คำถามสามข้อที่ฉีเฉินตั้งขึ้นมา ดูเหมือนจะเรียบง่ายไม่มีอะไรแปลกพิสดาร แต่ความจริงทั้งความจงรักภักดี ความกตัญญู และคุณธรรมล้วนมีความนัยแอบแฝงความทะเยอทะยานในบัลลังก์ั คำตอบของคนก่อนๆ แม้ว่าจะจงรักภักดีอย่างที่สุด กตัญญูอย่างที่สุด ทรงคุณธรรมอย่างที่สุด แต่ 'จงรักภักดี กตัญญู คุณธรรม' ของพวกเขา ไม่สามารถช่วยฉีเฉินให้ราชบัลลังก์ได้
แต่คำตอบของนาง แม้ว่าจะมีทั้งความกตัญญูและความจงรักภักดีครบทั้งสองด้าน แต่ใช้กฎบ้านคุ้มบ้าน ใช้กฎแว่นแคว้นคุ้มแว่นแคว้น ใช้กฎใต้หล้าคุ้มใต้หล้า มีนัยยะแห่งความทะเยอทะยานในราชบัลลังก์ซ่อนอยู่พอดี ดังนั้นจึงตรงกับที่ฉีเฉินเฟ้นหาอยู่
ทว่าหลังจากพบแล้ว ฉีเฉินก็ยังไม่เชื่อนาง ดังนั้นจึงดีดพิณเผยความนัย หลังจากที่จวินหวงตอบออกมาได้แล้ว ฉีเฉินถึงได้จำใจต้องเชื่อถือนาง ส่วนแท้จริงแล้วจะเชื่อกี่ส่วน... จวินหวงกลับมิได้ใส่ใจ เพราะเป้าหมายของนางหาได้อยู่ที่องค์ชายรองฉีเฉินมาั้แ่ต้น
เทศกาลล่าสัตว์ของราชวงศ์เป็ประเพณียิ่งใหญ่ที่สำคัญอันดับหนึ่ง การล่าสัตว์เป็เวลาทั้งสิ้นสามวันต่อเนื่อง ผู้มีอำนาจในแคว้นเป่ยฉีเกือบทุกคนล้วนต้องมาเข้าร่วมในสนามประลองนี้
จวินหวงรู้ว่านี่คือบททดสอบข้อที่สามของฉีเฉิน นางจะต้องใช้การแสดงออกของตนเองในครั้งนี้ วางตำแหน่งของตนเองในใจของเฉินอ๋องให้ได้ ดังนั้นหลังจากที่จวินหวงพิจารณาไตร่ตรองแล้ว ในที่สุดก็บอกเล่าแผนการกลยุทธ์ของตนเองให้เฉินอ๋องรับทราบในคืนก่อนออกเดินทาง
เพียงแค่ชั่วพริบตาวันล่าสัตว์ของราชวงศ์ก็มาถึง จวินหวงติดตามองค์ชายรองมาสนามล่าสัตว์ในฐานะกุนซือของเขา นางเจตนาไม่แต่งกายแบบทหาร แต่สวมชุดสีขาวเรียบง่ายดูทรงภูมิ
ในสนามล่าสัตว์ จวินหวงมองปราดเดียวก็เห็นหนานสวิน… หนานอ๋องผู้องอาจห้าวหาญ
เขาสวมชุดทหารสีชาด ควบอาชาสีพุทราแดง รูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเรียบเฉยเ็าไร้การแสดงออกทางอารมณ์ โดดเด่นเป็พิเศษท่ามกลางกลุ่มขุนนางในราชสำนัก
จวินหวงมิได้กระโตกกระตากออกไปทักทาย แต่ค่อยๆ สังเกตผู้คนในสนามล่าสัตว์
ผู้ดำรงตำแหน่งผู้นำกลุ่มย่อมต้องเป็จักรพรรดิแห่งเป่ยฉี… ฉีเชียง
องค์จักรพรรดิทรงแตกต่างจากที่จวินหวงจินตนาการไว้ แม้ว่าฉีเชียงจะพระชนมายุล่วงสี่สิบปีแล้ว แต่พระพลานามัยแข็งแรง ฉลองพระองค์ชุดชนเผ่า ทรงควบม้าเดินทางมา มีบุคลิกเฉพาะพระองค์แจ่มใสร่าเริง
ตามหลังมาด้วยองค์ชายเป่ยฉี ทันทีที่ดวงตาอันเลื่อนลอยของจวินหวงกวาดไปพบกับบุคคลผู้หนึ่ง นางก็หยุดชะงักทันที
