หรงซิวมีเครือข่ายข้อมูลพิเศษ ยาชิงตรวจสอบผ่านทางนั้น ในเวลาอันสั้นเขาก็พบคนบงการที่อยู่เื้ั
เพียงแต่ว่าบุคคลนี้อยู่เหนือการคาดหมายของเขา
หลังจากที่หรงซิวถาม เขาพิจารณาซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากนั้นจึงรายงานชื่อออกไปจริงๆ
“รายงานฝ่าาพ่ะย่ะค่ะ หลังจากการตรวจสอบและยืนยันแล้ว หลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่พระชายาพ่ะย่ะค่ะ” ยาชิงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบ พูดพลางหยุดพลาง
บุรุษที่อยู่หลังโต๊ะ นั่งไขว่ห้าง มิได้ให้คำตอบใดๆ ทำให้เขาอดเงยหน้าขึ้นมองมิได้ มองเข้าไปในสายตาที่แน่นิ่ง
ยาชิงติดตามหรงซิวมาหลายปี เขาเข้าใจท่าทีนี้โดยธรรมชาติ
ใบหน้าของเขาบึ้งตึง ในใจจึงอดประหม่าไม่ได้
หรงซิวเปิดปาก “เ้าหมายถึงอวิ๋นอี้?”
“จากหลักฐานตอนนี้ ใช่พ่ะย่ะค่ะ” ยาชิงระวังคำพูดคำจาเป็พิเศษ เขาตอบอย่างระแวดระวัง
หรงซิวหัวเราะเบาๆ มุมปากกระตุก ทว่าหางตากลับตกลง เขาเปลี่ยนอิริยาบถ ดึงขายาวออกจากโต๊ะแล้วพูดอย่างเกียจคร้าน “ไปตรวจสอบใหม่”
ยาชิงงง “ข้าไม่เข้าใจ...”
“จะเป็นางได้อย่างไร?” หรงซิวไม่เชื่อ “นางมิได้โง่เช่นนั้น ข้าอยู่เรือลำเดียวกันกับนาง หากข้าพลิกคว่ำ นางก็อยู่ดีมิได้หรอก นางทำเช่นนี้จะได้กระไร? ให้ข้าแต่งสตรีอื่นเข้ามาขวางนางหรือ?”
ทุกอย่างในวังแพร่กระจายเร็วมาก พวกเขาอยู่ในวังต้องรู้อยู่แล้วไทเฮาเสนอให้หรงซิวอภิเษกกับหว่านฉือ
ยาชิงเม้มปาก ดึงสติกลับมา “เช่นนั้นข้าจะเริ่มตรวจสอบจากที่ใดก่อนเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”
หรงซิวใช้นิ้วเรียวเคาะบนโต๊ะเบาๆ จากนั้นหยุดแล้วลุกขึ้น ชุดยาวโบกปลิวขึ้นตามการเดินของเขา ตอนที่ผลักประตูออกไปข้างนอกพลันได้ทิ้งประโยคหนึ่งไว้
“ตรวจสอบจากฝั่งไทเฮา"
ยาชิงใ จากนั้นอยู่นานถึงได้พยักหน้าด้วยใบหน้าบึ้งตึง
ในเื่ข่าวลือนั้น หรงซิวเพิ่งเกิดความสงสัยหลังจากที่เข้าวัง ไทเฮาคิดจะหาคู่ให้เขาอยู่ตลอด มีความเป็ไปได้ที่นางจะทำเื่เช่นนี้
ส่วนหว่านฉือนั้น จริงๆ ก็น่าสงสัย แต่เขาจำความสัมพันธ์ของพวกเขาก่อนหน้านี้ได้ และรู้นิสัยของหว่านฉือดี เขาจึงตัดนางออกจากตัวเลือกไปทันที
ความหวังเดียวในตอนนี้คือ ยิ่งยาชิงตรวจสอบพบเร็วเท่าใด เขาจะได้รู้ว่าจะต้องจัดการอย่างไรต่อไป
หรงซิวมาถึงเรือน ตรงไปที่ห้อง ผลักประตูไปก็เห็นความว่างเปล่า เขาขมวดคิ้วทันที แล้วเรียกคนใช้มาถามว่า “พระชายาเล่า?”
“พระชายาเอกองค์รัชทายาทเสด็จมาพ่ะย่ะค่ะ พระชายาคุยกับพระชายาเอกอยู่ที่สวนดอกไม้โน่นน่ะพ่ะย่ะค่ะ”
หรงซิวถอนหายใจ นึกว่านางจะหนีอีกแล้ว!
