หากไม่ะเิมันออกมาก็เท่ากับยินยอมตายไปอย่างเงียบๆ ในเมื่อนิ่งเงียบคือการยอมรับความตาย แล้วจะนิ่งเงียบอยู่อีกต่อไปทำไม ถ้าอย่างนั้นก็ะเิมันออกมาเลยเสียดีกว่า...
ฟืด!
กริชสีดำตวัดกรีดผ่านลำคอของเย่ชิงเสอย่างรวดเร็วและนุ่มนวลพร้อมกับละอองเืที่สาดกระเซ็นลอยกลางอากาศ
“ญาติพี่น้องของเ้าหากไม่มาตอแยข้า ข้ารับรองว่าพวกเขาจะปลอดภัย!”
เย่ชิงหานไม่มีอารมณ์ความรู้สึกใดๆ ทำเพียงหมุนตัวแล้วเดินเข้าห้องไปแบกน้องสาวที่นอนหลับอยู่ขึ้นบนหลัง ดึงผ้าห่มมาฉีกเป็เชือกหลายเส้นมัดน้องสาวไว้บนหลัง จากนั้นเดินออกจากห้อง ออกจากลานที่พักอย่างเด็ดเดี่ยวโดยไม่มีอาการลังเลใดๆ ทั้งสิ้น
จากนั้นจึงเริ่มการกระทำที่บ้าคลั่งขึ้น เย่ชิงหานเริ่มจุดไฟไปทั่วทุกทิศ เนื่องจากลานที่พักฝั่งตะวันออกล้วนทำจากไม้ซึ่งแตกต่างจากฝั่งตะวันตกที่ทำจากหินอ่อน ไฟจึงไหม้ลุกลามลานที่พักขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ชิงอวี่ พี่จะพาเ้าไปทวงความยุติธรรม จากนั้นพวกเราไปจากที่นี่กัน และจะไม่กลับมาอีก...ตลอดไป”
มองดูเพลิงที่ลุกโชนอยู่ตรงหน้า เย่ชิงหานสีหน้าผ่อนคลายขึ้นมาในทันที มันเผาไหม้ลานที่พักที่เขาอยู่อาศัยมาเป็เวลาสิบกว่าปี ราวกับว่ามันได้เผาไหม้คุกที่จองจำเขามาเป็เวลาสิบกว่าปีเช่นกัน เมื่อจิตใจไม่มีสิ่งผูกมัดก็สามารถโบยบินได้อย่างอิสระ ความรู้สึกเช่นนี้...ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!
เย่ชิงขวงก็ไม่ได้มีการตื่นแต่เช้าเป็นิสัย อย่างน้อยก็ไม่ได้เช้าขนาดนี้ เพียงแต่เมื่อวานรับค่าจ้างมาแล้วก็ต้องทำงานตอบแทนให้สำเร็จ ดังนั้นวันนี้ั้แ่ฟ้ายังไม่เริ่มสางเขาก็ตื่นขึ้น จากนั้นเรียกเย่ชิงเสให้ตื่นขึ้นสั่งกำชับให้ทำงานครั้งนี้ให้สำเร็จด้วยดี
