หลังจากมั่วหนงเอ่ยจบ และกำลังจะเดินไป ซูอิ่งรีบเอ่ยขึ้นว่า “ขอบอกพี่ตามตรง อุปนิสัยนายหญิงของน้อง พี่ก็น่าจะทราบดี งานเลี้ยงร้อยบุปผา แม้แต่คุณหนูจากตระกูลเหยียนเฉิงเซี่ยงก็ยังกล้าที่จะโต้เถียงด้วย หนำซ้ำยังทำให้ซูเฟยขุ่นเคืองหลายครั้ง พวกเราอยู่ในตำหนักเฟิ่งชัย ปรนนิบัติยากนักเ้าค่ะ”
ครั้นมั่วหนงคิดถึงความขัดแย้งระหว่างเหยียนอู๋อวี้กับฮวารั่วซีหลายครั้งที่ผ่านมา นางรู้สึกเห็นใจเล็กน้อย ท้ายที่สุด พวกนางทุกคนทำงานในวังหลวง นายหญิงของพวกนางแตกต่างกัน ทว่ากฎเกณฑ์เป็กฎเดียวกัน
เหยียนฉายเหรินแสดงท่าทีหยิ่งยโสยิ่งนัก คิดว่านางต้องอารมณ์ร้ายอย่างแน่นอน เมื่อคิดถึงยามที่นางตบใบหน้าเหยียนรั่วฟางได้รับาเ็ มั่วหนงพลันใเล็กน้อย หากนายหญิงของพวกนางเกรี้ยวกราดขึ้นมา นางต้องเจ็บตัวอย่างแน่นอน แม้ว่าซูเฟยเต็มใจที่จะเข้ามาช่วยนาง ทว่านางถูกทุบตีไปแล้ว จะทำอย่างไรได้?
เมื่อคิดถึงเื่นี้ มั่วหนงนึกเสียใจกับความบุ่มบ่ามของนาง เหลียนหงคนก่อนก็สิ้นใจด้วยเหตุนี้มิใช่หรือ?
จากนั้นนางจึงฝืนยิ้มและเอ่ยว่า “ข้าเข้าใจที่น้องเอ่ยอย่างยิ่ง ข้ามิได้ยุ่งอันใด เพียงแต่หากเหยียนฉายเหรินออกมาไม่เห็นผู้ใด ข้าเองก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร”
“เช่นนั้น......” ซูอิ่งเกิดกังวลเล็กน้อย นางใช้หางตามองไปรอบๆ ห้อง เมื่อเห็นเงาร่างเคลื่อนไหวอยู่ภายในห้อง นางพลันร้อนใจมากเช่นกัน อย่างไรก็ตามนางไม่รู้ว่าความจริงเป็เช่นไร ก่อนที่ป้าโฉ่วจะเอ่ยปากพูด นางทำได้เพียงถ่วงเวลาให้ได้นานที่สุด จึงรีบเอ่ยว่า “เช่นนั้นพี่มั่วหนงรอสักครู่ ข้าจะรีบไปหยิบผ้าปักให้ท่าน”
เนื่องจากเื่สายสืบในตำหนักเฟิ่งชัยครั้งที่แล้ว ซูอิ่งจึงถือโอกาสตรวจสอบนางกำนัลส่วนตัวของนางสนมในวังหลวงทุกคน นางพบว่านางกำนัลมั่วหนงไม่มีงานอดิเรกอื่นใด ชื่นชอบถึงขั้นหลงใหลอยู่เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือผ้าปักลวดลายต่างๆ ในเมื่อลากตัวไปด้วยไม่ได้ คงต้องเอามาให้นางจึงจะเป็วิธีที่ดี ในอดีตนางพึ่งพาอำนาจของซูเฟยที่ดูแลตำหนักหลัง ทำให้นางทำอันใดก็สะดวก ยามนี้อำนาจตำหนักหลังตกอยู่ที่เต๋อเฟยแล้ว คนที่นับถือนางก็น้อยลง นางจึงรู้สึกคันไม้คันมือ ซูอิ่งใช้สิ่งของนี้เอาใจนาง เป็การถ่วงเวลาที่ดียิ่งนัก
เกิดอันใดขึ้นภายในห้อง แล้วเหตุใดนายหญิงจึงไม่ปริปากอันใดเลย? ฝ่ามือซูอิ่งชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทว่านางไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไร
......