คนผู้นั้นไม่ได้สวมเครื่องแบบรัดกุมสำหรับออกล่าสัตว์ แต่สวมอาภรณ์ยาวหรูหราสีม่วง บนอาภรณ์เดินลายบุปผาวิหคมงคลด้นเมฆาอย่างวิจิตรปราณีต เขามิได้ขี่อาชา แต่ยืนเฝ้าอยู่ข้างพระวรกายของฉีเชียง ใบหน้าขาวซีดเหมือนคนป่วย เห็นได้ชัดว่าคงแช่อยู่กับขวดยามานานปี
เขาคือองค์ชายสี่ผู้ซึ่งไม่ได้รับความโปรดปรานที่สุดแห่งเป่ยฉี มีนามว่าฉีอวิ๋น
จวินหวงไม่คิดว่าเพียงไม่กี่ปีที่ไม่ได้เจอกัน นางจะสูญเสียบ้านเมืองไปแล้ว สถานการณ์ของฉีอวิ๋นเองก็ลำบากถึงเพียงนี้
"จากกันสามวัน คุณชายเฟิงช่างทำให้เปิ่นกงต้องขยี้ตามองเ้าใหม่แล้วจริงๆ!"[1]
จวินหวงถอนสายตากลับ แล้วมองไปยังผู้มาอย่างข่มกลั้นอารมณ์ที่เป็คลื่นม้วนตลบอยู่ในก้นบึ้งหัวใจลง "องค์รัชทายาท"
"เมื่อสามวันก่อน คุณชายยังเป็แขกคนสำคัญของหนานอ๋องอยู่เลย มาตอนนี้ยังได้เป็ถึงกุนซือของน้องรองอีก คุณชายช่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ" ฉีอินหรี่ตามองจวินหวงอย่างพิจารณาั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า น้ำเสียงที่ได้ยินไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
"ข้าพระองค์กับหนานอ๋องเพียงมีวาสนาได้พานพบ แต่โชคดีที่เฉินอ๋องทรงให้เกียรติ ข้าพระองค์จึงได้มีโอกาสทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท" จวินหวงกล่าวเสียงราบเรียบ
นางคาดเดาได้แต่แรกว่าฉีอินจะต้องหยั่งเชิงนางเช่นนี้ นางช่วยชีวิตหนานอ๋อง ที่จวนหนานอ๋องวันนั้น หนานอ๋องแสดงออกชัดเจนว่าปกป้องนาง แต่นางเข้ามาเมืองเป่ยฉีเพียงแค่วันเดียวก็ไปขอพึ่งบารมีจวนเฉินอ๋องได้ ฉีอินย่อมระแวงสงสัยความสัมพันธ์ของหนานสวินกับฉีเฉิน
"คุณชายถ่อมตัวไปแล้ว ความสามารถของคุณชายเปิ่นกงกระจ่างใจที่สุด" ฉีอินหัวเราะเย้ยหยัน ไม่รอให้จวินหวงตอบกลับก็เปลี่ยนเื่คุยไปเสียก่อน "วันนี้เป็วันล่าสัตว์ของราชวงศ์ เปิ่นกงไม่รบกวนแล้ว หวังว่าคุณชายจะสนุกอย่างเต็มที่"
จวินหวงขมวดคิ้วเล็กน้อยจนสังเกตไม่เห็น "ขอบพระทัยองค์รัชทายาท"
เห็นได้ชัดว่า ไม่ว่าจะช่วยเหลือหนานสวิน หักหน้าฉีอินในจวนหนานอ๋อง หรือต่อมานางย้ายไปเข้ากับองค์ชายรองฉีเฉิน ล้วนแล้วแต่ทำให้ฉีอินไม่พอใจมากทั้งสิ้น จวินหวงรับประกันได้เลยว่า ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงแคว้นเป่ยฉีคนที่อยากให้นางตายที่สุดก็คือรัชทายาทฉีอินแน่นอน
ฉีอินพูดผ่ากลางปล้องตัดบทไปเช่นนี้ การล่าสัตว์คงกำลังจะเริ่มแล้ว