สำหรับลูกน้องที่ซื่อสัตย์อย่างเย่ชิงเสเขารู้สึกพอใจเป็อย่างมาก มีทั้งสมอง มีทั้งความสามารถและพลังฝีมือ ทำงานคล่องแคล่วตรงไปตรงมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเข้าใจความ้าของผู้เป็เ้านายได้ดี อย่างเช่นเื่ราวในวันนี้ตนเองไม่ได้จัดคนให้ แต่เขาก็เข้าใจได้ในทันทีรีบเรียกสมุนสองคนที่พ่อเขาส่งมาให้ไปด้วย
เย่ชิงขวงไม่ได้อยากที่จะนอนต่ออีกจึงเริ่มฝึกพลังปราณรบขึ้น เมื่อวานได้เคล็ดวิชาต่อสู้ระดับจักรพรรดิมาจากเสว่อู๋เหินอย่างไม่คาดคิด ตอนนี้รู้สึกอยากจะลองฝึกจนแทบจะทนรอไม่ไหว
เคล็ดวิชาต่อสู้มีชื่อว่า “วิชาหลอมิญญา” เป็วิชาที่ใช้ในการฝึกฝนความแข็งแกร่งของพลังิญญา ิญญาเป็รากฐานที่สำคัญของทุกคน สำหรับผู้ฝึกยุทธ์แล้วยิ่งสำคัญมากที่สุด ยิ่งผู้ฝึกยุทธ์ฝึกฝนจนถึงระดับขั้นที่สูงขึ้นไปยิ่งจำเป็ต้องรับรู้และเข้าใจถึงกฎเกณฑ์ของพลังฟ้าดิน ถ้าหากระดับของพลังิญญายิ่งแข็งแกร่งมากเท่าใด การรับรู้และเข้าใจในกฎเกณฑ์ของพลังฟ้าดินยิ่งง่ายมากขึ้นเท่านั้น เพียงแต่ว่าเคล็ดวิชาหลอมิญญาเล่มนี้ยังไม่สมบูรณ์มีเพียงส่วนแรกเท่านั้น ด้วยเหตุนี้เสว่อู๋เหินถึงได้กล้าตัดใจมอบให้เย่ชิงขวงเพื่อเป็ค่าตอบแทนเพิ่มเติม
“นายน้อยใหญ่”
เสียงหนึ่งที่ดังขึ้นโดยฉับพลันทำให้เย่ชิงขวงสะดุ้งใขึ้น เขารู้สึกมีโทสะขึ้นมาทันทีหันไปมององครักษ์คนหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าประตู องครักษ์หน้าเปลี่ยนสีไปในทันทีแต่ก็ยังเอ่ยปากพูดออกมา “นายน้อยใหญ่ เย่ชิงหานกลับมาแล้ว และผู้ที่ส่งเขากลับมาคือจ้าวเมืองเมืองหมัน พร้อมกับส่งองครักษ์คุ้มกันมาจนถึงเมืองชางอีกด้วย”
“เย่ชิงหาน? เย่กุ้นจัดคนคุ้มกันมาส่ง?”
คิ้วของเย่ชิงขวงขมวดขึ้นในทันที ใช้สมองครุ่นคิดความหมายที่แฝงลึกอยู่ในประโยคนี้ เขารู้ว่าเย่กุ้นเป็คนของครอบครัวลูกคนที่สามเย่เชียง แต่ทำไมเย้กุ้นต้องส่งคนคุ้มกันไอ้ขยะคนหนึ่งกลับมา? หรือว่าเย่ชิงหานเข้าไปพึ่งบารมีของเย่เชียง? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่กลับมานั้นเหมาะเจาะพอดี! หรือว่า่เวลาเช่นนี้จะมีความหมายอะไรที่พิเศษ?