ความมืดมิดยามค่ำคืนปกคลุมทั่วทั้งพระราชวังอันกว้างใหญ่ โคมไฟในวังสั่นไหวตามสายลมฤดูใบไม้ผลิจนทำให้ผู้คนสายตาพร่ามัว
องครักษ์ที่กำลังเดินลาดตระเวน ตรวจตราความปลอดภัยทั่ววังหลวงทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่รู้ว่ารอยเท้ากี่คู่ของพวกเขาเดินผ่านไปมาและรองเท้ากี่คู่ที่ย่ำลงไปบนพื้น
บนยอดตำหนักพระราชวังมีคนผู้หนึ่งนั่งพิงอยู่บนหลังคากำลังยกจอกขึ้นดื่ม กระบี่ยาววางอยู่ข้างเท้าแกว่งไปมาคล้ายจะลื่นตกลงมา ทว่าเขากลับไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย
องครักษ์ที่เดินผ่านด้านล่างจะเงยหน้าขึ้นมองหัวหน้าเป็ครั้งคราว อารมณ์ที่มีต่อเขาก็ซับซ้อนมากเช่นกัน
หัวหน้าองครักษ์รักษาพระองค์ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็วีรบุรุษในสนามรบ เข้าร่วมรบนับครั้งไม่ถ้วน สร้างความดีความชอบทางการทหารมามากมาย ทว่ายามนี้เขาเป็เหมือนนกในกรง ไม่ใช่เพราะมีคนกักขังเขาไว้ แต่เป็เพราะปีกของเขาหัก บินไปไหนไม่ได้อีกแล้ว
องครักษ์หลายคนเคยแอบคิดในใจว่าหากพวกเขาคนใดคนหนึ่งถือดาบในมือต่อสู้กับเขาก็อาจจะเอาชนะวีรบุรุษผู้นี้ได้ จุดจบของวีรบุรุษเป็เื่ที่น่าสมเพชที่สุด
รองหัวหน้าองครักษ์รักษาพระองค์หวังเป็อย่างยิ่งว่าจะมีคนลุกขึ้นมาท้าทายหัวหน้าที่กดขี่เขาผู้นี้ สังหารเขาได้ยิ่งเป็การดี เขาจะได้รับตำแหน่งหัวหน้าได้อย่างสมภาคภูมิ
น่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดกล้าสักคน ต่อให้หัวหน้าผู้นี้จะปรากฏตัวในพื้นที่ต้องห้ามเพียงเดือนเดียวในระยะเวลาหนึ่งปีก็ตาม กระนั้นกลับไม่มีผู้ใดกล้าแตะต้องเขา เพราะตระกูลฉีอยู่เื้ัเขา และมีคนกว่าครึ่งหนึ่งในแคว้นต้าเซวียนคอยออกหน้าและทำให้ผู้ที่ลงมือต้องจมน้ำตาย ต่อให้หลายปีที่ผ่านมาอำนาจตระกูลฉีจะลดลงเล็กน้อยเนื่องจากเหตุการณ์ของตระกูลอวิ๋น ทว่าตระกูลฉียังคงรักษาสมดุลทางอำนาจในปัจจุบันเอาไว้ได้
ไม่ใช่ว่าพวกเขาสู้ไม่ได้ พวกเขาไม่กล้าสู้ต่างหาก
เมื่อก่อนเคยคิดว่าหัวหน้ามีเพียงชื่อเท่านั้น และรองหัวหน้าคือผู้ที่กุมอำนาจที่แท้จริง ไม่คาดคิดว่าเมื่อเดือนที่แล้วจะมีมือสังหารแอบเข้ามาในวังหลวงลอบทำร้ายฮ่องเต้ ซ้ำยังสังหารนางกำนัลในตำหนักของลี่เจาอี๋อีกด้วย ฮ่องเต้มีรับสั่งเรียกตัวหัวหน้ากลับมาโดยบอกว่าเขามาจากตระกูลอวิ๋นและสามารถจัดวางกำลังคนได้ดีกว่า ทั้งยังยืนกรานให้เขากลับมาปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง
ทว่าหลังจากกลับมาก็มิได้ทำสิ่งใดเลย ทำเพียงเดินเตร็ดเตร่ทั้งวัน ไร้ซึ่งท่าทางจริงจังกับการจัดวางกำลังพล ละเลยหน้าที่หัวหน้าองครักษ์ ทุกคนต่างมองด้วยสายตาอิจฉา คิดอยากจับเขามาซ้อมให้ตายคามือเสียตรงนั้นเลยทีเดียว