มิได้หนีก็ดี
เขาหันตัวกลับ เดินไปที่สวนดอกไม้ ในขณะนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว โคมไฟใต้ชายคาของจวนสว่างขึ้นทีละดวง กลางคืนที่มีแสงสีแดงอบอุ่นพร่ามัวและเต็มไปด้วยอารมณ์
หรงซิวเห็นสตรีสองคนเดินตรงมาหาเขาภายใต้เงาไม้
เขาขมวดคิ้ว อวิ๋นอี้แลดูอารมณ์ไม่ดี จากนั้นจึงมองดูตู้ซือโหรว ใบหน้าของนางมีรอยยิ้มที่สุภาพจอมปลอม ทำให้เดามิได้ว่าพวกเขากำลังพูดกระไรกัน
การจ้องมองของหรงซิว ดึงดูดความสนใจของทั้งสอง
อวิ๋นอี้เงยหน้าขึ้นมองเขา มุมปากกระตุก ทำท่าทีทำความเคารพ "คารวะฝ่าาเพคะ!"
"......"
ต่อหน้าพระชายาองค์รัชทายาท หรงซิวอดกลั้นการดึงนางเข้ามาตีบั้นท้ายไว้ ฮึมฮัมเสียงอืมอย่างเคร่งขรึม “มิทราบเลยว่าพระชายาเอกทรงเสด็จมา...”
“ข้ามาหาพระชายาเพราะมีเื่ส่วนตัวจะพูดเพคะ องค์ชายมิต้องสุภาพหรอก เพลานี้ก็พูดกับจบแล้ว นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าไม่อยู่รบกวนเวลาสองสวามีชายาแล้วล่ะเพคะ ลาก่อนนะเพคะ” ตู้ซือโหรวพยักหน้าอย่างรู้การณ์
หรงซิวอวิ๋นอี้ส่งตู่ซือโหรวออกจากจวนไปด้วยตนเอง มองดูรถม้าออกไปแล้ว จึงหันกลับเข้าจวน
เดิมทีสตรีสาวเดินอยู่ใกล้กับเขา ทว่าหลังจากไม่กี่ก้าว นางก็เร่งฝีเท้าและพุ่งไปข้างหน้าด้วยอารมณ์บูดบึ้ง
หรงซิวขยับมุมปาก พูดไม่ออกสักพัก
เขารีบไล่ตามนางไป คว้าข้อมือนาง และดึงนางเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาด้วยความแรงเพียงเล็กน้อย
อวิ๋นอี้ผลักเขาออกมิได้ จ้องเขม็ง “หรงซิว!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เขาพูดอย่างสบาย แล้วก้มลงอุ้มสาวน้อย นางถูกเขาอุ้มเหมือนกระสอบ ถูกเขาพาเดินตรงไปในจวน
ระหว่างทางได้พบกับคนรับใช้หลายคน ซึ่งทุกคนก็พากันกลั้นยิ้มทั้งนั้น
อวิ๋นอี้กัดฟันและพูดต่อไม่หยุด “ฝ่าา! วางข้าลงนะเพคะ! ข้าไปทำกระไรให้! ฝ่าาทำข้าอับอายมาก!”
บุรุษที่อยู่ด้านล่างเดินอย่างมั่นคง เขากลัวว่าการกระแทกจะทำให้นางเจ็บตัวแล้วเอามือวางบนบั้นท้ายสวยของนาง
อวิ๋นอี้: “...โรคจิต!”
“ถ้าไม่อยู่นิ่งๆ มือนี้มิรู้จะไปวางลงที่ใดน้า" เขาพูดเบาๆ แววตามีแสงวาบ ไม่มีผู้ใดรู้
กลัวแล้ว กลัวแล้ว
หากเปรียบเทียบความไร้ยางอาย หรงซิวไม่เคยแพ้ผู้ใดเลยจริงๆ
ทั้งสองกลับเข้าห้องอย่างสนิมสนมกลมเกลียว เขาวางอวิ๋นอี้ลง สตรีตัวเล็กตีเขา ดวงตาของนางเบิกกว้างด้วยความโกรธ
หรงซิวหัวเราะ น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนมากขึ้น “พอแล้ว อย่าทะเลาะอีกเลย ตอนบ่ายข้ายังพูดไม่จบ เรามาต่อกันเถิด”
อวิ๋นอี้เห็นว่าเขาตั้งใจพูดขึ้นก่อนเอง ความโกรธในใจพลันลดลงแล้วครึ่งหนึ่ง นางนึกว่าเขาเข้าวังไป ได้ยินว่าต้องอภิเษกกับหว่านฉือคงจะดีใจจนมิรู้ทางกลับบ้านแล้ว!