“ส่งคนเฝ้าจับตาดูเย่ชิงหานไว้ห่างๆ อย่าให้มันรู้ตัว เย่ชิงเส...คงไม่โง่เขลาขลาดนั้นหรอกนะ?” เย่ชิงขวงเอ่ยปากพูดขึ้นในทันที เื่ราวเริ่มจะยุ่งยากขึ้นมาอีก หรือว่าทางลุงสามคิดกระทำการอะไรบางอย่าง? เขาจะต้องรู้ให้ได้อย่างชัดเจนก่อนที่จะตัดสินใจว่าควรดำเนินการอย่างไรต่อดี
เพียงแต่ผ่านไปยังไม่ถึงห้านาทีบ่าวรับใช้ก็ส่งข่าวกลับมาว่าเื่ราวได้เลยเถิดไปเกินกว่าที่จะควบคุมได้แล้ว ไอ้โง่เง่าเย่ชิงเสทำงานไม่สำเร็จ เย่ชิงอวี่ฆ่าตัวตาย ก็แค่เด็กกำพร้าที่เก็บมาเลี้ยงฆ่าตัวตายก็ฆ่าไปไม่มีอะไรน่ากล่าวถึง อย่างมากก็แค่กล่าวแสดงความขอโทษต่อนายน้อยเสว่สักหน่อยก็เพียงพอแล้ว
เพียงแต่ว่าต่อมาข่าวที่บ่าวรับใช้ส่งมาอีกถึงกับทำให้เขาต้องตกตะลึงเป็อย่างมาก เย่ชิงหานกล้าฆ่าคน ไม่เพียงแต่มีความกล้าที่จะฆ่าคน แต่ยังมีพลังฝีมือในการฆ่าคนอีกด้วย แต่ก็ช่างเถอะฆ่าก็ฆ่าไป แม้ว่าเย่เป้าจะเป็ลูกสมุนของลูกสมุนอีกทีซึ่งก็นับว่าเป็ลูกสมุนของตนเองอยู่ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกเสียดายหรือรู้สึกเ็ปแต่อย่างใด ก็ดีไปอย่างตนเองจะได้ใช้เหตุผลนี้เพื่อไประงับเหตุการณ์ คิดได้ดังนั้นจึงพาบ่าวรับใช้มุ่งหน้าไปยังลานที่พักฝั่งตะวันออกอย่างเร่งรีบ
เพียงแต่...เพิ่งจะไปถึงได้ครึ่งทางเขาก็รีบวกกลับมา เพราะได้รับข่าวที่ทำให้ตื่นตระหนกยิ่งกว่า เย่ชิงหานฆ่าเย่ชิงเสไปแล้ว และยังจุดไฟเผาลานที่พักของตนเอง ตอนนี้กำลังมุ่งหน้ามาทางลานที่พักฝั่งตะวันตก
ไม่นึกเลยว่าเขากล้าฆ่าเย่ชิงเสจริงๆ! เขาอาศัยอะไรถึงฆ่าเย่ชิงเสได้?
สิ่งที่เย่ชิงขวงคิดถึงเป็อันดับแรกคือลุงสามผู้ที่มีลักษณะคล้ายกับปัญญาชนผู้มีความรู้คนนั้น ต้องมีแผนร้าย...จะต้องมีแผนร้ายอะไรซ่อนอยู่อย่างแน่นอน! ไม่ว่าเย่ชิงหานมีหรือไม่มีความกล้าที่จะฆ่าศิษย์สายในของตระกูล และถึงแม้จะมีความกล้า เขามีพลังฝีมือที่จะทำได้อย่างนั้นรึ? เย่ชิงเสพลังฝีมือระดับขั้นที่สองขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ หากรวมร่างกับสัตว์อสูรพลังฝีมือจะบรรลุถึงระดับขั้นที่สาม เย่ชิงหานฆ่าเขาได้? เขาอาศัยอะไร? อาศัยคุณสมบัติทางร่างกายขยะและพลังฝีมือระดับแรกขอบเขตขั้นสูงอย่างนั้นรึ?