ทุกคนต่างจินตนาการภาพการทุบตีหัวหน้าผู้นี้ใต้เท้าของตน ไม่คาดคิดว่าขณะที่เงยหน้าขึ้นมองหัวหน้ากลับหายตัวไปเสียแล้ว กระบี่ยาวที่อยู่ข้างกายเขาพลันไถลลื่นลงมาจากชายคาเกือบจะตกใส่หัวพวกเขา ทุกคนต่างใหลบเลี่ยงทันที
ร่างของฉีตงหยวนขยับไปบนชายคาติดตามเงาดำ
แม้ว่าวิชายุทธ์ของเขาจะถูกทำลายไปแล้ว แต่ทว่าวิชาตัวเบาของเขายังเป็เช่นเดิม เพียงแค่ไล่ตามเงาดำนี้ค่อนข้างยาก ขณะที่เขากำลังจะคลาดกันกับเงาดำนั้น เงาดำพลันหยุดกะทันหันและมองตรงมาที่เขา
ฉีตงหยวนตกตะลึง เขาหยุดนิ่งโดยไม่รู้ตัวและรักษาระยะห่างจากเงาดำนั้น เขาใช้มือซ้ายแตะเอวก่อนจะตกตะลึงในทันใด แขนซ้ายเขาพิการไปแล้ว ว่ากันตามเหตุผลเขาควระโเสียงดังหรือไม่ก็วิ่งหนี เพียงแต่เมื่อเขาสบตากับเงาดำนั้น เขาไม่อาจละสายตาได้เลย ซ้ำน้ำตายังเอ่อคลอเต็มสองตา
“ศิษย์พี่หญิง......เ้าคือศิษย์พี่หญิงใช่หรือไม่......” ฉีตงหยวนพึมพำ “ต่อให้เ้ามิใช่ศิษย์พี่หญิง โปรดหยุดอยู่ตรงนั้น อย่าได้คิดหนี ในเขตหวงห้ามมียอดฝีมือมากมาย หากเ้าเข้าไปอาจตายได้”
สายลมกระโชกแรงพัดผ่าน กลิ่นสุรารุนแรงลอยอบอวลรอบตัวฉีตงหยวนพัดพาไปทางใบหน้าของเหยียนอู๋อวี้ สีหน้านางนิ่งขรึมคิดอยากจะหักขาเ้าลิงน้อยนี้
เ้าเด็กโง่นี่ลืมคำสอนของบิดานางไปหมดสิ้นแล้ว ปล่อยให้มือสังหารยืนอยู่ตรงหน้าตนเอง ใกล้ถึงเพียงนี้ แล้วยังเอ่ยคำพูดพวกนี้อีก เขาคงเบื่อชีวิตของตนเองแล้วกระมัง?
โชคดีที่เงาดำนี้เป็นาง หากเป็ผู้อื่น เ้าคงเป็ลิงที่ตายแล้วแน่นอน
“หมดอาลัยตายอยากเพียงนี้เลยหรือ มิสู้ตัดเอ็นที่ข้อเท้าเสียก็สิ้นเื่ ใช้วิชาตัวเบาวิ่งไปทั่วเช่นนี้ เ้า้าทำให้ผู้ใดอับอายหรือ!” เหยียนอู๋อวี้กดเสียงต่ำ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็าและเหน็บแนม
ฉีตงหยวนตกตะลึง น้ำตาที่เอ่อคลอใกล้จะไหลรินเต็มทน เขาพึมพำว่า “ข้าต้องฝันไปแน่ๆ ข้าคงดื่มมากเกินไปจนฝันเห็นศิษย์พี่หญิง ศิษย์พี่หญิง ข้าคิดถึงท่าน อาจารย์จากไปแล้ว ศิษย์น้องก็หายสาบสูญ ข้ามันไร้ประโยชน์จริงๆ...…”
เมื่อเห็นเขาร่ำไห้เป็วรรคเป็เวร เหยียนอู๋อวี้รู้ทันทีว่าเขาเมามากจนแยกสิ่งใดไม่ออก นางจึงตั้งใจหนีไปให้เร็วที่สุด เพียงแต่เมื่อเห็นบุรุษผู้นี้โซเซอยู่บนหลังคา นางพลันเกิดความกังวลว่าเขาจะตกลงไป คงเป็จริงดังที่นางคาดไว้ ขาเขาก็พิการเช่นกัน
เหยียนอู๋อวี้มิได้กินยาหยิ่นอู๋ ทำให้ฤทธิ์ยาหมดไปนานแล้ว ไม่ว่าน้ำเสียงจะเบาเพียงใด นางก็ไม่สามารถปกปิดมันได้อีก
ในตอนนี้นางยืนอยู่บนหลังคาใกล้กับตำหนักเฟิ่งชัย นางยังเห็นเงาร่างภายในเรือน และคล้ายจะมีร่างของคนที่ไม่รู้จักอีกคนหนึ่ง ภายใต้สถานการณ์ในตอนนี้ของฉีตงหยวน นางไม่สามารถปลีกตัวได้เลย นางจำเป็ต้องกลับไปให้เร็วที่สุด
ไม่คาดคิดว่าขณะที่นางะโข้ามไป ฉีตงหยวนกลับวิ่งเข้ามากอดขาเหยียนอู๋อวี้แน่นแล้วเอ่ยว่า “ศิษย์พี่ ท่านจะทิ้งเ้าลิงน้อยอีกแล้วหรือ......”