‘น้องลิน...แฮ่กๆๆ’ เสียงคุ้นเคยที่ดูเหนื่อยหอบเอ่ยเรียกฉันดังมาจากด้านหลัง
ทันทีที่ฉันหันไปตามเสียงก็พบว่าผู้ที่วิ่งกระหืดกระหอบมาคือหลานชายป้านี พี่ข้างบ้านที่อายุมากกว่าฉันอยู่หลายปี
‘อ้าวพี่ราม สวัสดีค่ะ’ ฉันยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อม เพราะถึงแม้ว่าน่าจะนานเป็ปีแล้วก็ตามที่เราสองคนไม่ได้เจอกัน แต่ฉันยังจำได้ดีว่าตอนเด็ก ๆ ฉันก็มีกับพี่รามเล่นกันสนุกมากขนาดไหน
‘น้องลินพี่ขอโทษนะที่มาช้า พอดีพี่เพิ่งลางานได้’ พี่รามเอ่ยขอโทษขอโพยฉันทันที แม้ว่าตัวเองยังมีอาการหอบเหนื่อยจากการวิ่งมาเมื่อครู่
‘ไม่เป็ไรค่ะ’ ฉันตอบพร้อมกับยิ้มน้อย ๆ ส่งไป
‘อ้าว...ตารามมาถึงแล้วรึ ทำไมมาช้าจังล่ะ ป้าโทรไปบอกตั้งหลายวันแล้ว’ ส่วนป้านีที่เพิ่งเดินมาถึงหลังจากที่เห็นหลานชายตัวดีวิ่งมาแต่ไกล
‘สวัสดีครับป้า ผมเพิ่งลางานได้ครับ พอดีที่บริษัทมีโปรเจกต์ใหญ่เลยต้องอยู่เคลียร์งานก่อน’ พี่รามยกมือไหว้ญาติผู้ใหญ่ของตน ก่อนจะเอ่ยอธิบายให้ผู้เป็ป้าฟัง
'งั้นเหรอ เออ ถ้างั้นเดี๋ยวมาช่วยป้าเคลียร์ตรงนี้นะ เดี๋ยวเอารายการของพวกนี้ไปคืนวัดด้วย แล้วก็...บลาๆๆๆ' ป้านีสั่งการพี่รามชุดใหญ่ อย่างกับไม่้าให้ฉันทำอะไร
'ป้านีให้ลินช่วยนะคะ พี่รามเดี๋ยวลินช่วยค่ะ' ฉันยิ้มบาง ๆ ก่อนจะรีบเดินไปช่วยพี่รามยกของ
'ไม่ต้องเลยน้องลินแค่นี้เองพี่ทำได้สบายมาก น้องลินไปนั่งพักเถอะ / นั่นซิหนูลินไปนั่งพักเถอะไป๊ เดี๋ยวจะเป็ลมเป็แล้งไปซะ ตรงนี้ให้เ้ารามมันจัดการเถอะ' ทั้งสองป้าหลานเอ่ยปากออกมาแทบจะพร้อมกัน ก่อนจะพร้อมใจกันไล่ฉันให้ไปนั่งพักและไม่ยอมให้ฉันช่วยอะไร
ฉันยิ้มน้อย ๆ พร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณคนทั้งสอง ก่อนจะเดินไปนั่งตามคำบอกด้วยไม่อยากขัดใจให้พวกเขาต้องเหนื่อยใจเพิ่มขึ้น อีกทั้งสายตาที่มองถอดไปยังป้าหลานทั้งสองคนที่มีบุญคุณและดีกับฉันเหลือเกิน
สายตาที่มองไปพร้อมกับนึกคิดย้อนไปถึงเื่ราวเก่า ๆ โดยเฉพาะเื่ราวของผู้ชายตรงหน้าที่ฉันนับถือเหมือนพี่ชายตลอดมา...อย่างพี่ราม...พี่รามที่ไม่ใช่เป็แค่พี่ชายข้างบ้านแต่เขายังเป็หลานชายคนเดียวของป้านี และป้านีเองแกก็ยังรักพี่รามเหมือนลูกเนื่องจากป้านีไม่มีสามี ส่วนพี่รามที่มักจะมาเที่ยวบ้านป้านีใน่ทุกปิดเทอมอยู่บ่อย ๆ เลยทำให้ฉันได้รู้จักกับเขาั้แ่ยังเด็ก เพราะเวลาที่พี่รามมาบ้านป้านี ฉันก็มักจะไปคลุกอยู่กับเขาแทบจะทั้งวัน และบางครั้งที่ฉันเล่นเหนื่อยจนเผลอหลับไป ถ้าฉันไม่นอนค้างบ้านป้านี ก็ได้พี่รามนี่แหละที่เป็คนแบกฉันขึ้นหลังกลับมาส่งบ้าน
ฉันที่นั่งคิดเื่ราวเก่า ๆ ไปพลางอมยิ้มไปพลาง ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะจางหายไปเมื่อนึกไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้ฉันเริ่มเสียความสดใสไป และเหตุการณ์นั้นก็เป็เหตุการณ์ไหนไม่ได้เลยนอกจาก...วันที่แม่ฉันทิ้งฉันไป นับั้แ่วันนั้นฉันก็เริ่มเก็บตัวและไม่ไปสุงสิงกับใครทั้งนั้นแม้กระทั่งเพื่อนที่โรงเรียนฉันก็ถอยห่าง จนสุดท้ายแล้วฉันก็แทบจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับใครเลยแม้กระทั่งป้านีและพี่ราม
แต่ทว่า...คนดียังไงก็คือคนดี เพราะป้านีที่ยังคอยแสดงความห่วงใยต่อฉันเสมอ อีกทั้งพี่รามที่ยังอุตส่าห์ลางานมาร่วมส่งพ่อฉันเป็ครั้งสุดท้าย และการกระทำที่จริงใจของพวกเขานั้นก็ทำให้ฉันได้รับรู้ถึงมิตรภาพและความจริงใจที่ไม่ใช่แค่คนสายเืเดียวกันจะมีให้กันได้
‘ขอบคุณป้านีกับพี่รามมากเลยนะคะ สำหรับทุกอย่าง’ ฉันยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมอีกครั้งเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง
และในจังหวะเดียวนั้นเอง...