จักรพรรดิฉีเชียงควบอาชานำหน้าไปก่อน กลุ่มองค์ชาย ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ตามหลังมาติดๆ จวินหวงยืนอยู่ด้านหลัง มองฉีอวิ๋นที่ซ่อนยิ้มในแววตาส่งผู้คนออกไปอยู่เงียบๆ เขาปิดปากไอสองสามครั้งแล้วเดินไปทางกระโจมของตัวเองอย่างช้าๆ
จวินหวงคิดๆ แล้ว ก็เดินตามไป
ใช่แล้ว เป้าหมายของนางมิใช่รัชทายาทฉีอิน ไม่ใช่เฉินอ๋องฉีเฉิน แต่เป็องค์ชายสี่ฉีอวิ๋น
องค์ชายสี่… เป็องค์ชายที่ไม่ได้รับความโปรดปรานที่สุดในวังหลวง กระโจมของเขาก็ยังตั้งอยู่ในสถานที่ห่างไกลที่สุด จวินหวงตามหลังฉีอวิ๋นมาอยู่ห่างๆ ก็อดรู้สึกปวดใจขึ้นมาไม่ได้
แท้จริงแล้วนางกับฉีอวิ๋นรู้จักกันมาก่อน ตอนนางเด็กๆ ฉีอวิ๋นเคยมาที่ซีเชว่ในฐานะทูต จึงมาอยู่ที่ซีเชว่เป็เวลาสองปี ใน่สองปีนั้นจวินหวงกับฉีอวิ๋นมีนิสัยชอบทำอะไรคล้ายๆ กัน จึงกลายมาเป็เพื่อนสนิทที่มองตาก็รู้ใจ และด้วยเหตุนี้จวินหวงถึงได้รู้ประวัติชีวิตที่เป็หลุมเป็บ่อของฉีอวิ๋น
พระมารดาของฉีอวิ๋นเป็สตรีสามัญชนคนหนึ่ง เป็เพราะได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิ องค์จักรพรรดิทรงบังคับให้นางยอมเป็พระสนมชั้นเฟย พระราชทานนามว่าอวี๋เฟย หนึ่งปีหลังจากนั้นก็ประสูติฉีอวิ๋นออกมา
ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาวังหลังก็ไม่ใช่สถานที่เรียบง่าย อวี๋เฟยได้รับความโปรดปรานมากเป็พิเศษ ย่อมก่อให้เกิดความอิจฉาริษยาต่อผู้คนมากมาย ดังนั้นฮองเฮาพระมารดาของรัชทายาท และพระสนมเจินกุ้ยเฟยพระมารดาขององค์ชายรองจึงผนึกกำลังร่วมมือกันกำจัดพระสนมอวี๋เฟย
ฉีอวิ๋นสูญเสียพระมารดาั้แ่ยังทรงพระเยาว์ พระสนมอวี๋เฟยไร้บารมีหนุนหลัง ตรองดูก็รู้ได้ว่าชีวิตในวังหลังของฉีอวิ๋นต้องลำบากมากเพียงใด เพื่อช่วยตนเองให้อยู่รอด ฉีอวิ๋นจำเป็ต้องแกล้งป่วยมาโดยตลอด เก็บออมสะสมพลังทั้งกายใจอยู่เงียบๆ รอโอกาสแก้แค้นให้พระมารดาในวันหนึ่ง
ขณะที่จวินหวงกำลังย้อนรำลึกถึงความทรงจำ ฉีอวิ๋นก็เข้าไปในกระโจมแล้ว จวินหวงรวบรวมสติกลับมา ก็จะเปิดม่านออกหมายเดินเข้าไปในกระโจม
แต่เพียงแค่เลิกม่านขึ้นเท่านั้น จวินหวงก็รู้สึกว่ามีเงาฝ่ามือแวบเข้ามาตรงหน้า นางยังไม่ทันได้ตอบโต้ก็ถูกคนบีบคอเอาไว้อย่างแรง
"เ้าเป็ใคร? ตามข้ามาตลอดทางมีวัตถุประสงค์อันใด?" ท่าทางราวกับคนป่วยของฉีอวิ๋นก่อนหน้านี้อันตรธานไปโดยสิ้นเชิง แววตาเย็นเยียบของเขาจิกจ้องจวินหวงอย่างเอาเป็เอาตาย แต่พอชำเลืองเห็นใบหน้าของจวินหวง ในก้นบึ้งของดวงตามีความประหลาดใจวาบออกมาสายหนึ่ง
ดวงตานี้ไยจึงช่างคล้ายกับจวินหวงขนาดนี้? เพียงแต่ใบหน้านี้?