จะต้องเป็เย่เชียงอย่างแน่นอนที่ส่งคนมาช่วยเหลืออย่างลับๆ โดยที่บ่าวรับใช้ของตนเองมองไม่เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่ชิงหานหลังจากฆ่าคนแล้วยังกล้าวางเพลิงอีก แม้จะเป็การจุดไฟเผาที่พักของตนเอง แต่ชัดเจนว่าอยากจะทำให้เื่ราวลุกลามใหญ่โตขึ้นเพื่อชักนำให้ท่านทั้งสามนั้นออกมา
เพียงไม่นานเย่ชิงขวงคิดอะไรได้มากมายถึง “เบื้องลึก” ที่ซ่อนอยู่ แม้จะเป็เพียงแค่สิ่งที่เขานึกคิดขึ้นเองจากการคาดคะเน แต่มันก็ดูสมเหตุสมผล เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงเรียกบ่าวรับใช้เข้ามาสั่งการแล้วรีบส่งออกไปทั้งหมดในทันที
เย่ชิงขวงส่งบ่าวรับใช้จำนวนหนึ่งตรงไปยังประตูทางทิศเหนือเพื่อแจ้งข่าวกับเสว่อู๋เหินว่าไม่จำเป็ต้องรอแล้ว พร้อมกับแสดงความเสียใจขอโทษที่ทำงานให้ไม่สำเร็จ บ่าวรับใช้อีกจำนวนหนึ่งส่งไปยังที่พักของเย่เจี้ยนแจ้งเื่ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นให้ทราบโดยไม่มีการปิดบังใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมทั้งบอกการคาดคะเนของเขาด้วยว่าอาจจะเป็แผนการแย่งชิงอำนาจของครอบครัวลูกคนที่สาม ซึ่งหากเป็เื่ใหญ่ขนาดนี้เขาไม่กล้ากระทำโดยพลการ บ่าวรับใช้ส่วนสุดท้ายถูกส่งไปยังหอผู้คุมกฎบอกให้เย่หรงนำกำลังคนมายังลานที่พักของตนเองเพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่นอกเหนือความคาดหมายที่จะเกิดขึ้น ดูสิว่าไอ้ขยะนั่นมันจะสามารถสร้างคลื่นั์อะไรให้โหมซัดสาดขึ้นมาภายในตระกูลเย่ได้บ้าง?
เมืองชาง ประตูทางทิศเหนือ
เสว่อู๋เหินนั่งรออยู่บนรถม้าที่หรูหราโอ่อ่าอย่างเงียบๆ ั้แ่เช้าตรู่ เขาทั้งตื่นเต้นทั้งกังวล มองดูพระอาทิตย์ที่ลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ทางด้านทิศตะวันออก อารมณ์ของเขาเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาทันที ใบหน้าที่หล่อเหลาเริ่มมีความโกรธ ความผิดหวัง จนเห็นได้ชัดถึงอาการบิดเบี้ยวขึ้นมา
ผู้เฒ่าม่อและผู้เฒ่าสือที่อยู่ข้างกายต่างก็ไม่กล้าเอื้อนเอ่ยสิ่งใด ทำเพียงแค่เปิดผ้าม่านออกมองออกไปดูอยู่เนืองๆ
“นายน้อย เกิดไฟไหม้ขึ้น ลานที่พักฝั่งตะวันออกเกิดไฟไหม้ขึ้นแล้ว”
ทันใดนั้นเองผู้เฒ่าสือมองเห็นลานที่พักฝั่งตะวันออกมีเปลวไฟและควันลอยพุ่งขึ้นมาจึงร้องออกมาด้วยความลืมตัว
เปรี๊ยะ!
เสว่อู๋เหินมองตามสายตาของผู้เฒ่าสือออกไป ใบหน้าที่บิดเบี้ยวนั้นพลันกลายเป็ดุร้ายขึ้นมา แก้วที่อยู่ในมือถูกบีบจนแหลกละเอียด จากนั้นหลับตาสูดลมหายใจลึกไปครั้งหนึ่งสีหน้าเริ่มกลับคืนสู่ปกติ จะมีก็เพียงแต่มือเท่านั้นที่ยังสั่นเทิ้มอยู่ซึ่งแสดงให้เห็นว่าภายในใจนั้นเดือดดาลมากมายเพียงใด
“ไม่ต้องรออีกต่อไปแล้ว กลับเมืองเพียวเสว่!”
ผ่านไปเนิ่นนานในที่สุดเสว่อู๋เหินก็สงบจิตใจลงได้ ทำท่าโบกมืออย่างคนไร้เรี่ยวแรงแล้วก็หลับตาลงไปอีกครั้ง
.................................