มิคิดเลยว่าจะยังมีสติอยู่ ไม่เลวนี่
นางนั่งลง เก็บกลั้นอารมณ์ ดูเคร่งขรึมมาก "พูดเถิด เลือกข้าหรือว่าเลือกนางเพคะ"
"เ้าเป็ชายาข้า ต้องเลือกเ้าอยู่แล้วสิ" หรงซิวอยากจะจับมือนาง ทว่านางกลับหลบอย่างรวดเร็วแล้วถามว่า “ฝ่าามิต้องอภิเษกกับนางหรือเพคะ? อย่างไรก็เป็ความประสงค์องค์ไทเฮา กล้าขัดหรือเพคะ?”
อวิ๋นอี้พูดจบก็มุ่ยปาก แลดูไม่พอใจนัก
เมื่อค่ำตู้ซือโหรวมาพบนาง นำข่าวที่ไทเฮา้าให้หรงซิวอภิเษกกับหว่านฉือมาบอก ทำให้นางไม่สบายใจ
แม้ว่าตู้ซือโหรวจะปลอบโยนนางแล้ว ว่าเพลานี้พวกเขาแต่งกันมิได้ แต่นางมิได้รู้สึกสบายใจขึ้นเลย ทว่ากลับยิ่งปวดใจมากกว่า
เพลานี้แต่งมิได้ หมายความว่าไม่ช้าเร็วจะแต่งกันหรือ?
นางมิอยากจะคิดไปเรื่อย และไม่้าทำให้ตนเองหงุดหงิดและเศร้ามากขึ้น
หรงซิวไม่สนใจน้ำเสียงเสียดสีของนาง เพราะรู้ว่าสาวน้อยผู้นี้กำลังไม่สบายใจ เขาจึงพูดด้วยท่าทีดีขึ้นกว่าเดิม “เมียจ๋า ข้ายอมรับว่าข้าปกปิดเื่ความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างข้ากับหว่านฉือ มันเป็เพียงแค่ความหวั่นไหวในวัยเยาว์ ข้าปฏิเสธมิได้ เพราะเช่นนั้นจะเป็การไม่เคารพทั้งตัวข้าเองและนาง หากแต่ว่ามันได้เปลี่ยนผันไปตามกาลเวลา ภายหลังที่มีเ้าเข้ามา ข้าถึงได้รู้ว่ากระไรคือความรักที่แท้จริง"
อวิ๋นอี้มองเขาด้วยดวงตาสดใส ไม่เข้าใจ ทั้งสงสัย มองหาคำตอบ
เขาเอามือของนางวางบนริมฝีปากแล้วจูบ จากนั้นจึงพูดต่อ “เพราะเช่นนี้ ข้าถึงได้ปล่อยนางไปได้ และไล่ตามฟ้ากว้างของตนเอง ข้าเพียงแค่อยากจะกักเ้าไว้ข้างกาย อยู่กับข้า เฝ้าข้า ให้เ้าอยู่ในสายตาของข้าเสมอ พวกที่บอกว่าความรักคือการปล่อยวาง ข้ามิอยากจะฟังสักนิด ข้าเห็นแก่ตัว ข้าตระหนี่ อยากเ้า ทั้งกายและใจ ไม่เหลือที่ว่างให้ผู้ใด เมียจ๋า การที่ได้รักเ้า ได้มีความสุขไปกับเ้า เศร้าเพียงเพราะว่าเ้า เสียใจและทุกข์เพราะเ้าไม่สนใจข้า ใจข้าช่างทรมาน...”
คำพูดที่จริงใจของเขาและความรักของเขาที่แสดงออกผ่านทางสายตา ทำให้อวิ๋นอี้หน้าแดง
นางก้มมองรองเท้า นิ้วมือทั้งสองลูบกันไปมา เสียงพึมพำ "มิมีผู้ใดขอให้ท่านมารักข้านี่..."
"ทว่าหากมิได้รักเ้า มันทรมานเสียยิ่งกว่าตาย" เขาย่อตัวลงด้านหน้านาง และขยับใกล้เข้ามา ลมหายใจร้อนชื้นกระทบใบหน้าของนาง อวิ๋นอี้รู้สึกถึงความเร่าร้อน เมื่อนางเงยหน้าขึ้นยังไม่ทันตั้งตัว บุรุษหนุ่มพลันเอนไปข้างหน้าและขบริมฝีปากของนางเสียแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้