"จวินหวง?" เขาระงับความลิงโลดเล็กๆ ที่อยู่ในส่วนลึกของหัวใจเอาไว้ สีหน้าของฉีอวิ๋นและมือของเขาคลายลงเล็กน้อย
จวินหวงรู้สึกประหลาดใจแต่เพียงชั่วพริบตาเดียว หลังจากเห็นสถานการณ์ของตนเองอย่างชัดเจนแล้ว นางไม่เพียงแต่ไม่โกรธ รอยยิ้มยังลอยมาปรากฏบนใบหน้าอีกด้วย
ไม่เสียแรงที่ฉีอวิ๋นเพียรสะสมพลังกายพลังใจมานานหลายปี แม้ว่านางจะใจลอยจนเป็เหตุให้เสียท่าถูกเขาจับได้ แต่การที่ฉีอวิ๋นมีความตื่นตัวเช่นนี้ถือเป็เื่ที่ดี
เพียงแต่สถานการณ์ตอนนี้ นางต้องทำเป็ไม่รู้จักคนเดิมตรงหน้า ความถูกต้องทุกสิ่งความผิดพลาดทุกอย่าง นางขอเป็ผู้รับชอบแต่เพียงผู้เดียวก็พอ
"องค์ชายสี่คิดแก้แค้นให้อวี๋เฟยหรือไม่?" จวินหวงได้สติกลับมา ก็ถามขึ้นอย่างไม่ช้าไม่เร็วเกินไป
"ตอบคำถามข้ามา!" ดวงตาของฉีอวิ๋นจ้องเข้าไปในดวงตาของจวินหวง ส่วนลึกในแววตาเต็มไปด้วยความมั่นใจ "เ้าคือจวินหวงใช่หรือไม่?"
"ข้าสามัญชนเฟิงไป๋อวี้" จวินหวงมองลึกเข้าไปในดวงตาของฉีอวิ๋น ไม่แสดงความอ่อนแอออกมาเลยแม้แต่น้อย
จวินหวงมองไปที่ฉีอวิ๋นอย่างเรียบเฉย ในขณะที่พยายามระงับเกลียวคลื่นที่ปั่นป่วนอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจเอาไว้ให้อยู่
ไยนางจะไม่อยากแสดงตนว่ารู้จักกับเขาเล่า นางอยากจะเปิดเผยทุกเื่ราวของนาง อยากจะกลับไปสู่คืนวันอันแสนชื่นมื่นเ่าั้
แต่น่าเสียดาย สุดท้ายนางก็ไม่สามารถทำได้
...................................................................................................
[1] จากกันสามวัน ต้องขยี้ตามองใหม่ หมายถึงการประเมินบุคคลหนึ่งใหม่ หลังจากกันไป่เวลาหนึ่ง เขาได้เปลี่ยนแปลงไม่ใช่เป็คนเดิมอีกต่อไป จึงต้องมองด้วยมุมมองใหม่ด้วยความรู้สึกทึ่ง