เย่เจี้ยนมีนิสัยชอบตื่นมาดื่มชาเป็ประจำทุกเช้า ตอนนี้เขานั่งจิบชาอยู่ที่ห้องของอนุภรรยาคนที่เก้า ชาเป็ชาชั้นดี คนชงชาก็งดงาม เมื่อวันก่อนเขาใช้ก้อนผลึกพลังงานม่วงร้อยก้อนซื้อตัวนางมาจากถนนหมายเลขสิบสาม นางเป็หญิงที่ขายเฉพาะแค่ศิลปะการแสดงที่ถูกจัดอยู่ในระดับราคาที่สูง
มองดูรอยยิ้มที่สวยงามหยาดเยิ้มราวกับเทพธิดาที่อยู่ตรงหน้า เย่เจี้ยนยิ้มออกมาเล็กน้อยกวักมือเรียกนางให้มานั่งลงบนขาอ่อนของตนเอง ภายในใจกลับรู้สึกทอดถอนใจออกมา
“หญิงที่ขายแต่ศิลปะการแสดง? เย่เตานะเย่เตา ในตอนนั้นหากเ้าไม่ดื้อรั้นจนเกินไปถึงตอนนี้จะเอาหญิงที่ขายศิลปะการแสดงสักเท่าใดก็ยังได้ เกิดเป็บุรุษทั้งทีทำไมต้องยืนอยู่บนต้นไม้เพียงต้นเดียวแถมยังผูกคอตายอยู่ข้างบนนั้นอีก!”
เย่เจี้ยนยื่นมืออกไปลอดผ่านชุดผ้าที่บางเบานั้น เริ่มเสพสุขกับความรู้สึกอันหอมหวานที่สาวงามที่อยู่ตรงหน้ามอบให้ ใครบอกว่าผู้ชายวัยทองกระบองจะไม่สู้?
ก๊อกๆ!
ในขณะที่เขากำลังจะเผด็จศึกอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็พลันดังขึ้น เขาร้องะโออกไปด้วยความเดือดดาลเป็อย่างมาก “มีเื่อะไร? ไม่รู้หรือว่าข้ากำลังจิบชาในยามเช้าอยู่?”
บ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านนอกรู้ดีว่าเขาชอบ “จิบชา” ยามเช้าเป็นิสัย เพียงแต่เื่ที่จะรายงานนั้นสำคัญเป็อย่างมากจึงไม่กล้าที่จะทนรออีกต่อไป “นายท่าน เกิดไฟไหม้ขึ้นลานที่พักฝั่งตะวันออก”
“เ้าไม่มีสมองบ้างรึอย่างไร? ไฟไหม้ก็ดับไฟสิจะมารายงานข้าอีกทำไม?” เย่เจี้ยนเมื่อได้ฟังเดือดดาลยิ่งขึ้นกว่าเดิม ไฟในกายของตนเองก็จะไหม้อยู่แล้วยังจะมีเวลาไปสนไฟที่ไหม้อยู่ทางตะวันออกอีกรึอย่างไร?
บ่าวรับใช้เห็นว่าความผิดจะตกมาอยู่ที่ตนเองจึงรีบอธิบายขึ้นอย่างรีบร้อนว่า “นายท่านได้โปรดระงับโทสะก่อน นายน้อยชิงขวงส่งคนมาแจ้งข่าวว่า ไฟไหม้ที่เกิดขึ้นด้านทิศตะวันออกเกี่ยวข้องกับฝั่งครอบครัวลูกคนที่สาม มีข่าวสำคัญจะรายงานให้นายท่านทราบ”
“ชิงขวง? น้องสาม? เรียกคนส่งข่าวเข้ามา” เย่เจี้ยนใช้สมองครุ่นคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วน อารมณ์กลับมาสงบราบเรียบดังเดิม หลังจากจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่จึงยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบอย่างจริงจังอีกครั้ง