่า จะมีบุตรหรือไม่นั้นปัญหาไม่ได้มาจากฝั่งใดฝั่งหนึ่ง หากฝั่งท่านไม่มีปัญหา เช่นนั้นอีกฝั่งก็ต้องมีปัญหา” หลินฟู่อินกล่าวตามตจรง
“ที่แม่นางหลินพูดล้วนมีเหตุผล!” เฝิงฮูหยินดวงตาทอประกายมองหลินฟู่ออินด้วยท่าทีวิงวอน “แม่นางหลินไปกับข้าได้หรือไม่? ไปคุยกับฮูหยินผู้เฒ่า? นางไม่เชื่อที่ข้าพูดแม้แต่น้อย…”
หลินฟู่อินส่ายหน้าไปมา “เกรงว่าคนจะไม่เชื่อข้ายิ่งกว่าเ้าค่ะ”
ไม่เพียงเื่อายุ แต่ฮูหยินผู้เฒ่าคนนั้นไม่พอใจเฝิงฮูหยินมานานแล้ว ต่อให้นางตามไปคุยกับผู้เฒ่าให้ชัดเจน ไม่เพียงจะไร้ผล คาดว่าอาจได้ผลตรงกันข้ามด้วย
คำพูดของหลินฟู่อินทำให้อีกฝ่ายนึกขึ้นได้ว่า อย่าได้ให้ผู้อื่นไปช่วยคนสกุลเฝิงจัดการดีกว่าเื่ที่นายท่านเฝิงไม่อาจมีบุตรได้
แน่นอนว่าเฝิงฮูหยินเป็คนฉลาด ได้ยินประโยคนี้จากหลินฟู่อิน สีหน้าก็ขาวซีด
“ก่อนหน้านี้ข้าใจร้อนไปเอง ขอบคุณแม่นางหลินที่เตือนสติ” ท่าทีกระปรี้กระเปร่าที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วพลันแหลกสลาย เฝิงฮูหยินดูไม่เกรี้ยวกราดโกรธแค้นดังคราวแรกที่ได้พบอีก
หลินฟู่อินเห็นเช่นนี้ก็ทนไม่ได้ ในเมื่อนางมาแล้วก็ต้องหาทางรับมือกับปัญหา เด็กสาวเลิกคิ้วน้อยๆ มองเฝิงฮูหยินแล้วยิ้มอย่างสุภาพ “เฝิงฮูหยินไม่ต้องเสียใจไปเ้าค่ะ เื่นี้บางทีอาจยังมีโอกาส…”
“ยังมีทางแก้ไขอีกหรือ?” เฝิงฮูหยินดูดุดันขึ้นมา มองหน้าหลินฟู่อินแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “ล้วนแต่เป็เขา หลายปีมานี้มีอนุถึงสามนางทว่าไม่มีใครตั้งท้องสักคนเช่นกันไม่ใช่หรือ?”
เห็นท่าทีดุดันขึ้นมาเช่นนี้หลินฟู่อินก็ใ ดูท่าความเคียดแค้นของเฝิงซื่อจะลึกล้ำไม่ธรรมดาเลย นางเอาตัวรอดมาได้ตลอดหลายปี แน่นอนว่าฝีมือเองก็ไม่ธรรมดา
“เฝิงฮูหยิน ต่อให้เป็ปัญหาจากฝั่งบุรุษก็ใช่จะไร้ความหวัง ฮูหยินคิดว่าหากเป็สตรีที่มีปัญหาเกี่ยวกับส่วนนี้เองก็ไม่อาจรักษาได้ใช่หรือไม่เ้าคะ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้