‘น้องลิน...!! / หนูลิน...!!’
เสียงของป้านีและพี่รามที่ต่างพร้อมกับกันะโเรียกชื่อฉัน ก่อนที่สติของฉันจะดับวูบลงไป
พั่บๆๆๆ
‘เลวจริง ๆ ทำกันแบบนี้ได้ยังไง...หึ’
ฉันสะลึมสะลือลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองได้มานอนอยู่บนโซฟากลางบ้านป้านี พร้อมกับที่ป้านีกำลังสลัดพัดในมือไปมาหลังจากที่ฉันหมดสติลงไป
‘ฟื้นแล้วเหรอหนูลิน...กินยาหอมก่อนนะ...โธ่...นี่คงไม่ได้กินไม่ได้นอนเลยล่ะซินะ’ ป้านียื่นแก้วยาหอมมาให้ด้วยความเป็ห่วง
หลังจากที่ฉันรับยาหอมมาจิบไปเพียงเล็กน้อย ภาพตรงหน้าก็ยิ่งตอกย้ำว่าฉันกำลังนอนอยู่ที่โซฟากลางบ้านของป้านี ไม่ใช่บ้านของพ่อฉัน
‘นะ...นี่หนู’ ฉันที่กำลังรวบรวมสติเอ่ยถาม ป้านีก็สวนขึ้นมาทันที
‘หนูลินเป็ลมไปไงลูก ดีนะที่เ้ารามมันไว ไม่งั้นล่ะได้ล้มลงหัวฟาดพื้นแน่ ๆ’ ป้านีไขข้อข้องใจของฉัน ก่อนจะพยักพเยิดหน้าไปทางหลานชายตัวเอง
‘พี่รามขอบคุณนะคะ ป้านีด้วยหนูขอบคุณป้าอีกครั้งนะคะ’ ฉันยกมือไหว้ป้ากับหลานที่ยืนอยู่ตรงหน้า
และในขณะที่ฉันกำลังลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะกลับบ้านของตัวเอง อากัปกิริยาของป้านีที่มีท่าทางกระอักกระอ่วนใจ ก็ทำให้ฉันอดรู้สึกสงสัยไม่ได้
‘พักอยู่นี่ก่อนก็ได้นะลูกอย่าเพิ่งกลับบ้านเลย’ ป้านีอ้ำ ๆ อึ้งๆ บอกด้วยความสีหน้าเป็ห่วง
‘ไม่เป็ไรค่ะ หนูรบกวนป้านีมามากแล้ว ป้านีก็น่าจะเหนื่อยเหมือนกัน หนูกลับไปพักผ่อนที่บ้านดีกว่า’ ฉันตอบด้วยความเกรงใจ
‘แต่ว่า...’ ป้านียังคงอยากรั้งฉันเอาไว้
‘มีอะไรหรือเปล่าคะป้า’ ฉันเอียงคอถามด้วยความสงสัย
ก่อนที่ป้านีจะถอนหายใจแล้วบอกถึงความจริงที่ฉันควรรู้
‘เห้อ...ก็แม่ยุพินนะซิ เขาเอาแฟนเด็กเข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว และป้าก็คิดว่าตอนนี้ถ้าหากหนูลินกลับเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นอีก มันจะเป็อันตรายต่อหนูนะ เพราะป้าดูแล้วไอ้หนุ่มคนนั้นมันดูท่าทางไม่น่าไว้ใจเท่าไรเลย’ ป้านีพูดออกมาด้วยความหนักใจและไม่พอใจปนกัน
ส่วนฉันที่แม้จะอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แต่จากภาพที่เห็นเมื่อครั้งตอนที่อยู่โรงพยาบาล บวกกับการที่ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยมางานพ่อของฉันเลยสักวัน มันก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่าเหตุการณ์แบบนี้จะต้องเกิดขึ้นเข้าสักวัน
‘แต่บ้านนั้นเป็บ้านพ่อลิน ถ้าลินไม่อยู่ที่นั่น ลินก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนแล้วค่ะ’ ฉันบอกออกไปอย่างจนใจ นั่นก็เพราะบนโลกนี้ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว อีกทั้งบ้านหลังนั้นก็ยังเป็สมบัติชิ้นเดียวที่พ่อของฉันทิ้งไว้ให้
ป้านียังคงมีทีท่าอยากจะรั้งฉันเอาไว้ แต่เมื่อท่านเห็นความมุ่งมั่นในสายตาของฉัน ท่านก็ได้แต่จำใจปล่อยให้ฉันกลับบ้านไป และคงทำได้เพียงแค่คอยเฝ้าดูด้วยความเป็ห่วงเฉกเช่นเหมือนอย่างที่เคยทำมา
จากนั้นฉันก็ได้เอ่ยร่ำลาทั้งป้านีและพี่รามเพื่อกลับบ้าน แม้ว่าทั้งสองจะยังมีสีหน้าเป็กังวลใจแต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจจะรั้งฉันเอาไว้ได้
‘มีอะไรต้องรีบโทรมาหาป้าเลยนะหนูลิน’ ป้านีทิ้งท้ายด้วยความเป็ห่วง
ฉันยิ้มรับแทนคำตอบ ก่อนจะหันหลังเดินออกมาจากบ้านป้านี...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้